[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3576 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 357 หน้า, หน้าที่ 358 มี 6 รายการ

 
ยากำจัดโรคต้นแตก ยางไหล ใน แตงกวา โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ยากำจัดโรคต้นแตก ยางไหล ใน แตงกวา โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ยากำจัดโรคต้นแตก ยางไหล ใน แตงกวา โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่กำจัดโรคต้นแตก ยางไหล ในแตงกวา

แตงกวาไม่เพียงแต่เป็นผักยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งสารอาหารที่จำเป็นอีกด้วย อย่างไรก็ตามพวกมันมีความไวต่อโรคต่าง ๆ โดยโรคเหงือกที่เกิดจากเชื้อราเป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภค ในการแสวงหาวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติเพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ นักวิจัยได้พัฒนาสารต้านเชื้อราอินทรีย์ชื่อ IS ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ควบคุมและยับยั้งเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พืชแตงกวามีสุขภาพที่ดีขึ้นและผลิตผลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค

จากการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ประโยชน์จากพลังของส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมดเพื่อสร้าง IS สูตรของสารต้านเชื้อรานี้ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อคัดเลือกเป้าหมายและกำจัดเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคเหงือกในแตงกวา ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีฆ่าเชื้อราที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม IS ให้ทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืน

คุณสมบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งของ IS คือความสามารถในการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบของพืช ซึ่งสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบ IS ขัดขวางกระบวนการสำคัญที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา กลไกการทำงานนี้มีทั้งประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่เป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หรือทำลายสมดุลที่ละเอียดอ่อนของระบบนิเวศ

นอกจากนี้ IS ยังเพิ่มประสิทธิภาพโดยปรับปรุงการยึดเกาะกับผิวใบพืช คุณสมบัตินี้ช่วยให้สารต้านเชื้อราสร้างเกราะป้องกันที่ป้องกันไม่ให้สปอร์ของเชื้อราแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อพืช โดยยึดเกาะกับผิวใบได้ดีกว่า IS ให้การป้องกันการติดเชื้อราที่ยาวนาน ลดโอกาสในการเกิดโรคเหงือก และรักษาสุขภาพโดยรวมของต้นแตงกวา

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของ IS คือธรรมชาติอินทรีย์ มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด สารต้านเชื้อรานี้สอดคล้องกับหลักการของเกษตรกรรมยั่งยืน และลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายให้เหลือน้อยที่สุด เกษตรกรสามารถใช้ IS ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลตกค้างต่อแตงกวาหรือสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถเพลิดเพลินกับแตงกวาที่ปราศจากสารเคมีตกค้าง เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

IS ได้ผ่านการทดสอบและการทดลองอย่างเข้มงวดเพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย การศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง โดยมีอัตราการเกิดโรคเหงือกลดลงอย่างมากในต้นแตงกวาที่รักษาด้วย IS เกษตรกรที่รวมเอาสารต้านเชื้อราอินทรีย์นี้ไว้ในแนวปฏิบัติในการจัดการพืชผลของพวกเขาได้รายงานว่าพืชมีสุขภาพดีขึ้นและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำฟาร์มที่ยั่งยืนและให้ผลกำไรมากขึ้น

ด้วยการใช้พลังของการวิจัยและพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนา IS ให้เป็นวัตถุดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงในการต่อสู้กับการติดเชื้อราในแตงกวาได้สำเร็จ สารต้านเชื้อราอินทรีย์นี้ไม่เพียงควบคุมและยับยั้งเชื้อรา แต่ยังให้วิธีแก้ปัญหาที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภค ด้วยความสามารถในการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา เพิ่มการยึดเกาะ และส่งเสริมสุขภาพของพืชโดยรวม IS กำลังปฏิวัติการต่อสู้กับโรคต้นแตก ยางไหลในแตงกวา พร้อมรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
ยากำจัดโรคราสนิม ในผักบุ้ง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ยากำจัดโรคราสนิม ในผักบุ้ง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ยากำจัดโรคราสนิม ในผักบุ้ง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์สำหรับโรคราสนิมในผักบุ้ง

โรคราสนิมสามารถสร้างความหายนะให้กับต้นผักบุ้ง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพโดยรวม มีการใช้สารเคมีต้านเชื้อราแบบดั้งเดิมเพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ แต่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ได้กระตุ้นให้นักวิจัยสำรวจทางเลือกจากธรรมชาติ ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม วิธีแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้เกิดขึ้น: IS สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด

IS ย่อมาจาก "Inhibition and Control of Surface Fungi" ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อต่อสู้กับโรคราสนิมในพืชผักบุ้ง โดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของผู้ใช้ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง IS ควบคุมสภาพแวดล้อมบนพื้นผิวของใบพืช สร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ IS คือประสิทธิภาพสูงในการดับโรคราสนิม ผ่านการคัดสรรและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน มันถูกปรับแต่งให้เหมาะกับเชื้อราเฉพาะที่เป็นสาเหตุของโรคราสนิมในพืชผักบุ้ง สูตรของมันทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งที่มีศักยภาพ ป้องกันการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา ช่วยในการฟื้นตัวและปกป้องพืชในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ IS ยังเพิ่มประสิทธิภาพโดยปรับปรุงการยึดเกาะกับพื้นผิวใบของพืช คุณลักษณะเฉพาะนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าสารต้านเชื้อราจะคงอยู่และมีผลต่อเนื่องยาวนาน โดยยึดเกาะกับพื้นผิวพืชได้ดียิ่งขึ้น IS รักษาเกราะป้องกันที่ป้องกันเชื้อราไม่ให้เกาะกินใบ ทำให้ป้องกันโรคราสนิมได้ยาวนาน

ข้อกังวลหลักประการหนึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรคือความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ IS จัดการกับข้อกังวลนี้โดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ปราศจากสารเคมีอันตรายและสารปรุงแต่งสังเคราะห์ องค์ประกอบอินทรีย์ช่วยให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยในการจัดการ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเกษตรกร ชาวสวน และผู้ใช้รายอื่น

นอกจากนี้ IS ยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของพืชผักบุ้ง ด้วยการควบคุมและยับยั้งเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคราสนิม จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้โดยไม่มีอุปสรรคต่อการติดเชื้อรา สิ่งนี้ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่แข็งแรง เพิ่มการผลิตดอกไม้ และใบที่แข็งแรงขึ้น

การใช้ IS ยังสอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปฏิบัติทางการเกษตรอินทรีย์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งเป็นสารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อระบบนิเวศและสุขภาพของมนุษย์ ด้วยการนำเสนอทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ IS มีส่วนช่วยในการเกษตรแบบยั่งยืนและสนับสนุนการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

โดยสรุป IS เป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์สูตรเฉพาะเพื่อต่อสู้กับโรคราสนิมในพืชผักบุ้งจีน การพัฒนาผ่านการวิจัยอย่างกว้างขวางและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้มั่นใจได้ว่ามีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งและควบคุมเชื้อรา ในขณะที่สร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ด้วยการยึดเกาะที่ดีขึ้นกับพื้นผิวใบพืช IS ให้การปกป้องที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้โดยมาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด เมื่อเลือก IS เกษตรกรและชาวสวนสามารถต่อสู้กับโรคราสนิมในพืชผักบุ้งจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมแนวทางการทำการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
ยากำจัดโรคราน้ำค้าง ใน ฟักทอง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ยากำจัดโรคราน้ำค้าง ใน ฟักทอง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ยากำจัดโรคราน้ำค้าง ใน ฟักทอง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
ฟักทองไม่เพียงแต่นำมาแกะสลักและตกแต่งให้สวยงามในช่วงวันฮัลโลวีนเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนประกอบที่อร่อยในอาหารต่างๆ อย่างไรก็ตาม การเจริญเติบโตของเชื้อราและโรคราน้ำค้างบนพื้นผิวฟักทองอาจเป็นความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งนำไปสู่การเน่าเสียและอายุการเก็บรักษาที่ลดลง เพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ การวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวางทำให้เกิด IS ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่ได้จากส่วนผสมจากธรรมชาติ โซลูชันที่ปฏิวัติวงการนี้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและโรคราน้ำค้างบนฟักทองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้

เทคโนโลยีล้ำสมัย

IS คือผลลัพธ์ของเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มุ่งคัดเลือกสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา จากการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมบนพื้นผิวของใบฟักทองที่ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา

เพิ่มการยึดเกาะและประสิทธิภาพ

คุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ IS คือความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวของใบฟักทองได้ดีกว่า ลักษณะเฉพาะนี้ช่วยให้ชั้นป้องกันมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น เพิ่มการป้องกันเชื้อราและโรคราน้ำค้าง การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของสารอินทรีย์ แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราอีกด้วย

ส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อการแก้ปัญหาที่ปลอดภัย

IS ทำให้ตัวเองแตกต่างจากสารต่อต้านเชื้อราทั่วไปโดยอาศัยส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมดเพียงอย่างเดียว องค์ประกอบของ IS ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของธรรมชาติ ในขณะที่ลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้หรือสิ่งแวดล้อม ด้วยการหลีกเลี่ยงสารเคมีสังเคราะห์และสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย IS ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้กับพื้นผิวฟักทองได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์หรือระบบนิเวศโดยรวม

แนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้แล้ว IS ยังใช้วิธีการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการจัดการกับเชื้อราและโรคราน้ำค้าง การใช้ส่วนผสมอินทรีย์ช่วยลดการปล่อยสารอันตรายสู่สิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศที่อาจเกิดขึ้น โซลูชันที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนี้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมต่างๆ

การประยุกต์ใช้และประสิทธิผล

การนำระบบ IS ไปใช้กับต้นฟักทองเป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนซึ่งสามารถรวมเข้ากับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย สารนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเกราะป้องกันบนพื้นผิวของใบ ป้องกันการเพิ่มจำนวนของเชื้อราและสปอร์ของโรคราน้ำค้าง ผลที่ตามมาคือ ผู้ปลูกฟักทองสามารถคาดหวังว่าการเจริญเติบโตของเชื้อราจะลดลงอย่างมาก และคุณภาพและอายุการเก็บของผลผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

บทสรุป

IS แสดงถึงความก้าวหน้าในการควบคุมและยับยั้งเชื้อราและโรคราน้ำค้างในฟักทอง ด้วยการใช้พลังของส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ สารอินทรีย์นี้นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมการเกษตร ด้วย IS เกษตรกรและผู้ปลูกสามารถปกป้องพืชฟักทองของพวกเขา ยืดอายุการเก็บรักษา และส่งมอบผลผลิตคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภค การยอมรับแนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่าฟักทองจะคงความสด ดีต่อสุขภาพ และปราศจากเชื้อรา ช่วยเพิ่มทั้งประสบการณ์การทำอาหารของเราและความยั่งยืนโดยรวมของการผลิตฟักทอง

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับต้นพุทรา: วิธีการและสูตรที่เหมาะสม
การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับต้นพุทรา: วิธีการและสูตรที่เหมาะสม
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบที่ใช้สำหรับต้นพุทราและประกอบด้วยไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แมกนีเซียม (Mg) สังกะสี (Zn) และสารลดแรงตึงผิว
อาจจะมีสูตรเป็นดังนี้:

ไนโตรเจน (N): ช่วยในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและการสะสมสารอาหาร สามารถใช้ปุ๋ยไนโตรเจนที่มีสูตรต่าง ๆ ได้ เช่น ปุ๋ยยูเรีย หรือปุ๋ยไนเตรท

ฟอสฟอรัส (P): เป็นสารสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาระบบราก และส่งเสริมการตระแกรงดอกและผล

โพแทสเซียม (K): ช่วยในการพัฒนาดอกและผล และเพิ่มความทนทานต่อโรคและแมลง

แมกนีเซียม (Mg): เป็นสารที่สำคัญในกระบวนการสังเคราะห์แสง และช่วยในการป้องกันการเกิดโรคใบจุดสีน้ำตาล เช่น ปุ๋ยมากนีเซียมซัลเฟต

สังกะสี (Zn): เป็นองค์ประกอบของการสังเคราะห์ฮอร์โมนและเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเจริญเติบโตของพืช สามารถใช้ปุ๋ยสังกะสีได้

สารลดแรงตึงผิว: สารนี้ช่วยในการลดแรงตึงผิวของใบพืช ทำให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบทำงานได้ดีขึ้น สารลดแรงตึงผิวที่ใช้บ่อยมีเช่น สารเอทิลีน หรือสารที่ช่วยในการกระตุ้นการดูดซึมของปุ๋ย

คำแนะนำ: การใช้ปุ๋ยควรปรับสูตรและปริมาณตามความต้องการของพืชและเนื้อดินที่ปลูก ควรทดลองใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบในพื้นที่น้อยก่อนเพื่อประเมินผลและป้องกันการเกิดพิษต่อพืช

.
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่น ต้นพุทรา ผลใหญ่ ดกเต็มต้น น้ำหนักดี ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4 เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่นพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ปุ๋ย FK-1 ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.
อ่าน:3451
การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับส้มโอ เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโต
การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับส้มโอ เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโต
การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการให้ธาตุอาหารที่สำคัญแก่พืชโดยตรงผ่านทางใบ ซึ่งทำให้พืชสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้เร็วขึ้น
ในกรณีของส้มโอ การให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสามารถช่วยให้ส้มโอได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและผลิตผลมากขึ้นได้
นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความแข็งแรงของพืชในการต่อต้านโรคและแมลงได้ด้วย

การปุ๋ยฉีดพ่นทางใบที่ใช้กับส้มโอ มีหลายประเภทและสูตร ซึ่งควรเลือกใช้ตามความต้องการของพืชและขึ้นอยู่กับสภาพดินและสภาพอากาศในพื้นที่ที่ปลูกด้วย

การให้ปุ๋ยฉีดทางใบควรทำในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงแดดแรงมาก เช่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับการระเหยของน้ำฝนหรือแสงแดดที่จะทำให้ปุ๋ยไม่ได้รับธาตุอาหารได้เต็มที่

นอกจากนี้ควรควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตหรือผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตรในพื้นที่ของคุณด้วย

FK-1 เป็นปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ที่ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอสรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซิงค์ และมีสารจับใบในตัว
FK-1 ใช้ได้กับส้มโอ และใช้ได้กับพืชทุกชนิดเช่นกัน

สั่งซื้อ FK-1 ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link..
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3451
ปุ๋ย FK-T ธรรมชาตินิยม ฟื้นฟู โตไว แข็งแรง ออกดอก ติดผล ใช้ได้ปลอดภัย สำหรับไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน
ปุ๋ย FK-T ธรรมชาตินิยม ฟื้นฟู โตไว แข็งแรง ออกดอก ติดผล ใช้ได้ปลอดภัย สำหรับไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน
ปุ๋ย FK-T ธรรมชาตินิยม ฟื้นฟู โตไว แข็งแรง ออกดอก ติดผล ใช้ได้ปลอดภัย สำหรับไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน
ในโลกของการทำสวน พืชสวน และเกษตรกรรม สุขภาพและความมีชีวิตชีวาของพืชมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสมและการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าพืชได้รับสารอาหารที่จำเป็นตามที่ต้องการ FK-T Naturalism ได้กลายเป็นโซลูชันที่ปฏิวัติวงการสำหรับการฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของพืช บทความนี้เจาะลึกถึงลักษณะเฉพาะของ FK-T Naturalism โดยเน้นคุณสมบัติที่เติบโตเร็วและแข็งแรง ความสามารถในการส่งเสริมการออกดอกและติดผล และความปลอดภัยในการใช้กับพืชประเภทต่างๆ รวมถึงไม้ดอก ไม้ประดับ สวนครัว พืชไร่และพืชสวน นอกจากนี้ เราจะสำรวจวิธีที่ FK-T Naturalism จัดการกับข้อบกพร่องทั่วไป เช่น แคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งช่วยเสริมสุขภาพพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พลังของ FK-T Naturalism

FK-T Naturalism โดดเด่นกว่าปุ๋ยทั่วไปและการบำบัดพืชเนื่องจากสูตรขั้นสูงและวิธีการทางธรรมชาติ วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อเติมเต็มและเพิ่มระดับธาตุอาหารในดิน ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชอย่างแข็งแรง และรับประกันสารอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพืช มาสำรวจคุณสมบัติหลักบางประการ:

คุณสมบัติเติบโตเร็วและแข็งแรง: FK-T Naturalism เป็นสูตรพิเศษเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืช การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของสารประกอบอินทรีย์และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา กระตุ้นการพัฒนาของราก และเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหาร ส่งผลให้พืชแข็งแรงขึ้น แข็งแรงขึ้น มีความทนทานต่อโรคและปัจจัยกดดันจากสิ่งแวดล้อม

การตั้งค่าการออกดอกและผลไม้: FK-T Naturalism ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการออกดอกและปรับปรุงการตั้งค่าผลไม้ ด้วยการจัดการกับการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคลเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาของดอกไม้และผลที่เหมาะสม FK-T Naturalism ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการผลิดอกออกผลที่อุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์

ปลอดภัยสำหรับพืชหลากหลายชนิด: หนึ่งในข้อดีที่โดดเด่นของ FK-T Naturalism คือความเข้ากันได้กับพืชหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าคุณจะมีพืชดอกไม้ที่สวยงาม ไม้ประดับ สวนครัวที่เฟื่องฟู หรือคุณเพาะปลูกพืชไร่หรือพืชสวน FK-T Naturalism สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในโดเมนทั้งหมดเหล่านี้ องค์ประกอบตามธรรมชาติช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อพืชหรือสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับชาวสวนและเกษตรกร

การแก้ไขข้อบกพร่องทั่วไป

FK-T Naturalism เก่งในการจัดการกับข้อบกพร่องที่มักส่งผลต่อสุขภาพของพืช นี่คือวิธีการจัดการกับการขาดสารอาหารที่สำคัญสามประการ:

ขาดแคลเซียม: แคลเซียมมีความสำคัญต่อการพัฒนาผนังเซลล์ โครงสร้างโดยรวมของพืช และการขนส่งสารอาหารภายในพืช FK-T Naturalism ประกอบด้วยสูตรแคลเซียมที่สมดุลซึ่งช่วยให้พืชได้รับสารอาหารที่จำเป็นนี้อย่างเพียงพอ สิ่งนี้ช่วยในการป้องกันการเน่าของดอกในมะเขือเทศ ปรับปรุงการเจริญเติบโตของราก และเสริมสร้างเนื้อเยื่อพืช

ขาดธาตุแมกนีเซียม: แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการผลิตคลอโรฟิลล์และการถ่ายเทพลังงานภายในพืช FK-T Naturalism ให้พืชมีแหล่งธาตุแมกนีเซียมที่หาได้ง่าย จัดการข้อบกพร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการพัฒนาใบที่สมบูรณ์และใบสีเขียวสดใส

การขาดสังกะสี: สังกะสีเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นสำหรับปฏิกิริยาของเอนไซม์ต่างๆ ในพืช FK-T Naturalism ประกอบด้วยสังกะสีในรูปคีเลต ช่วยให้พืชดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น ด้วยการเสริมระดับสังกะสี FK-T Naturalism ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตแคระแกรน คลอโรซีส และผลผลิตที่ลดลงในพืชผล

บทสรุป

FK-T Naturalism แสดงถึงความก้าวหน้าในการฟื้นฟูและการเจริญเติบโตของพืช นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับพืชหลากหลายประเภท คุณสมบัติที่เติบโตเร็วและแข็งแกร่ง ความสามารถในการส่งเสริมการออกดอกและติดผล และสูตรเฉพาะเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทั่วไปทำให้เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับชุดเครื่องมือสำหรับนักจัดสวน ด้วยการใช้พลังของ FK-T Naturalism ชาวสวน ชาวสวน และเกษตรกรสามารถปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของพืช ส่งเสริมการเติบโตอย่างแข็งแรง และเก็บเกี่ยวผลตอบแทนมากมาย

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
โรคเชื้อราในต้นแคคตัส: วิธีป้องกันและการรักษา
โรคเชื้อราในต้นแคคตัส: วิธีป้องกันและการรักษา
โรคเชื้อราในต้นแคคตัสเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในสวนผักหรือที่ปลูกแคคตัส และมักเกิดจากเชื้อราที่อาศัยอยู่ในดินหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง โรคเชื้อราสามารถทำให้ใบแคคตัสเหลือง เป็นจุดดำ หรือทำให้ต้นแคคตัสทรุดตัวลงได้ นอกจากนี้ การต่อสู้กับโรคเชื้อราในต้นแคคตัสมีหลายวิธีดังนี้:

การเลือกพันธุ์ที่ทนทาน: ค้นหาพันธุ์แคคตัสที่มีความทนทานต่อโรคเชื้อราเป็นพิเศษ เลือกพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์เพื่อความทนทานต่อโรคต่าง ๆ

การจัดการดิน: รักษาความสะอาดของดินและในพื้นที่ปลูก ลดการเกิดโรคเชื้อราได้โดยการลดความชื้นในดินและเพิ่มการถ่ายเทความร้อน

การให้น้ำ: รักษาการให้น้ำให้เหมาะสม เพราะการรดน้ำมากเกินไปอาจทำให้ดินมีความชื้นสูงและเป็นที่อยู่ของเชื้อรา

การให้ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยที่มีส่วนผสมที่สมบูรณ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับต้นแคคตัส

การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช (Fungicides): หากมีการระบาดของโรคเชื้อรา การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพต่อเชื้อราที่เป็นปัญหาสามารถช่วยควบคุมโรคได้

การหมั่นตรวจสอบและกำจัดต้นที่เป็นโรค: หากพบต้นแคคตัสที่เป็นโรคเชื้อรา ควรถอนต้นนั้นออกจากแปลงปลูกเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

การดูแลและควบคุมโรคเชื้อราในต้นแคคตัสต้องการการจัดการที่รอบคอบและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและรักษาแปลงปลูกให้สมบูรณ์แข็งแรง.

.
ไอเอส เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด โรคแคคตัส จากเชื้อราหลายชนิด
ไอเอส สามารถป้องกันกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอเอส ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.
อ่าน:3451
ปุ๋ยสำหรับแตงกวา และพืชตระกูลแตง ปุ๋ยเร่งโต ยาแก้เพลี้ย ยากำจัดหนอน #ปุ๋ยแตงกวา #ยาแตงกวา



ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุเสริม ยารักษาโรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ยากำจัดเพลี้ย ยากำจัดหนอน

http://www.farmkaset..link..

ปลูกน้อย เลือก
FKธรรมชาตินิยม : ปุ๋ยสำหรับไม้ดอก ไม้ประดับ พืชพักสวนครัว สำหรับท่านที่ปลูกน้อย
อัตราผสม 1 ฝา ต่อน้ำ 1 ลิตร
ราคา 490 บาท บรรจุ 250 ซีซี

ปลูกเยอะ เลือก
FK-1 : ปุ๋ยสำหรับ พืชไร่ พืชสวน ไม้ยืนต้น ไม้ผล หรือสำหรับท่านที่ปลูกพืชเยอะ ทำแปลงเพาะชำ หรือขายพันธุ์ไม้
อัตราผสม แกะกล่องมามีสองถุง ต้องใช้พร้อมกัน ถุงละ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ราคา 890 บาท บรรจุ 2 กิโลกรัม

ไอเอส : ยับยั้งโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ เช่น โรคใบไหม้ ราสนิม ราน้ำค้าง ใบจุดสีน้ำตาล ราดำ ราเขม่าผง
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ราคา 450 บาท บรรจุ 1 ลิตร

มาคา : ป้องกัน กำจัด เพลี้ยต่างๆ เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดด แมลงหวีขาว
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ราคา 470 บาท บรรจุ 1 ลิตร

ไอกี้-บีที : ป้องกันกำจัดหนอนต่างๆ เช่น หนอนชอนใบ หนอนเจาะผล หนอนคืบ หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนแมลงวัน
อัตราผสม 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ราคา 490 บาท บรรจุ 500 กรัม


สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..
ข้าววัชพืช ป้องกัน กำจัด ลดปริมาณ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว
ข้าววัชพืช ป้องกัน กำจัด ลดปริมาณ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว
ข้าววัชพืช ป้องกัน กำจัด ลดปริมาณ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว
1. ข้าววัชพืช คืออะไร ต่างกับข้าวทั่วไปอย่างไร

ข้าวที่ชาวนาใช้ปลูกทั่วไป มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oryza sativa L. ใช้ปลูกในประเทศไทยมากกว่า 100 พันธุ์ เรียกในที่นี้ว่าข้าวปลูก เป็นพันธุ์ข้าวที่ถูกคัดเลือกให้มีลักษณะที่ต้องการเช่นผลผลิตสูง ข้าวสารมีสีขาว ใส คุณภาพหุงต้มนุ่มและหอม ไปจนถึงร่วนแข็ง ต้านทานต่อโรคหรือแมลงที่สำคัญ ข้าวพันธุ์หนึ่งจะมีลักษณะทางการเกษตรต่างๆ เหมือนกันและคงตัว คือในพันธุ์เดียวกันจะมีลักษณะ สีใบ ทรงกอ ความสูง การออกรวง สีเปลือก สีข้าวกล้อง เหมือนกันและคงตัว และทุกพันธุ์จะมีลักษณะสำคัญคือเมล็ดจะสุกแก่ใกล้เคียงกันคือหลังบานดอกแล้วประมาณ 28-30 วัน พร้อมที่จะถูกเก็บเกี่ยวและถูกนวดให้หลุดจากรวง คือจะไม่สุกแก่ก่อนเวลาไม่หลุดร่วงเองได้ง่ายๆ และข้าวเปลือกจะไม่มีหางหรือถ้ามีก็จะสั้นมาก

ข้าวป่าเป็นบรรพบุรุษของข้าวที่ใช้ปลูกในปัจจุบัน เป็นข้าวอีกชนิดหนึ่งที่มีตามธรรมชาติทั้งในที่ลุ่มลึกและบนที่ดอน ข้าวป่ามีหลายชนิดและที่มีความสำคัญและคาดว่าจะเป็นเชื้อพันธุ์ของข้าววัชพืชมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oryza rufipogon Griff. ข้าวป่าแม้จะสามารถแบ่งเป็นหลายชนิด ในแต่ละชนิดจะมีหลายลักษณะ แต่มีลักษณะสำคัญหลายประการที่มีในข้าวป่าทุกชนิดคือ เมล็ดในรวงเดียวกันสุกแก่ไม่พร้อมกันตั้งแต่ 9-30 วัน เมื่อสุกแก่ก็จะหลุดร่วงได้เอง เมล็ดมีระยะพักตัวหลากหลายตั้งแต่ไม่มีระยะพักตัวไปจนถึงระยะพักตัวหลายปี เมล็ดข้าวเปลือกและข้าวกล้องของข้าวป่าจะมีหลากหลายสี เมล็ดอาจมีหางยาวมากกว่า 10 เท่าตัวของเมล็ด และมีหลายสี

“ข้าววัชพืช” มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า weedy rice เป็นวัชพืชชนิดหนึ่งที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงในนาภาคกลางจนถึงภาคเหนือตอนล่าง มีลักษณะเหมือนต้นข้าวจนแยกไม่ออกในระยะกล้า มีชื่อเรียกต่างๆกันไปในแต่ละท้องถิ่นตามลักษณะของข้าววัชพืชที่ปรากฏเช่น ข้าวหาง เนื่องเมล็ดมีหางยาว ข้าวดีด ข้าวเด้ง เนื่องจากเมื่อเมล็ดแก่ และถูกลมพัดหรือคนไปสัมผัส เมล็ดจะร่วง ข้าวลาย เนื่องเมล็ดมีเปลือกลาย ข้าวแดง เนื่องจากเมื่อแกะเมล็ดจะพบว่าเมล็ดข้าวกล้องมีสีแดง ดาวกระจาย เนื่องจากลักษณะรวงจะกางออกและเมื่อเมล็ดแก่จะร่วงและกระจายไปรอบๆ เป็นต้น เคยระบาดในประเทศไทยที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี และพิษณุโลกในปี 2518 ความเสียหายที่จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ผลผลิตลดลงมากกว่า 80% แต่ก็มีการจัดการได้ซึ่งสมัยนั้นโดยการเผาฟาง เปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ การเขตกรรมโดยการไถล่อข้าววัชพืชหลายครั้ง เนื่องจากชาวนายังทำนาปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และพบการระบาดรุนแรงอีกครั้งเมื่อปี 2544 ที่จังหวัดกาญจนบุรี จนถึงปัจจุบัน ข้าววัชพืชขยายวงกว้างของการระบาดออกไปเรื่อย ๆ จากการสำรวจข้อมูลการระบาดของข้าววัชพืชในฤดูนาปี 2550 พบการระบาดในพื้นที่นาของประเทศไทยถึง 19.2 ล้านไร่

2. ข้าววัชพืชเกิดขึ้นได้อย่างไร

จากการศึกษาของหลายหน่วยงานพบว่า ข้าววัชพืชเกิดจากการผสมข้ามระหว่างข้าวป่าธรรมชาติ
(O. rufipogon L.) กับข้าวปลูก และมีการกระจายตัวของลูกหลานออกเป็นหลายลักษณะ โดยอัตราการผสมข้ามระหว่างข้าวปลูกกับข้าวป่า และระหว่างข้าวปลูกกับข้าววัชพืช ลูกผสมที่กระจายตัวและเจริญแพร่พันธุ์ในแปลงปลูกมีลักษณะส่วนใหญ่ไม่เป็นที่ต้องการของชาวนา

3. การจำแนกข้าววัชพืช
สามารถจำแนกตามลักษณะภายนอกของข้าววัชพืชได้เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้

ข้าวหางหรือข้าวนก
คือข้าววัชพืชที่มีลักษณะเมล็ดข้าวเปลือกสีดำหรือสึน้ำตาลเข้ม มีหางยาว หางอาจจะมีสีแดงหรือขาวในระยะข้าวยังสด เมล็ดร่วงก่อนเก็บเกี่ยว สีของเยื่อหุ้มเมล็ดมีทั้งแดงไปจนถึงขาว

ข้าวแดงหรือข้าวลาย
คือข้าววัชพืชที่มีลักษณะสีข้าวเปลือกมักมีสีเข้มไปจนถึงลายสีน้ำตาลแดง เมล็ดข้าวเปลือกส่วนใหญ่ไม่มีหาง เมล็ดมีทั้งร่วงและไม่ร่วงก่อนเก็บเกี่ยว แต่สีของเยื่อหุ้มเมล็ดส่วนใหญ่มีสีแดง

ข้าวดีดหรือข้าวเด้ง
คือข้าววัชพืชที่มีลักษณะร่วงง่ายและร่วงเร็วโดยทยอยร่วงตั้งแต่หลังบานดอก 9 วันเป็นต้นไป เมล็ดข้าวเปลือกส่วนใหญ่มีหางสั้นหรือไม่มีหาง ข้าวเปลือกส่วนใหญ่มีสีเหลืองฟาง สีของเยื่อหุ้มเมล็ดมีทั้งแดงและขาว

4. สาเหตุการแพร่ระบาดของข้าววัชพืช
การแพร่ระบาดของข้าววัชพืช มาจากสาเหตุ 5 ประการ คือ

4.1 ติดมากับเมล็ดพันธุ์ข้าวเนื่องจากเกษตรกรใช้พันธุ์ข้าวจากแหล่งไม่มีคุณภาพ ในรอบ 1 ปี ชาวนามีความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวประมาณกว่า 1 ล้านตัน แต่หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ได้มาตรฐานได้ไม่เกิน 15 % ของความต้องการของชาวนาเท่านั้น อีก 85 % ชาวนาจำเป็นต้องเสี่ยงในการหาซื้อเมล็ดพันธุ์เองตามร้านค้าและแหล่งผลิตเอกชน ซึ่งอาจจะไม่ได้มาตรฐานและมีเมล็ดข้าววัชพืชติดมาด้วย

4.2 ติดมากับอุปกรณ์ในการทำนา เครื่องมือเตรียมดิน_ เก็บเกี่ยวหรือภาชนะบรรจุข้าว โดยเฉพาะรถเกี่ยวนวดข้าว เมื่อไปเกี่ยวข้าวในแปลงที่มีการระบาดของข้าววัชพืชรุนแรง เมล็ดข้าวที่ติดมากับรถเกี่ยวนวด มีจำนวนประมาณ 2-5 ถัง ซึ่งมีโอกาสที่เมล็ดข้าววัชพืชติดมาด้วย และมาร่วงหล่นในนาแปลงใหม่ที่รถเกี่ยวนวดข้าวลงทำงาน

4.3 ติดมากับปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ที่ผลิตจากวัสดุที่ได้มาจากนาข้าว เช่น ฟาง แกลบ ขี้เถ้าแกลบ หน้าดินผสมจากท้องนา ซึ่งเมล็ดข้าววัชพืชมีคุณสมบัติอยู่ได้นานในสภาพต่าง ๆ

4.4 การแพร่ไปกับน้ำ ในระบบชลประทาน (ข้าวหาง ข้าวครึ่งเมล็ด) ลอยไปกับน้ำลงสู่แปลงนาได้

4.5 ติดไปกับอาหารเสริมของเป็ดที่ปล่อยในนาข้าว ส่วนใหญ่เป็นข้าวเปลือกที่มีราคาถูก มีสิ่งเจือปน

5. ลักษณะของข้าววัชพืชที่ทำให้เป็นปัญหาร้ายแรง
ดังได้กล่าวมาแล้วว่าข้าววัชพืชมีลักษณะต่างๆที่คล้ายหรือแตกต่างกับข้าวปลูกอย่างไรบ้าง แต่ลักษณะสำคัญที่ทำให้ข้าววัชพืชเป็นวัชพืชร้ายแรง ดังนี้

5.1 ข้าววัชพืชมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว มีความสามารถในการแข่งขันได้ดีกว่าข้าวปลูก ข้าววัชพืชอาจมีความสูงมากกว่าข้าว จึงมีความสามารถในการแก่งแย่งธาตุอาหารและแสงแดดมากกว่าข้าว ข้าววัชพืชที่ต้นสูงจะล้มทับข้าวในระยะออกรวงทำให้ต้นข้าวปลูกเสียหาย

5.2 ข้าววัชพืชบางชนิดออกดอกเร็วกว่าข้าวปลูกและเมล็ดส่วนใหญ่ร่วงก่อน จึงไม่ถูกเก็บเกี่ยวไปพร้อมกับข้าวปลูก ทำให้มีเมล็ดสะสมอยู่ในแปลงนา ซึ่งจะเพิ่มความหนาแน่นมากขึ้นในฤดูต่อไป

5.3 เมล็ดข้าววัชพืชที่ร่วงสะสมอยู่ในนามีระยะพักตัวหลากหลาย จึงไม่ได้งอกพร้อมกันทั้งหมด ทำให้ยากต่อการกำจัด

5.4 เมล็ดส่วนใหญ่ร่วงก่อนเก็บเกี่ยว จึงไม่ถูกเก็บเกี่ยวไปพร้อมกับข้าวปลูก ทำให้ผลผลิตข้าวลดลงได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์

5.5 เมล็ดข้าววัชพืชที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงปะปนไปกับผลผลิตข้าว ทำให้ถูกตัดราคา

6. การป้องกันปัญหาข้าววัชพืช
แม้ว่าข้าววัชพืชจะเกิดจากการผสมข้ามระหว่างข้าวปลูกกับข้าวป่าก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย ดังนั้นการป้องกันเมล็ดข้าววัชพืชจากแหล่งที่มีการระบาดแล้วไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาในแปลงนาที่ยังไม่มีการปลอมปน และเพื่อไม่ให้เผชิญกับปัญหาข้าววัชพืช ดังนั้นชาวนาสามารถทำการป้องกันปัญหาข้าววัชพืชได้โดย

6.1 การเลือกใช้เมล็ดพันธุ์มาตรฐานไม่มีข้าววัชพืชปลอมปน

6.2 ทำความสะอาดเครื่องจักรกลเกษตรก่อนการทำงานในแปลงทุกครั้ง

6.3 การใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ ที่ไม่นำวัสดุจากนาข้าวมาผลิต หรือต้องมั่นใจว่าไม่มีข้าววัชพืชปนมา

6.4 น้ำชลประทานที่ผ่านท้องที่ที่มีการระบาดของข้าววัชพืช อาจมีเมล็ดข้าววัชพืชลอยมากับน้ำได้ การใช้ตาข่ายกั้นทางน้ำก็จะป้องกันข้าววัชพืชได้

7. การกำจัดข้าววัชพืชโดยวิธีเขตกรรม
การผสมผสานหลายวิธีการในทุกขั้นตอนของการทำนาดังต่อไปนี้ จะช่วยแก้ปัญหาข้าววัชพืชได้ไม่ต้องพึ่งพาสารกำจัดวัชพืชหรือสารเคมีใดๆ

7.1 การกำจัดเมล็ดข้าววัชพืชโดยล่อให้งอกแล้วไถกลบ
การเตรียมดินโดยการไถ พรวน หรือคราดทำเทือก ควรเว้นช่วง 2-4 สัปดาห์ เพื่อเว้นระยะเวลาให้เมล็ดข้าววัชพืชที่ยังเหลืออยู่ในดินได้มีโอกาสพ้นระยะพักตัวมากขึ้น โดยการมีขั้นตอนดังนี้ ปล่อยให้แปลงแห้งก่อนการเก็บเกี่ยวข้าวประมาณ 10 วัน หลังเก็บเกี่ยวข้าวแล้วปล่อยให้แห้งต่ออีก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ แล้วเอาน้ำเข้าแปลงพอชื้น เพื่อให้เมล็ดข้าววัชพืชงอก ไถกลบ ปล่อยแปลงในสภาพชื้นต่ออีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เมล็ดข้าววัชพืชที่หลงเหลืออยู่งอกขึ้นมาอีก แล้วไถทิ้ง การล่อให้งอกแล้วไถกลบทำลายในแต่ละครั้งสามารถลดปริมาณข้าววัชพืชลงได้มากกว่า 50 %

7.2 เปลี่ยนวิธีการปลูกข้าว

7.2.1 วิธีปักดำ
การปักดำด้วยมือ ใช้เครื่องจักรตกกล้าปักดำ หลังปลูกให้ขังน้ำทันทีระดับน้ำลึก 3-5 ซม. จะป้องกันการงอกข้าววัชพืชได้ แต่ชาวนาต้องใช้เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ และตกกล้าในแปลงนาที่ไม่มีข้าววัชพืชอยู่ก่อน อย่างไรก็ตามแม้จะใช้วิธีปักดำและการขังน้ำอย่างมีประสิทธิภาพก็อาจยังมีข้าววัชพืชงอกและเจริญเติบโตขึ้นมาได้ ทั้งนี้ข้าววัชพืชที่เจริญเติบโตขึ้นมาได้นี้จะอยู่นอกแถวหรือนอกกอของการปักดำ ชาวนาจึงพบเห็นข้าววัชพืชได้สะดวกตั้งแต่ในระยะแรก และสามารถถอนกำจัดเสียแต่ต้น

7.2.2 การปลูกข้าวด้วยวิธีโยนกล้า
ปลูกข้าวด้วยวิธีโยนกล้า เป็นการเพาะข้าวจำนวน 3-4 เมล็ดต่อหลุมลงในถาดพลาสติก มีหลุมขนาดเล็ก แต่ละหลุมบรรจุดินประมาณ 2.5 กรัม โดยใช้เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์เพียง 3-4 กิโลกรัม เพาะลงในถาดจำนวน 50-60 ถาด นำไปโยนได้ 1 ไร่ อายุต้นกล้าที่เหมาะสม 12-16 วัน หลังโยนกล้า 1-2 วัน ให้ขังน้ำและเพิ่มระดับน้ำ 5-10 ซม. จะป้องกันการงอกของข้าววัชพืชได้ดี แต่เกษตรกรจะต้องเตรียมแปลงให้สม่ำเสมอ และข้อสำคัญอย่าให้นาขาดน้ำ

7.3 การตรวจตัดข้าววัชพืช
การตรวจตัดข้าววัชพืชเป็นการลดปัญหาไม่ให้ข้าววัชพืชผลิตเมล็ดสะสมในแปลงนาเพิ่มขึ้น ในระยะแตกกอเริ่มเห็นความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน โดยจะสังเกตเห็นข้าววัชพืชส่วนใหญ่มีความสูงมากกว่า ลำต้นและใบมีสอ่อนกว่าข้าวปลูก ระยะนี้ต้องใช้วิธีถอนต้นข้าววัชพืชทิ้ง พอถึงระยะออกดอกจะเห็นความแตกต่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยข้าววัชพืชส่วนใหญ่จะออกดอกก่อนข้าวปลูก ระยะนี้ต้องใช้วิธีตัดชิดโคนต้นข้าววัชพืช แล้วนำไปทิ้งนอกแปลง เนื่องจากข้าววัชพืชงอกไม่พร้อมกันจึงแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างข้าวปลูกกับข้าววัชพืชไม่พร้อมกัน ดังนั้นจึงควรมี

7.4 การเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง
การเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งสามารถลดปริมาณเมล็ดข้าววัชพืชที่หลุดร่วงอยู่บนผิวดินได้ โดยเป็ด 200 ตัว/ไร่ ปล่อยไว้เป็นเวลา 2 วัน สามารถลดความหนาแน่นข้าววัชพืชได้ถึง 50 %

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..
สินค้าจากเรา

ชุดย่อยสลายฟางข้าว ชุดย่อยสลายตอฟาง ย่อยสลายใน 7วัน ไม่ต้องเผา

ลดข้าวดีดมากกว่า 70% รวดเร็วในการย่อยสลายตอซังฟางข้าว ภายใน 5-7 วัน โดยไม่ต้องเผา ปรับสภาพดินในนาข้าว สามารถไถพรวนได้ง่าย เพิ่มจุลธาตุอาหารให้แก่นาข้าวหลังการเก็บเกี่ยว สามารถลดปัญหาข้าวดีด และข้าววัชพืชอื่น ๆ ในนาข้าวได้

#ย่อยสลายฟางข้าว #ย่อยสลายตอฟาง #ย่อยสลายตอซัง

🔤ทักแชทได้เลยค่ะ

☎โทร 090-592-8614

🆗ไลน์ไอดี FarmKaset คลิกลิงค์เพื่อแอดไลน์ http://www.farmkaset..link..

🎗ซื้อ ชุดย่อยสลายตอฟาง กับ Lazada : http://www.farmkaset..link..

🎗ซื้อ ชุดย่อยสลายตอฟาง กับ Shopee : http://www.farmkaset..link..
ปลูก ข่าตาแดง ส่งโรงงาน สร้างรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน
ปลูก ข่าตาแดง ส่งโรงงาน สร้างรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสอาหารได้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พืชเครื่องเทศที่สำคัญอย่าง “ข่า” ที่ให้รสร้อนซ่าจัดจาดและมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ข่ามีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ แต่ถ้าพูดถึงสายพันธุ์ข่าที่เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสก็ได้แก่ “ข่าตาแดง” เพราะด้วยคุณสมบัติที่มีกลิ่น สี และรสชาติที่โดดเด่น ตลอดจนมีสรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย ดังนั้น ทำให้ข่าตาแดงเป็นที่ต้องการของตลาดจำนวนมาก

คุณราชพฤกษ์ รักษาการ หรือ คุณเบียร์ บ้านเลขที่ 39 หมู่ 6 บ้านหนองปลาหมอ ตำบลหนองปลาหมอ อำเภอโนนสิลา จังหวัดขอนแก่น (โทร. 09-2470-2095) คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักเกษตรโดยผันตัวเองจากอาชีพวิศวกรอนาคตไกล มาเป็นปลูกข่าตาแดง เนื่องจากมองเห็นความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสที่มีความต้องการจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข่ารายใหญ่ที่บุกเบิกปลูกข่าตาแดงส่งโรงงานเครื่องปรุงรส สร้างรายได้สูงกว่า 1 ล้านบาท/เดือน

คุณราชพฤกษ์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนจากอาชีพวิศวกรมาเป็นเกษตรกรปลูกข่าตาแดงว่า เกิดจากความเบื่อหน่ายเมืองหลวงที่ต้องเจอรถติด รวมถึงความวุ่นวายของผู้คนที่เดินสวนกันอย่างพลุกพล่าน จึงมีความคิดหาอาชีพใหม่ที่ทำอยู่ใกล้ ๆ บ้านอย่างสงบสุข ซึ่งตอนนั้นได้มีโอกาสออกแบบโรงงานให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องปรุงรสอาหาร และได้เห็นว่าอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสอาหารมีความต้องการเครื่องเทศอย่างข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด จำนวนมาก จึงมีความสนใจกับพืชทั้ง 3 อย่างนี้มาก

“เหตุที่เลือกปลูกข่า เพราะแอบไปถามกับเจ้าหน้าที่ในโรงงานเครื่องปรุงรสอาหารว่าพืชเครื่องเทศอะไรที่เป็นที่ต้องการและได้ราคาสูงสุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า “ข่า” ดังนั้นจึงกลับไปศึกษาเรื่องข่าพร้อมกับศึกษาตลาดข่าอย่างจริงจัง ซึ่งก็พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปลูกข่าเหลือง ซึ่งคิดว่าหากเราปลูกพันธุ์ที่แตกต่างกว่าจะสร้างจุดเด่นได้ดีกว่า และทำให้ข่าที่ปลูกมีราคาดี รวมถึงเป็นที่ต้องการของตลาดด้วย”

จากการศึกษาพันธุ์ข่าต่าง ๆ ก็ตัดสินใจเลือกปลูกข่าตาแดงที่มีลักษณะลำต้นขนาดเล็กสีเขียว ใบ มีรูปร่างคล้ายใบพาย ออกสลับกันรอบ ๆ ต้น ออกดอกเป็นช่อตรงปลายยอด เป็นสีขาวและมีสีแดงเล็กน้อย ส่วนหน่อ มีลักษณะเป็นสีแดง มีกลิ่นหอมฉุนมากกว่าข่าพันธุ์อื่น ๆ ตลอดจนมีสรรพคุณ ทั้งขับลม เป็นยาระบาย รักษาโรคบิด บำรุงโลหิต และที่สำคัญเป็นพืชที่ทนแล้ง สามารถปลูกได้ง่ายทุกสภาพพื้นที่ ทำให้ตัดสินใจเลือกปลูกข่าตาแดง พร้อมกับเจาะจงตลาดไปที่อุตสาหกรรมเครื่องปรุงรส

ก่อนปลูกข่าตาแดงก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่โรงงานแล้วว่าจะปลูกข่าตาแดงซึ่งมีทั้งความโดดเด่น สรรพคุณ รวมถึงกลิ่นที่เฉพาะ ทางโรงงานก็ยินดีจะรับ จึงเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง ซึ่งข่าตาแดงที่ปลูกก็เป็นที่ติดใจของตลาด จนมีความต้องการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย จากนั้นก็ได้เปลี่ยนอาชีพจากวิศวกรเป็นเกษตรกรปลูกข่าอย่างเต็มตัว

คุณราชพฤกษ์ บอกว่าตอนนี้มีพื้นที่ปลูกข่าตาแดง 120 ไร่ สามารถส่งผลผลิตสู่โรงงานได้วันละ 1.4 ตัน หรือ 1_400 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 30-35 บาท ทำให้มีรายได้ 40_000-50_000 บาท/วัน หรือประมาณ 1_500_000 บาท/เดือน แต่ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ต้องมีการเรียนรู้เรื่องการปลูกข่าอย่างมาก ซึ่งการเรียนรู้คนเดียวนั้นไม่เพียงพอแน่สำหรับเกษตรกรมือใหม่ ดังนั้น จึงคิดหาวิธีลัดซึ่งก็ คือ การเข้าหาชาวบ้านที่มีประสบการณ์ปลูกข่ามาเป็นสิบ ๆ ปี อาจจะดูโง่ที่จบถึงวิศวกรไปให้เกษตรกรสอนการปลูกข่า แต่สิ่งที่เกษตรกรสอนทุกสิ่งทุกอย่าง มักดีกว่าตำราเป็นร้อย ๆ เล่ม เพราะเรื่องบางเรื่องก็ต้องมาเรียนรู้เอง จะไปเชื่อแต่ในตำราก็ไม่ได้ การที่จะประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ ต้องมีความขยันหาความรู้ใหม่ ๆ ทั้งในหนังสือ ตลอดจนกล้าที่จะเข้าหาผู้รู้จริง ๆ อย่างเกษตรกรผู้ปลูกนั่นเอง

สำหรับเคล็ดลับการปลูกที่ทำให้ประสบความสำเร็จและสามารถขยายพื้นที่ปลูกข่าได้ถึง 120 ไร่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน คือ ความอดทน ความใส่ใจประณีตทุกกระบวนการในการปลูก รวมถึงความใฝ่รู้ที่ศึกษาเรื่องการปลูกข่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดทำได้ดังนี้ การเตรียมดิน ต้องมีการไถระเบิดดินดานเพื่อเปิดหน้าดินและให้พืชได้สัมผัสน้ำได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเสร็จแล้วให้ไถพรวนดินให้ละเอียดอีกประมาณ 2 รอบ ทั้งนี้ ในการไถพรวนดินควรระวังน้ำท่วมขัง เพราะข่าจะไม่ชอบดินชื้น ต้องทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้น้ำขังในดิน

การเตรียมท่อนพันธุ์ ควรเลือกท่อนพันธุ์ที่มาจากต้นแม่ซึ่งมีอายุ 1 ปีขึ้นไป เพราะจะมีตามาก รากงอกใหม่ได้ง่าย โดยแยกแง่ง ตัดใบ ตัดราก ออกให้หมดพร้อมกับล้างน้ำให้สะอาดก็นำมาปลูกในไร่ให้ผลผลิตได้แล้ว หรือถ้าหาท่อนพันธุ์ไม่ได้ให้หาซื้อท่อนพันธุ์ตามตลาด โดยเลือกหัวและแง่งที่สมบูรณ์ที่สุด จากนั้นให้นำไปแช่น้ำยากันเชื้อราและน้ำยาเร่งราก แช่ไว้ประมาณ 20 นาที ควรเลือกเหง้าที่มีขนาดพอเหมาะ หากเหง้าไหนมีขนาดใหญ่เกินไปให้ตัดแบ่งเป็น 2 เหง้าได้ แต่ควรนำปูนกินหมากผสมน้ำทาตรงแผล เพื่อกันเชื้อราขึ้นซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตของข่า

วิธีการปลูก เริ่มจากใช้จอบขุดหลุมลึก ประมาณ 1 หน้าจอบ แล้วนำเหง้าข่ามาวางลงไปพร้อมกับกลบดินและรดน้ำพอชุ่ม โดยวิธีการปลูกข่ามีทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 1 เหง้า ใช้ระยะห่างระหว่างกอและแถว 60 x 80 เซนติเมตร เป็นการปลูกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ทดลองปลูกข่า เพราะใช้ต้นทุนค่อนข้างต่ำทั้งยังจัดการแปลงได้ง่ายกว่าการปลูกแบบอื่น ๆ ซึ่งการปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์เหง้าเดียวใช้ต้นทุนค่าท่อนพันธุ์ประมาณ 15_000 บาท/ไร่ เมื่อนำผลผลิตไปขายจะได้ทั้งหมด 45_000 บาท/ไร่


วิธีที่ 2 ปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 2 เหง้า ซึ่งใช้ระยะห่างระหว่างกอและแถว 80 x 80 เซนติเมตร ใช้ทุนค่าท่อนพันธุ์ 30_000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวขายผลผลิตได้ 90_000 บาท/ไร่ วิธีที่ 3 ปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 3 เหง้า ระยะห่างระหว่างกอและแถว 1 x 1 เมตร ใช้ต้นทุนค่าท่อนพันธุ์ 45_000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวขายผลผลิตได้ถึง 120_000-135_000 บาท/ไร่ ส่วนวิธีสุดท้ายปลูกแบบใช้ท่อนพันธุ์ข่า 4 เหง้า ใช้ระยะห่างระหว่างกอและแถว 1.20 x 1.20 เมตร ใช้ต้นทุนท่อนพันธุ์ 60_000 บาท/ไร่ เก็บเกี่ยวขายผลผลิตได้ 160_000-180_000 บาท/ไร่

ต้นทุนและจำนวนเงินที่ขายได้ ทั้ง 4 แบบ จะแปรผันตามกันไป เมื่อใช้ท่อนพันธุ์มากขึ้นก็จะได้ผลผลิตข่าที่มากขึ้น ซึ่งการปลูกแบบที่ 1 และ 2 เหมาะสำหรับเกษตรกรรายย่อยหรือเกษตรกรที่เพิ่งทดลองปลูก เนื่องจากมีการจัดการแปลงเรื่องหญ้า ปุ๋ย แมลงที่ง่าย ตลอดจนได้ผลผลิตเหง้าใหญ่ รวมถึงใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่าด้วย ส่วนแบบที่ 3 และ 4 ใช้เงินลงที่สูงกว่า แต่ก็ได้ผลผลิตที่มากกว่า ทั้งยังช่วยจัดการในเรื่องของหญ้า เพราะทรงพุ่มที่ชิดติดกันทำให้หญ้าขึ้นได้ยาก แต่ทว่าผลผลิตข่าที่ได้เหง้าเล็ก ดังนั้น การปลูกแบบ 3 และ 4 จึงเหมาะสมสำหรับเกษตรกรรายใหญ่ที่ต้องการผลผลิตจำนวนมาก โดยที่ไม่ต้องดูแลแปลงปลูกมากนัก

“สำหรับการดูแลรักษาข่า ให้สังเกตต้นข่าตั้งแต่ปลูกจนมีอายุครบ 3 สัปดาห์ จะเห็นต้นข่าตายและเริ่มมีหน่อใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งเป็นธรรมชาติของข่า ดังนั้น เมื่อเห็นต้นข่าตาย อย่าตกใจ เนื่องจากต้นข่าจะตายเป็นธรรมชาติอย่างนี้อยู่แล้ว พอถึงสัปดาห์ที่ 4 จะเห็นต้นข่าเริ่มงอกใหม่และเจริญเติบโตไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ เมื่อเห็นต้นข่ามีใบ 2-3 ใบ ให้เริ่มใส่ปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 บริเวณกอข่า ประมาณกอละ 10 เม็ด/สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงเดือนที่ 4 ให้เปลี่ยนสูตรปุ๋ยเป็น 0-0-60 พร้อมกับเปลี่ยนการใส่ปุ๋ยจากใส่ประมาณ 10 เม็ด ให้เพิ่มมากขึ้น 1 เม็ด ทุก 15 วัน”

สำหรับการให้น้ำ มีการให้น้ำแบบระบบน้ำหยด สปริงเกอร์ ระบบน้ำฝอย โดยให้แบบสม่ำเสมอเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื่น แต่ก็ไม่ได้รดน้ำแบบทุกวันเนื่องจาก ข่า ไม่ชอบที่ชื่นแฉะ นอกจากนี้ยังมีการให้น้ำพร้อมกับให้ธาตุอาหารไปด้วย โดยการหมักน้ำในถัง 2_000 ลิตร ใส่มูลโคแห้งพร้อมกับหมัดปากถุง 1 กระสอบ ใส่ EM ขยายตัวลงไป 1 ลิตร หมักทิ้งไว้ 3 วัน จากนั้นสูบน้ำในถังมารดทั่วแปลงได้เลย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ในดินและข่าอีกด้วย

โรคและแมลงในแปลงจะไม่ค่อยพบ เนื่องจากโรคและแมลงทั้งหลายมักมีต้นเหตุมากจากปุ๋ยมูลโคมูลไก่ทั้งหลายที่เกษตรกรมักนำมาใส่เป็นรองพื้น ซึ่งการปลูกจะหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยมูลสัตว์เพื่อเป็นปุ๋ยรองพื้น จะเน้นแต่ปุ๋ยเคมีล้วน ๆ เพราะปุ๋ยเคมีให้ผลผลิตที่เร็วเพียงพอสำหรับการส่งข่าให้กับโรงงานทุกวัน แต่ถ้าถามว่าปุ๋ยอินทรีย์ทำในเชิงเศรษฐกิจได้ไหม ได้แต่ผลผลิตข่าที่ได้ก็จะไม่เยอะเท่าปุ๋ยเคมี ดังนั้น ในแปลงจึงมีแต่การใช้ปุ๋ยเคมี แม้จะใช้เงินในส่วนที่ซื้อปุ๋ย แต่ก็ช่วยลดในเรื่องต้นทุนค่ายารักษาโรคและแมลงที่มีต้นเหตุมาจากปุ๋ยมูลโคมูลไก่ได้

คุณราชพฤกษ์ บอกว่าการปลูกข่า 1 ครั้ง สามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 10 ปี แต่ทั้งนี้ ควรมีวิธีการขุดที่ถูกวิธี ซึ่งทำดังนี้ เลือกขุดข่าเพียง 3 มุม จากทั้งหมด 4 มุม ยกตัวอย่างเช่น ปลูกข่า 1 กอ จะมีต้นข่าขึ้นประมาณ 10 ต้น เป็นสี่เหลี่ยม เมื่อข่าโตจนเก็บผลผลิตได้ประมาณ 6-8 เดือน ให้เลือกขุดออกไป 3 มุม เหลือไว้หนึ่งมุม สำหรับเหลือให้ข่าแพร่พันธุ์ขยายต่อไปได้ แต่เมื่อเก็บผลผลิตในครั้งต่อไป ควรสับเปลี่ยนมุมที่ขุดออก เพราะจะทำให้ข่าที่งอกใหม่แต่ละครั้งเจริญเติบโตดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เรื่องของตลาด ก็อย่างที่บอกไปว่าปลูกข่าตาแดงเพื่อส่งโรงงานโดยเฉพาะ ไม่มีการส่งตลาดรายย่อยอื่น ๆ ซึ่งราคาข่าที่ได้ตอนนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ข่าอ่อน เป็นข่าที่เก็บผลผลิตในช่วงเดือนที่ 6 เมื่อนำไปขายจะได้ราคาดีมากถึงกิโลกรัมละ 30-35 บาท ส่วนอย่างที่สอง คือ ข่าแก่ เป็นข่าที่อยู่ในช่วงการเจริญเติบในเดือนที่ 8 ซึ่งหลงเหลือจากเก็บผลผลิตไม่ทันของคนงาน ซึ่งขายได้ราคากิโลกรัม 10-15 บาท ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบข่าแก่กับข่าอ่อนแล้วอัตราส่วนในแปลงที่ขุดได้แต่ละวันจะมีข่าอ่อนถึง 80-90 เปอร์เซ็นต์ จะมีข่าแก่เพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจมาก เพราะตอนนี้ทางตลาดมีความยินดีที่จะรับทั้งข่าอ่อนและข่าแก และมีแนวโน้มที่รับอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสอาหารกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากใครที่กำลังที่คิดจะมาทำการเกษตร ข่าตาแดง จึงเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว”

“การทำการเกษตร ไม่ว่าจะปลูกอะไรอย่างแรกควรมีเงินทุน รองลงมาคือความอดทน พร้อมกับใจที่รักสิ่งนั้นแบบจริงจัง เพราะการเกษตรมันต้องใช้เวลาในการปลูก เจริญเติบโต ตลอดจนการเก็บเกี่ยว ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนต้องใช้ความอดทนและเงินทุนทั้งสิ้น หากมีเงินน้อยนิดแล้วอยากทำการเกษตร เป็นสิ่งที่ผิดอย่างยิ่ง เนื่องจากสิ่งที่ไม่คาดคิดในการเกษตรมักเกิดได้เสมอ อาทิเช่น เกิดโรคและแมลงระบาด พืชที่ปลูกขาดธาตุอาหาร หากไม่มีความรู้ ตลอดจนเงินทุนหมุนเวียนก็ทำให้การทำเกษตรนั้นล้มเหลวได้ ดังนั้น หากทำการเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข่าตาแดง ควรมีการวางแผน มีเงินทุน ตลอดความอดทน แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าอุปสรรคจะมีมากแค่นั้น หากมีความพยายามแล้วก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน” คุณราชพฤกษ์ทิ้งท้ายไว้

ข้อมูล : เกษตรกรก้าวหน้า

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..
3576 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 357 หน้า, หน้าที่ 358 มี 6 รายการ
|-Page 289 of 358-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 | 353 | 354 | 355 | 356 | 357 | 358 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
บำรุงทุเรียน ให้เจริญเติบโตดี สมบูรณ์ แข็งแรง ออกดอก ติดผลดก
Update: 2564/05/30 22:26:13 - Views: 3501
แก้ทุเรียนเล็กใบไหม้ ใบแห้ง ยอดไหม้ ใบเหลือง เพราะโรคจากเชื้อรา ใช้ ไอเอส
Update: 2564/05/07 12:21:17 - Views: 5402
ควบคุมวัชพืชในไร่ถั่วลิสงด้วยคาร์รอน (Diuron 80% WG): วิธีการและคำแนะนำ
Update: 2567/02/13 09:13:50 - Views: 3679
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบจุด ใน กวางตุ้ง ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2566/01/10 10:28:04 - Views: 3464
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบจุด ใน ผักกาดขาว ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2566/01/14 13:01:12 - Views: 3460
ชมพู่ ใบไหม้ ใบจุด รากเน่าโคนเน่า ราสีชมพู ผลเน่า เชื้อราต่างๆ ป้องกันกำจัดด้วย ไอเอส และเร่งฟื้นฟู ด้วยปุ๋ย FK-T
Update: 2567/04/08 11:42:27 - Views: 3682
เงาะ การป้องกันกำจัดหนอนเงาะ และป้องกันราแป้ง กำจัดเพลี้ย ในเงาะ
Update: 2564/04/20 10:02:29 - Views: 3687
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยไฟ ในชมพู่ และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/09 13:47:46 - Views: 3506
โรคใบจุดในถั่วลิสง: วิธีการป้องกันและการทำลายเชื้อโรค
Update: 2566/11/22 09:15:07 - Views: 3559
ปุ๋ยบำรุงมะพร้าว โตไว แข็งแรง ออกผลดี ด้วยธาตุอาหารพืช FK-1 มี สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์, N,P,K,Mg,Zn
Update: 2564/11/10 20:53:28 - Views: 3435
โรคอินทผลัม โรคเชื้อราเขม่าผง Graphiola Leaf Spot (False Smut) of Palm
Update: 2564/02/25 02:42:40 - Views: 3668
กำจัดวัชพืชในสวนอะโวคาโด้ด้วยคาร์รอน (Diuron 80% WG)
Update: 2567/02/13 09:10:15 - Views: 3478
การทำธุรกิจขายปุ๋ย จะขายปุ๋ยได้ต้องทำอะไรบ้าง กฏการขายปุ๋ย
Update: 2565/11/15 14:39:50 - Views: 3663
ฮิวมิค FK มีประสิทธิภาพในการ เพิ่มผลผลิตมะเขือเทศได้อย่างไร?
Update: 2567/12/29 09:22:34 - Views: 120
พืชเศรษฐกิจ สินค้าสร้างรายได้ในครัวเรือนและประเทศ
Update: 2565/12/01 08:52:35 - Views: 3431
โรคกิ่งแห้ง ทุเรียนกิ่งแห้ง
Update: 2564/04/29 10:58:48 - Views: 3727
โรคใบด่างมะละกอ เชื้อไวรัสในมะละกอ ต้องกำจัดเพลี้ยอ่อน ซึ่งเป็นพาหะนำโรค และมีดตอนกิ่งที่ไม่สะอาดก็มีส่วน
Update: 2563/06/10 16:16:45 - Views: 4963
คำนิยม ขอบคุณลูกค้าท่านนี้ ทำสวนทุเรียน สั่งซื้อ FK-1 ฉีดพ่นทุเรียนต่อเนื่อง
Update: 2564/02/20 00:24:13 - Views: 3490
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นเมล่อน
Update: 2567/02/27 13:29:06 - Views: 3564
อ้อยขาดธาตุแมกนีเซียม (Magnesium, Mg) อ้อยแคระ อ้อยจุดสนิม อาจมีมีสาเหตุจากเชื้อรา หรืออาจเป็นเพราะขาดแมกนีเซียม ต้องพิจารณาดีๆ
Update: 2564/02/20 23:33:13 - Views: 3514
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022