สารกำจัดเชื้อราแบบอินทรีย์ IS ให้ประโยชน์อย่างน่าทึ่งแก่ต้นเงาะโดยการต่อสู้กับเชื้อราโรคราแป้งอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถัน สารละลายธรรมชาตินี้ได้มาจากสารอินทรีย์ จึงมั่นใจในความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง IS จะควบคุมและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราบนผิวใบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการขยายพันธุ์ สูตรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ไม่เพียงแต่รับประกันการกำจัดโรคราแป้งเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับใบพืช รับประกันการครอบคลุมและประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ต้นเงาะที่ได้รับการบำบัดด้วย IS จะทำให้มีสุขภาพและความมีชีวิตชีวาดีขึ้น เนื่องจากสารฆ่าเชื้อราไม่เพียงช่วยปกป้องพืชเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยให้สภาพแวดล้อมเจริญรุ่งเรืองและปราศจากโรคอีกด้วย

สารกำจัดเชื้อราอินทรีย์ IS ให้ประโยชน์ที่น่าทึ่งแก่พืชมันฝรั่งโดยต่อสู้กับเชื้อรา โรคใบไหม้ และราดำได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านส่วนผสมจากธรรมชาติ สารกำจัดเชื้อรานี้ได้รับการพัฒนาโดยการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวาง โดยควบคุมสารอินทรีย์เพื่อยับยั้งเชื้อรา เพื่อให้มั่นใจว่าเกษตรกรจะได้รับสารละลายที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ ประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อราเสริมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งควบคุมสภาพแวดล้อมผิวใบเพื่อสร้างสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา นอกจากนี้ สารกำจัดเชื้อราอินทรีย์ IS ยังช่วยเพิ่มการยึดเกาะกับพื้นผิวใบพืช ทำให้มั่นใจได้ถึงการปกปิดและการปกป้องอย่างทั่วถึง ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องต้นมันฝรั่งเท่านั้น แต่ยังมอบทางเลือกที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่มีคุณค่าสำหรับการจัดการศัตรูพืชอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการเกษตร

.
💦อัตราผสมใช้ ไอเอส
» ไอเอส 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
» ฉีดพ่นทางใบ
» ระยะรักษา ทุก 2-3 วันต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง
» ระยะป้องกันทุก 15-30 วัน
.
💲ราคาสินค้า
ไอเอส ขนาด 3 ลิตร ราคา900 บ. ผสมน้ำได้ 1_200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่ กำจัดเชื้อราโรคพืช สำหรับพืชทุกชนิด
✈จัดส่งฟรี kerry ด่วน เก็บเงินปลายทาง
.
📌สั่งซื้อ สอบถาม
» ทักแชทเพจนี้
» Line@ ID: @FarmKaset หรือคลิกแอดไลน์ http://ไปที่..link..
» โทร 090-592-8614
.
🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อไอเอส ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
» ซื้อไอเอส ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นปุ๋ยเคมีมาตรฐานชนิดโพแทสเซียมคลอไรด์ สูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของต้นกาแฟโดยเฉพาะ ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพสูง เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้ที่ดีขึ้น

จุดเด่นของปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60:

กระตุ้นการขยายขนาดผล: ปุ๋ยสูตรนี้มีโพแทสเซียมสูง (60%) ซึ่งช่วยกระตุ้นการขยายขนาดผลกาแฟ ทำให้ผลใหญ่ขึ้น เต่งตึง และน่ารับประทาน
เพิ่มผลผลิต: การใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 ช่วยเพิ่มจำนวนผลกาแฟต่อต้น ส่งผลให้ผลผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น
เพิ่มน้ำหนัก: ธาตุโพแทสเซียมในปุ๋ยช่วยเพิ่มน้ำหนักของเมล็ดกาแฟ ส่งผลให้เกษตรกรได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและน้ำหนักดี
เพิ่มคุณภาพ: ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 ช่วยให้ผลกาแฟมีรสชาติดีขึ้น กลิ่นหอม กลมกล่อม และน่าดื่ม
ละลายน้ำง่าย: ปุ๋ยสูตรนี้ละลายน้ำง่าย พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว
ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม: ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นปุ๋ยเคมีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้

วิธีการใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60:

ฉีดพ่นทางใบ: ผสมปุ๋ย 25 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วใบและลำต้น
ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ควรฉีดพ่นปุ๋ยหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต 1-2 เดือน และทุกๆ 15-20 วัน ในช่วงฤดูฝน

ข้อควรระวัง: สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก และแว่นตา เมื่อใช้ปุ๋ย และเก็บปุ๋ยให้มิดชิด ห่างไกลจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟที่ต้องการเพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพ และสร้างรายได้ที่ดีขึ้น สั่งซื้อปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 ได้ที่ร้านค้าเกษตรทั่วไป

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น เกษตรกรควรศึกษาวิธีการใช้ปุ๋ยอย่างละเอียดก่อนใช้งาน และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรเพื่อการใช้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

🌿ฉีดพ่นทางใบ อัตราผสม 25 กรัม(2ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (2ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)
.
🌳ปุ๋ยทางใบสูตรสูง 3สูตรหลัก ที่ใช้ได้กับทุกพืช
- เร่งโตเร่งต้นเร่งใบเร่งเขียว สูตร 30-20-5
- เร่งระบบราก เร่งดอก สูตร 10-40-10
- เพิ่มผลผลิต ขยายขนาดผล สูตร 15-5-30
.
∞ ผสมปุ๋ยทางใบเป็นสูตรต่างๆได้ตามต้องการ
» เราพัฒนาระบบคำนวณสูตรผสมปุ๋ยให้ใช้ฟรี
» ใช้ปุ๋ย 3สูตรหลักด้านบน ผสมได้หลากหลายสูตรสูง ใช้ได้กับทุกพืช
£ มีเอกสารแนบวิธีการผสมลงในกล่อง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

โรคที่เข้าทำลายต้นหม่อนส่วนใหญ่เป็นพวก เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ ซึ่งโรคที่กล่าวมาแล้วมีเชื้อราเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมากที่สุด แต่ เนื่องจากหม่อนเป็นพืชยืนต้น ลักษณะ อาการบางโรคไม่ปรากฏอยู่อย่างชัดเจน แต่โรคอาจสะสมจนกระทั่งแสดงอาการอย่างร้ายแรงทำให้ต้นหม่อนตายได้ โรคจะทำอันตรายหม่อนมากน้อยขึ้นอยู่กันสภาพแวดล้อม และการจัดการตั้งแต่การปลูก ดูแลรักษา เก็บเกี่ยว ฯลฯ การจะลดความเสียหายจากโรคจึงจำเป็นต้องทำให้สภาพแวดล้อมเหมาะสม โรคหม่อนที่สำคัญมีดังนี้

อ่านที่ http://www.farmkaset..link..

เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex วิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในสับปะรด

สับปะรดเป็นผลไม้เมืองร้อนยอดนิยมที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนหลายแห่งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ สับปะรดมีความไวต่อโรคต่างๆ รวมถึงโรคเชื้อราที่สามารถส่งผลกระทบต่อผลผลิตและคุณภาพได้อย่างมาก วิธีหนึ่งที่ได้ผลในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในสับปะรดคือการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex ซึ่งเป็นสารชีวภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและได้รับการพิสูจน์แล้ว

เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นสูตรเชิงพาณิชย์ของเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่มีประโยชน์ ซึ่งได้รับการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวางสำหรับการใช้งานด้านการเกษตร เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พบได้ทั่วไปในดิน มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคพืชต่างๆ รวมถึงเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคในสับปะรด เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะทางที่ออกแบบมาสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในสับปะรดโดยเฉพาะ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรชาวไร่สับปะรด

ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex คือสามารถป้องกันสับปะรดจากโรคเชื้อราได้หลายชนิด กลไกการควบคุมทางชีวภาพของเชื้อราไตรโคเดอร์มาเกี่ยวข้องกับการทำงานหลายโหมด ได้แก่ การแย่งชิงสารอาหารและพื้นที่ ปรสิต และการผลิตเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่ก่อโรค วิธีการหลายแง่มุมนี้ทำให้เชื้อรา Trichoderma Trichorex Brand มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการก่อตัวและการแพร่กระจายของโรคเชื้อราในสับปะรด

เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex สามารถใช้กับสับปะรดได้หลายวิธี ได้แก่ การเพาะเมล็ด การรดดิน และการฉีดพ่นทางใบ เข้ากันได้กับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่หลากหลาย รวมถึงการทำเกษตรแบบดั้งเดิมและเกษตรอินทรีย์ และสามารถรวมเข้ากับกลยุทธ์การจัดการโรคที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย การประยุกต์ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex นั้นง่ายและคุ้มค่า ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลจริงสำหรับเกษตรกรชาวไร่สับปะรด

นอกจากนี้ เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยในการใช้ เป็นศัตรูธรรมชาติที่ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายในดินหรือบนสับปะรด จึงเหมาะสำหรับการปลูกสับปะรดอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เชื้อราไตรโคเดอร์มายังไม่เป็นพิษต่อคน สัตว์ และแมลงที่เป็นประโยชน์ จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับโปรแกรมการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IPM) ในไร่สับปะรด

ประสิทธิภาพของเชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex ได้รับการพิสูจน์ในการทดลองภาคสนามและการใช้งานเชิงพาณิชย์มากมายทั่วโลก เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา ไตรโคเร็กซ์ ในการจัดการโรคพบว่าโรคเชื้อราลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผลผลิตและคุณภาพของสับปะรดดีขึ้น การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex ช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารกำจัดเชื้อราสังเคราะห์ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อดื้อยาฆ่าแมลงในเชื้อราที่ก่อโรค

สรุปได้ว่า เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา ไตรโคเร็กซ์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในสับปะรด การดำเนินการหลายรูปแบบ ความเข้ากันได้กับแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่หลากหลาย และความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับชาวไร่สับปะรดที่ต้องการทางเลือกในการจัดการโรคที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ การผสมผสานเชื้อราไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ เข้ากับแนวทางปฏิบัติในการปลูกสับปะรด เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลจากโรคเชื้อราและได้ผลผลิตและคุณภาพสับปะรดที่สูงขึ้น

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

มันสำปะหลังเป็นพืชสำคัญที่ปลูกและบริโภคในหลายส่วนของโลก เป็นอาหารหลักของผู้คนนับล้านและยังเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ การปลูกมันสำปะหลังสามารถทำกำไรได้ แต่ต้องใช้เทคนิคที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด ในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคนิคการเพาะปลูกต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังได้

การเตรียมดิน

ขั้นตอนแรกในการปลูกมันสำปะหลังคือการเตรียมดินให้เหมาะสม มันสำปะหลังขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี มีค่า pH ระหว่าง 5.5 ถึง 6.5 ควรไถดินให้ลึก 20-30 ซม. และกำจัดวัชพืชหรือเศษซาก ควรดำเนินการทดสอบดินเพื่อหาปริมาณธาตุอาหารในดินและเพื่อพิจารณาการปรับปรุงที่จำเป็น

ปลูก

มันสำปะหลังมักขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ควรตัดกิ่งจากต้นที่แข็งแรงและควรมีความยาว 20-25 ซม. ควรปลูกที่ความลึก 10-15 ซม. ในแถวที่ห่างกัน 1-1.5 ม. การปักชำควรปลูกในตำแหน่งเอียงโดยให้หน่อหันขึ้น

การปฏิสนธิ

มันสำปะหลังต้องการการใส่ปุ๋ยที่เพียงพอเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด ควรใช้ปุ๋ยที่สมดุลกับอัตราส่วน NPK 20:10:10 ในเวลาปลูก ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม 6-8 สัปดาห์หลังปลูก และอีกครั้ง 12-14 สัปดาห์หลังปลูก ปริมาณปุ๋ยที่ใช้ควรเป็นไปตามความต้องการธาตุอาหารของพืชที่กำหนดโดยการทดสอบดิน

การควบคุมวัชพืช

วัชพืชอาจเป็นปัญหาสำคัญในการปลูกมันสำปะหลัง วัชพืชจะแย่งชิงธาตุอาหาร น้ำ และแสงกับมันสำปะหลัง และอาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก วัชพืชสามารถควบคุมได้โดยการกำจัดวัชพืชด้วยตนเองหรือโดยใช้สารกำจัดวัชพืช อย่างไรก็ตามควรใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้สารกำจัดวัชพืชเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อต้นมันสำปะหลัง

การควบคุมศัตรูพืชและโรค

มันสำปะหลังอ่อนแอต่อแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก แมลงศัตรูพืชทั่วไป ได้แก่ เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง แมลงหวี่ขาว และปลวก โรคเช่นโรคโมเสกมันสำปะหลังและโรคริ้วสีน้ำตาลมันสำปะหลังยังสามารถสร้างความเสียหายอย่างมาก ควรใช้แนวทางปฏิบัติในการจัดการศัตรูพืชและโรคที่เหมาะสมเพื่อควบคุมปัญหาเหล่านี้

การเก็บเกี่ยว

มันสำปะหลังมักจะเก็บเกี่ยวได้ 8-12 เดือนหลังจากปลูก พืชถูกถอนรากถอนโคนและเอาหัวออกจากดิน ควรใช้ความระมัดระวังในระหว่างการเก็บเกี่ยวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อหัว หัวที่เก็บเกี่ยวควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็นเพื่อป้องกันการเน่าเสีย

กล่าวโดยสรุป การปลูกมันสำปะหลังสามารถทำกำไรได้หากใช้เทคนิคที่เหมาะสม การเตรียมดิน การปลูก การใส่ปุ๋ย การควบคุมวัชพืช การควบคุมศัตรูพืชและโรค และการเก็บเกี่ยว ล้วนเป็นสิ่งสำคัญของการปลูกมันสำปะหลังที่ควรเอาใจใส่อย่างเหมาะสม เมื่อปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตสูงสุดและรับประกันว่าการปลูกมันสำปะหลังจะประสบความสำเร็จ

โรคเชื้อราสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นงา ทำให้ผลผลิตลดลงและสูญเสียทางเศรษฐกิจสำหรับเกษตรกร โชคดีที่มีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพหลายประการในการป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อรา รวมถึงการใช้ IS และสารประกอบอินทรีย์

IS หรือไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์และโซเดียมลอริลซัลเฟตเป็นสารกำจัดเชื้อราที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถใช้ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อราในงาได้ อัตราการผสมที่แนะนำคือ 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อใช้ตามคำแนะนำ IS สามารถให้การป้องกันที่ดีเยี่ยมต่อโรคเชื้อราหลายชนิด

นอกจาก IS แล้ว สารประกอบอินทรีย์ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อราอีกด้วย สารประกอบชนิดหนึ่งคือ FK-1 ซึ่งประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรก (องค์ประกอบหลัก) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (องค์ประกอบเสริม) กับน้ำ 20 ลิตร สิ่งนี้จะสร้างสารละลายที่อุดมด้วยสารอาหารที่สามารถบำรุงต้นงาของคุณในขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันและกำจัดโรคจากเชื้อรา

ด้วยการใช้ IS และสารประกอบอินทรีย์ เช่น FK-1 ร่วมกัน เกษตรกรผู้ปลูกงาสามารถปกป้องพืชผลของพวกเขาจากการติดเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรับประกันว่าจะได้ผลผลิตที่สมบูรณ์และแข็งแรง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวังและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์

ในฐานะชาวนา การทำนาให้ได้ผลผลิตสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ วิธีหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตคือการใช้ปุ๋ยที่ให้ธาตุอาหารที่จำเป็นแก่พืช ปุ๋ย FK-1 และ FK-3 เป็นสองตัวเลือกที่สามารถช่วยให้ได้ผลผลิตสูงในนาข้าว

ปุ๋ย FK-1 ประกอบด้วยแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิว สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นข้าว แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงและการสังเคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ สังกะสีจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์และการผลิตฮอร์โมนอย่างเหมาะสม ไนโตรเจนจำเป็นต่อการสังเคราะห์โปรตีนและคลอโรฟิลล์ ในขณะที่ฟอสฟอรัสจำเป็นต่อการพัฒนาของราก ดอก และเมล็ดพืช โพแทสเซียมช่วยในการดูดซึมน้ำและสารอาหาร รวมทั้งการสังเคราะห์แป้งและน้ำตาล สารลดแรงตึงผิวใน FK-1 ช่วยกระจายธาตุอาหารอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งดิน

ปุ๋ย FK-3 คล้ายกับปุ๋ย FK-1 แต่มีโพแทสเซียมเข้มข้นกว่า โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของต้นข้าวอย่างเหมาะสม และความเข้มข้นที่สูงขึ้นจะสามารถเพิ่มผลผลิตได้ FK-3 ยังมีแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งให้สารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดที่ต้นข้าวต้องการ

ในการใส่ปุ๋ย FK-1 หรือ FK-3 ในนาข้าว ให้ผสมน้ำในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำบนฉลาก จากนั้นใช้เครื่องพ่นเพื่อกระจายสารละลายให้ทั่วบริเวณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปฏิบัติตามอัตราการใช้ที่แนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยมากเกินไปซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพืชได้

การใช้ปุ๋ย FK-1 และ FK-3 จะช่วยให้ต้นข้าวได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตข้าวในปริมาณมาก ด้วยการใช้และการใช้งานที่เหมาะสม ปุ๋ยเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตในนาข้าวของคุณและนำไปสู่การเก็บเกี่ยวที่ประสบความสำเร็จ

สั่งซื้อกับลาซาด้า

FK-1 http://ไปที่..link..

FK-3 http://ไปที่..link..

เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex ที่สุดของการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่หลายคนชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชผลอื่นๆ อะโวคาโดมีความไวต่อโรคเชื้อราที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตและคุณภาพของอะโวคาโด โรคเชื้อราในอะโวคาโดสามารถทำให้เกิดโรคใบจุด ผลเน่า และแม้แต่การตายของต้น ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อผู้ปลูกอะโวคาโดทั่วโลก แต่ไม่ต้องกลัว! มีพันธมิตรที่ทรงพลังในการต่อสู้กับโรคเหล่านี้ - เชื้อรา Trichoderma ตรา Trichorex

Trichorex เป็นแบรนด์เชื้อราไตรโคเดอร์มาที่ได้รับการพิสูจน์และไว้วางใจ ซึ่งเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารควบคุมทางชีวภาพในการต่อต้านเชื้อโรคพืชหลายชนิด รวมถึงโรคเชื้อราต่างๆ เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นที่รู้จักดีในด้านความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตและกิจกรรมของเชื้อราที่เป็นอันตรายอื่นๆ ผ่านกลไกหลายอย่าง เช่น การแย่งชิงทรัพยากร ปรสิต และการผลิตเอนไซม์ที่ย่อยสลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรค ทำให้เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของ Trichorex คือความสามารถในการสร้างเกราะป้องกันรอบรากของต้นอะโวคาโด เมื่อนำไปใช้เป็นยารักษาเมล็ดพืชหรือรดดิน Trichorex จะตั้งรกรากบริเวณรากและสร้างสิ่งกีดขวางทางกายภาพที่ป้องกันไม่ให้เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคเข้าสู่เนื้อเยื่อพืช วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้เชื้อราเข้าไปทำลายรากและทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น รากเน่าและคอเน่า ซึ่งพบได้ทั่วไปในอะโวคาโด

นอกจากการกั้นทางกายภาพแล้ว Trichorex ยังผลิตสารทุติยภูมิ ซึ่งรวมถึงสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และยาปฏิชีวนะที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อรา สารประกอบเหล่านี้ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและกิจกรรมของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคในดินและบนผิวพืช ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเชื้อราในอะโวคาโด

Trichorex ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เนื่องจากเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นพิษต่อคน สัตว์ และแมลงที่มีประโยชน์ สามารถใช้ในระบบการผลิตอะโวคาโดแบบออร์แกนิกและแบบดั้งเดิมได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบนิเวศหรือทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนผลไม้

การประยุกต์ใช้ Trichorex ทำได้ง่ายและสะดวก ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับผู้ปลูกอะโวคาโด สามารถใช้เป็นสารบำรุงเมล็ด รดดิน หรือฉีดพ่นทางใบ ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของสวนอะโวคาโด การใช้ Trichorex เป็นประจำในช่วงวิกฤตของการเจริญเติบโตของอะโวคาโด เช่น การย้ายปลูก การออกดอก และการพัฒนาของผล สามารถให้การป้องกันอย่างต่อเนื่องจากโรคเชื้อรา และส่งเสริมต้นอะโวคาโดที่แข็งแรงด้วยผลผลิตที่สูงขึ้นและคุณภาพของผลไม้ที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ Trichorex ยังสามารถรวมเข้ากับโปรแกรมการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (IPM) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายในการจัดการศัตรูพืชและโรคอย่างยั่งยืน ด้วยการรวม Trichorex เข้ากับแนวทาง IPM เกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโดสามารถลดการพึ่งพาสารเคมีฆ่าเชื้อราและลดการพัฒนาของความต้านทานต่อเชื้อรา ในขณะที่ยังคงควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปได้ว่า เชื้อรา Trichorex ตรา Trichorex เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด ความสามารถในการสร้างเกราะป้องกัน ผลิตสารต้านเชื้อรา และธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้อะโวคาโดเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ปลูกอะโวคาโดที่มองหาทางเลือกในการจัดการโรคที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วย Trichorex ผู้ปลูกอะโวคาโดสามารถปกป้องสวนผลไม้ของพวกเขาจากโรคเชื้อราและรับประกันต้นไม้ที่แข็งแรงและการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ปุ๋ย FK-1 เร่งการเจริญเติบโตของต้นกล้วย และ FK-3 ฉีดพ่นเมื่อกล้วยเริ่มติดผล ทำให้ผลโต สมบูรณ์ คุณภาพดี ทั้ง FK-1 และ FK-3 ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแตสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี พร้อมสารลดแรงตึงผิว มีหลักการทำงานโดยละเอียด เพื่อส่งเสริมผลผลิตกล้วย ดังนี้

แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของต้นกล้วย

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืชและมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งเป็นกระบวนการที่พืชเปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้พืชมีสีเขียวและช่วยให้พืชดูดซับแสงได้ หากไม่มีแมกนีเซียมเพียงพอ ต้นกล้วยอาจมีการเจริญเติบโตแคระแกร็น ใบเหลือง และผลผลิตลดลง

สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นกล้วย มีบทบาทในกระบวนการที่สำคัญหลายอย่างของพืช รวมถึงการสังเคราะห์เอนไซม์ ฮอร์โมน และโมเลกุลอื่นๆ สังกะสียังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเซลล์พืชและการก่อตัวของคลอโรพลาสต์ ซึ่งเป็นโครงสร้างในเซลล์พืชที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสง หากไม่มีธาตุสังกะสีเพียงพอ ต้นกล้วยอาจมีใบที่เล็กลง การเจริญเติบโตของรากลดลง และการเจริญเติบโตของผลไม่ดี

สารลดแรงตึงผิวคือสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดแรงตึงผิวของของเหลว จะช่วยให้ปุ๋ยหรือยาที่ผสมสารนี้ฉีดพ่นไป เกาะติดใบ และต้นกล้วยจะดูดซึมธาตุอาหากได้ดีขึ้น ลดการสูญเสีย สารลดแรงตึงผิวมักใช้ในรูปของสเปรย์หรือหมอกเพื่อปรับปรุงการดูดซับน้ำและสารอาหารของพืช สิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลไม้ ตลอดจนปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของพืช

โดยสรุปแล้ว แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวล้วนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของต้นกล้วย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในปริมาณที่เพียงพอสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของผลไม้และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของสวน

เพื่อให้พืชผลกล้วยแข็งแรงและอุดมสมบูรณ์ สิ่งสำคัญคือต้องให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พืช รวมทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม

ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับพืช เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารสีที่ช่วยให้พืชสามารถจับพลังงานจากแสงแดดได้ หากไม่มีไนโตรเจนเพียงพอ ต้นกล้วยจะไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นแคระแกร็นและใบเหลือง

ฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นกล้วย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการพัฒนารากและการผลิตผล หากไม่มีฟอสฟอรัสเพียงพอ ต้นกล้วยจะมีระบบรากที่อ่อนแอและอาจอ่อนแอต่อโรคได้

โพแทสเซียมยังจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้วยอีกด้วย ช่วยให้พืชขนส่งน้ำและสารอาหารไปทั่วทั้งต้น และยังมีบทบาทในการควบคุมปากใบ ซึ่งเป็นช่องเล็กๆ บนใบที่ช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ หากไม่มีโปแตสเซียมเพียงพอ ต้นกล้วยอาจพัฒนาผลได้ไม่ดีและให้ผลผลิตลดลง

นอกจากสารอาหารทั้งสามชนิดนี้แล้ว ต้นกล้วยยังต้องการธาตุอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถัน การให้ต้นกล้วยมีสารอาหารที่สมดุล เกษตรกรสามารถช่วยให้มั่นใจได้ถึงการเจริญเติบโตที่ดีและผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์

โดยสรุปแล้ว ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมล้วนเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้วย การให้สารอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม เกษตรกรสามารถช่วยให้ต้นกล้วยของพวกเขาเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงด้วยผลไม้รสอร่อย

สนใจช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เป็นสารควบคุมทางชีวภาพที่ใช้สำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ยในต้นมะเขือเทศ ผลิตภัณฑ์นี้จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex และมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมเพลี้ยในขณะที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย ในบทความนี้ เราจะพูดถึงประโยชน์ของการใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมในการจัดการเพลี้ยในต้นมะเขือเทศ

เพลี้ยอ่อนเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่รบกวนต้นมะเขือเทศและสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล แมลงตัวเล็กที่มีลำตัวนิ่มเหล่านี้ดูดกินน้ำเลี้ยงของพืช ทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็น ใบเหลือง และถึงขั้นเสียชีวิตได้ในกรณีที่รุนแรง สารเคมีกำจัดแมลงมักใช้ในการควบคุมเพลี้ยอ่อน แต่อาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย สารควบคุมทางชีวภาพ เช่น บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่า

Beauveria Mix Methharicium เป็นการรวมกันของเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 2 ชนิดคือ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae เชื้อราเหล่านี้เป็นเชื้อราที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งหมายความว่าพวกมันจะแพร่เชื้อและฆ่าแมลง เมื่อใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมกับต้นมะเขือเทศ สปอร์ของเชื้อราจะเกาะติดกับหนังกำพร้าของเพลี้ยอ่อนและงอก เจาะเข้าไปในร่างกายของเพลี้ยและทำให้ตายได้ กระบวนการนี้ช้า ใช้เวลาหลายวันกว่าที่เพลี้ยจะตาย แต่มันมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมประชากรเพลี้ย

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมในการควบคุมเพลี้ยคือความปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย สารควบคุมทางชีวภาพนี้มีความเฉพาะเจาะจงต่อเพลี้ยและไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและแมลงเต่าทอง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผสมเกสรและการควบคุมศัตรูพืชตามธรรมชาติ นอกจากนี้ บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนต้นมะเขือเทศหรือในดิน ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการควบคุมเพลี้ย

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมยังใช้ง่ายและสามารถใช้เป็นมาตรการป้องกันหรือควบคุมการแพร่ระบาดของเพลี้ยที่มีอยู่ มาในรูปแบบผงแห้งที่สามารถผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนต้นมะเขือเทศ สปอร์ของเชื้อราจะติดกับเพลี้ยและเริ่มกระบวนการติดเชื้อ อาจต้องใช้แอพพลิเคชั่นหลายตัวเพื่อให้สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ แต่จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการรบกวน

สรุปได้ว่า บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเป็นสารควบคุมทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในต้นมะเขือเทศ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้ได้กับเพลี้ยโดยเฉพาะ และใช้งานง่าย เมื่อใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียม ผู้ปลูกสามารถจัดการประชากรเพลี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..