25พ.ย.62-นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 สามารถนำกัญชาไปทำการศึกษาวิจัย และพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และนำไปใช้ในการรักษาโรคภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์เท่านั้น ในประเทศไทย ยังไม่ได้รับการยกเว้น หรืออนุญาตให้ผลิต หรือนำเข้ากัญชาที่ผสมในอาหาร หรือเครื่องดื่ม แต่มีบางประเทศ เช่น รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา แคนาดาอนุญาตให้นำกัญชาผสมในขนม อาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ และประชาชนสามารถใช้ได้เองอย่างถูกกฎหมาย ในรูปแบบของ คุกกี้ บราวนี่ ช็อกโกเลต ลูกอม อมยิ้ม เยลลี่ ขนมขบเคี้ยว หรือเครื่องดื่ม

แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการควบคุมคุณภาพในการผลิต ไม่มีสารอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีการจำกัดปริมาณและต้องมีฉลากระบุปริมาณของสารไว้อย่างชัดเจนภายใต้กฎหมายควบคุม และบรรจุในภาชนะที่ป้องกันเด็ก เนื่องจากอาจเข้าใจผิดว่าเป็นขนมเพราะส่วนใหญ่จะมี สี กลิ่น รส น่ารับประทาน จนทำให้เกิดอันตรายได้

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า กัญชามีสารสำคัญตัวหนึ่งคือ ทีเอชซี ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ มีฤทธิ์ต่อสมองและทำให้ร่างกายอารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป ทีเอชซีจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ อารมณ์ดี หัวเราะและหัวใจเต้นเร็ว ต่อมาจะกดประสาททำให้ผู้เสพมีอาการมีนงง เซื่องซึมและง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปริมาณมากๆจะหลอนประสาททำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้ มีการนำมาใช้ ในทางที่ผิดโดยการสูบ เคี้ยว หรือผสมกัญชาลงในอาหาร ในกรณีสูบกัญชาจะเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาที และจะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง

แต่การรับประทานใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานราวหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่า และจะถูกเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีไม่เคยเสพกัญชา จะอยู่ในร่างกายได้นาน 2-5 วัน สามารถตรวจหาสารสำคัญของกัญชาได้ในปัสสาวะ ด้วยชุดทดสอบกัญชาเบื้องต้นและ ยืนยันผลโดยใช้เครื่องมือชั้นสูง ได้แก่ เครื่องแก๊สโครมาโตกราฟี-แมสสเปกโทรมิเตอร์ (GC-MS) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักยาและวัตถุเสพติด

การรับประทานอาหารที่ผสมกัญชา ออกฤทธิ์ได้เช่นเดียวกับการเสพ แต่ช้ากว่า จึงพบอาการข้างเคียงจากการใช้กัญชาในปริมาณเกินขนาดจนเกิดอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การออกฤทธิ์จะขึ้นกับชนิด ปริมาณของสารสำคัญ และการตอบสนองที่แตกต่างกันในแต่ละคน การรับประทานจะไม่ทำให้กลิ่นติดตัวเหมือนการสูบ จึงนิยมใช้ในสถานบันเทิง การผสมในอาหารส่วนใหญ่จะมีสี กลิ่น และรสที่น่ารับประทาน จะไม่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกว่ามีกัญชา ผสมหรือไม่ แต่อาจสังเกตที่สัญลักษณ์บนฉลากจะมีคำว่า cannabis_ THC_ CBD หรือ Hemp ต้องระมัดระวังและ ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า และให้ความรู้กับเยาวชนเพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ นพ.โอภาสกล่าว

องุ่นเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ทั่วโลกชื่นชอบ พวกมันไม่เพียงแค่อร่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุชั้นเยี่ยมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม องุ่นมีความเสี่ยงต่อโรคเชื้อรา ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพและผลผลิตขององุ่นอย่างรุนแรง วิธีหนึ่งในการต่อสู้กับโรคเหล่านี้คือการใช้เชื้อรา Trichoderma ยี่ห้อ Trichorex ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในองุ่น

Trichorex เป็นสายพันธุ์ของเชื้อรา Trichoderma ซึ่งเป็นเชื้อราที่มีประโยชน์ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในดิน เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการยับยั้งและควบคุมเชื้อโรคพืชรวมถึงโรคเชื้อรา Trichorex มีเชื้อรา Trichoderma ในปริมาณสูง ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและรักษาโรคเชื้อราในองุ่น

Trichorex ทำงานโดยการล่าอาณานิคมของรากองุ่น ซึ่งมันจะแข่งขันกับเชื้อราที่เป็นอันตรายเพื่อแย่งชิงทรัพยากร การแข่งขันนี้ช่วยลดความสามารถของเชื้อราที่เป็นอันตรายในการเติบโตและขยายพันธุ์ ซึ่งจะลดผลกระทบต่อต้นองุ่น นอกจากนี้ Trichorex ยังผลิตเอนไซม์ที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่เป็นอันตราย ซึ่งช่วยลดความสามารถในการก่อให้เกิดความเสียหาย

Trichorex มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคราแป้งซึ่งเป็นโรคเชื้อราทั่วไปที่มีผลต่อองุ่น โรคราแป้งสามารถลดผลผลิตและคุณภาพขององุ่นและอาจฆ่าพืชได้ในกรณีที่รุนแรง Trichorex ได้รับการแสดงเพื่อลดความรุนแรงของโรคราแป้งได้ถึง 90% ทำให้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกองุ่น

การใช้ Trichorex นั้นง่ายและปลอดภัย ใช้ได้กับดินโดยตรงหรือฉีดพ่นทางใบ และไม่เป็นพิษต่อคนและสัตว์ Trichorex ยังเข้ากันได้กับกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชอื่นๆ ทำให้เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับผู้ปลูกองุ่น

นอกจากประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราแล้ว Trichorex ยังมีประโยชน์อื่นๆ สำหรับต้นองุ่นอีกด้วย สามารถปรับปรุงการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร และเพิ่มความสามารถของพืชในการทนต่อความเครียด

สรุปได้ว่า เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นสารชีวภาพที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในองุ่น ความสามารถในการยับยั้งเชื้อราที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะโรคราแป้ง ทำให้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกองุ่น ด้วยการใช้งานที่ง่ายและเข้ากันได้กับกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชอื่น ๆ Trichorex จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสำหรับการควบคุมโรคเชื้อราในองุ่น

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

มะขามถูกใช้มานานในรูปแบบสมุนไพร ด้านความงาม หลากยุคหลายสมัย และยังถือเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมาก รวมไปถึงเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำอาหาร

1.มะขามเพื่อผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ
ประโยชน์จากผลมะขามในด้านผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติเนื่องจากในมะขามมีค่าความเป็นกรด หรือเรียกว่า กรดทาร์ทาริก(tartaric acid) ในรูปแบบ AHA(Alpha hydroxyl acids) ที่ช่วยให้กันผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพที่ตกค้างบนผิวออก ขจัดความมันส่วนเกินบริเวณรูขุมขน พร้อมกระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ที่ทำให้ผิวใสและเนียนนุ่มมากขึ้น จึงนิยมมากในการนำมะขามเปียกมาขัดตามร่างกายตั้งแต่โบราณ หรือนำไปผสมขัดพร้อมใยบวบเพื่อขัดผิวโดยเน้นบริเวณผิวที่หนาอย่าง ส้นเท้า ศอก และเข่า เป็นต้น

2.มะขามเพื่อทุกสภาพผิว
สามารถใช้เป็นสารละลายธรรมชาติได้ดี เนื่องจากมะขามมีค่าค่อนไปทางความความกรด การใช้มะขามสำหรับผิวบอบบาง หรือ ผิวอื่นๆ จึงมักมีการผสมผสานพืชชนิด อื่นลงไปเพื่อให้เกิดตำรับในการดูแลผิวที่แตกต่างตามสภาพผิว เช่น

3. มาส์คมะขามตำรับคนผิวสิว
นำน้ำมะขามมาผสมเป็นมาส์คพอกสิว โดยโบราณนิยมนำมาผสมกับผงดินสอพอง โดยที่ดินสอพอง หรือ มาร์ล(marl) มีองค์ประกอบหลักเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต(CO3) นิยมนำมาใช้มากตั้งแต่โบราณ ตอนพอกรู้สึกได้ถึงความเย็น สบายผิว โบราณเลยนิยมนำมาทำเป็นผงมาร์ค หรือ ผงประคบผิวสิว ด้วยค่าความเป็นกรมของมะขามเมื่อผสมผสานกับดินสอพองจะเกิดฟองฟู่กระจายตามผิวได้ที่ต้องการ

4. มะขามหมักผม
หลายคนมีปัญหาเส้นผมมัน หนังศีรษะ สกปรก มีกลิ่นง่าย สูตรโบราณเลยนิยมนำเอามะขามเปียกมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วกรองจนเหลือแต่น้ำมะขามเปียก แล้วนำไปหมักผมก่อนการสระผม น้ำมะขามเปียกจะช่วยย่อยสลายสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนหนังศรีษะและความมันต่าง บนเส้นผมออกไป จึงทำให้เส้นผมสะอาด ขจัดกลิ่นบนเส้นผมหลังจากการสระผม


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราในต้นมะกรูดสามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อต้น และทำให้คุณภาพและปริมาณของผลลดลง โรคเหล่านี้เกิดจากเชื้อราหลายชนิด รวมทั้งโรคราแป้ง โรคจุดดำ และโรคแอนแทรคโนส ในบทความนี้จะกล่าวถึงแนวทางการป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในต้นมะกรูดที่แนะนำโดยใช้สารอินทรีย์และ IS

การป้องกันและกำจัดด้วย IS:
IS เป็นสารกำจัดเชื้อราทั้งระบบที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นมะกรูด ทำงานโดยการดูดซึมเข้าสู่ระบบของพืชและให้การป้องกันที่ยาวนานจากโรคเชื้อรา ใช้ IS ผสม 50 ซีซี. ของผลิตภัณฑ์กับน้ำ 20 ลิตร แล้วทาที่ต้นมะกรูดตามคำแนะนำบนฉลาก สิ่งสำคัญคือต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่สัญญาณแรกของโรคเชื้อราเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพืช

สารประกอบอินทรีย์เพื่อป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา:
นอกจากการใช้ IS แล้ว ยังสามารถใช้สารอินทรีย์ป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นมะกรูดได้อีกด้วย สารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่งคือ FK-1 ซึ่งมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี สารนี้ไม่เพียงช่วยป้องกันโรคเชื้อรา แต่ยังให้สารอาหารแก่พืชเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี การใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองกับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปใช้กับต้นมะกรูดตามคำแนะนำบนฉลาก

บทสรุป:
โรคเชื้อราในต้นมะกรูดอาจเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้ปลูก แต่มีวิธีป้องกันและกำจัดที่ได้ผล การใช้ส่วนผสมของ IS และสารประกอบอินทรีย์ เช่น FK-1 สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราได้ ในขณะเดียวกันก็ให้สารอาหารที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากและใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เมื่อพบสัญญาณแรกของโรคเชื้อรา ผู้ปลูกสามารถปกป้องต้นมะกรูดและให้ผลที่สมบูรณ์แข็งแรง

ซีอิ๊ว คือเครื่องปรุงทำจากถั่วเหลือง คนไทยมักใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร เพื่อให้รสชาติกลมกล่อมและอร่อยมากขึ้น โดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้เปิดสูตรการทำ ซีอิ๊วหมักใบกัญชา ให้ลองทำ

ส่วนประกอบ

1. ถั่วเหลืองต้มสุก 100 กรัม
2. ผลไม้รสเปรี้ยว 600 กรัม
3. ใบหม่อน ใบไชยา และใบกัญชา 100 กรัม
4. น้ำตาลทรายแดง 200 กรัม
5. เกลือเม็ด 100 กรัม

วิธีทำ

1. นึ่งหรือลวกโหลที่จะใช้หมักเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วพักไว้ให้เย็น
2. ต้มถั่วเหลืองให้สุก พักจนเย็น จากนั้นนำใส่ไว้ด้านล่างสุดของโหล
3. หั่นสับปะรด มะเฟือง หรือผลไม้รสเปรี้ยวฉ่ำน้ำเป็นชิ้นเล็ก เสร็จแล้วใส่ทับลงบนถั่วเหลือง
4. ฉีกหรือหั่นใบหม่อน ใบไชยา แและใบกัญชาทับลงไป (อาจรวมใบพืชหลายชนิดเป็น 100 กรัมก็ได้)
5. โรยน้ำตาลทรายแดงให้ทับชั้นของใบพืชให้มิด
6. โรยเกลือเม็ดให้ทั่ว เกลี่ยให้เสมอกัน อย่าให้ชั้นของใบพืชโผล่ขึ้นมา
7. เก็บโหลหมักไว้นาน 3 เดือน จึงเปิดมาชิมได้ หมักครบ 6 เดือนใช้ปรุงอาหารได้ หมักครบ 1 ปี รสชาติจะดีมาก


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

กระเจี๊ยบเขียวหรือที่รู้จักกันในนามของเลดี้ฟิงเกอร์เป็นพืชผักที่ได้รับความนิยมในหลายส่วนของโลก อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชผลทุกชนิด มันไวต่อศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเพลี้ยจักจั่นฝ้าย เพลี้ยจักจั่นฝ้ายเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อใบและลำต้นของกระเจี๊ยบเขียว ทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็นและผลผลิตลดลง เพื่อต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชนี้ เกษตรกรมักพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่ก็มีทางเลือกจากธรรมชาติ เช่น การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม โดยเฉพาะยี่ห้อบิวทาเร็กซ์

Beauveria และ Methharicium เป็นเชื้อราสองชนิดที่ทราบกันดีว่ามีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง เมื่อใช้ร่วมกัน พวกมันสามารถสร้างส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยจักจั่น แบรนด์ Butarex เป็นสูตรเฉพาะที่มีทั้ง Beauveria และ Methharicium ในอัตราส่วนที่สมดุล ทำให้เป็นโซลูชันที่เชื่อถือได้สำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักจั่นฝ้ายในกระเจี๊ยบเขียว

ข้อดีหลักประการหนึ่งของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหมายความว่าปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่ำต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ ซึ่งจำเป็นต่อการผสมเกสร

ข้อดีอีกประการของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือง่ายต่อการทา ผลิตภัณฑ์นี้มีให้เลือกหลายสูตร ทั้งแบบผงและแบบสเปรย์ ทำให้สะดวกสำหรับเกษตรกรในการใช้งาน สามารถใช้กับใบและลำต้นของกระเจี๊ยบเขียวได้โดยตรง และได้ผลโดยทำให้เพลี้ยจักจั่นฝ้ายติดเชื้อ จากนั้นเชื้อราจะเติบโตในร่างกายของศัตรูพืชและฆ่ามันในที่สุด รูปแบบการดำเนินการนี้มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนาน มอบแนวทางการจัดการศัตรูพืชที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

เมื่อใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในอัตราและความถี่ที่แนะนำ และควรทาในตอนเช้าตรู่หรือช่วงบ่ายแก่ๆ เมื่ออุณหภูมิเย็นลง เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีประสิทธิภาพและไม่เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วเนื่องจากอุณหภูมิสูง

โดยสรุป การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมโดยเฉพาะยี่ห้อ Butarex เป็นวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักจั่นฝ้ายในกระเจี๊ยบเขียว มีความปลอดภัย ใช้งานง่าย และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ด้วยการใช้ทางเลือกจากธรรมชาตินี้แทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลของตนได้ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Beauveria mix Methharicium วางตลาดภายใต้ชื่อ Butarex เป็นสารกำจัดแมลงทางชีวภาพที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสำหรับประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในมังคุด วิธีแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ 2 ชนิด ได้แก่ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae เชื้อราเหล่านี้มีประวัติที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถควบคุมเพลี้ยซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญในการปลูกมังคุด

มังคุดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีมูลค่าสูงด้วยรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม การเพาะปลูกอาจทำได้ยากเนื่องจากศัตรูพืชเช่นเพลี้ยชุกชุม แมลงดูดกินน้ำนมขนาดเล็กเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นมังคุด ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพผลตกต่ำ มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิมเพื่อควบคุมเพลี้ย แต่อาจมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ดังนั้นการพัฒนาสารกำจัดแมลงทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพเช่น Butarex จึงเป็นทางเลือกที่น่ายินดี

ส่วนผสมสำคัญ 2 ชนิดใน Butarex_ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae เป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต่อต้านศัตรูพืชหลากหลายชนิด Beauveria bassiana เป็นที่รู้กันว่าติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยโดยการบุกรุกร่างกายและทำให้เกิดโรคเชื้อราร้ายแรง ในทางกลับกันพบว่า Methharicium anisopliae ทำหน้าที่เป็นตัวขับไล่เพลี้ยป้องกันไม่ให้กินอาหารและสืบพันธุ์ เมื่อใช้ร่วมกัน เชื้อราทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ Butarex มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมเพลี้ยในมังคุด

ข้อดีอย่างหนึ่งของ Butarex คือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Butarex ไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนผลไม้หรือในดิน ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทำให้ปลอดภัยสำหรับใช้ในการทำเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ บิวทาเร็กซ์ยังไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและแมลงเต่าทอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรและควบคุมศัตรูพืช

Butarex ใช้ง่ายและสามารถใช้ได้ตลอดฤดูปลูกเพื่อป้องกันและควบคุมเพลี้ย ใช้ฉีดพ่นทางใบหรือรดทางดินก็ได้ ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตและความรุนแรงของการเข้าทำลาย อัตราและความถี่ของการใช้จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดเฉพาะของสวนมังคุด

สรุปได้ว่า Butarex เป็นสารกำจัดแมลงทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพสูงเหมาะสำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ยในมังคุด การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของสารออกฤทธิ์ 2 ชนิด ได้แก่ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae ทำให้ได้สารละลายอันทรงประสิทธิภาพที่เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อใช้ Butarex เกษตรกรสามารถได้รับผลผลิตมังคุดที่ดีและมีคุณภาพสูง ในขณะที่ลดผลกระทบของยาฆ่าแมลงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Maca alkaloids เป็นอัลคาลอยด์สกัดจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากคุณสมบัติในการควบคุมศัตรูพืชที่มีประสิทธิภาพสูง อัลคาลอยด์เหล่านี้ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันด้วยหลักการเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อรวมเอาอัลคาลอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช เพลี้ยอ่อนในน้อยหน่า และสามารถยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีเป็นเวลานาน

การใช้สารเคมีในการควบคุมแมลงศัตรูพืชถือเป็นเรื่องปกติมานานหลายปี อย่างไรก็ตาม ด้วยความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ จึงมีความต้องการทางเลือกจากธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น อัลคาลอยด์ Maca เป็นทางเลือกหนึ่งที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมสัตว์รบกวนในขณะที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค

อัลคาลอยด์ของ Maca ทำงานโดยรบกวนระบบประสาทของแมลง ป้องกันไม่ให้พวกมันกินอาหารและทำให้พวกมันตายในที่สุด Maca alkaloids มีวิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งหมายความว่าแมลงมีโอกาสน้อยที่จะพัฒนาความต้านทานต่อสารอัลคาลอยด์เหล่านี้ ทำให้เป็นวิธีการกำจัดแมลงที่มีประสิทธิภาพสูงและยั่งยืน

นอกจากนี้ Maca alkaloids ยังปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินและน้ำ นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ เนื่องจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถส่งผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม และอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย เช่น นก ปลา และแมลงที่มีประโยชน์

นอกเหนือจากคุณสมบัติในการควบคุมสัตว์รบกวนแล้ว Maca alkaloids ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มระดับพลังงาน และเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม ดังนั้น การใช้ Maca alkaloids เป็นวิธีการควบคุมศัตรูพืชจึงไม่เพียงให้ประโยชน์แก่เกษตรกรเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืนและการดำรงชีวิตที่มีสุขภาพดีด้วย

โดยสรุป Maca alkaloids เป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพสูงแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โหมดการดำเนินการที่ไม่เฉพาะเจาะจงและความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมทำให้พวกเขาเป็นโซลูชันการควบคุมศัตรูพืชที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกมันทำให้พวกมันเป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าในการทำฟาร์ม ด้วยเหตุนี้ การใช้ Maca alkaloids จึงเป็นก้าวหนึ่งในการส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืนและโลกที่มีสุขภาพดีขึ้น

การใช้มาคาอัลคาลอยด์ เกษตรกรควรผสมสารละลาย 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันแนะนำให้ฉีดพ่นพืชทุกๆ 15-30 วัน วิธีการนี้สามารถป้องกันและควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม
สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และ ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การต่อสู้กับ Fusarium Wilt ในกล้วย: พลังของ IS และสารประกอบอินทรีย์

โรคเหี่ยว Fusarium เป็นโรคเชื้อราร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อต้นกล้วยทั่วโลก เกิดจากเชื้อรา Fusarium oxysporum f. sp. ลูกบาศก์เมตรและอาจนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตและความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงการใช้สองวิธีที่ได้ผลในการป้องกันและกำจัดโรคเหี่ยว Fusarium ในกล้วย: การใช้ IS และสารประกอบอินทรีย์

IS หรือ "จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ" เป็นส่วนผสมของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ซึ่งสามารถช่วยยับยั้งโรคที่มากับดิน เช่น โรคเหี่ยว Fusarium ผสม IS อัตรา 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วราดลงบนดินสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพดินและลดความเสี่ยงของการเกิดโรค

สารประกอบอินทรีย์ยังสามารถใช้ป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราได้อีกด้วย FK-1 ปุ๋ยอินทรีย์สูตรพิเศษประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยให้สารละลายซึมผ่านดิน การผสม 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองกับน้ำ 20 ลิตรและนำไปใช้กับดินสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพของพืชและป้องกัน Fusarium เหี่ยว

ด้วยการใช้ IS และสารประกอบอินทรีย์ร่วมกัน ผู้ปลูกกล้วยสามารถป้องกันและกำจัดโรคเหี่ยว Fusarium ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้พืชมีสุขภาพดีขึ้นและให้ผลผลิตสูงขึ้น

มะม่วงเป็นผลไม้ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คน แต่ก็มีความเสี่ยงต่อโรคเชื้อราต่าง ๆ เช่น โรคใบไหม้และโรคใบจุด โรคเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลไม้และลดผลผลิตโดยรวมของต้นไม้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อควบคุมโรคเหล่านี้และรักษาสุขภาพของต้นมะม่วง

IS ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์สามารถใช้ป้องกันและกำจัดโรคราในพืชได้ เทคนิคการควบคุมไอออนที่ใช้ใน IS ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชจะดูดซับสารอาหารที่จำเป็นในขณะที่ป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นอันตราย วิธีใช้ IS ใช้ส่วนผสม 50 ซีซี ละลายน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นมะม่วง วิธีนี้จะช่วยป้องกันใบและผลจากโรคใบไหม้และใบจุด

เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด คุณสามารถใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ร่วมกับ IS FK-1 มีธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับต้นมะม่วง

ไนโตรเจนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชและมีหน้าที่ในการเร่งใบเขียว ในทางกลับกันฟอสฟอรัสทำหน้าที่เป็นตัวเร่งดอก เปิดตาดอก และเร่งระบบราก โพแทสเซียมทำหน้าที่เป็นตัวเร่งผลผลิตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคพืช คุณสามารถช่วยให้ต้นมะม่วงเติบโตแข็งแรงและออกผลได้มากขึ้นโดยการรวมสารอาหารที่จำเป็นเหล่านี้เข้าด้วยกัน

ในการใช้ FK-1 ปุ๋ย 1 กล่องหนัก 2 กก. บรรจุ 2 ถุง ๆ ละ 1 กก. ต้องผสมทั้งสองถุงเข้าด้วยกัน ตักถุงละ 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สอง ละลายในน้ำ 20 ลิตร คนส่วนผสมให้เข้ากันแล้วฉีดพ่นลงบนต้นมะม่วง

โดยสรุปแล้ว การป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้และใบจุดในต้นมะม่วงมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพและผลผลิตของต้นมะม่วง การใช้ IS และ FK-1 สามารถช่วยปกป้องต้นไม้จากโรคเชื้อราที่เป็นอันตราย และให้สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและภูมิคุ้มกัน ด้วยมาตรการเหล่านี้ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าต้นมะม่วงของคุณจะออกผลที่อร่อยและดีต่อสุขภาพสำหรับปีต่อๆ ไป

สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

เลื่อนลงล่างอีกนิดมีลิงค์ สำหรับสั่งซื้อกับลาซาด้า หรือช้อปปี้ นะคะ