Beauveria mix Methharicium จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นส่วนผสมของยาฆ่าแมลงที่ใช้สำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ยในต้นกะเพรา ส่วนผสมนี้ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ 2 ชนิด ได้แก่ Beauveria bassiana และ Metharizium anisopliae

Beauveria bassiana เป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งสามารถติดเชื้อและฆ่าแมลงศัตรูพืชต่างๆ รวมถึงเพลี้ย เมื่อฉีดพ่นบนต้นโหระพา สปอร์ของ Beauveria bassiana จะติดกับตัวของเพลี้ยและเจาะทะลุโครงร่างภายนอกของเพลี้ย ซึ่งทำให้พวกมันตายในที่สุด

Metharizium anisopliae เป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่สามารถติดเชื้อและฆ่าแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เมื่อรวมกับบิวเวอเรีย บาสเซียนา ส่วนผสมจะยิ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ย

Methharicium ผสม Beauveria ยี่ห้อ Butarex ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิม ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์ และไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายในต้นโหระพา

ในการใช้บิวทาเร็กซ์ ให้เจือจางส่วนผสมด้วยน้ำตามคำแนะนำของผู้ผลิต แล้วฉีดพ่นลงบนต้นโหระพาที่ได้รับผลกระทบ สิ่งสำคัญคือต้องฉีดพ่นพืชให้ทั่วถึง รวมถึงใต้ใบ ซึ่งเพลี้ยมีแนวโน้มที่จะรวมตัวกัน

โดยรวมแล้ว บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มดีในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในต้นกะเพรา โดยไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตราย สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตทุกครั้งเมื่อใช้ยาฆ่าแมลง รวมถึงบิวทาเร็กซ์ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์สำหรับฉีดพ่นต้นกาแฟ: สูตรเร่งผลผลิต เพิ่มคุณภาพ

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ เป็นปุ๋ยเคมีมาตรฐานสูตรโพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) มุ่งเน้นไปที่การเร่งขนาดผล เพิ่มผลผลิต และยกระดับคุณภาพเมล็ดกาแฟ เหมาะสำหรับใช้ในช่วงระยะขยายขนาดผลจนถึงเก็บเกี่ยว

คุณสมบัติ:

เพิ่มขนาดผลกาแฟ
เพิ่มน้ำหนักผลกาแฟ
เพิ่มเปอร์เซ็นต์เนื้อกาแฟ
ส่งเสริมการสะสมน้ำตาลในผลกาแฟ
ช่วยให้เมล็ดกาแฟแก่สม่ำเสมอ
เพิ่มคุณภาพเมล็ดกาแฟ

อัตราการใช้:

ฉีดพ่น 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นทุก 15-20 วัน
ช่วงเวลาที่เหมาะสม:

หลังดอกบาน 30-45 วัน
ทุกๆ 15-20 วัน จนถึงเก็บเกี่ยว

เทคนิคการฉีดพ่น:

ฉีดพ่นให้ทั่วใบและลำต้น
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น
หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นในสภาพอากาศที่ร้อนจัด

ข้อควรระวัง:

เก็บปุ๋ยในที่แห้ง มิดชิด และพ้นมือเด็ก
สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก
ล้างมือให้สะอาดหลังการใช้

การใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ควบคู่กับปุ๋ยแม็กซ่าและฟาร์มิค ฮิวมิค แอซิด:

ปุ๋ยแม็กซ่า ช่วยเพิ่มคลอโรฟิลล์ เร่งการเจริญเติบโต ใบเขียวเข้ม เพิ่มคุณภาพและผลผลิต

ฟาร์มิค ฮิวมิค แอซิด ช่วยฟื้นฟูระบบราก เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหาร

การใช้ปุ๋ยทั้งสามชนิดร่วมกันจะช่วย:

เร่งการเจริญเติบโตของต้นกาแฟ
เพิ่มผลผลิต
ยกระดับคุณภาพเมล็ดกาแฟ
ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ดิน

ผลลัพธ์:

ต้นกาแฟเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง
ใบเขียวเข้ม ดกหนา
ผลกาแฟมีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี
เปอร์เซ็นต์เนื้อกาแฟสูง
เมล็ดกาแฟแก่สม่ำเสมอ
คุณภาพเมล็ดกาแฟดีเยี่ยม

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ ปุ๋ยแม็กซ่า และฟาร์มิค ฮิวมิค แอซิด เป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟสามารถเพิ่มผลผลิตและยกระดับคุณภาพเมล็ดกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ

🌿ฉีดพ่นทางใบ อัตราผสม 25 กรัม(2ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร

ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (2ช้อนโต๊ะ)

ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)
.
🌳ปุ๋ยทางใบสูตรสูง 3สูตรหลัก ที่ใช้ได้กับทุกพืช
.
∞ ผสมปุ๋ยทางใบเป็นสูตรต่างๆได้ตามต้องการ
» เราพัฒนาระบบคำนวณสูตรผสมปุ๋ยให้ใช้ฟรี
» ใช้ปุ๋ย 3สูตรหลักด้านบน ผสมได้หลากหลายสูตรสูง ใช้ได้กับทุกพืช
£ มีเอกสารแนบวิธีการผสมลงในกล่อง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้:http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

เชื้อราไตรโคเดอร์มา (Trichoderma) เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าสามารถป้องกันและควบคุมโรคพืชได้หลายชนิด เชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่เรียกว่า Trichorex เป็นสูตรเฉพาะสำหรับป้องกันและกำจัดโรคราน้ำค้างในดอกกุหลาบ

โรคราน้ำค้างเป็นโรคเชื้อราที่พบได้ทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อกุหลาบและพืชอื่นๆ ลักษณะเด่นคือมีจุดสีเหลืองหรือน้ำตาลบนใบ รวมถึงมีขนสีขาวที่ด้านล่างของใบ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา โรคราน้ำค้างสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและรุนแรงทำให้พืชอ่อนแอลงหรือทำลายพืชที่ได้รับผลกระทบได้

Trichorex เป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคราน้ำค้างในดอกกุหลาบ ประกอบด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาที่มีชีวิตและเป็นประโยชน์ ซึ่งทำงานเพื่อเอาชนะและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นอันตราย รวมทั้งเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคราน้ำค้าง เมื่อนำไปใช้กับดินรอบฐานของต้นกุหลาบ Trichorex จะตั้งรกรากในระบบรากและสร้างเกราะป้องกันการติดเชื้อ

นอกจากคุณสมบัติในการป้องกันแล้ว Trichorex ยังมีฤทธิ์ในการรักษาและสามารถช่วยกำจัดโรคราน้ำค้างที่มีอยู่ โดยการปล่อยเอนไซม์ที่ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรค และฆ่าพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยรวมแล้ว Trichorex เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องดอกกุหลาบจากโรคราน้ำค้างและโรคเชื้อราอื่นๆ ใช้งานง่ายและสามารถใช้เป็นมาตรการป้องกันหรือรักษาโรคติดเชื้อที่มีอยู่ ด้วยการใช้ Trichorex ชาวสวนสามารถช่วยรักษาสุขภาพและความมีชีวิตชีวาของต้นกุหลาบและเพลิดเพลินไปกับดอกไม้ที่สวยงามและปราศจากโรค

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่าไตรโคเร็กซ์

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาาด้า ้http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

แมลงศัตรูพืชเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อพืชผลทางการเกษตร ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากและผลผลิตลดลง วิธีการกำจัดแมลงแบบดั้งเดิมมักอาศัยสารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม โซลูชั่นที่ก้าวล้ำได้ถือกำเนิดขึ้นในรูปของ Aiki-BT ซึ่งเป็นสารชีวภาพประสิทธิภาพสูงที่สามารถกำจัดหนอนเจาะเมล็ดในต้นทุเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้ บทความนี้เจาะลึกถึงศักยภาพของ Aiki-BT ในฐานะอาวุธทรงพลังในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืช

พลังของ Aiki-BT

Aiki-BT ควบคุมประสิทธิภาพการฆ่าแมลงของแบคทีเรียเพื่อต่อสู้กับแมลงศัตรูพืช ส่วนประกอบที่สำคัญของ Aiki-BT คือสารพิษที่มุ่งเป้าและทำให้แมลงศัตรูพืชเหล่านี้หมดความสามารถ ซึ่งนำไปสู่การตายภายใน 24-48 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดแมลง Aiki-BT ได้รับการออกแบบมาเพื่อกำหนดเป้าหมายศัตรูพืชโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่ามีผลกระทบต่อแมลงที่มีประโยชน์ นก และสัตว์อื่น ๆ น้อยที่สุดซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศ

ประโยชน์สำหรับเกษตรกร

การนำ Aiki-BT มาใช้ถือเป็นข้อได้เปรียบมากมายสำหรับเกษตรกร การกำจัดหนอนเจาะเมล็ดในต้นทุเรียน เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลและเพิ่มศักยภาพของผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนอนเจาะเมล็ดเป็นที่รู้กันดีว่าสร้างความเสียหายให้กับผลทุเรียนเป็นวงกว้าง ส่งผลให้เกษตรกรสูญเสียทางเศรษฐกิจ Aiki-BT นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ตรงเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับศัตรูพืชเหล่านี้ ลดการสูญเสียพืชผลและปรับปรุงผลผลิตโดยรวม

โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของ Aiki-BT คือความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม สารเคมีกำจัดแมลงมักทิ้งสารตกค้างบนพืชผลและในระบบนิเวศโดยรอบ ซึ่งนำไปสู่ความไม่สมดุลของระบบนิเวศในระยะยาว ในทางตรงกันข้าม Aiki-BT จะย่อยสลายตามธรรมชาติและไม่คงอยู่ในสิ่งแวดล้อม จึงมั่นใจได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด การนำ Aiki-BT มาใช้ เกษตรกรสามารถมีส่วนร่วมในการทำการเกษตรแบบยั่งยืนและรักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนของระบบนิเวศในท้องถิ่น

ความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้

อีกแง่มุมที่สำคัญของ Aiki-BT คือโปรไฟล์ความปลอดภัยของผู้ใช้ สารเคมีกำจัดแมลงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเกษตรกรและคนงานในฟาร์ม ซึ่งนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพ ในทางกลับกัน Aiki-BT ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้เนื่องจากองค์ประกอบทางชีวภาพของมัน เกษตรกรสามารถใช้ Aiki-BT ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันและลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยปกป้องเกษตรกร แต่ยังช่วยเพิ่มความยั่งยืนโดยรวมของการปฏิบัติทางการเกษตร

การบูรณาการสู่การจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IPM)

Aiki-BT สอดคล้องกับหลักการของการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (IPM) ซึ่งเป็นวิธีการแบบองค์รวมในการควบคุมศัตรูพืชที่เน้นการปฏิบัติอย่างยั่งยืน ด้วยการรวม Aiki-BT เข้ากับกลยุทธ์ IPM เกษตรกรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการศัตรูพืชในขณะที่ลดการพึ่งพาสารเคมีกำจัดแมลง Aiki-BT ทำหน้าที่เป็นเครื่องมืออันมีค่าในกล่องเครื่องมือ IPM โดยเสนอทางเลือกที่ควบคุมศัตรูพืชให้สมดุลกับความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์

บทสรุป

ในการแสวงหาวิธีแก้ปัญหาการควบคุมศัตรูพืชที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Aiki-BT กลายเป็นสารชีวภาพที่ก้าวล้ำ ประสิทธิภาพในการกำจัดหนอนเจาะเมล็ดในต้นทุเรียนที่มีประสิทธิภาพสูงได้เน้นย้ำถึงศักยภาพในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืชในพืชผลทางการเกษตรต่างๆ ด้วยการควบคุมพลังของแบคทีเรีย Aiki-BT ให้แนวทางเป้าหมายในการควบคุมศัตรูพืช เพิ่มผลผลิตพืชผลในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ยังรับประกันอนาคตที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับเกษตรกร ในขณะที่อุตสาหกรรมการเกษตรยังคงให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน Aiki-BT อยู่ในระดับแนวหน้าในฐานะอาวุธที่ทรงพลังในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืช

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ต้นละมุดมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคเชื้อราซึ่งอาจทำให้พืชเสียหายอย่างมากและทำให้ผลผลิตลดลง อย่างไรก็ตาม การใช้สารประกอบอินทรีย์และ IS อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเหล่านี้

IS หรือ Induced Systemic Resistance เป็นวิธีการเสริมระบบป้องกันตามธรรมชาติของพืชโดยกระตุ้นการผลิตไฟโตอะเล็กซิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ต่อสู้กับเชื้อโรคที่บุกรุกเข้ามา ผสม 50 ซีซี. ของไอเอสกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นต้นละมุดจะช่วยป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราได้

นอกจากนี้การใช้สารอินทรีย์ เช่น FK-1 ยังสามารถช่วยบำรุงต้นและป้องกันโรคเชื้อราได้อีกด้วย FK-1 เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี เมื่อผสมกับน้ำแล้วสามารถฉีดพ่นต้นละมุดเพื่อให้ต้นละมุดเจริญเติบโตแข็งแรงและป้องกันเชื้อราได้

ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรก (ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม) กับ 50 กรัมของถุงที่สอง (ที่มีแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว) ในน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นต้นละมุดเป็นประจำเพื่อให้ต้นละมุดแข็งแรงปราศจากโรครา

การใช้ IS ร่วมกับสารอินทรีย์ เช่น FK-1 ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกละมุดสามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นละมุดแข็งแรงและให้ผลผลิตมากขึ้น

บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ บิวทาเร็กซ์ เป็นสารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดไรแดงในต้นชาและใบชา ไรแดงหรือที่เรียกว่าไรแดงชาเป็นศัตรูพืชทั่วไปในสวนชาและสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อใบชาหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจสอบ

Butarex เป็นการรวมกันของเชื้อราธรรมชาติ 2 ชนิดคือ Beauveria bassiana และ Metharhizium anisopliae เชื้อราเหล่านี้ทำงานโดยการแพร่เชื้อและฆ่าไรแดง ในขณะที่ไม่เป็นอันตรายต่อต้นชาและแมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ

การใช้บิวทาเร็กซ์มีข้อดีหลายประการเหนือสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิม ประการแรก Butarex เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนใบชา สิ่งนี้ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกชาที่ต้องการผลิตชาออร์แกนิกคุณภาพสูง ประการที่สอง บิวทาเร็กซ์มีโหมดการทำงานที่มุ่งเป้าหมาย หมายความว่ามีผลกับไรแดงเท่านั้น ไม่ใช่แมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ สิ่งนี้ช่วยรักษาระบบนิเวศที่ดีในไร่ชา

ในการใช้บิวทาเร็กซ์ ให้ผสมผลิตภัณฑ์กับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนต้นชาและใบชา ปริมาณที่แนะนำและความถี่ในการใช้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระบาดและพันธุ์ชาเฉพาะ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีข้อสงสัย

สรุปได้ว่า บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม ซึ่งวางตลาดภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดไรแดงในต้นชาและใบชา รูปแบบการดำเนินการตามธรรมชาติและวิธีการที่ตรงเป้าหมายทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกชาที่ต้องการผลิตชาออร์แกนิกคุณภาพสูง

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

อะมิโนโปรตีน: สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืชอย่างเหมาะสม

พืชเป็นแหล่งอาหารหลักสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่าพวกมันมีสุขภาพดีและมีประสิทธิผล สารอาหารที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชคืออะมิโนโปรตีน อะมิโนโปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช พวกมันมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชซึ่งมีหน้าที่ในการเจริญเติบโตและกระบวนการพัฒนาของพืชต่างๆ

อะมิโนโปรตีนมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผลทับทิม เนื่องจากช่วยในการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของผลไม้ โปรตีนเหล่านี้ยังช่วยพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของพืช ทำให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ

วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าพืชได้รับอะมิโนโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอคือการใช้ปุ๋ยที่มีอะมิโนโปรตีนเป็นหลัก ปุ๋ยเหล่านี้สามารถผสมกับน้ำฉีดพ่นและนำไปใช้กับพืชเพื่อให้สารอาหารที่จำเป็น ปริมาณปุ๋ยที่ต้องการจะแตกต่างกันไปตามชนิดของพืชและระยะการเจริญเติบโต

สำหรับพืชผัก ควรผสมปุ๋ยอะมิโนโปรตีนในอัตรา 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล อัตราที่แนะนำคือ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับระบบน้ำหยด ควรใช้ปุ๋ย 500 มล. ต่อ 1 ไร่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฉีดพ่นพืชเดือนละสองครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าพืชได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าไม่ควรฉีดพ่นปุ๋ยอะมิโนโปรตีนบนพืชในช่วงออกดอก เนื่องจากการฉีดพ่นในช่วงเวลานี้อาจทำให้การผสมเกสรและผลผลิตลดลง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะฉีดพ่นพืชก่อนที่จะเข้าสู่ระยะออกดอก

โดยสรุป อะมิโนโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืชอย่างเหมาะสม พวกมันมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและกระบวนการพัฒนาของพืชต่างๆ ด้วยการใช้ปุ๋ยที่มีส่วนประกอบของอะมิโนโปรตีน เราสามารถมั่นใจได้ว่าพืชของเราได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เพลี้ยจักกจั่นเขียว เป็นศัตรูพืชสำคัญที่พบได้บ่อยในต้นกระเจี๊ยบเขียว มักสร้างความเสียหายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบอ่อน ลำต้น และฝัก ส่งผลให้ใบเหลือง ยุบ ฝักไม่สมบูรณ์ และร่วงหล่น ส่งผลต่อผลผลิตและคุณภาพของกระเจี๊ยบเขียว

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักกจั่นเขียว สูตรผสมนี้ช่วยทั้งกำจัดศัตรูพืชและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นกระเจี๊ยบเขียว

วิธีการผสมและฉีดพ่น

เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET (ชื่อสามัญ ไดโนเตฟูราน) 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 (เร่งโต เร่งเขียว) 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยจักกจั่นเขียว
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง
สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าหนา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อดีของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5

กำจัดเพลี้ยจักกจั่นเขียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นกระเจี๊ยบเขียวเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง
ใบเขียว ฟู ฝักสมบูรณ์
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของกระเจี๊ยบเขียว
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักกจั่นเขียว ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตกระเจี๊ยบเขียวที่มีคุณภาพดี

หมายเหตุ

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น เกษตรกรควรศึกษาวิธีการใช้ INVET และปุ๋ยสตาร์เฟอร์อย่างละเอียดก่อนใช้งาน

ควรฉีดพ่น INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เมื่อพบการระบาดของเพลี้ยจักกจั่นเขียว ไม่ควรฉีดพ่นล่วงหน้า

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราในต้นเงาะเป็นปัญหาที่สามารถทำให้เกิดความเสียหายในการผลิตเงาะได้ โรคเชื้อรามักจะเกิดจากเชื้อราชนิดต่าง ๆ ที่มีชื่อว่า Colletotrichum gloeosporioides และ Glomerella cingulata เป็นต้น โรคนี้สามารถระบาดในทุกส่วนของต้น เช่น ใบ กิ่ง ผล และลำต้น นอกจากนี้ยังมีโรคเชื้อราอื่น ๆ ที่อาจเป็นปัญหาในการปลูกเงาะได้ เช่น Anthracnose_ Powdery Mildew_ และ Downy Mildew ซึ่งทำให้ต้นเงาะทำให้ผลผลิตลดลง หากคุณพบเงาะของคุณมีอาการเป็นโรคเชื้อรา ควรดำเนินการจัดการเพื่อป้องกันและควบคุมโรคได้ดังนี้:

การรักษาดิน:

รักษาความสะอาดของแปลงปลูกและลดความชื้นในดิน เพราะเชื้อรามักเจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่ชื้น.
ใช้วิธีการพลิกปลูก (crop rotation) เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคในดิน.

การรักษาใบ:

ตัดแต่งใบที่เป็นโรคและทิ้งออกนอกแปลงปลูก.
ไม่ควรให้ใบเงาะเกิดความชื้นมากเกินไป ควรรักษาความรู้สึกเป็นระบบโดยรดน้ำในบริเวณรอบๆ ต้นและไม่ให้น้ำแต่ละครั้งมากเกินไป.

การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช (Fungicides):

การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพ เมื่อพบการระบาดของโรค เช่น เมตาลากอกซิล ไทโบแรน หรือแมนโคเซบ.

การปรับปรุงระบบการจัดการทั่วไป:

การให้ปุ๋ยที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของพืช.
การให้แสงแดดเพียงพอและระบบระบายน้ำที่ดีเพื่อลดความชื้นที่อาจสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการระบาดของเชื้อรา.
ควรตรวจสอบสภาพต้นเงาะของคุณอย่างสม่ำเสมอและดำเนินการป้องกันหรือรักษาโรคทันทีที่พบอาการเป็นโรคเชื้อรา เพื่อประโยชน์ในการรักษาและป้องกันการระบาดของโรคในอนาคต.

.
ไอเอส เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด โรคต้นเงาะ จากเชื้อราหลายชนิด
ไอเอส สามารถป้องกันกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอเอส ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.

โรคใบไหม้ราสีม่วงในพืชหอมใหญ่นั้นคือ โรคที่เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Peronospora destructor หรือในภาษาไทยเรียกว่า ราสีม่วง หรือ Downy mildew ในภาษาอังกฤษ โรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาในสภาพอากาศที่ชื้นและร้อน ซึ่งสภาพอากาศนี้เป็นที่พบมากในบางพื้นที่

ลักษณะอาการของโรคใบไหม้ราสีม่วงบนหอมใหญ่ได้แก่:

ใบเป็นจุดสีเหลือง: ใบพืชที่ติดเชื้อจะแสดงอาการเป็นจุดสีเหลือง ซึ่งเมื่อโรคพัฒนามากขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือดำ

ขนาดของใบเล็กลง: ใบที่ติดเชื้อโรคมักจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ

ใบเป็นคลื่น: ใบอาจมีลักษณะคลุมคลายหรือคลื่นขึ้น

มีเส้นใยสีม่วงที่ด้านหลังใบ: เมื่อกลับหลังใบ อาจพบเส้นใยสีม่วงของเชื้อรา

การจัดการโรคใบไหม้ราสีม่วงในหอมใหญ่สามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้:

การให้น้ำ: รักษาระดับความชื้นในดินให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการให้น้ำในปริมาณมากเกินไปที่อาจทำให้มีความชื้นสูงเป็นที่อยู่ของเชื้อรา

การเลือกใช้พันธุ์ที่ทนทาน: เลือกพันธุ์หอมใหญ่ที่มีความทนทานต่อโรคนี้

การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช (Fungicides): การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดการระบาดของโรคนี้ได้

การหมั่นตรวจสอบและกำจัดใบที่ติดเชื้อ: หากพบใบที่มีอาการติดเชื้อ ควรทำการตัดทิ้งและทำลายเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อรา

การป้องกันและควบคุมโรคใบไหม้ราสีม่วงในหอมใหญ่เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและระมัดระวังเพื่อลดความเสี่ยงในการระบาดของโรคนี้ในสวนของคุณ

.
ไอเอส เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด โรคต้นหอมใหญ่ จากเชื้อราหลายชนิด
ไอเอส สามารถป้องกันกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอเอส ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.