อัลคาลอยด์เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งพบได้ในพืชหลากหลายชนิด พืชชนิดหนึ่งที่มีอัลคาลอยด์คือพืช Maca ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในด้านคุณสมบัติทางยาและการรักษาโรค อย่างไรก็ตาม การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า อัลคาลอยด์ ตรา Maca สามารถใช้ป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในฟักทองได้เช่นกัน

เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กเรียวที่กัดกินใบ ดอก และผลของพืชหลายชนิด รวมทั้งฟักทอง ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล ทำให้ผลผลิตลดลงและผลิตผลที่มีคุณภาพต่ำลง นอกจากนี้ เพลี้ยไฟยังสามารถเป็นพาหะนำโรคพืชได้ ทำให้สถานการณ์ยุ่งยากยิ่งขึ้นสำหรับเกษตรกรและผู้ปลูก

การใช้อัลคาลอยด์ตรา Maca เป็นทางเลือกตามธรรมชาติแทนสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์สำหรับการควบคุมเพลี้ยไฟเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้ม อัลคาลอยด์ใน Maca ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง ทำให้เป็นยาฆ่าแมลงตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ สารเหล่านี้ทำงานโดยรบกวนระบบประสาทของแมลง ทำให้เป็นอัมพาตและตายในที่สุด

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้อัลคาลอยด์ยี่ห้อ Maca ในการควบคุมเพลี้ยไฟคือมีความเป็นพิษต่ำต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมาย ซึ่งแตกต่างจากยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อัลคาลอยด์ยี่ห้อ Maca ถือว่าปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น Maca สามารถช่วยลดการพัฒนาความต้านทานของศัตรูพืช ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับการควบคุมศัตรูพืชในระยะยาว

ในการใช้อัลคาลอยด์ตรา Maca เพื่อควบคุมเพลี้ยไฟในฟักทอง เกษตรกรและผู้ปลูกสามารถใช้สารละลายที่มีอัลคาลอยด์กับพืชที่ได้รับผลกระทบ สามารถทำได้ทั้งแบบฉีดพ่นทางใบหรือผ่านการให้น้ำ การใช้เป็นประจำสามารถช่วยป้องกันเพลี้ยไฟไม่ให้เข้าทำลายพืชผล และลดความเสียหายที่เกิดจากศัตรูพืชเหล่านี้

สรุปได้ว่า การใช้สารอัลคาลอยด์ตรา Maca ในการควบคุมเพลี้ยไฟในผลฟักทองเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน ด้วยการใช้คุณสมบัติในการฆ่าแมลงของอัลคาลอยด์เหล่านี้ เกษตรกรและผู้ปลูกสามารถลดความเสียหายที่เกิดจากเพลี้ยไฟและปกป้องพืชผลของพวกเขาโดยปราศจากผลข้างเคียงด้านลบของสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

บาซิลิสก์ ตรา บาซิเร็กซ์ เป็นบาซิลิสก์สำหรับป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้ในต้นข้าว

หนอนกระทู้ผักเป็นแมลงศัตรูพืชชนิดหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับต้นข้าว ศัตรูพืชเหล่านี้เป็นตัวอ่อนของแมลงเม่ากลางคืนหลายชนิด และสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นข้าวอ่อน ทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็นและผลผลิตลดลง การป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ต้นข้าวแข็งแรงและให้ผลผลิตดี

บาซิลิสก์ ตรา บาซิเร็กซ์ เป็นสารกำจัดแมลงที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้ในต้นข้าว ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ Chlorantraniliprole ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงชนิดใหม่ที่ทำงานโดยทำลายระบบประสาทของแมลง ทำให้เป็นอัมพาตและตายได้

บาซิลิสก์ ตราบาซิเร็กซ์เป็นยาฆ่าแมลงทั่วระบบ หมายความว่าพืชดูดซึมและกระจายไปทั่วเนื้อเยื่อของพืช รวมถึงใบ ลำต้น และราก สิ่งนี้ช่วยป้องกันหนอนผีเสื้อและศัตรูพืชอื่น ๆ ที่โจมตีพืชจากมุมต่าง ๆ ได้อย่างยาวนาน

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์ แบรนด์บาซิเร็กซ์คือกิจกรรมในวงกว้าง ไม่เพียงมุ่งเป้าไปที่หนอนกระทู้ผักเท่านั้น แต่ยังควบคุมศัตรูพืชอื่นๆ ด้วย เช่น หนอนเจาะลำต้น เพลี้ยจักจั่น และหนอนผีเสื้อ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการควบคุมศัตรูพืชหลายชนิดด้วยผลิตภัณฑ์เดียว

บาซิลิสก์ซึ่งเป็นแบรนด์ของบาซิเร็กซ์นั้นง่ายต่อการติดตั้ง โดยมีวิธีการสมัครที่หลากหลาย สามารถใช้ฉีดพ่นทางใบ สารรดดิน หรือสารบำรุงเมล็ด ขึ้นอยู่กับความชอบของเกษตรกรและความรุนแรงของศัตรูพืช นอกจากนี้ยังเข้ากันได้กับยาฆ่าแมลงและปุ๋ยอื่นๆ ส่วนใหญ่ ทำให้เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ในคลังแสงของเกษตรกร

นอกจากประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานแล้ว บาซิลิสก์ แบรนด์บาซิเร็กซ์ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย มีความเป็นพิษต่ำ ซึ่งหมายความว่าปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย เช่น นกและผึ้ง นอกจากนี้ยังมีครึ่งชีวิตสั้นในสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายความว่าไม่คงอยู่ในดินหรือน้ำ ช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

สรุปได้ว่า หนอนกระทู้ผักเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นข้าว การป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้ผักเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ต้นข้าวแข็งแรงและให้ผลผลิตดี บาซิลิสก์ ตราบาซิเร็กซ์เป็นยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายซึ่งสามารถใช้ควบคุมหนอนกระทู้ผักและแมลงศัตรูพืชอื่นๆ กิจกรรมในวงกว้าง ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปกป้องผลผลิตข้าวของตน

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี


ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ การใช้เชื้อ บี ที จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌
ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Trichoderma Trichorex เป็นยี่ห้อของเชื้อราที่เรียกว่า Trichoderma ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในการป้องกันและกำจัดโรคใบจุดในมันเทศญี่ปุ่น

โรคใบจุดเป็นปัญหาที่พบบ่อยในมันเทศ ทำให้เกิดจุดสีเหลืองหรือสีน้ำตาลบนใบ ซึ่งอาจทำให้พืชตายได้ในที่สุด เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความสามารถในการปกป้องพืชจากโรค โดยการผลิตสารเคมีที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราอื่นๆ รวมทั้งเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคใบจุด

เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและควบคุมโรคใบจุดในมันเทศญี่ปุ่น ใช้ง่าย ใช้ได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ เพียงผสมกับน้ำแล้วนำไปใช้กับพืชที่ได้รับผลกระทบ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

นอกจากความสามารถในการควบคุมโรคใบจุดแล้ว เชื้อรา Trichoderma Trichorex ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายสำหรับมันเทศญี่ปุ่น สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของพืช เพิ่มความต้านทานต่อความเครียดและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ นอกจากนี้ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพของมันเทศ ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นและอุดมด้วยสารอาหารมากขึ้น

โดยรวมแล้วเชื้อรา Trichoderma Trichorex เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนที่ต้องการป้องกันหรือรักษาโรคใบจุดในมันเทศญี่ปุ่น เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติ มีประสิทธิภาพ และใช้งานง่าย ซึ่งสามารถช่วยให้พืชผลแข็งแรงและให้ผลผลิตดี

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

คนส่วนใหญ่หันมาทำอาชีพเกษตรกรมากขึ้น มีพืชและสัตว์หลายชนิดที่น่าสนใจผนวกกับการใช้เทคโนโลยีหาความรู้ในการเลี้ยงทำให้เกษตรกรมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น โดยหอยเชอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจมาก และมีคนที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงให้ได้ดูเป็นตัวอย่าง อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจและไม่รู้จักว่าหอยเชอรี่คืออะไร มีกี่แบบ แล้วหอยเชอรี่สีทองที่ได้ยินว่านิยมเลี้ยงกันคืออะไร

ลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันเพื่อกรุยเส้นทางสู่การสร้างเป็นอาชีพได้ในอนาคต ลักษณะทั่วไปของ หอยเชอรี่ หอยเชอรี่สามารถแบ่งหอยเชอรี่ได้ 2 พวก คือ พวกที่มีเปลือกสีเหลืองปนน้ำตาล เนื้อและหนวดสีเหลือง และพวกมีเปลือกสีเขียวเข้มปนดำ และมีสีดำจาง ๆ พาดตามความยาว เนื้อและหนวดสีน้ำตาลอ่อน หอยเชอรี่เจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ลูกหอยอายุเพียง 2 – 3 เดือน จะจับคู่ผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลา หลังจากผสมพันธุ์ได้ 1 – 2 วัน ตัวเมียจะวางไข่ในเวลากลางคืน โดยคลานไปวางไข่ตามที่แห้งเหนือน้ำ เช่น ตามกิ่งไม้ ต้นหญ้าริมน้ำ โคนต้นไม้ริมน้ำ ข้าง ๆ คันนา และตามต้นข้าวในนา ไข่มีสีชมพูเกาะติดกันเป็นกลุ่มยาว 2 – 3 นิ้ว แต่ละกลุ่มประกอบด้วยไข่เป็นฟองเล็ก ๆ เรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม ประมาณ 388 – 3_000 ฟอง ไข่จะฟักออกเป็นตัวหอยภายใน 7 – 12 วัน หลังวางไข่

หอยเชอรี่สีทอง คือ??
สำหรับหอยเชอรี่สีทองที่เราเรียกกันที่จริงคือหอยเชอรี่พันธุ์สนิม หรือ หอยหวานญี่ปุ่นด้วยซึ่งเลี้ยงง่ายเหมือนการเลี้ยงหอยเชอรี่ หอยขมทั่วไป จุดแตกต่างคือมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่ในเมืองไทยแถมเนื้อยังมีความหวานไม่คาว ต่างจากหอยชนิดอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหอยเชอรี่สีดำ หอยโข่ง หรือ หอยขม ทำให้เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงปูนา และเลี้ยงหอยเชอรี่ หันมาเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง และหอยเชอรี่สีทองสนิม กันเป็นจำนวนมาก ถ้าถามหาจุดเริ่มต้นของการเข้ามาของหอยเชอรี่สีทอง และหอยเชอรี่สีทองพันธุ์สนิม ในประเทศไทย ยังไม่มีการระบุแน่นอน แต่เชื่อว่าบางส่วนเป็นพันธ์ที่ได้มาจากทางมาเลเซีย

วิธีการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองแบบเบื้องต้น คนที่สนใจและอยากเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง ขั้นแรกต้องสำรวจตลาดให้แน่ใจว่าจะเอาหอยเชอรี่ของเราไปขายที่ไหนได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะขายได้ตามร้านอาหารอีสาน ร้านส้มตำ หรือตามขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด หรือสามารถขายในร้านอาหารบางแห่งได้ ขั้นตอนเบื้องต้นเริ่มจาก

1.เตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงหอยเชอรี่ เช่น กระชังในบ่อดินธรรมชาติ หรือ บ่อซีเมนต์ ก็ได้ ซึ่งหอยเซอรี่นั้นถือว่าเป็นหอยที่เลี้ยงง่ายและโตไว แถมยังกินเก่ง โดยในขึ้นตอนการเตรียมบ่อนั้นให้เราใส่พืชน้ำ เช่น แหน ผักตบ ผักบุ้ง ทางมะพร้าว เศษไม้ สำหรับไว้ให้หอยเชอรี่เกาะ หรือ ผักพื้นถิ่นที่หาได้ตามธรรมชาติ เพื่อปรัหยัดค่าใช้จ่าย

2.การเตรียมสายพันธุ์ โดยเราสามารถที่จะเลี้ยงจาก พ่อแม่พันธุ์หอยเซอรี่สีทอง หรือ จะเลี้ยงจากไข่ก็ได้ โดยให้สังเกตไข่ของหอยเชอรี่ที่พร้อมเลี้ยงต้องมีสีชมพูแก่ค่อนไปสีเทา และเมื่อนำมาปล่อยในพื้นที่เลี้ยงที่เตรียมไว้ ใช้เวลาในการเลี้ยง ประมาณ 4 เดือน ก็สามารถจับขาย ขนาดประมาณ 50 – 60 ตัว/กิโลกรัมราคากิโลกรัมละ 50 – 80 บาท ขายตามร้านส้มตำ และร้านอาหารอีสานทั่วไป

3.ช่วงแรกของการเลี้ยง หลังจากเอาไข่หอยมาลง ใช้เวลาประมาณ 7 – 15 วัน จะเริ่มฟักเป็นตัว พอฟักเป็นตัวหมดแล้วให้เอามาอนุบาลลงในน้ำ อนุบาลไว้ประมาณ 2 เดือน หรือจะปล่อยไว้ในบ่อประมาณ 3 เดือนก็เอามากินได้เช่นกัน ภาษาชาวบ้านจะบอกว่า หอยหนุ่มสาวเนื้อจะไม่เหนียว แต่ถ้าอายุ 4 เดือน จะเริ่มเป็นพ่อแม่พันธุ์ หอยจะเริ่มขึ้นวางไข่ได้แล้ว เราก็จะคัดออกมาไว้อีกบ่อ เพื่อง่ายต่อการดูแล ส่วนอาหารของหอยหลัก ๆ คือแหนแดงซึ่งต้องเตรียมไว้ในบ่อ

4.อาหารของหอยเชอรี่สีทอง การเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง หรือ พันธุ์สนิม ถ้าไม่ได้ทำเป็นฟาร์ม เกษตรกรปล่อยให้ผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติ ซึ่งจะผสมพันธุ์และให้ไข่ได้ทั้ง 3 ฤดู ถ้าเลี้ยงทั่วไป ก็จะไม่แยกไข่หรือ ลูกออกไปอนุบาล แต่เราเลี้ยงขาย พ่อ แม่พันธุ์ ก็จะแยกลูกตอนหนึ่งเดือนออกไปอนุบาล เพื่อให้ได้ลูกที่สมบูรณ์มากที่สุด โดยอาหารขออหอยเชอรี่สีทองจะกินพืชน้ำทุกชนิดโดยเฉพาะแหนแดงหรือ ถ้าเลี้ยงเป็นฟาร์ม สามารถให้อาหารปลาดุกแทนได้

เคล็ดไม่ลับในการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง ปัญหาหนึ่งที่เจอในการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองในบ่อซีเมนต์น้ำจะเสียบ่อย เทคนิคที่นำมาใช้คือใช้แหนแดงในการบำบัดน้ำ เพราะจะช่วยเพิ่มไนโตรเจน และออกซิเจนในน้ำ รวมทั้งเป็นอาหารของหอยด้วยหรือภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อนจะตัดท่อนอ้อยลงแช่น้ำ เพราะว่าอ้อยมีความหวาน และจุลินทรีย์มันจะกินความหวานเป็นอาหาร ซึ่งจะทำให้น้ำไม่เสีย รายได้จากการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองสูงกว่าเดือนละ 10_000 บาท

ราคาของหอยเชอรี่สีทองในปัจจุบันขายกันที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 400 บาท ระยะเวลาการเลี้ยง จนสามารถขายได้ ประมาณ 4-5 เดือนเป็นอย่างต่ำ ส่วนใครที่ต้องการให้ตัวใหญ่ขึ้นมาอีก ก็เลี้ยงกัน 7-8 เดือน ช่องทางการตลาดสามารถขายได้ทั้งในชุมชนตลาดใกล้บ้าน หรือบางคนใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ โดยขายตั้งแต่ ไข่หอย หอยวัยรุ่น หอยพ่อแม่พันธุ์ ถ้าดูจากคนเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จอย่างดี สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10_000 – 20_000 บาท หรือบางเดือนอาจมีรายได้สูงกว่า 40_000 -50_000 ได้เลยทีเดียว

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการเลี้ยง เทคนิคในการเลี้ยง การตลาดของผู้เลี้ยงเป็นสำคัญด้วย จากการศึกษาพบว่าเนื้อหอยเชอรี่มีโปรตีนสูงถึง 34 – 53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 1.66 เปอร์เซ็นต์ ใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น ส้มตำ หรือทำน้ำปลาจากเนื้อหอยเชอรี่ ใช้ทำเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ สุกร เป็นต้น เปลือกก็สามารถปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินได้ ตัวหอยทั้งเปลือกถ้านำไปฝังบริเวณทรงพุ่มไม้ผล เมื่อเน่าเปื่อยก็จะเป็นปุ๋ยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว และได้ผลผลิตดี รวมถึงข้อมูลจากสถาบันหัวใจและปอดแห่งชาติของแคนาดา ระบุว่า หอยเชอรี่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารจำนวนมาก

อย่างไรก็ดีการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองแม้จะมีโอกาสและช่องทางที่เปิดกว้างแต่คนที่สนใจควรศึกษาหาความรู้จากคนเลี้ยงที่เขาประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราควรรู้คือวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง ปัญหาที่ต้องเจอเช่นเรื่องโรคในหอยเชอรี่ หรือการได้พูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์จะทำให้เราเรียนรู้เรื่องช่องทางการตลาดได้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..ลี้ยง-หอยเชอรี่-ในบ่อปูน-สร้างรายได้หลัก-10000-ต่อเดือน/

FarmKaset.ORG (ฟาร์มเกษตร) รับผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สารปรับสภาพดิน อะมิโนสกัด ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยน้ำ ไตรโคเดอร์มา สำหรับกำจัดโรคพืชจากเชื้อรา บิวเวอร์เรีย เมทาไรเซียม สำหรับป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช เชื้อบีที สำหรับกำจัดหนอน ตามความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยโรงงานที่มีศักยะภาพ และมีกำลังการผลิตลำดับต้นๆของประเทศ

บริการแบบ one-stop-services ติดต่อที่เดียว ได้แบรนด์พร้อมขึ้นทะเบียน พร้อมขายได้เลย เลือกได้ไม่ว่าจะเป็นการ..

OEM เป็นแบรนด์สินค้าของคุณ โดยการเลือกสูตรมาตฐานจากโรงงาน หรือแม้กระทั้งเลือกตราสินค้าจากแคทตาล็อคที่โรงงานได้จดทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว หรือจะใช้แบรนด์ของคุณก็ได้เช่นกัน

ODM แบรนด์ของคุณ กำนดสูตรให้โรคงงานผลิต หรือปรับแต่งจากสูตรมาตฐานให้เป็นไปตามต้องการ พร้อมขึ้นทะเบียน จนพร้อมขายได้อย่างถูกต้อง

สนใจติดต่อคุณปริม
โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

ในฐานะชาวสวน อาจเป็นเรื่องน่าสลดใจที่เห็นการทำงานหนักของคุณสูญเปล่าเมื่อโรคพืชจากเชื้อราเข้าครอบงำพืชผลของคุณ โรคเชื้อราที่พบบ่อยชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อผักคะน้าคือโรคราน้ำค้าง ซึ่งอาจทำให้ใบเหลืองและการเจริญเติบโตแคระแกรน อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีป้องกันและกำจัดที่เหมาะสม คุณสามารถรักษาต้นคะน้าให้แข็งแรงและเจริญเติบโตได้

วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อราคือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า IS IS เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชและสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยกำจัดเชื้อราและป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา ใช้ IS ผสม 50 ซีซี. ของผลิตภัณฑ์กับน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นลงบนต้นคะน้าของคุณ อย่าลืมฉีดพ่นทั้งด้านบนและด้านล่างของใบ รวมถึงลำต้นและดินรอบๆ ต้นไม้

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันโรคพืชจากเชื้อราคือ FK-1 FK-1 เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยให้สารอาหารซึมเข้าสู่พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรก (ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (ที่มีแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว) กับน้ำ 20 ลิตร จากนั้นใช้ส่วนผสมนี้เพื่อรดน้ำต้นคะน้า

เมื่อใช้ทั้ง IS และ FK-1 คุณสามารถให้ต้นคะน้ามีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตที่แข็งแรงและมีสุขภาพดี ในขณะเดียวกันก็ปกป้องต้นคะน้าจากโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราน้ำค้าง ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณเห็นสัญญาณของโรคราน้ำค้างบนต้นคะน้า อย่าเพิ่งสิ้นหวัง – ด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่เหมาะสม คุณสามารถดูแลต้นคะน้าให้เติบโตได้ตลอดฤดูกาล

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราชนิดหนึ่งที่มีผลในการป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ซึ่งเป็นโรคทำลายต้นหม่อนที่พบได้บ่อย โรคใบไหม้หรือโรคแอนแทรคโนสเกิดจากเชื้อราหลายชนิด และอาจส่งผลให้ใบ กิ่ง และผลของต้นหม่อนเสียหายอย่างมาก

เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นสารธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับควบคุมโรคใบไหม้ของต้นหม่อน เป็นเชื้อราที่เป็นประโยชน์ซึ่งตั้งรกรากอยู่ในรากของพืชและช่วยป้องกันจากโรคต่างๆ เชื้อราไตรโคเดอร์มาทำงานโดยการผลิตสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นอันตราย เช่น เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคใบไหม้ นอกจากนี้ยังกระตุ้นการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ทำให้พืชต้านทานโรคได้ดีขึ้น

เชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่มีประสิทธิผลในการควบคุมโรคใบไหม้ของต้นหม่อนโดยเฉพาะคือเชื้อราไตรโคเร็กซ์ ผลิตภัณฑ์นี้มีสปอร์เชื้อราไตรโคเดอร์มาเข้มข้นสูงและนำไปใช้กับรากของต้นไม้โดยตรง สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้ผลิตเมื่อใช้ Trichorex เนื่องจากปริมาณและเวลาที่ถูกต้องมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพของ Trichorex

การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาในการป้องกันสามารถช่วยลดการเกิดโรคใบไหม้ในต้นหม่อนได้ มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับต้นไม้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคหรือกำลังเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาของโรคใบไหม้ นอกจากการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาแล้ว การปฏิบัติตามวัฒนธรรมที่ดี เช่น การตัดแต่งกิ่งและการให้น้ำที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคใบไหม้

สรุปได้ว่าเชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นวิธีการป้องกันและควบคุมโรคใบไหม้ของต้นหม่อนที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Trichorex ยี่ห้อเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคนี้ การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาและปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ดี ทำให้สามารถปกป้องต้นหม่อนจากผลเสียหายของโรคใบไหม้และทำให้ต้นหม่อนเจริญเติบโตและเจริญเติบโตได้ดี

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่าไตรโคเร็กซ์

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย 
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Beauveria Mix Methharicium by Butarex: วิธีแก้ปัญหาเพลี้ยจักจั่นในพืชทุกชนิด

การแนะนำ

สุขภาพและความมีชีวิตชีวาของพืชถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องจากศัตรูพืชและโรคต่างๆ โดยเพลี้ยจักจั่นเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด แมลงขนาดเล็กเหล่านี้สามารถสร้างความหายนะแก่ประชากรพืช ทำให้ใบ ดอก และผลเสียหาย และอาจนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตอย่างมากสำหรับเกษตรกรและชาวสวน เพื่อต่อสู้กับศัตรูพืชเหล่านี้ จึงมีการพัฒนาสารเคมีและสารชีวภาพมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในหมู่พวกเขา Beauveria Mix Methharicium ซึ่งวางตลาดภายใต้แบรนด์ Butarex ได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยจักจั่นในพืชทุกประเภท

ทำความเข้าใจกับบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม

Beauveria Mix Methharicium เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีศักยภาพซึ่งรวมเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติสองสายพันธุ์คือ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae เชื้อราทั้งสองชนิดเป็นสัตว์ก่อโรคที่เป็นที่รู้จักดี ซึ่งหมายความว่าสามารถแพร่เชื้อและฆ่าแมลงได้ เมื่อนำไปใช้กับพืช เชื้อราเหล่านี้จะมุ่งเป้าไปที่ศัตรูพืชและทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมเพลี้ยจักจั่น ซึ่งเป็นวิธีการจัดการศัตรูพืชที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมทำงานอย่างไร?

เมื่อใช้งาน บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมจะเกาะติดกับพื้นผิวของพืช เกิดเป็นชั้นป้องกันที่คงฤทธิ์อยู่ได้เป็นระยะเวลานาน เมื่อเพลี้ยอ่อนหรือจักจั่นสัมผัสกับพื้นผิวที่ผ่านการบำบัดแล้ว สปอร์ของเชื้อราจะติดอยู่กับร่างกายของพวกมัน จากนั้นสปอร์จะงอก เจาะหนังกำพร้าของแมลง และเริ่มเติบโตภายในร่างกายของแมลง สิ่งนี้นำไปสู่การติดเชื้ออย่างช้าๆและค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในระหว่างนั้นเชื้อราจะกินเนื้อเยื่อของศัตรูพืชและทำให้ตายในที่สุด

ข้อดีของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมแตกต่างจากยาฆ่าแมลงเคมีสังเคราะห์ตรงที่ได้มาจากเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม แมลงที่เป็นประโยชน์ และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย

การดำเนินการตามเป้าหมาย: สารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพนี้เลือกเป้าหมายเพลี้ยจักจั่น ลดผลกระทบต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ

กิจกรรมตกค้าง: ชั้นป้องกันของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมยังคงมีประสิทธิภาพเป็นระยะเวลานาน ซึ่งให้การป้องกันอย่างต่อเนื่องต่อการแพร่ระบาดซ้ำ

ความต้านทานลดลง: การกระทำแบบคู่ของเชื้อราสองชนิดที่แตกต่างกันทำให้มีโอกาสน้อยที่ศัตรูพืชจะพัฒนาความต้านทานเมื่อเทียบกับสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีสิ่งมีชีวิตเดี่ยว

การใช้งานที่ง่าย: สามารถใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมผ่านอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป ทำให้สะดวกสำหรับการใช้งานด้านการเกษตรขนาดใหญ่และการทำสวนภายในบ้าน

ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์: Beauveria Mix Methharicium ปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์ รวมถึงสัตว์เลี้ยง จึงเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่สาธารณะ ฟาร์ม และสวนที่อยู่อาศัย

ใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้งานที่แนะนำโดย Butarex:

เวลา: ใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมในช่วงต้นฤดูหรือที่สัญญาณแรกของเพลี้ยอ่อนหรือเพลี้ยจักจั่นเพื่อการควบคุมที่ดีที่สุด

การปกคลุม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าครอบคลุมพื้นผิวของพืชทั้งหมดรวมทั้งด้านล่างของใบซึ่งเพลี้ยจักจั่นมักจะรวมตัวกัน

สภาพแวดล้อม: สภาวะการใช้งานที่เหมาะสม ได้แก่ อุณหภูมิและระดับความชื้นปานกลาง เนื่องจากสภาวะเหล่านี้เอื้ออำนวยต่อการงอกของสปอร์ของเชื้อราและกระบวนการติดเชื้อ

การใช้งานซ้ำ: สำหรับการระบาดที่รุนแรง ให้พิจารณาการใช้งานหลายครั้งตามช่วงเวลาที่แนะนำเพื่อการควบคุมสัตว์รบกวนที่มีประสิทธิภาพ

บทสรุป

Beauveria Mix Methharicium จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Butarex นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนสำหรับการต่อสู้กับเพลี้ยจักจั่นในพืชทุกประเภท สารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ใช้ประโยชน์จากเชื้อราที่ก่อโรคทางพยาธิวิทยา 2 ชนิด ได้แก่ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae เพื่อป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชทั่วไปเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียม เกษตรกร ชาวสวน และบุคคลที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมสามารถปกป้องพืชของตนได้โดยไม่ทำร้ายแมลงที่มีประโยชน์หรือระบบนิเวศโดยรวม

*** มาตรฐานการผลิต ***
✅ มาตรฐาน ห้อง LAB " ISO /IEC17025
✅ สกัดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
✅ วิจัยและคิดค้นสูตรในห้องแล็บที่ได้
มาตรฐาน
✅ ปลอดภัยต่อผู้ใช้ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม
✅ สะดวก ใช้งานง่ายแค่ผสมน้ำพ่นได้เลย

***ปลอดภัยต่อคนและสิ่งแวดล้อม ***

-วิธีใช้-
*ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
**ฉีดพ่นช่วงเวลาแดดอ่อน
***ฉีด ใบ กิ่ง ก้าน ลำต้น และโคนต้น
****ฉีดครั้งละ 3-7 วันแล้วแต่อาการ

ข้อแนะนำ
*****ไม่แน่นำไห้ฉีดร่วมกับสารกำจัดเชื้อรา ไตรโครเดอร์มา

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นองุ่น

เพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชตัวร้ายที่สร้างความเสียหายต่อต้นองุ่น มักพบระบาดในช่วงฤดูฝน เพลี้ยอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้น ทำให้ใบเหลือง เหี่ยวเฉา และอาจตายในที่สุด ส่งผลต่อผลผลิตและคุณภาพองุ่น

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน สูตรผสมนี้ช่วยทั้งกำจัดศัตรูพืชและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นองุ่น

วิธีการผสมและฉีดพ่น
เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET (ชื่อสามัญ ไดโนเตฟูราน) 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยอ่อน
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง
สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าหนา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อดีของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5
กำจัดเพลี้ยอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นองุ่นเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ใบเขียว ฟู
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพองุ่น
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตองุ่นที่มีคุณภาพดี

หมายเหตุ:
อัตราส่วนผสมและวิธีการฉีดพ่นอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและขนาดของพื้นที่
ควรศึกษาข้อมูลและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดก่อนใช้งาน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรได้หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยหอย ศัตรูพืช สำหรับต้นส้ม

เพลี้ยหอย เป็นศัตรูพืชสำคัญที่พบได้บ่อยในสวนส้ม เพลี้ยหอยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้น ทำให้ใบเหลือง เหี่ยวเฉา ผลผลิตด้อยคุณภาพ และอาจตายในที่สุด เกษตรกรจึงต้องหาวิธีป้องกันและกำจัดเพลี้ยหอยอย่างมีประสิทธิภาพ

INVET (ชื่อสามัญ: ไดโนเตฟูราน) เป็นสารกำจัดแมลงชนิดดูดซึม ออกฤทธิ์กว้าง กำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด รวมถึงเพลี้ยหอย INVET มีประสิทธิภาพสูง ออกฤทธิ์เร็ว และยาวนาน

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ประกอบด้วยธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในอัตราที่เหมาะสม ช่วยให้พืชเจริญเติบโต ใบเขียว ออกดอก ออกผล

การผสม INVET กับปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 จึงช่วยทั้งกำจัดเพลี้ยหอยและเสริมสร้างพืชให้แข็งแรง

วิธีการผสมและฉีดพ่น

เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยหอย
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง

สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก แว่นตา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ประโยชน์ของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5

กำจัดเพลี้ยหอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นส้มเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง
ใบเขียว ฟู ผลสมบูรณ์
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของส้ม
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยหอย ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตส้มที่มีคุณภาพดี

หมายเหตุ

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น เกษตรกรควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้งาน
อัตราส่วนการผสมและจำนวนครั้งในการฉีดพ่นอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช ชนิดของแมลงศัตรูพืช และสภาพอากาศ
ควรอ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..