Bacillus Thuringiensis Basirex (Bt) เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินซึ่งผลิตโปรตีนที่เป็นพิษต่อแมลงหลายชนิด รวมทั้งหนอนกระทู้ หนอนกระทู้ผักเป็นศัตรูพืชที่มักส่งผลกระทบต่อต้นกระเจี๊ยบเขียว ทำให้เกษตรกรสูญเสียผลผลิตอย่างมาก บีทีเป็นวิธีการป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้ผักในกระเจี๊ยบเขียวที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช บีทีเป็นสารควบคุมทางชีวภาพที่เฉพาะเจาะจงสำหรับศัตรูพืชบางชนิด และไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์หรือสิ่งแวดล้อม ทำงานโดยการผลิตโปรตีนที่เป็นพิษต่อตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อ ทำให้หยุดกินอาหารและตายในที่สุด บีทียังปลอดภัยสำหรับมนุษย์และสัตว์ เนื่องจากไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายอื่นๆ

สามารถใช้บีทีฉีดพ่นทางใบหรือราดหน้าดินเพื่อกำจัดหนอนกระทู้ในกระเจี๊ยบเขียว สิ่งสำคัญคือต้องใช้บีทีในช่วงต้นฤดูปลูก เนื่องจากหนอนกระทู้ผักสามารถทำลายพืชได้เมื่อพวกมันยังเล็กอยู่ ควรใช้บีทีอีกครั้งหลังจากฝนตกหรือการให้น้ำปริมาณมาก เนื่องจากแบคทีเรียสามารถชะล้างออกไปได้

ข้อดีประการหนึ่งของการใช้บีทีคือไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนต้นกระเจี๊ยบเขียวหรือในดิน สิ่งนี้มีความสำคัญต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม สารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถทิ้งสารตกค้างที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่บริโภคกระเจี๊ยบเขียวหรือต่อสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่

ประโยชน์อีกประการของการใช้บีทีคือสามารถใช้ร่วมกับกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชอื่นๆ เช่น การปลูกพืชหมุนเวียนและการใช้แมลงที่มีประโยชน์ สิ่งนี้สามารถช่วยลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืชโดยรวมและส่งเสริมระบบการเกษตรที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น

สรุปได้ว่า Bacillus Thuringiensis Basirex เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้ผักในกระเจี๊ยบเขียว เป็นสารควบคุมทางชีวภาพที่เฉพาะเจาะจงสำหรับศัตรูพืชบางชนิดและไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่มีประโยชน์หรือสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้บีทีร่วมกับกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชอื่น ๆ เกษตรกรสามารถส่งเสริมระบบการเกษตรที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้นซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้คนและโลก

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ**

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เงาะเป็นผลไม้เมืองร้อนรสอร่อย เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็เป็นอาหารว่างที่หนอนกินใบไม้ชื่นชอบเช่นกัน ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นเงาะและทำให้ผลผลิตลดลง การใช้สารกำจัดศัตรูพืชเป็นวิธีการแก้ปัญหาทั่วไปวิธีหนึ่ง แต่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ด้วย Bacillus Brand Baserex เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันและกำจัดหนอนกินใบในผลเงาะ

Bacillus Brand Baserex เป็นยาฆ่าแมลงทางชีวภาพที่มีพื้นฐานมาจากแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (Bt) บีทีเป็นแบคทีเรียในดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งผลิตโปรตีนคริสตัลซึ่งเป็นพิษต่อแมลงหลายชนิด เมื่อหนอนกินเข้าไป คริสตัลโปรตีนจะแตกตัวในลำไส้ ปล่อยสารพิษที่ทำลายระบบย่อยอาหารและทำให้ตายในที่สุด บีทีไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ และแมลงที่มีประโยชน์มากที่สุด ทำให้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการควบคุมศัตรูพืช

บาซิลลัส ตรา บาซิเร็กซ์ ใช้ฉีดพ่นที่ใบเงาะที่ถูกหนอนผีเสื้อกัดกิน ผลิตภัณฑ์นี้สามารถคงประสิทธิภาพได้นานถึงสองสัปดาห์หลังการใช้ ใช้งานง่ายและไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ ทำให้เกษตรกรรายย่อยและชาวสวนที่บ้านสามารถเข้าถึงได้

ประสิทธิภาพของ Bacillus Brand Baserex ได้รับการพิสูจน์ในการทดลองภาคสนามจำนวนมาก ในการศึกษาหนึ่งที่ดำเนินการในประเทศอินโดนีเซีย ได้ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์กับต้นเงาะที่ถูกมอดเจาะผลซึ่งเป็นแมลงที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับผล ผลการวิจัยพบว่า Bacillus Brand Baserex มีประสิทธิภาพสูงในการลดจำนวนตัวอ่อนของมอดเจาะผลไม้ได้มากกว่า 90%

Bacillus Brand Baserex ยังเข้ากันได้กับแนวทางปฏิบัติในการจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (IPM) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืชและส่งเสริมศัตรูตามธรรมชาติของศัตรูพืช การใช้ Bacillus Brand Baserex เกษตรกรสามารถลดการพึ่งพาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพสำหรับตนเองและชุมชนของพวกเขา

สรุปได้ว่า บาซิลลัส ตรา เบสเร็กซ์ เป็นวิธีการป้องกันและกำจัดหนอนกินใบในผลเงาะที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การใช้งานสามารถช่วยลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืช ส่งเสริมการปฏิบัติด้าน IPM และนำไปสู่การเกษตรที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพในที่สุด

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ**

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือสกุลของเชื้อราที่ทราบกันดีถึงคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของพืช เชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเหี่ยวเหลืองคือ Trichorex

โรคเหี่ยวเหลืองหรือที่เรียกว่า Fusarium wilt เกิดจากเชื้อรา Fusarium และสามารถส่งผลกระทบต่อพืชหลายชนิดรวมถึงดอกดาวเรือง โรคนี้มีลักษณะเฉพาะคือใบของพืชจะเหลืองและเหี่ยวแห้ง เช่นเดียวกับการที่รากพืชกลายเป็นสีน้ำตาลและตาย โรคเหี่ยวเหลืองควบคุมได้ยากและอาจนำไปสู่การสูญเสียพืชผลอย่างมากหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจสอบ

เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นเชื้อราที่ผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันและควบคุมโรคเหี่ยวเหลืองในดอกดาวเรืองโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์นี้ใช้งานง่ายและสามารถใช้กับดินโดยตรงหรือฉีดพ่นทางใบ Trichorex ทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา Fusarium และส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่แข็งแรงและต้านทานโรค

เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันดอกดาวเรืองจากโรคเหี่ยวเหลือง เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลต้นไม้ตามปกติ คุณสามารถช่วยให้ต้นดาวเรืองมีสุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตชีวา หากคุณมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับ Trichorex หรือวิธีใช้ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านพืชที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เชื้อราไตรโคเดอร์มา ตรา Trichorex จึงเป็นทางออกที่เชื่อถือได้สำหรับการป้องกันและกำจัดโรคเหี่ยวเหลืองในดอกดาวเรือง

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่าไตรโคเร็กซ์

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย 
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

อัลคาลอยด์ Maca เป็นอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยใช้หลักการทางเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างส่วนผสมเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพสูง อัลคาลอยด์เหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช เพลี้ยอ่อน และแมลงปากดูดในลำไย ตลอดจนยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในระยะยาว

Maca หรือที่รู้จักกันในชื่อ Lepidium meyenii เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดบนเทือกเขาแอนดีสสูงของเปรู ชนเผ่าพื้นเมืองใช้เป็นแหล่งอาหารและยามานานหลายศตวรรษ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Maca ได้รับความสนใจจากการใช้เป็นสารกำจัดศัตรูพืชตามธรรมชาติ

ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งมีวิธีการออกฤทธิ์เฉพาะที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาของแมลงดื้อยาเมื่อเวลาผ่านไป Maca มีวิธีการดำเนินการที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งหมายความว่ามันส่งผลกระทบต่อแมลงได้หลายวิธี ทำให้ยากต่อการพัฒนาของพวกมัน นอกจากนี้เนื่องจากมะคาเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ จึงปลอดภัยทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค

กระบวนการสกัดอัลคาลอยด์ของ Maca นั้นเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการทางเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อแยกและรวบรวมอัลคาลอยด์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สิ่งนี้ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและตรงเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งสามารถนำไปใช้กับพืชได้โดยตรงเพื่อป้องกันและกำจัดแมลงรบกวน

ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งของการใช้มาคาอัลคาลอยด์เป็นยาฆ่าแมลงคือความสามารถในการยับยั้งการดื้อยา เมื่อเวลาผ่านไป แมลงสามารถพัฒนาความต้านทานต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งทำให้ไม่ได้ผล สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การใช้ยาฆ่าแมลงมากเกินไปและการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Maca มีวิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง จึงทำให้แมลงเกิดการดื้อยาได้ยากขึ้นมาก

นอกจากประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืชแล้ว มะค่ายังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุมากมาย รวมทั้งธาตุเหล็ก สังกะสี และแคลเซียม นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติในการปรับตัว ซึ่งหมายความว่าสามารถช่วยให้ร่างกายรับมือกับความเครียดได้

โดยรวมแล้ว maca alkaloids เป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นในโลกของสารกำจัดศัตรูพืชตามธรรมชาติ ความสามารถในการป้องกันและกำจัดแมลงในขณะที่ยังยับยั้งการดื้อยาทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเกษตรกรและชาวสวน นอกจากนี้ ธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษทำให้ปลอดภัยต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและการบริโภคของมนุษย์ ในขณะที่เรายังคงสำรวจวิธีการอื่นๆ ในการควบคุมสัตว์รบกวน มาค่าอัลคาลอยด์เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มว่าสมควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การปลูกพืชต้องการสิ่งสำคัญหลายอย่างเพื่อให้พืชเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี อีกทั้งการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย ปุ๋ย FK-1 เป็นปุ๋ยที่เหมาะสำหรับอินทผลัมและพืชทุกชนิด โดยมีส่วนประกอบหลักๆ คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี

ส่วนประกอบของ FK-1:

ไนโตรเจน: ช่วยให้พืชเจริญเติบโตและพัฒนาดอกและผล
ฟอสฟอรัส: ช่วยให้ระบบรากของพืชแข็งแรงและเจริญเติบโตดี
โพแทสเซียม: ช่วยให้พืชสามารถดูดธาตุอาหารได้ดีขึ้น
แมกนีเซียม: ช่วยให้พืชมีสีเขียวสดใสและเจริญเติบโตได้ดี
สังกะสี: ช่วยให้พืชสามารถสร้างโปรตีนได้ดีขึ้น

การใช้งาน FK-1 มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

เปิดกล่อง FK-1 จะพบ 2 ถุง และตักถุงละ 50 กรัม
ผสมลงในน้ำ 20 ลิตร และคนให้เข้ากัน
ใช้สารผสมที่ได้รับจากการผสม และฉีดพ่นบนพืช
สำหรับอินทผลัม ควรฉีดพ่น FK-1 ทุกๆ 10-15 วัน

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ

ซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราสามารถส่งผลร้ายแรงต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของต้นมะปราง ทำให้ผลผลิตลดลงและสูญเสียทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การใช้ IS และ FK-1 สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในมะปรางพร้อมทั้งบำรุงต้นได้ด้วย

IS หรือส่วนผสมของสารอินทรีย์สามารถใช้ป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราได้ อัตราการผสมที่แนะนำสำหรับ IS คือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เมื่อนำไปใช้กับต้นมะปราง ส่วนผสมนี้สามารถเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อรา ช่วยให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิต

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ FK-1 บำรุงต้นมะปรางพร้อมทั้งป้องกันโรคเชื้อราได้อีกด้วย เมื่อเปิดกล่อง FK-1 จะพบถุงสองใบ โดยถุงแรกมีธาตุหลักคือไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในขณะที่ถุงที่สองมีธาตุเสริมคือแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว อัตราส่วนผสมที่แนะนำสำหรับ FK-1 คือ 50 กรัมต่อถุงต่อน้ำ 20 ลิตร

เมื่อใช้ทั้ง IS และ FK-1 ผู้ปลูกมะปรางสามารถป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะเดียวกันก็บำรุงต้นด้วย สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้นและพืชผลที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม

บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดศูนย์บริการรับตัวอย่างแห่งใหม่ เพื่อรอบรับงานบริการของผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับ SMEs วิสาหกิจชุมชน และภาคการส่งออกตามหลักมาตรฐานสากล

วันที่ 17 มิ.ย.62 นายนราวิทย์ เปาอินทร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวใน งานวันคล้ายวันสถาปนาบริษัท ครบรอบปีที่ 16 โดยมีแคมเปญ เซ็นทรัลแล็บไทย 17-17 Delivery ส่งง่าย รับเร็ว ลูกค้าพึงใจ โดยกำหนดทิศทางการดำเนินงานในช่วงที่จะก้าวสู่ปีที่ 17 ที่จะเตรียมการขยายความร่วมมือ กับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐภาคเอกชน โดยที่ผ่านได้ให้บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสินค้าให้กับประชาชนในทุกมิติ ทั้งอาหาร ยา เครื่องอำอาง ฯลฯ

โดยจะเริ่มเปิดศูนย์บริการรับตัวอย่างมาตรวจสอบ แห่งใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ที่ จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อเป็นศูนย์รองรับการให้บริการในพื้นที่จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน และให้บริการคำแนะนำ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจทดสอบมาตรฐานสินค้า ผลิตภัณฑ์ชุมชน การฝึกอบรมทางห้องปฏิบัติการ และการสอบเทียบเครื่องมือ

ด้านนายอารยะ โรจนวณิชชากร ที่ปรึกษาสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กล่าวว่า การรับรองมาตรฐานและคุณภาพ ในสินค้ามีความสำคัญมา โดยเฉพาะ อาหาร ยา และเครื่องสำอาง โดยทาง อย. มีข้อกำหนดไว้ว่า ผู้ประกอบการที่จะขอขึ้นทะเบียนกับ อย. ทุกราย จะต้องนำผลิตภัณฑ์ ไปตรวจสอบกับแล็บต่างๆ ที่ได้รับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เพื่อตรวจรับรองคุณภาพ โดยเฉพาะการยืดอายุผลิตภัณฑ์ มีความจำเป็นอย่างมาก ที่ต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์จากแล็บ ว่าผลิตภัณฑ์มีอายุนายเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์อีกด้วย ซึ่งเซ็นทรัลแล็บไทย ก็เป็นหน่วยงานวิเคราะห์ตรวจสอบผลิตภัณฑ์แห่งหนึ่ง ที่ อย.ให้การรับรอง และมีมาตรฐานสากล


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

โรคเชื้อราในต้นแครอทเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการปลูกแครอท และสามารถทำให้พืชเสื่อมเสียได้ โรคเชื้อราที่มักพบในแครอทมีหลายชนิด ดังนี้:

โรครากเน่า (Damping-off): นับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญในระยะเพาะเมล็ด โรคนี้มักเกิดจากเชื้อราในดินเช่น Pythium spp. Rhizoctonia spp. และ Fusarium spp. สามารถป้องกันโรคนี้ได้โดยใช้ดินที่มีการระบายน้ำดี ไม่ให้น้ำมากเกินไป และใช้เมล็ดพันธุ์ที่สุขภาพดี.

โรคใบจุดสนิม (Leaf Spot): มักเกิดจากเชื้อรา Cercospora carotae หรือ Alternaria dauci. ลักษณะของโรคคือใบแครอทจะมีจุดสีน้ำตาลหรือดำ การควบคุมโรคนี้สามารถทำได้โดยการใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช.

โรคใบจุดแครอท (Cercospora Leaf Spot): โรคนี้เป็นผลมาจากเชื้อรา Cercospora carotae ที่ทำให้ใบแครอทเป็นจุดสีน้ำตาล ควบคุมโรคนี้ได้โดยการใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชและการลดการให้น้ำบนใบ.

โรคราน้ำค้าง (Powdery Mildew): โรคนี้ทำให้พืชมีรายเหลือง ลักษณะเชื้อราจะปรากฎเป็นพวงมากะเทาบนใบและส่วนต่างๆของพืช การลดความชื้นและการใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชเป็นวิธีการป้องกัน.

โรคแผลบนใบ (Leaf Blight): โรคนี้มักเกิดจากเชื้อราเช่น Alternaria dauci และ Phoma spp. แสดงอาการเป็นแผลเป็นวงกลมสีน้ำตาลบนใบ การใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืชเป็นวิธีการป้องกัน.

การป้องกันและควบคุมโรคเชื้อราในต้นแครอทค่อนข้างซับซ้อน แต่สิ่งที่สำคัญคือการรักษาพืชในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม_ การเลือกใช้พันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรค และการตรวจสอบและจัดการโรคที่พบเมื่อเริ่มแสดงอาการที่ชัดเจน.

.
ไอเอส เป็นสารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด โรคต้นแครอท จากเชื้อราหลายชนิด
ไอเอส สามารถป้องกันกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชทุกชนิดได้เช่นกัน
.
สั่งซื้อ ไอเอส ได้ที่ ลาซาด้า คลิก http://ไปที่..link.. .
หรือ โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
.

น้อยหน่า (Tomato) เป็นพืชที่ต้องการอาหารเสริมที่เหมาะสมในทุกช่วงอายุเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง ด้วยปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตรที่คัดสรรมาอย่างดี เราสามารถดูแลต้นน้อยหน่าให้เติบโตแข็งแกร่ง และมีผลผลิตมากขึ้น ดังนี้

1. สูตร 30-20-5: เร่งการเจริญเติบโต

สูตรนี้เหมาะสำหรับต้นน้อยหน่าที่อยู่ในช่วงอายุเจริญเติบโต ช่วยให้ต้นเติบโตไวขึ้น ใบเขียวสดใส และสามารถพร้อมที่จะออกดอกและผลผลิตในระยะเวลาที่สั้นๆ สูตร 30-20-5 นี้ประกอบไปด้วยสัดส่วนของไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และ โปแตสเซียม (K) ที่สอดคล้องกับความต้องการของต้นน้อยหน่าในช่วงนี้.

2. สูตรระยะ: เร่งการเจริญเติบโตของรากและการออกดอก

เมื่อต้นน้อยหน่าเข้าสู่ระยะการเจริญเติบโตของรากและการออกดอก สูตรนี้เป็นเลือกที่ดี เน้นไปที่การเสริมสร้างระบบรากที่แข็งแรงและการกระตุ้นให้มีการออกดอกมากขึ้น ความสมดุลของสารอาหารจะช่วยให้ต้นน้อยหน่าสามารถดูแลตัวเองได้มากยิ่งขึ้น สูตรนี้มีส่วนผสมที่เน้นไปที่ฟอสฟอรัส (P) และ โปแตสเซียม (K) เพื่อส่งเสริมการออกดอกและการพัฒนาผล.

3. สูตรระยะขยายขนาด: ผลใหญ่ น้ำหนักดี

ในช่วงเวลาที่ต้นน้อยหน่าขยายขนาดและเจริญเติบโตต่อไป การให้ปุ๋ยสูตรที่เน้นไปที่การพัฒนาผลและเพิ่มน้ำหนักของผลเป็นสำคัญ สูตรนี้มีส่วนผสมที่ตอบโจทย์ความต้องการของต้นน้อยหน่าในช่วงนี้ โดยเน้นไปที่ ฟอสฟอรัส (P) และ โปแตสเซียม (K) เพื่อส่งเสริมการขยายขนาดและเพิ่มน้ำหนักของผล.

การใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตรตามช่วงอายุและความต้องการของต้นน้อยหน่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลผลิต โดยเลือกใช้สูตรที่เหมาะสมจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเลี้ยงปลูกน้อยหน่าของคุณ ร่วมกับปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร แล้วลุ้นสัมผัสประสบการณ์การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพและน้ำหนักมากที่สุด!

🌿ฉีดพ่นทางใบ อัตราผสม 25 กรัม(2ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (2ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)
.
🌳ปุ๋ยทางใบสูตรสูง 3สูตรหลัก ที่ใช้ได้กับทุกพืช
- เร่งโตเร่งต้นเร่งใบเร่งเขียว สูตร 30-20-5
- เร่งระบบราก เร่งดอก สูตร 10-40-10
- เพิ่มผลผลิต ขยายขนาดผล สูตร 15-5-30
.
∞ ผสมปุ๋ยทางใบเป็นสูตรต่างๆได้ตามต้องการ
» เราพัฒนาระบบคำนวณสูตรผสมปุ๋ยให้ใช้ฟรี
» ใช้ปุ๋ย 3สูตรหลักด้านบน ผสมได้หลากหลายสูตรสูง ใช้ได้กับทุกพืช
£ มีเอกสารแนบวิธีการผสมลงในกล่อง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่


📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อปุ๋ยสตาร์เฟอร์ ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อปุ๋ยสตาร์เฟอร์ ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..

ดาวเรืองเป็นไม้ดอกที่ได้รับความนิยมปลูกทั้งเพื่อความสวยงามและประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ทว่าดาวเรืองก็มักถูกคุกคามจากโรคพืชต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบไหม้ โรคใบจุด โรคเน่าดำ โรคราน้ำค้าง สนิม และโรคเชื้อราอื่นๆ โรคเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อต้นดาวเรือง ลดผลผลิต และอาจทำให้ต้นตายได้

การใช้ Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5

การผสม Metalaxyl ซึ่งเป็นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคเชื้อรา กับ Starfer Fertilizer 30-20-5 ปุ๋ยสูตรเร่งโต เร่งเขียว เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในต้นดาวเรือง

ประโยชน์ของการใช้ Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5

ควบคุมโรคเชื้อราได้อย่างครอบคลุม : การผสมผสานนี้สามารถจัดการกับโรคเชื้อราหลายชนิดได้พร้อมกัน
เพิ่มสารอาหาร : ปุ๋ย Starfer Fertilizer 30-20-5 ช่วยให้ต้นดาวเรืองได้รับสารอาหารที่จำเป็น ส่งเสริมการเจริญเติบโต
เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม : การผสม Metalaxyl กับปุ๋ยช่วยให้ต้นดาวเรืองดูดซึมสารเคมีได้ดีขึ้น
เพิ่มผลผลิต : การป้องกันโรคเชื้อราช่วยให้ต้นดาวเรืองมีสุขภาพดี เพิ่มผลผลิต
ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย : การผสมสารเคมีและปุ๋ยเข้าด้วยกันช่วยลดจำนวนครั้งในการฉีดพ่น

วิธีการใช้

ผสม Metalaxyl 50 กรัม กับ Starfer Fertilizer 30-20-5 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นให้ทั่วใบและลำต้น โดยฉีดพ่นทุก 7-10 วัน
ฉีดพ่นตอนเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นตอนแดดจัด

ข้อควรระวัง

สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก และแว่นตา เมื่อผสมและฉีดพ่น
เก็บ Metalaxyl และ Starfer Fertilizer 30-20-5 ให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ห้ามฉีดพ่น Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5 บนแหล่งน้ำ
เก็บขวด Metalaxyl และ Starfer Fertilizer 30-20-5 ให้มิดชิดหลังใช้งาน

การใช้ Metalaxyl ผสม Starfer Fertilizer 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราต่างๆ ในต้นดาวเรือง ช่วยให้ต้นดาวเรืองมีสุขภาพดี เพิ่มผลผลิต และช่วยให้เกษตรกรประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

อัตราส่วนผสม เมทาแลกซิล ป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ และโรคพืชต่างๆจากเชื้อรา
50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของโรคพืชได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..