ศัตรูพืชจัดว่าเป็นปัญหาสำคัญของการกสิกรรม ทั้งนี้เพราะว่ากว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตพืชอาหารของโลกต้องลดลง เนื่องจากการทำลายและการรบกวนของศัตรูพืช ทำให้กสิกรต้องหาหนทางและวิธีการต่างๆ นำมาใช้เพื่อการควบคุมศัตรูพืช พบว่าในแต่ละปีกสิกรได้ใช้จ่ายทั้งเงิน เวลา และความรู้ต่างๆ รวมกันเป็นมูลค่าถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าผลผลิตที่ได้รับ ดังนั้นจึงกล่าวโดยสรุปรวมกันว่าในแต่ละปีกสิกรได้สูญเสียแก่ศัตรูพืช และการควบคุมศัตรูพืชถึงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าผลผลิตรวม (Shaw_ 1982) สำหรับในประเทศไทยก็ได้มีรายงานว่าในแต่ละปีประมาณการสูญเสียผลผลิตพืชถึง 10-30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากศัตรูพืชชนิดต่างๆ (Soontorn et al._ 1996) ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาเกี่ยวกับศัตรูพืช และวิธีการควบคุมเพื่อใช้เป็นพื้นฐานของการจัดการศัตรูพืชในการผลิตพืชให้ได้ผลผลิตตามศักยภาพของพันธุกรรมพืช

ในหัวข้อศัตรูพืชและการป้องกันกำจัดเบื้องต้นนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะเรื่องต่อไปนี้คือ ชนิดของศัตรูพืช แหล่งที่มาของศัตรูพืช สาเหตุการแพร่ระบาดของศัตรูพืช ปัจจัยที่ควบคุมการแพร่ระบาด ความเสียหายเนื่องจากศัตรูพืช ระดับของความเสียหาย หลักการควบคุมศัตรูพืช วิธีการควบคุมศัตรูพืช และหลักปฏิบัติในการศัตรูพืชโดยวิธีใช้สารเคมี

ชนิดของศัตรูพืช
ศัตรูพืช (pest) หมายถึง ปัจจัยชีวภาพ (biotic factors) ในการกสิกรรม ที่ก่อความเสียหายต่อพืชปลูก และเป็นสาเหตุทำให้ศักยภาพของการกสิกรรมลดลง หรืออาจหมายถึงสิ่งมีชีวิตซึ่งทำให้ผลผลิตของพืชปลูกลดลง ศัตรูพืชที่สำคัญได้แก่ แมลง ศัตรูพืช (insect pest) โรคพืช (plant disease) วัชพืช (weed) และ ศัตรูอื่นๆ (other) เช่น นก หนู กระรอก ปู ไรแดง หอยทาก เป็นต้น

แมลงศัตรูพืช
แมลงศัตรูพืช หมายถึงสัตว์ที่มีลำตัวเป็นปล้อง (urthropods) จัดอยู่ในชั้น (class) Insecta ประกอบด้วยสัตว์ประมาณ 26 อันดับ (order) ซึ่งสัตว์เหล่านี้ได้ก่อความเสียหายแก่พืชเพาะปลูก แมลงเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ส่วนศรีษะ (head) อก (thorax) และท้อง (abdomen) ซึ่งบนส่วนอกมี 3 ปล้อง ซึ่งแต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนท้องมี 8-11 ปล้อง แมลงมีผนังหุ้มลำ..

อ่านต่อ http://www.farmkaset..link..

เชื้อรา Trichoderma Trichorex เป็นเชื้อราชื่อ Trichoderma ซึ่งใช้ในการป้องกันและกำจัดโรคราสีชมพูในต้นลำไย

โรคราสีชมพูหรือที่เรียกว่า Botryodiplodia theobromae เป็นปัญหาที่พบบ่อยสำหรับต้นลำไย เนื่องจากอาจทำให้ผล ใบ และกิ่งเสียหายได้อย่างมาก โรคนี้เกิดจากเชื้อราที่ติดเชื้อในเนื้อเยื่อพืชและทำให้มันเน่า ทำให้ผลผลิตพืชลดลงและแม้แต่พืชตาย

เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เป็นวิธีการแก้ปัญหาโรคราสีชมพูในต้นลำไยอย่างได้ผล เชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อนี้มีเชื้อราสายพันธุ์ที่คัดเลือกมาโดยเฉพาะว่ามีความสามารถในการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Botryodiplodia theobromae เมื่อนำไปใช้กับพืช เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex จะเกาะอยู่ที่ผิวของเนื้อเยื่อพืชและผลิตสารเคมีที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราสีชมพู

ประโยชน์ที่สำคัญประการหนึ่งของการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ในการป้องกันและกำจัดโรคราสีชมพูในต้นลำไยคือรูปแบบการทำงานตามธรรมชาติ Trichoderma Trichorex เป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีฆ่าเชื้อรา สิ่งนี้ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรอินทรีย์และผู้ที่มองหาวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนมากขึ้นในการควบคุมโรคราสีชมพู

สรุปได้ว่า เชื้อราไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ เป็นสารละลายที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดโรคราสีชมพูในต้นลำไย โหมดการทำงานตามธรรมชาติและธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกษตรกรอินทรีย์และผู้ที่ต้องการควบคุมโรคที่สร้างความเสียหายนี้ด้วยวิธีที่ยั่งยืน

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

โปรตีนอะมิโนหรือที่รู้จักกันในชื่อกรดอะมิโนเป็นหน่วยการสร้างของโปรตีนและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตีนอะมิโนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช พวกเขามีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชที่ควบคุมการเติบโตการพัฒนาและการสืบพันธุ์ โปรตีนอะมิโนช่วยในการสร้างและขยายตัวของเซลล์เนื้อเยื่อซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช

การศึกษาแสดงให้เห็นว่าโปรตีนอะมิโนมีความจำเป็นสำหรับพืชชนิดต่าง ๆ 18 ชนิดรวมถึงพืชพริก ในพืชพริกโปรตีนอะมิโนช่วยในการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของพืชเช่นใบลำต้นและราก โปรตีนอะมิโนยังมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชซึ่งควบคุมการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของโปรตีนอะมิโนคือความสามารถในการช่วยให้พืชเติบโตอย่างเต็มที่และทำให้ขั้นตอนการออกดอกและผลไม้สมบูรณ์ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรที่พึ่งพาพืชที่มีคุณภาพสูงเพื่อสร้างรายได้ ด้วยการใช้โปรตีนอะมิโนเกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าพืชของพวกเขามีศักยภาพเต็มที่และผลิตผักและผลไม้คุณภาพสูง

ในการใช้โปรตีนอะมิโนพวกเขาสามารถผสมกับน้ำและนำไปใช้กับพืช ปริมาณที่แนะนำสำหรับผักคือ 10-20 มล. ต่อ 20 ลิตรของน้ำในขณะที่สำหรับทุ่งนาพืชที่สูงและไม้ผลปริมาณที่แนะนำคือ 20-40 มล. ต่อ 20 ลิตรของน้ำ หากใช้ระบบชลประทานแบบหยดควรเพิ่ม 500 มล. ต่อ 1 ไร่

มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่าควรฉีดโปรตีนอะมิโนสองครั้งต่อเดือนและไม่ควรฉีดพ่นในช่วงระยะเวลาออกดอกของพืช นี่เป็นเพราะการพ่นโปรตีนอะมิโนในช่วงการออกดอกอาจทำให้พืชผลิตดอกไม้น้อยลงซึ่งสามารถนำไปสู่ผลผลิตที่ลดลง

โดยสรุปโปรตีนอะมิโนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช พวกเขาช่วยในการผลิตฮอร์โมนพืชซึ่งควบคุมการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช ด้วยการใช้โปรตีนอะมิโนเกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าพืชของพวกเขามีศักยภาพเต็มที่และผลิตผักและผลไม้คุณภาพสูง อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องปฏิบัติตามแนวทางการใช้ยาและแอปพลิเคชันที่แนะนำเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า ttps://http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ปลูกลองกองให้ได้ผลผลิตสูงสุดด้วยปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวที่สมดุล ธาตุอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช และมักจะขาดในดินเนื่องจากการใช้มากเกินไป การพังทลาย และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ด้วยการใช้ FK-1 โดยตรงกับใบพืช ผู้ปลูกสามารถมั่นใจได้ว่าพืชผลของพวกเขาสามารถเข้าถึงสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของดิน

ในการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง บรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่น

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีประโยชน์หลายประการสำหรับผู้ปลูกลองกองและอื่นๆ สิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือสามารถเพิ่มผลผลิตและผลผลิตของพืช ซึ่งนำไปสู่การเก็บเกี่ยวที่มากขึ้นและผลกำไรที่สูงขึ้น ส่วนผสมของสารอาหารที่สมดุลยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากและใบที่แข็งแรง ซึ่งสามารถปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของพืชและทำให้พืชต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ยังเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทนการใช้ปุ๋ยทางดินแบบดั้งเดิม ด้วยการลดความจำเป็นในการใช้ดินส่วนเกินและลดการไหลบ่าและการพังทลายของดิน ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสามารถช่วยผู้ปลูกลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนมากขึ้น

สรุปได้ว่าปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลองกองที่ต้องการปรับปรุงผลผลิตและความยั่งยืนของโรงงาน ด้วยการให้ส่วนผสมของสารอาหารที่จำเป็นและสารลดแรงตึงผิวที่จำเป็นอย่างสมดุล FK-1 สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชที่ดี ปรับปรุงการเก็บเกี่ยว และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เหตุใดจึงไม่ลอง FK-1 และดูความแตกต่างที่สามารถสร้างได้ในสวนหรือฟาร์มของคุณเอง

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. และติ๊กต็อก ช้อป http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Beauveria mix Methharicium เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในพืชกัญชา ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae ซึ่งเป็นเชื้อรา 2 สายพันธุ์ที่ติดเชื้อและฆ่าเพลี้ย เพลี้ยเป็นศัตรูพืชทั่วไปของพืชกัญชา ทำให้ใบเสียหายและทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลง

Beauveria ผสม Methharicium ขายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการควบคุมเพลี้ย เชื้อราในส่วนผสมจะติดเชื้อเพลี้ยและฆ่าพวกมันภายในสองสามวัน จากนั้นเพลี้ยที่ตายแล้วก็จะปล่อยสปอร์ของเชื้อราที่สามารถแพร่เชื้อไปยังเพลี้ยอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงได้ และแพร่กระจายการควบคุมไปทั่วพืชผล Beauveria mix Methharicium ปลอดภัยสำหรับใช้กับพืชกัญชาเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและไม่มีสารเคมีอันตรายใด ๆ

ประโยชน์อย่างหนึ่งของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือผลตกค้างของมัน แตกต่างจากสารเคมีกำจัดแมลงที่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ Beauveria ผสม Methharicium ยังคงควบคุมเพลี้ยเป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังการใช้ สิ่งนี้ทำให้เป็นโซลูชั่นที่คุ้มค่าสำหรับการควบคุมเพลี้ยในพืชกัญชา

ข้อดีอีกประการของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือความเข้ากันได้กับกลยุทธ์การจัดการสัตว์รบกวนอื่นๆ สามารถใช้ร่วมกับสารกำจัดศัตรูพืชชีวภาพและสารเคมีกำจัดแมลงอื่น ๆ เช่นเดียวกับการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน เช่น การปลูกพืชหมุนเวียน การให้น้ำที่เหมาะสม และการจัดการพืชที่เหมาะสม

สรุปได้ว่า Beauveria ผสม Methharicium ซึ่งขายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในพืชกัญชา ผลตกค้างและความเข้ากันได้กับกลยุทธ์การจัดการศัตรูพืชอื่น ๆ ทำให้เป็นทางออกที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับผู้ปลูกกัญชา

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Beauveria mix Methharicium จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในต้นงา เพลี้ยสามารถเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกงา ทำให้พืชเสียหายและผลผลิตลดลง แต่ด้วยการใช้บิวทาเร็กซ์ เกษตรกรสามารถจัดการและควบคุมเพลี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือแมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ

Butarex เป็นส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ 2 ชนิด ได้แก่ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae Beauveria bassiana เป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะสารควบคุมทางชีวภาพสำหรับศัตรูพืชหลากหลายชนิดรวมถึงเพลี้ย Methharicium anisopliae เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ในดินซึ่งมีผลกับเพลี้ยอ่อน เช่นเดียวกับแมลงศัตรูพืชอื่นๆ เช่น เพลี้ยไฟและแมลงหวี่ขาว

เมื่อ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae รวมกัน พวกมันจะสร้างฤทธิ์เสริมฤทธิ์กันที่ทำให้ Butarex มีประสิทธิภาพมากกว่าส่วนผสมเพียงอย่างเดียว เชื้อราทั้งสองทำงานร่วมกันเพื่อโจมตีและฆ่าเพลี้ยในระยะต่าง ๆ ของวงจรชีวิตของพวกมัน Beauveria bassiana แพร่เชื้อไปยังเพลี้ยผ่านทางหนังกำพร้า ในขณะที่ Methharicium anisopliae เข้าไปอาศัยในลำไส้ของพวกมัน

บิวทาเร็กซ์มีความปลอดภัยในการใช้และไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย เช่น ผึ้ง ผีเสื้อ หรือแมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ นอกจากนี้ยังไม่มีผลตกค้าง หมายความว่าสลายตัวอย่างรวดเร็วในสิ่งแวดล้อม และไม่สะสมในดินหรือน้ำ

ในการใช้บิวทาเร็กซ์ เกษตรกรควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์นี้จะใช้ฉีดพ่นทางใบกับต้นงา และสิ่งสำคัญคือต้องใช้ในเวลาที่ถูกต้องและในปริมาณที่เหมาะสม เกษตรกรควรใช้อุปกรณ์ป้องกันเมื่อจัดการและใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวหนังหรือดวงตา

สรุปได้ว่า Beauveria ผสม Methharicium ซึ่งขายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในต้นงา การรวมกันของเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 2 ชนิดคือ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae ทำให้เกิดผลเสริมฤทธิ์กันซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าส่วนผสมเพียงอย่างเดียว บิวทาเร็กซ์ปลอดภัยต่อการใช้ ไม่มีผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย และสลายตัวอย่างรวดเร็วในสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ Butarex เกษตรกรสามารถจัดการและควบคุมเพลี้ยในพืชงาของพวกเขาและปรับปรุงผลผลิต

อะมิโนโปรตีนจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด ช่วนในการส้รางฮอร์โมนพืช โตไว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค ทำไห้เกิดการสร้างและขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆของพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบ ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ถ้าหากว่ามีใครซักคนข้าง ๆ คุณกำลังมีอาการอย่าง วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย สิ่งที่คุณจะมองหาและเลือกใช้เป็นอันดับต้น ๆ คงจะหนีไม่พ้นยาดม ยาหอมจากสมุนไพรที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการเหล่านี้ได้อย่างเยี่ยมยอด

เนื่องจากประเทศไทยของเรานั้นอยู่ในเขตร้อนชื้นจึงมีพืชพรรณมากมาย รวมถึงมีสมุนไพรเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการรักษากว่า 1_800 ชนิด เป็นที่ทราบกันดีว่าสมุนไพรไทยอยู่ควบคู่กับการดำเนินชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ การใช้พืชสมุนไพรนั้นสะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของคนไทยที่นำสมุนไพรไทยมาประกอบอาหาร ใช้เป็นยารักษาโรค บำบัดดูแล หรือแม้แต่ใช้ในการเสริมความงาม โดยการใช้ทั้งที่เป็นสมุนไพรสดและสมุนไพรที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์

จากการเปิดเผยข้อมูลด้านการส่งออกสมุนไพรของ ดร.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกสมุนไพรปีละนับแสนล้านบาท โดยสมุนไพรไทยในกลุ่มเสริมอาหารมีมูลค่าการใช้และส่งออกรวมกว่า 80_000 ล้านบาท กลุ่มสปาและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาทเลยทีเดียว

เห็นได้ชัดว่าสมุนไพรไทยหรือผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรมีโอกาสเติบโตในตลาดโลก อีกทั้งกระแสการดูแลตัวเองโดยใช้สมุนไพรนั้นมีมากขึ้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยนั้นเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวและตลาดโลก หลายเว็บไซต์ที่สำรวจและจัดอันดับสินค้าของที่ระลึกของไทยและยกให้ยาจำพวก ยาดม ยาหอมนั้นเป็นของฝากที่ขาดไม่ได้

ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคให้ความสนใจกับสินค้าจากสมุนไพรเท่านั้น รัฐบาลไทยก็มีนโยบายสนับสนุนและยกระดับสมุนไพรไทยออกสู่สายตาชาวต่างชาติ เนื่องจากสมุนไพรไทยเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญ และสามารถสร้างอาชีพเสริมให้เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีสถาบันการวิจัยและสถานศึกษาอีกหลายแห่งได้มีการวิจัยด้านสมุนไพรอย่างต่อเนื่องซึ่งสนับสนุนสมุนไพรไทยให้เติบโตได้มากขึ้น

เมื่อเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ผู้ประกอบการไทยก็ได้พัฒนา และผลิตสินค้าจากสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติอย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะยาดม ยาหม่อง ยาหอม หรือยาอมที่เป็นสินค้ายอดฮิตทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกเหนือจากสรรพคุณทางยาแล้วยังมีบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกในการพกพา

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้เห็นความสำคัญของการเติบโตจากสินค้าไทยประเภทยาเหล่านี้เช่นเดียวกัน จึงสนับสนุนและผลักดันการส่งออกสินค้าที่ทำให้สมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักและสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าไทยให้เป็นที่แพร่หลาย ผู้ประกอบการจากกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ผลิตสินค้าจำพวกยาทาภายนอกนี้ นอกจากจะได้รับรางวัลและการรับรองต่าง ๆ แล้ว ยังได้รับตราการันตีคุณภาพจาก ตราสัญลักษณ์การันตีจาก Thailand Trust Mark หรือ T Mark ที่มีการกำหนดคุณสมบัติสินค้าอย่างมีมาตรฐานและเป็นสากล อันจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการกระจายสินค้าสู่ตลาดอื่นอีกด้วย

เริ่มจากสินค้าที่ผ่านการรับรองจาก T Mark อย่าง ยาอมแก้ไอ ตราห้าตะขาบ จากบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด เมื่อพูดถึงห้าตะขาบ หลายท่านจะต้องนึกซองยาอมสุดเก๋ที่มีภาพตะขาบห้าตัวอยู่ล้อมรอบภาพชายคนหนึ่ง เพราะยาอมห้าตะขาบนั้นอยู่คู่กับครอบครัวคนไทยมานานกว่า 80 ปี ด้วยคุณภาพ ราคา รวมถึงสรรพคุณจากสมุนไพรธรรมชาติแท้ ๆ ซึ่งช่วยให้ชุ่มคอ ละลายเสมหะ และบรรเทาอาการไอนั้น ทำให้ทุกบ้านต่างให้การยอมรับ รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ปัจจุบันห้าตะขาบได้ผลิตสินค้าทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ ยาอมแก้ไอ ยาขมเม็ด ยาเม็ดเบอร์เจ็ด(ยาแก้บิด) และยากวาดมหาจักร์ อีกทั้งยังมีการปรับโฉม เพิ่มรสชาติให้กับยาอมแก้ไขถึง 4 รสชาติอีกด้วย ไม่เพียงคนไทยที่ให้ความสนใจและใช้จริงเท่านั้น แต่ผู้บริโภคหลายประเทศก็ให้ความสนใจไม่แพ้กัน

โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริก ฮ่องกง มาเก๊า และประเทศในแถบอาเซียน บริษัท ห้าตะขาบ หรือซิมเทียนฮ้อ จำกัด ตั้งมั่นด้วยนโยบาย ทำสินค้าที่ดีมีคุณภาพสู่ผู้บริโภค อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีการยกระดับคุณภาพสินค้าสู่สากลด้วยการรับมาตรฐาน GMP หรือมาตรฐานวิธีการที่ดีในการผลิต และยังได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้ใช้ตรา T Mark ซึ่งเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึงคัดสรรภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าไทยในตลาดโลกอีกด้วย

ยาสกัดสมุนไพรที่ได้รับตราสัญลักษณ์ T Mark ต่อมา คือยาหม่องตราถ้วยทอง จากบริษัท ถ้วยทองโอสถ จำกัด แบรนด์รูปถ้วยสีทองที่อยู่เคียงคู่คนไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 เชื่อว่า ยาหม่องตราถ้วยทอง ยาใช้ภายนอกที่ผลิตจากสมุนไพรธรรมชาตินี้จะต้องมีไว้ติดบ้านหรือติดที่ทำงานอย่างแน่นอน ด้วยคุณสมบัติสารพัดประโยชน์ที่จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยกล้ามเนื้อ แมลงกัดต่อย วิงเวียนศีรษะ และคัดจมูกเนื่องจากหวัด เพียงแค่ทาเบา ๆ บริเวณที่คุณต้องการ ตัวยาก็จะซึมสู่ผิว และบรรเทาอาการเหล่านั้นได้อยู่หมัด

อีกทั้งยังมีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ใส่ใจต่อผู้บริโภคทุกช่วงอายุ มีราคาที่เหมาะสม และมีคุณภาพการผลิตที่ได้การรับรองมาตรฐานการผลิตยาที่ดีตามมาตรฐาน PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่มีประเทศสมาชิกในมาตรฐานนี้ทั่วโลก สิ่งเหล่านี้จะเสริมสร้างฐานแห่งคุณภาพสินค้าได้อย่างมั่นคง ปัจจุบันมีผู้นำเข้ายาหม่องตราถ้วยทองมากกว่า 10 ประเทศ เช่น กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กาต้าร์ เยเมน เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรชิ้นถัดมา ได้แก่ ยาน้ำมันเหลืองสมุนไพร น้ำมันหอมระเหยของไทยภายใต้เครื่องหมายการค้า ตรา พัญช์ จากบริษัท สยามไพร-ซิต้า จำกัด เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ผลิตยาใช้ทาภายนอกที่ได้รับตราสัญลักษณ์แห่งคุณภาพจาก T Mark สยามไพร-ซิต้า–สร้างธุรกิจด้วยการผลิตและจำหน่ายยาแผนโบราณที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แมลงสัตว์กัดต่อย บรรเทาอาการแสบร้อนจากไฟไหม้น้ำร้อนลวก บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ และมีการนำมรดกทางภูมิปัญญาตามตำรับยาโบราณของไทยมารังสรรค์ให้เกิดเป็นน้ำมันเหลืองสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์นานัปการ ตัวอย่างสมุนไพรไทยที่เป็นส่วนประกอบของน้ำมันเหลือง ตราพัชญ์ ได้แก่ ไพล น้ำมันยูคาลิปตัส การบูร พิมเสน ขมิ้น เกล็ดสะระแหน่ และน้ำมันกาลพลู ที่ให้ความสดชื่น เย็นสบาย และบรรเทาอาการวิงเวียนได้อย่างดี สยามไพร-ซิต้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรธรรมชาติให้หลากหลาย ควบคู่ไปกับการคืนกำไรให้สู่สังคม ด้วยมาตรฐานการผลิต และมีความใส่ใจต่อผู้บริโภค คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย

ยาอม ยาดม ยาหอม ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรไทยแต่ละแบรนด์นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ความโดดเด่นด้านสมุนไพรของไทย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ยิ่งเห็นเครื่องหมายแห่งมาตรฐานอย่าง T Mark ก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เชื่อมั่นได้เลยว่าสินค้านั้นเป็นสินค้าของคนไทยแท้ ๆ และมีคุณภาพยอดเยี่ยมเพราะผ่านการรับรองมาตรฐานที่เชื่อถือได้ในระดับสากล ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าจากสมุนไพรไทย และยังเพิ่มฐานการผลิต เพิ่มตัวเลขการส่งออกสมุนไพรไทยสู่สายตาประชาคมโลกได้อีกด้วย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

โรคราแป้งเป็นโรคเชื้อราทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อพืชต่าง ๆ รวมทั้งต้นทุเรียน อาจทำให้ใบ ลำต้น และผลเสียหายอย่างมาก ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพลดลง วิธีการแบบดั้งเดิมในการควบคุมโรคราแป้งมักเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีฆ่าเชื้อรา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม ทำให้ได้มีการพัฒนา IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด บทความนี้สำรวจว่า IS กำจัดโรคราแป้งในทุเรียนอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร พร้อมทั้งรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

IS: การควบคุมพลังต้านเชื้อราอินทรีย์

IS เป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่และการเลือกวัตถุดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างระมัดระวังในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ด้วยการทำความเข้าใจวงจรชีวิตและสภาวะการเจริญเติบโตของเชื้อราราแป้ง นักวิจัยได้พัฒนา IS เพื่อกำหนดเป้าหมายกลไกเฉพาะที่ขัดขวางการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช IS จะสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยับยั้งและกำจัดโรคราแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุดิบจากธรรมชาติและคุณลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของ IS คือองค์ประกอบที่ได้มาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าสารต้านเชื้อรานั้นปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย ทำให้ปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ส่วนผสมออร์แกนิก IS ส่งเสริมความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับสารฆ่าเชื้อราแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ IS ยังสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้างที่อาจคงอยู่ในสิ่งแวดล้อม

เพิ่มการยึดเกาะและความทนทาน

IS แสดงคุณสมบัติการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถยึดเกาะกับผิวใบพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสารกำจัดเชื้อราทั่วไป การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันที่ยาวนานขึ้นจากโรคราแป้ง ช่วยลดความจำเป็นในการทาซ้ำบ่อยๆ ลักษณะนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับต้นทุเรียนซึ่งมีใบขนาดใหญ่และมีใบหนาแน่น ทำให้การปกคลุมทั่วถึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อราอื่นๆ

ความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และผู้บริโภค

ความปลอดภัยของเกษตรกร คนงาน และผู้บริโภคมีความสำคัญสูงสุดในการบำบัดทางการเกษตร IS จัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ด้วยการไม่เป็นพิษและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ เกษตรกรสามารถจัดการและใช้ IS ได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันมากมาย ซึ่งช่วยลดการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตราย ยิ่งไปกว่านั้น ธรรมชาติอินทรีย์ของ IS หมายความว่าผลทุเรียนที่เก็บเกี่ยวหลังการบำบัดยังคงปลอดภัยต่อการบริโภค ไม่มีสารเคมีสังเคราะห์ตกค้าง

บทสรุป

IS แสดงถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งในเทคโนโลยีต้านเชื้อราแบบออร์แกนิก ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อกำจัดโรคราแป้งในทุเรียน ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม สารนวัตกรรมนี้ได้รับการคิดค้นขึ้นจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช IS จะสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของโรคราแป้ง ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและความทนทาน ในขณะที่ความต้องการแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังคงเพิ่มสูงขึ้น IS ขอเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มสำหรับเกษตรกรที่ต้องการควบคุมโรคราแป้งอย่างมีประสิทธิภาพในพืชทุเรียนของตน

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ข้าวเป็นอาหารหลักสำหรับประชากรส่วนใหญ่ของโลก และผลผลิตของมันกำลังถูกคุกคามจากโรคเชื้อรา การใช้สารฆ่าเชื้อราสังเคราะห์เป็นแนวทางมาตรฐานในการควบคุมโรคเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม สารเคมีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากมาย จึงมีความสนใจในการใช้สารอินทรีย์ในการควบคุมโรคเชื้อราในต้นข้าวมากขึ้น

โรคเชื้อราเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและคุณภาพของข้าว พวกมันสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อพืช นำไปสู่การสูญเสียผลผลิตและผลกระทบทางเศรษฐกิจ เกษตรกรใช้สารเคมีฆ่าเชื้อราหลายชนิดเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคเหล่านี้ แต่การใช้อาจนำไปสู่มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ เพื่อเอาชนะปัญหาเหล่านี้ นักวิจัยจำนวนมากได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสารประกอบอินทรีย์และการรักษาแบบธรรมชาติเพื่อป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นข้าว ในบทความนี้ เราจะกล่าวถึงการใช้ IS และสารประกอบอินทรีย์เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นข้าว

การใช้ IS แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ดีในการควบคุมโรคเชื้อราในต้นข้าว IS เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ได้จากสาหร่ายทะเลซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติในการต้านเชื้อรา ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นพิษต่อคนและสัตว์ อัตราการผสมที่แนะนำของ IS คือ 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ควรฉีดพ่นลงบนต้นข้าวโดยให้ครอบคลุมทั้งใบ ลำต้น และรวงข้าว นอกจากนี้ยังสามารถผสมกับสารประกอบอินทรีย์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

สารอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นข้าว FK-1 เป็นสารประกอบอินทรีย์ธรรมชาติที่ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์นี้ ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เมื่อใช้ FK-1 ถุงแรกเป็นธาตุหลักซึ่งประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในขณะที่ถุงที่สองมีธาตุเสริมซึ่งประกอบด้วยแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว อัตราส่วนผสมถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร

บทสรุป:
โรคเชื้อราในต้นข้าวอาจสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลผลิตและคุณภาพของพืช การใช้สารเคมีฆ่าเชื้อราอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ดังนั้นการใช้ธรรมชาติบำบัดเช่น IS และสารประกอบอินทรีย์จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่เกษตรกร IS และ FK-1 เป็นสองกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นข้าว การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้ เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืชผลได้ ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากขึ้น

ต้นมะลิมีความไวต่อโรคเชื้อราที่อาจทำให้พืชเสียหายได้ โชคดีที่มีหลายวิธีในการป้องกันและรักษาโรคเหล่านี้ วิธีหนึ่งที่ได้ผลคือการใช้ส่วนผสมของ IS และ FK-1 ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ 2 ชนิดที่สามารถช่วยกำจัดโรคเชื้อราในพืชได้

หากต้องการใช้ IS ให้ผสมสาร 50cc กับน้ำ 20 ลิตร จากนั้นสามารถฉีดพ่นส่วนผสมนี้ลงบนต้นมะลิเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา IS ทำงานโดยเพิ่มการป้องกันตามธรรมชาติของพืช ทำให้มันไวต่อการติดเชื้อราน้อยลง

นอกจากการใช้ IS แล้ว คุณยังสามารถใช้ FK-1 เพื่อบำรุงต้นมะลิและป้องกันโรคเชื้อราได้อีกด้วย ในการใช้ FK-1 ให้ผสม 50 กรัมของถุงแรก (ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม) และ 50 กรัมของถุงที่สอง (ที่มีแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว) กับน้ำ 20 ลิตร ส่วนผสมนี้สามารถใช้กับดินรอบ ๆ ต้นไม้เพื่อให้สารอาหารและช่วยป้องกันโรคเชื้อรา

ด้วยการใช้สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้ คุณสามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคเชื้อราในต้นมะลิได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชเหล่านั้นจะมีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา