โรครากเน่าโคนเน่าที่พบในสวนชมพู่ที่ปลูกในนาแบบยกร่องต่ำและมีช่องระบายน้ำแคบ ทำให้แปลงปลูกแฉะ ระบายน้ำไม่ดี เป็นสภาวะที่เหมาะสำหรับโรคและเชื้อราเข้าทำลายในดิน โรคนี้เกิดจากเชื้อรา Phytophthora cinnamomi โดยชมพู่จะแสดงอาการผลอ่อนร่วง ใบเหลือง ต่อมาใบแห้งเหี่ยว เหลือแต่กิ่ง และยืนต้นตายในที่สุด หรือบางต้นอาจแคระแกร็น ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากระบบรากถูกทำลายและไม่สามารถดูดซับน้ำและแร่ธาตุได้

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราชนิดหนึ่งที่สามารถใช้เป็นยาฆ่าเชื้อราชีวภาพในการป้องกันและควบคุมโรครากเน่าในพืช รวมทั้งชมพู่ เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichorex เป็นเชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่ใช้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เชื้อราที่เป็นประโยชน์นี้จะตั้งรกรากอยู่ในรากของพืชและแข่งขันกับเชื้อโรคเพื่อแย่งชิงพื้นที่และสารอาหาร ช่วยปกป้องพืชจากโรค นอกจากนี้ยังสามารถผลิตเอนไซม์ที่ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและฆ่าพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรวมแล้ว การใช้เชื้อรา Trichoderma Trichorex เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมโรครากเน่าในชมพู่

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

การเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกฝรั่งเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด: ทำความเข้าใจถึงประโยชน์ของปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

ฝรั่ง เป็นผลไม้ยอดนิยมที่ขึ้นชื่อว่ามีรสหวานอมเปรี้ยว อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย เพื่อให้แน่ใจว่าการเก็บเกี่ยวฝรั่งคุณภาพสูงมีความอุดมสมบูรณ์ แนวทางปฏิบัติในการเพาะปลูกที่เหมาะสมและการใช้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ ปุ๋ยชนิดหนึ่งที่ได้รับการยอมรับในการปลูกฝรั่งคือปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ซึ่งมีธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง บรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่น

สารอาหารในปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นฝรั่ง ซึ่งนำไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้นในที่สุด ประโยชน์หลักๆ บางประการของการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ในการปลูกฝรั่งมีดังนี้

ปรับปรุงการดูดซึมธาตุอาหาร: ธาตุอาหารในปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 นั้นพร้อมใช้งานสำหรับต้นฝรั่งในรูปแบบที่สามารถดูดซึมทางใบได้ง่าย สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชได้รับสารอาหารที่จำเป็นในเวลาที่เหมาะสม ส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม

การให้สารอาหารที่สมดุล: ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีอย่างสมดุล ซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพและผลผลิตโดยรวมของต้นฝรั่ง ไนโตรเจนส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบและลำต้น ฟอสฟอรัสกระตุ้นการพัฒนาของรากและการสร้างผล โพแทสเซียมช่วยเพิ่มคุณภาพของผล แมกนีเซียมช่วยในการสังเคราะห์แสง และสังกะสีช่วยเพิ่มความแข็งแรงของพืชโดยรวม

การติดดอกและติดผลที่เพิ่มขึ้น: การใส่ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ในช่วงระยะออกดอกสามารถส่งผลให้ต้นฝรั่งมีการสร้างดอกและติดผลเพิ่มขึ้น สิ่งนี้นำไปสู่จำนวนผลไม้ต่อต้นที่สูงขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยเพิ่มผลผลิตโดยรวม

ความต้านทานโรคที่เพิ่มขึ้น: สารลดแรงตึงผิวที่มีอยู่ในปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ช่วยปรับปรุงกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของพืช ทำให้ต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดีขึ้น สิ่งนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทำให้การปลูกฝรั่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ใช้งานง่าย: การฉีดพ่นทางใบของปุ๋ย FK-1 ทำได้ง่ายและสะดวก ช่วยให้ต้นฝรั่งดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผสมผสานเข้ากับวิธีปฏิบัติในการเพาะปลูกที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับการเพิ่มผลผลิตฝรั่งให้ได้สูงสุด

บทสรุป

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าสำหรับการปลูกฝรั่ง ซึ่งให้ประโยชน์มากมาย เช่น การดูดซึมธาตุอาหารดีขึ้น ธาตุอาหารที่สมดุล เพิ่มการออกดอกและติดผล เพิ่มความต้านทานโรค และใช้งานง่าย เมื่อใช้ตามแนวทางที่แนะนำ สามารถเพิ่มผลผลิตฝรั่งได้สูงสุดและรับประกันการเก็บเกี่ยวผลฝรั่งคุณภาพสูงที่ประสบความสำเร็จ การผสมผสานปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เข้ากับแนวทางปฏิบัติในการปลูกฝรั่ง เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตและผลกำไรของพืชผลได้สูงสุด

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. และ ติ๊กต็อก ช้อป http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Beauveria Mix Methharicium หรือที่รู้จักกันในชื่อ Butarex เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่สามารถใช้ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในพืชมะเขือเทศ เพลี้ยไฟเป็นแมลงขนาดเล็กที่กัดกินใบ ดอก และผลของต้นมะเขือเทศ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล ส่งผลให้ผลผลิตลดลง คุณภาพลดลง และมูลค่าตลาดของมะเขือเทศลดลง

Beauveria Mix Methharicium เป็นการรวมกันของเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae เชื้อราเหล่านี้เป็นเชื้อโรคที่ติดเชื้อและฆ่าเพลี้ยไฟ ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เชื้อรามีสูตรเป็นผงหรือสารแขวนลอยซึ่งสามารถผสมกับน้ำและฉีดพ่นทางใบกับพืชได้

ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมคือความปลอดภัย ซึ่งแตกต่างจากยาฆ่าแมลงที่เป็นสารเคมีสังเคราะห์ มันไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับแมลงที่มีประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรและมักได้รับผลกระทบจากยาฆ่าแมลงแบบดั้งเดิม

ข้อดีอีกประการของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมคือประสิทธิภาพ เชื้อรามีความรุนแรงสูงต่อเพลี้ยไฟและแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมศัตรูพืชได้ดี นอกจากนี้ เชื้อโรคยังคงอยู่ในสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถปกป้องพืชผลได้ยาวนาน

สรุปได้ว่าบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมเป็นสารละลายที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการควบคุมเพลี้ยไฟในต้นมะเขือเทศ การใช้มันสามารถช่วยปรับปรุงผลผลิต คุณภาพ และมูลค่าทางการตลาดของมะเขือเทศ ในขณะที่ลดความเสี่ยงต่ออันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ผู้ปลูกที่มองหาทางเลือกอื่นแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชควรพิจารณา Beauveria Mix Methharicium สำหรับความต้องการในการควบคุมเพลี้ยไฟ

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

ไทยตั้งเป้าหมายในการเป็น ครัวของโลก กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังการเดินหน้าผลักดันเป้าหมายนี้สู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายังคงมีคำถามเกี่ยวกับสินค้าเกษตรปศุสัตว์ วันนี้ นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดคำตอบทุกประเด็นคำถาม โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ที่กรมปศุสัตว์มีกฎหมายควบคุมทั้งในสัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ใช้เป็นอาหารของมนุษย์

ยกตัวอย่างในการเลี้ยงไก่ไข่ ที่มีมาตรฐานฟาร์ม GAP เป็นหลักปฏิบัติสำหรับเกษตรกร ซึ่งโดยปกติแม้จะเลี้ยงไก่ในกรง แต่ก็มีข้อกำหนดว่าต้องเลี้ยงได้กี่ตัวต่อกรง เพื่อให้ไก่อยู่สบายไม่แออัด ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ในการเลี้ยงไก่ไข่แบบไม่ใช้กรงหรือ Cage Free ซึ่งเป็นรูปแบบการเลี้ยงที่กำลังเป็นที่นิยมและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเลี้ยงไก่นอกกรงตับ ภายใต้ระบบการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตรสำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ 5 ประการ ได้แก่ อิสระจากความหิวกระหาย อิสระจากความไม่สบายกาย อิสระจากความเจ็บปวดและโรคภัย อิสระจากความกลัวและไม่พึงพอใจ และอิสระในการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ นับเป็นการยกระดับมาตรฐานที่นำไปสู่มาตรฐานอาหารปลอดภัยให้กับคนไทย และผลักดันการพัฒนาสินค้าปศุสัตว์ทำให้ Cage Free egg เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภค

ที่ผ่านมาพบว่ามี NGOs บางกลุ่ม ที่พยายามบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ไข่ ด้วยการผลิตคลิปวีดีโอโดยใช้ภาพประกอบเป็น ภาพไก่ไข่ที่แออัดในกรงแคบๆ มีภาพไก่ที่อ่อนแอหรือมีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งกระบวนการเลี้ยงที่โบราณไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี แล้วนำมาแชร์ต่อๆกัน สร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม และส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมไก่ไข่ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าการเลี้ยงไก่ไข่ในปัจจุบันนั้นมุ่งเน้นมาตรฐานฟาร์มและความปลอดภัยในอาหารเป็นสำคัญ

ขณะที่การเลี้ยงไก่เนื้อมีมาตรฐานฟาร์มและการดูแลสวัสดิภาพสัตว์กำกับอยู่ โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเลี้ยงกี่ตารางเมตรต่อตัว เพื่อให้มีพื้นที่ให้ไก่ได้อยู่อาศัยกว้างขวาง มีระบบการจัดการแสงสว่างและชั่วโมงการพักผ่อนที่เหมาะสมประมาณ 6-8 ชั่วโมง เหมือนกับคน และมีเวลากิน เวลานอน มีเวลาเล่นคุ้ยเขี่ย ภายใต้การเลี้ยงในโรงเรือนปิดเพื่อป้องกันโรค ซึ่งเป็นหนึ่งในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ และการที่ไก่อยู่ในโรงเรือนปรับอากาศได้ หรือที่เรียกว่าโรงเรือนอีแวป ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับไก่ในแต่ละช่วงวัย ทำให้อยู่สบาย กินอาหารได้ดี เติบโตได้ตามความสามารถของสายพันธุ์ เมื่อไก่ไม่เครียด ไม่ป่วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา เมื่อได้อายุไก่จะถูกขนส่งด้วยระบบรถที่ดูแลเป็นพิเศษ ไก่ต้องไม่ร้อน ไม่มีการทารุณสัตว์ การเข้าเชือดต้องทำให้สลบแบบนุ่มนวล เนื้อไก่ที่บริโภคต้องมาจากการฆ่าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

ส่วนเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนในสัตว์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ย้ำว่าในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต มานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีกฎหมายควบคุม และกรมปศุสัตว์มีการตรวจมาโดยตลอด ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าถ้ากินไก่แล้วจะทำให้มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมาก ทำให้หน้าอกโต เรื่องนี้ขอย้ำว่า ไม่มีจริง และปัญหาส่วนใหญ่เกิดจาก Junk Food จำพวกอาหารทานด่วน อาหารทอด ที่เป็นตัวเพิ่มไขมันในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะอ้วน

สำหรับการเลี้ยงหมูก็อยู่ภายใต้มาตรฐานฟาร์มเช่นกัน โดยมีการคุ้มครองและดูแลสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ฒเลี้ยง และปัจจุบันผู้ประกอบการฟาร์มหมูรายใหญ่ของไทย ได้พัฒนาการเลี้ยงและยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ ด้วยการเปลี่ยนการเลี้ยงแม่หมูแบบยืนซอง เป็นการเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม หรือคอกขังรวมแทน

เรื่องการควบคุมโรค นับว่าเป็นความสำเร็จที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการป้องกันโรคไข้หวัดนกที่ระบาดหนักในช่วงปี 2547 โดยไทยไม่พบการแพร่ระบาดของโรคนี้มาตั้งแต่ปี 2551 เท่ากับไม่เกิดโรคนี้ต่อเนื่องกันมากกว่า 12 ปี ถือว่าดีที่สุดระดับโลก จากมาตรการที่วางไว้ในด้านการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันอย่างดี มีปศุสัตว์อำเภอและเจ้าหน้าที่อาสาปศุสัตว์เข้าดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญคือการป้องกันโรคในสุกร อย่างโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ หรือ ASF ในสุกร ที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เพราะอุตสาหกรรมหมูในประเทศหลายประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ต่างได้รับผลกระทบจากโรคนี้ แต่ไทยเรายังคงสถานะปลอดโรค แม้โรคนี้ไม่มีวัคซีน ไม่มียารักษา แต่ไทยก็สามารถป้องกัน ASF ได้ตั้งแต่ปี 2561 เรียกว่า "เอาอยู่" มาสองปีกว่า เพราะทุกภาคส่วนร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มแข็ง โดยกรมปศุสัตว์ร่วมกับภาคเอกชนในการดำเนินการด้านการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดมาตลอด เมื่อหมูไทยปลอดภัยปลอดเชื้อโรค ASF ทำให้เป็นที่ต้องการของหลายประเทศ แต่ไทยมีการดูแลเรื่องการผลิตหมูอย่างเพียงพอกับการบริโภค มีการจำกัดการส่งออก ไม่ให้มีผลกระทบต่อคนไทย

ความสามารถในการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ที่นำเงินตราเข้าประเทศถึงปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในอาเซียนในด้านการส่งออก เป็นภาพสะท้อนมาตรฐานการผลิตของไทยที่เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก โดยมีสินค้าสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ คือเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีคู่ค้าสำคัญคือสหภาพยุโรป (EU) กับญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยทางอาหาร และสวัสดิภาพสัตว์ ภารกิจทั้งหมดของกรมปศุสัตว์ นอกจากจะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้บริโภค ความอยู่รอดของผู้ผลิตแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจที่ดีของไทย จากการส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก เพื่อเป้าหมาย ครัวของโลก ที่ยั่งยืน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

สับปะรดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ น่าเสียดายที่สับปะรดมีความเสี่ยงต่อโรคยอดเน่า ซึ่งเป็นเชื้อราที่อาจทำให้ผลไม้และพืชเสียหายได้ โรคยอดเน่าเกิดจากเชื้อราหลายชนิดที่สามารถทำลายสับปะรดได้ทุกระยะการเจริญเติบโต

เพื่อป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อรา เช่น โรคยอดเน่า มีวิธีการแก้ปัญหาแบบอินทรีย์สองสามวิธีที่สามารถใช้ได้ หนึ่งในนั้นคือ IS ซึ่งสามารถผสมกับน้ำในอัตรา 50 ซีซีต่อ 20 ลิตร ส่วนผสมนี้สามารถใช้เป็นมาตรการป้องกันหรือรักษาพืชที่ติดเชื้อได้

อีกวิธีหนึ่งคือการใช้สารอินทรีย์ที่สามารถป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารเคมีอันตรายที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์

ในที่สุดก็สามารถบำรุงพืชด้วย FK-1 ซึ่งเป็นส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ส่วนผสมนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและช่วยให้พืชต้านทานการติดเชื้อรา อัตราส่วนผสมที่แนะนำสำหรับ FK-1 คือ 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองผสมกับน้ำ 20 ลิตร

โดยสรุป โรคยอดเน่าอาจเป็นปัญหาสำคัญของชาวไร่สับปะรด แต่มีวิธีอินทรีย์ที่สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราได้ ด้วยการใช้ IS_ สารประกอบอินทรีย์ และ FK-1 เกษตรกรสามารถปกป้องสับปะรดของตนและรับประกันการเก็บเกี่ยวที่สมบูรณ์

โรคกิ่งแห้งหรือที่เรียกว่า โรคกิ่งดำ เป็นปัญหาที่พบบ่อยของชาวสวนทุเรียน เกิดจากเชื้อราซึ่งสามารถติดเชื้อที่ใบและกิ่งของต้นทุเรียนทำให้เนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบตายได้ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ผลผลิตที่ลดลงและแม้กระทั่งการตายของต้นไม้หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล

วิธีการป้องกันและกำจัดโรคกิ่งแห้งที่ได้ผลวิธีหนึ่งคือการใช้สารอินทรีย์ ไอเอส สารประกอบเหล่านี้ทำงานโดยสร้างสภาพแวดล้อมบนใบพืชที่ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยใช้เทคนิคการควบคุมไอออนซึ่งช่วยควบคุมสมดุลของไอออนบนผิวพืช

สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส ผสมกับ FK-1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สารประกอบนี้มีส่วนผสมของแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิวที่ทำงานร่วมกันเพื่อเร่งการงอกใหม่ของพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิต

นอกจากการใช้สารอินทรีย์ ไอเอส กับ FK-1 แล้ว ยังมีขั้นตอนอื่นๆ อีกเล็กน้อยที่ชาวสวนทุเรียนสามารถทำได้เพื่อป้องกันและกำจัดโรคกิ่งแห้ง เหล่านี้รวมถึง:

การตัดกิ่งที่ได้รับผลกระทบ: การตัดกิ่งที่ติดเชื้อออกสามารถช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังส่วนอื่นๆ ของต้นไม้ได้

การทาสารเคลือบป้องกัน: สามารถใช้สารเคลือบป้องกันกับใบและกิ่งก้านของต้นไม้เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อราเข้าทำลายพืช

การปรับปรุงสภาพดิน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าดินมีการระบายน้ำดีและปราศจากความชื้นส่วนเกินสามารถช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราได้

ทำตามขั้นตอนเหล่านี้และใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส ผสมกับ FK-1 เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสามารถป้องกันและกำจัดโรคกิ่งแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและปกป้องต้นทุเรียนจากการติดเชื้อในอนาคต สิ่งนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าพืชผลของพวกเขายังคงแข็งแรงและให้ผลผลิต ซึ่งจะนำไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้นและผลกำไรที่มากขึ้น

เลื่อนลงด้านล่าง เพื่อเลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 ตามช่องทางที่ลูกค้าสะดวกนะคะ

อัลคาลอยด์เป็นกลุ่มของสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งพบในพืชหลากหลายชนิด รวมทั้งต้นมะค่า พบว่ามีคุณสมบัติเป็นยาและกำจัดศัตรูพืชได้หลากหลาย ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าทั้งในด้านการแพทย์และการเกษตร

การใช้อัลคาลอยด์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเกษตรคือการใช้เป็นสารกำจัดศัตรูพืชตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัลคาลอยด์พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยไฟ และเพลี้ยแป้งในทุเรียน ทุเรียนเป็นไม้ผลที่มีมูลค่าสูงในด้านรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติทางโภชนาการ แต่ก็มักจะถูกรบกวนจากแมลงศัตรูพืชทั่วไปเหล่านี้

การใช้อัลคาลอยด์เป็นยาฆ่าแมลงในการปลูกทุเรียนกำลังได้รับความนิยมในหมู่เกษตรกรเนื่องจากประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งแตกต่างจากยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ อัลคาลอยด์เป็นธรรมชาติและย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า นอกจากนี้ยังมีโอกาสน้อยที่จะนำไปสู่การพัฒนาของศัตรูพืชที่ดื้อยาฆ่าแมลง

อัลคาลอยด์ยี่ห้อหนึ่งที่นิยมใช้กำจัดแมลงศัตรูทุเรียนคือ มาคา แบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูงจากธรรมชาติ และประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ยไก่แจ้เพลี้ยไฟ และเพลี้ยแป้ง สารอัลคาลอยด์ มาคา ทำหน้าที่เป็นสารยับยั้งแมลงศัตรูพืชตามธรรมชาติ ป้องกันไม่ให้แมลงกินต้นทุเรียนและทำให้ผลเสียหาย

การใช้อัลคาลอยด์ มาคา ในการกำจัดศัตรูพืชนั้นเกษตรกรสามารถใช้ผลิตภัณฑ์โดยตรงกับต้นทุเรียน อัลคาลอยด์จะถูกต้นไม้ดูดซับไว้ ทำให้ไม่ดึงดูดแมลงศัตรูพืช วิธีการกำจัดศัตรูพืชนี้ไม่เพียงมีประสิทธิภาพ แต่ยังปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์อีกด้วย

โดยสรุป อัลคาลอยด์เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในการเกษตรสำหรับการควบคุมศัตรูพืช และแบรนด์ มาคา เป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำในด้านนี้ อัลคาลอยด์ตามธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไก้แจ้ เพลี้ยไฟ และเพลี้ยแป้งในทุเรียน ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและปลอดภัยสำหรับเกษตรกร ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการทำฟาร์มแบบธรรมชาติและยั่งยืน การใช้อัลคาลอยด์ในการควบคุมศัตรูพืชจึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Maca alkaloids เป็นอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยใช้หลักการทางเทคโนโลยีขั้นสูง สารอัลคาลอยด์เหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยอ่อนในต้นถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังพบว่าอัลคาลอยด์ของ Maca สามารถยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีในระยะยาว

Maca เป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาค Andean ของอเมริกาใต้ พืชชนิดนี้ถูกใช้มานานหลายศตวรรษโดยชนพื้นเมืองเพื่อสรรพคุณทางยา เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิจัยได้ค้นพบว่ามะค่ามีสารอัลคาลอยด์ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง

กระบวนการสกัดอัลคาลอยด์ของ Maca เป็นกระบวนการทางเทคนิคขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับการเลือกอัลคาลอยด์อย่างระมัดระวังที่มีฤทธิ์ฆ่าแมลงสูงสุด อัลคาลอยด์เหล่านี้จะถูกทำให้เข้มข้นเพื่อสร้างยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพสูง

ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งของการใช้มาคาอัลคาลอยด์คือมีวิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งหมายความว่ายาฆ่าแมลงไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่ศัตรูพืชเฉพาะเจาะจง แต่ออกฤทธิ์กับแมลงหลายชนิด สิ่งนี้จะป้องกันไม่ให้แมลงปรับตัวเข้ากับยาฆ่าแมลงและเกิดการดื้อยา ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้สารเคมีกำจัดแมลงในระยะยาว

นอกจากนี้ Maca alkaloids ไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ ทำให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือสารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

นอกเหนือจากคุณสมบัติในการฆ่าแมลงแล้ว ยังพบว่า maca alkaloids ยังมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย ตัวอย่างเช่น มีการแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านมะเร็ง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้อัลคาลอยด์ Maca เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าทั้งในด้านการเกษตรและการแพทย์

โดยรวมแล้ว maca alkaloids เป็นวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยในพืชตระกูลถั่วเหลือง วิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจงและไม่มีสารพิษตกค้างทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืนแทนการใช้สารเคมีกำจัดแมลง เนื่องจากความต้องการแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น Maca alkaloids มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากขึ้นสำหรับเกษตรกรและนักวิจัย

การใช้มาคาอัลคาลอยด์ เกษตรกรควรผสมสารละลาย 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันแนะนำให้ฉีดพ่นพืชทุกๆ 15-30 วัน วิธีการนี้สามารถป้องกันและควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และ ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์สำหรับโรคใบจุดในกระเจี๊ยบเขียว

การแนะนำ:

โรคใบจุดคือการติดเชื้อราทั่วไปที่ส่งผลต่อสุขภาพและผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียว วิธีการทั่วไปในการควบคุมการติดเชื้อรามักเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม จึงได้คิดค้นสูตรน้ำยาต้านเชื้อราอินทรีย์ที่มีชื่อว่า "IS" IS ได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมดและได้แสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ในขณะเดียวกันก็รับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

เทคโนโลยีเบื้องหลัง IS:

IS ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมบนพื้นผิวใบพืชที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา แนวทางใหม่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการกับสภาพแวดล้อมรอบๆ โรงงาน ทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อราก่อโรค ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา IS จึงยับยั้งการพัฒนาของโรคใบจุดในต้นกระเจี๊ยบเขียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประสิทธิภาพสูงในการดับเชื้อรา:

ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างระมัดระวัง ผู้สร้าง IS ได้ระบุและเลือกสารดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อรา สารเหล่านี้ได้มาจากแหล่งธรรมชาติและผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพต่อเชื้อราหลากหลายสายพันธุ์ที่มักส่งผลกระทบต่อต้นกระเจี๊ยบเขียว การใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับโรคใบจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มความยึดมั่นและความปลอดภัย:

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ IS แตกต่างจากการรักษาด้วยยาต้านเชื้อราทั่วไปคือความสามารถในการยึดติดกับพื้นผิวของใบพืชได้ดีขึ้น การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ยังคงอยู่ ช่วยป้องกันการติดเชื้อราได้ยาวนานขึ้น เมื่ออยู่บนพื้นผิวใบ IS จะป้องกันการเพิ่มจำนวนของเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค

นอกจากนี้ IS ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากได้มาจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด จึงช่วยขจัดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสารเคมีสังเคราะห์ เกษตรกรและชาวสวนสามารถใช้ IS ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีสารตกค้างที่เป็นอันตรายในพืชผลหรือผลกระทบทางลบต่อดินและแหล่งน้ำ สูตรที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปกป้องพืชผลของพวกเขาในขณะที่ส่งเสริมความยั่งยืนและความสมดุลของระบบนิเวศ

บทสรุป:

IS แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการแก้ปัญหาเชื้อราอินทรีย์ในการควบคุมโรคใบจุดในต้นกระเจี๊ยบเขียว ด้วยการใช้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาล่าสุด IS นำเสนอทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแทนสารเคมีสังเคราะห์ ความสามารถในการควบคุมสภาพแวดล้อมบนผิวใบพืชทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา และยับยั้งโรคใบจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการยึดเกาะและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น IS ให้การปกป้องที่ยาวนานในขณะที่ลดผลกระทบต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม การนำระบบสารสนเทศมาใช้ในการปฏิบัติทางการเกษตรช่วยให้มั่นใจได้ถึงสุขภาพและผลผลิตที่ต่อเนื่องของต้นกระเจี๊ยบเขียว ในขณะที่ใช้วิธีการทำฟาร์มแบบยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์เพื่อกำจัดโรคเหี่ยวเหลืองในดอกดาวเรือง

ดอกดาวเรืองซึ่งมีสีสันสดใสและกลิ่นหอมอันน่าหลงใหลได้รับการชื่นชมในสวนและการจัดดอกไม้มาช้านาน อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ที่สวยงามเหล่านี้ไม่รอดพ้นจากการคุกคามของการติดเชื้อรา โดยเฉพาะโรคเหี่ยวเหลือง ซึ่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อต้นดาวเรือง เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ นักวิจัยได้พัฒนาสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่มีชื่อว่า IS ซึ่งสกัดจากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นนี้เป็นผลจากการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม ควบคุมและยับยั้งเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบโซลูชั่นที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องต้นดาวเรือง

IS ทำงานโดยใช้คุณสมบัติต้านเชื้อราผ่านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งมีเป้าหมายที่สิ่งแวดล้อมบนผิวใบพืช ด้วยการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของเชื้อรา ระบบ IS ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการอยู่รอดและความมีชีวิตชีวาของต้นดาวเรือง ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ IS อยู่ที่ความสามารถในการเลือกเป้าหมายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นเชื้อรา ในขณะที่รักษาสุขภาพและความปลอดภัยของโรงงานและสภาพแวดล้อม

คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของ IS คือประสิทธิภาพสูงในการดับการติดเชื้อรา จากการวิจัยอย่างพิถีพิถัน นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุสารประกอบเฉพาะภายในสารที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่มีศักยภาพ สารเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อขัดขวางการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเชื้อรา กำจัดโรคเหี่ยวเหลืองและโรคเชื้อราอื่น ๆ ที่คุกคามพืชดอกดาวเรืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกเหนือจากประสิทธิภาพที่โดดเด่นแล้ว IS ยังช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสารกับพื้นผิวของใบพืช ลักษณะเฉพาะนี้ช่วยให้ครอบคลุมและป้องกันได้มากขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกส่วนของโรงงานได้รับการปกป้องจากการโจมตีของเชื้อราที่อาจเกิดขึ้น โดยการสร้างเกราะป้องกันบนผิวใบ ระบบ IS ป้องกันการเข้ามาและการตั้งรกรากของเชื้อราที่เป็นอันตรายอย่างแข็งขัน เพื่อรักษาสุขภาพและความแข็งแรงของต้นดาวเรือง

นอกจากนี้ IS ยังมาจากส่วนผสมจากธรรมชาติ ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ ไม่เหมือนกับสารฆ่าเชื้อราที่ใช้สารเคมีหลายชนิดในท้องตลาด IS ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์หรือระบบนิเวศ ชาวสวน ชาวไร่ และชาวสวนสามารถใช้ระบบ IS ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสารพิษ

การพัฒนา IS แสดงถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านสารต้านเชื้อราอินทรีย์ ความสามารถในการควบคุมและกำจัดโรคเหี่ยวเหลืองในต้นดาวเรืองแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของการแก้ปัญหาทางธรรมชาติในการเกษตรและพืชสวน IS นำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพแทนการบำบัดด้วยสารเคมีทั่วไป ลดการพึ่งพาสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นอันตรายและส่งเสริมแนวทางที่ดีต่อสุขภาพและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในการปกป้องพืช

ในขณะที่เรามุ่งมั่นเพื่อการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยมากขึ้นในการเกษตร การนำ IS มาใช้ทำให้เราเข้าใกล้การบรรลุความสมดุลที่สอดคล้องกันระหว่างสุขภาพของพืชและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้พลังจากธรรมชาติ เราสามารถปกป้องต้นดาวเรืองของเราและบำรุงความงามที่พวกเขานำมาสู่สวนของเรา ในขณะที่รักษาระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนที่อยู่รอบตัวเรา

โดยสรุป IS เป็นสารต่อต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ปฏิวัติวงการซึ่งให้วิธีแก้ปัญหาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการกำจัดโรคเหี่ยวเหลืองในต้นดาวเรือง ผ่านการวิจัยและพัฒนาที่ล้ำสมัย ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ควบคุมและยับยั้งเชื้อราโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมบนผิวใบพืช ด้วยประสิทธิภาพสูง การยึดเกาะที่ดีขึ้น และความปลอดภัยของผู้ใช้ IS กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับสารต้านเชื้อราอินทรีย์ เมื่อเลือก IS ชาวสวนและผู้ปลูกสามารถปกป้องดอกดาวเรืองได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ทำให้มั่นใจได้ว่าดอกดาวเรืองจะสวยงามและมีชีวิตชีวาต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน