การแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง เกิดจากการใช้ท่อนพันธุ์ที่เป็นโรค และแมลงหวี่ขาวยาสูบนำเชื้อไวรัสจากต้นเป็นโรคไปสู่ต้นปกติ หากพบการระบาดต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ / สำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านทันที!!! เพื่อตรวจวินิจฉัย

อย่างไรก็ดี มี 3 หลักการปฏิบัติเพื่อกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง คือ
1) สำรวจแปลงอยู่เสมอ
2) กำจัดต้นเป็นโรค
3) คัดเลือกท่อนพันธุ์สะอาด

อ้างอิง
สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมการเกษตร จัดทำโดยศูนย์วิทยบริการ เพื่อส่งเสริมการเกษตร

สินค้าจากฟาร์มเกษตร

ดังที่กล่าวไว้ตามข้อมูลในคลิปวีดีโอ โรคใบด่างมันสำปะหลังนั้น เป็นแล้วรักษาไม่ได้ แต่มีแมลงหวี่ขาว และเพลี้ยต่างๆ เป็นแมลงพาหะ สิ่งที่เราทำได้คือการ ป้องกัน กำจัด แมลงพาหะ โดยการฉีดพ่นด้วย มาคา

มาคา ยาอินทรีย์ป้องกันและกำจัด เพลี้ย และแมลงจำพวกปากดูดต่างๆ มาคา เป็น สารอัลคาลอยด์ สกัดจากพืช ผสมในอัตราส่วน 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ 500 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร

สามารถผสม FK-1 ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน เพื่อเร่งให้มันสำปะหลังฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของโรคและแมลงได้เร็วยิ่งขึ้น

FK-1 ใช้บำรุงให้ฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของโรคและแมลง เร่งโต และเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง

สามารถผสม FK-1 ผสมฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน อัตราการใช้ FK-1 แกะกล่องออกมามี 2 ถุง ผสมตัวยาจากสองถุงใช้พร้อมกัน ถุงละ 50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร หรือ 500กรัม ต่อน้ำ 200ลิตร

ใน FK-1 นั้นประกอบด้วย ธาตุหลัก Nitrogen(ไนโตรเจน) 20%_ Phosphorus(ฟอสฟอรัส) 20%_ Potassium(โพแตสเซียม) 20% และธาตุรอง Magnesium(แมกนีเซียม) พร้อมธาตุเสริม Zinc(สังกะสี) และ Sticking ‎agents (สารลดแรงตรึงผิว หรือสารจับใบนั่นเอง)

https://www.youtube.com/watch?v=1Vwuq1IeHTc

ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคราแป้ง จะพบเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายผงแป้งขึ้นกระจัดกระจายตามส่วนต่างๆ ของพืช เมื่ออาการรุนแรงจะทำให้เกิดแผลใต้ใบสตรอเบอร์รี่เปลี่ยนเป็นสีม่วง และใบบิดม้วนขึ้น ถ้าเป็นที่ผลจะทำให้ผลมีขนาดเล็กและสีไม่สม่ำเสมอกัน

ส่วนโรคแอนแทรคโนส มักพบอาการบนไหล จะมีแผลเล็กสีม่วงแดงขยายลุกลามตามความยาวสายไหล ต่อมาแผลที่ขยายยาวจะเปลี่ยนเป็นแผลสีน้ำตาล ทำให้เกิดรอยคอดของไหลบริเวณที่เป็นแผล ไหลจะแห้งและตายในที่สุด อาการบนผล พบแผลฉ่ำน้ำสีน้ำตาลเข้ม เนื้อเยื่อรอบขอบแผลสีซีด แผลยุบตัวลง

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย การควบคุมประจุไฟฟ้า สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

“โรคกล้วยตายพราย” หรือ “ตายพราย” มักพบได้ในกล้วยเกือบทุกชนิดพบได้ใน กล้วยอายุ 4-5 เดือน ขึ้นไป โดยช่วงแรกควรหมั่นสังเกตตามก้านใบ จะมีสีเหลือง อ่อน ของใบแก่ ซึ่งต่อมา เชื้อราจะลุกลาม จะลุกลามไปยังขอบใบ และจะเหลือง ทั้งใบ หากป้องกันไม่ทันเชื้อรา จะเข้าท่าลายเข้าสู้ล่าต้น และลุกลามเข้าสู่ก้านใบ โคนใบแก่จะมีสีเหลืองซีด ในที่สุดล่าต้นจะยืนต้นตาย หรือล้มตาย


ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

พืชเป็นส่วนสำคัญของสิ่งแวดล้อม และมีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตบนโลก พวกมันเป็นแหล่งออกซิเจนและอาหารหลักสำหรับทั้งมนุษย์และสัตว์ ในการปลูกพืชให้แข็งแรงและให้ผลผลิต สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจสารอาหารต่างๆ ที่พืชต้องการ สารอาหารที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งสำหรับพืชคือกรดอะมิโน

กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช พวกมันมีหน้าที่สร้างเอนไซม์ ฮอร์โมน และโมเลกุลที่จำเป็นอื่นๆ ที่พืชต้องการในการเจริญเติบโตและเจริญเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืช 18 ชนิดต้องการโปรตีนอะมิโนเพื่อพัฒนาและเติบโตอย่างเต็มที่

มะละกอเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ต้องการโปรตีนอะมิโนในการเจริญเติบโตและพัฒนาการ อะมิโนโปรตีนช่วยในการผลิตฮอร์โมนพืชในมะละกอซึ่งมีหน้าที่สร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งจะช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของส่วนต่าง ๆ ของพืช รวมทั้งใบ ลำต้น และผล

อะมิโนโปรตีนยังมีบทบาทสำคัญในการผลิตคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นเม็ดสีเขียวที่ทำให้พืชมีสีสัน คลอโรฟิลล์มีหน้าที่จับพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์และเปลี่ยนเป็นพลังงานเคมีผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง หากไม่มีคลอโรฟิลล์ พืชจะไม่สามารถสร้างอาหารและเติบโตได้เอง

นอกจากบทบาทในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชแล้ว โปรตีนอะมิโนยังช่วยในการผลิตเอนไซม์ ซึ่งมีหน้าที่ในกระบวนการเมแทบอลิซึมต่างๆ ในพืช เอ็นไซม์เหล่านี้จำเป็นต่อการสลายธาตุอาหารในดินและเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบที่พืชสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้

ความสำคัญของอะมิโนโปรตีนในการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของพืชไม่สามารถพูดเกินจริงได้ หากไม่มีสารอาหารที่จำเป็นเหล่านี้ พืชจะไม่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สร้างใบเขียวขจี และให้ผลผลิตที่ดี เกษตรกรและชาวสวนจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพืชของพวกเขาสามารถเข้าถึงโปรตีนอะมิโนที่เพียงพอเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช 18 ชนิด รวมทั้งมะละกอ พวกมันมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืช เอนไซม์ และคลอโรฟิลล์ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช เกษตรกรและชาวสวนควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพืชของพวกเขาสามารถเข้าถึงโปรตีนอะมิโนที่เพียงพอเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ซึ่งนำไปสู่ผลผลิตที่ดีและพืชที่แข็งแรง

วิธีการใช้
ผสมน้ำฉีดพ่น
พืชผัก 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมระบบน้ำหยด 500 มล.ต่อ 1 ไร่
ควรฉีดพ่น 2 ครั้งต่อเดือน
ไม่ควรฉีดพ่นระยะพืชออกดอก


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ในขอบเขตของสุขภาพพืช โรคเชื้อราเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ ทำให้เกิดการเน่าและเหี่ยวในพืชต่างๆ รวมทั้งมะเขือ โรคเหล่านี้สามารถทำลายการเจริญเติบโตของพืช ผลผลิต และผลผลิตโดยรวม อย่างไรก็ตาม ด้วยการกำเนิดของสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ การต่อสู้กับการติดเชื้อราจึงกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายขึ้น บทความนี้เจาะลึกเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเดินทางของเกษตรกรเพื่อต่อสู้กับโรคเชื้อราในมะเขือ พร้อมเน้นวิธีการป้องกันและกำจัดที่แนะนำ โดยใช้ IS และ FK-1 เป็นเครื่องมือสำคัญ

IS พิสูจน์แล้วว่า ด้วยอัตราการผสมที่แนะนำคือ 50 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร IS ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันสปอร์ของเชื้อราที่จะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อที่บอบบางของมะเขือ ขณะที่หมั่นฉีดพ่นพืชผลของเขาด้วยสารละลาย IS เขาสังเกตเห็นการแพร่กระจายของโรคลดลงอย่างน่าทึ่ง ใบไม้ที่เคยเก่าแก่กลับฟื้นคืนชีวิตชีวา อาการเน่าและเหี่ยวก็ลดลง ทิ้งมะเขือไว้บนเส้นทางสู่การฟื้นตัว

FK-1 ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่อุดมด้วยสารอาหารซึ่งปรับแต่งมาเพื่อป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ภายในบรรจุภัณฑ์ FK-1 พบถุงสองใบ ถุงแรกประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม (ธาตุหลัก) และถุงที่สองบรรจุธาตุเสริม ได้แก่ แมกนีเซียมและสังกะสี รวมทั้งสารลดแรงตึงผิว

อัตราส่วนการผสมที่แนะนำอย่างขยันขันแข็งคือ 50 กรัมจากถุงแต่ละถุง ผสมกับน้ำ 20 ลิตร เพื่อสร้างสารละลายที่มีศักยภาพในการบำรุงพืชที่ป่วย FK-1 กับดินรอบๆ มะเขือ สารประกอบอินทรีย์ก็ทำหน้าที่มหัศจรรย์ของมัน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของพืช และเพิ่มความต้านทานต่อโรคเชื้อรา การเปลี่ยนแปลงในพืชผล มะเขือยาวเริ่มสูงขึ้น ใบที่สมบูรณ์แข็งแรง และออกผลที่สดใส ปราศจากการเน่าและเหี่ยว

ในท้ายที่สุด การใช้ IS และ FK-1 อย่างมีกลยุทธ์ก็ได้ผล ไร่มะเขือยาวของเขากลายเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของสารอินทรีย์ในการต่อสู้กับโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ข่าวความสำเร็จของจอห์นแพร่กระจายไปทั่วชุมชนเกษตรกรรม สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ นำมาตรการป้องกันที่คล้ายคลึงกันมาใช้และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของสารประกอบที่เป็นนวัตกรรมใหม่เหล่านี้

บทสรุป:
การต่อสู้กับโรคพืชจากเชื้อราเป็นการต่อสู้อย่างต่อเนื่องสำหรับเกษตรกรทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมและมาตรการป้องกัน เช่น IS และ FK-1 ชัยชนะเหนือการติดเชื้อร้ายแรงเหล่านี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม ทำหน้าที่เป็นสัญญาณแห่งความหวัง ย้ำเตือนเกษตรกรทุกหนทุกแห่งว่าด้วยความทุ่มเท ความรู้ และสารประกอบอินทรีย์ที่เหมาะสม พวกเขาสามารถเปลี่ยนความรกร้างให้กลายเป็นชัยชนะ ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชผลแข็งแรงและเจริญรุ่งเรืองสำหรับรุ่นต่อๆ ไป

Beauveria Mix Methharicium จำหน่ายภายใต้แบรนด์ Butarex เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพซึ่งใช้ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในแตงโม เพลี้ยไฟเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชตระกูลแตงโดยการกัดกินใบ ดอก และผล สารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นสารเคมีแบบดั้งเดิมอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายไว้ ทำให้สารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

Beauveria Mix Methharicium เป็นส่วนผสมของเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae เชื้อราเหล่านี้เป็นที่รู้กันว่าติดเชื้อและฆ่าแมลงได้หลากหลายชนิด รวมถึงเพลี้ยไฟด้วย เมื่อนำไปใช้กับพืชตระกูลแตง สปอร์ของเชื้อราจะติดกับตัวของเพลี้ยไฟและเริ่มเติบโต ซึ่งนำไปสู่การตายในที่สุด

การใช้บิวเวอเรีย มิกซ์ เมธาริเซียมนั้นง่ายและปลอดภัย ผลิตภัณฑ์มีอยู่ในรูปแบบผงซึ่งสามารถผสมกับน้ำได้ง่ายและใช้เป็นสเปรย์ การบำบัดสามารถใช้ได้กับทุกระยะของวงจรการเจริญเติบโตของพืช ตั้งแต่ต้นกล้าไปจนถึงการพัฒนาของผล ผลิตภัณฑ์นี้ปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีสารเคมีหรือสารตกค้างที่เป็นอันตราย

ประสิทธิภาพของบิวเวอเรีย มิกซ์ เมธฮาริเซียมได้รับการทดสอบและรับรองอย่างกว้างขวางในการทดลองภาคสนาม ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการแสดงเพื่อลดจำนวนเพลี้ยไฟและเพิ่มผลผลิตเมล่อน นอกจากนี้ยังพบว่าเข้ากันได้กับมาตรการควบคุมศัตรูพืชอื่น ๆ เช่นการใช้แมลงที่เป็นประโยชน์

โดยรวมแล้ว Beauveria Mix Methharicium เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบดั้งเดิมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยไฟในแตงเมล่อน การใช้งานที่ง่าย ความเข้ากันได้กับมาตรการควบคุมศัตรูพืชอื่น ๆ และประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้วทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนที่ต้องการปกป้องพืชผลของตนจากแมลงศัตรูพืช

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม
เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน

* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร
ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว

เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุด
ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่อง
เป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-1 เป็นปุ๋ยที่มีสารอาหารหลายชนิดที่ประกอบด้วย N (ไนโตรเจน)_ P (ฟอสฟอรัส)_ K (โพแทสเซียม)_ Mg (แมกนีเซียม)_ Zn (สังกะสี) และสารลดแรงตึงผิว สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืชที่ดี

ไนโตรเจนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของใบและลำต้น ในขณะที่ฟอสฟอรัสช่วยในการเจริญเติบโตของรากและการเจริญเติบโตของดอก โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของพืช และช่วยควบคุมน้ำในพืช แมกนีเซียมจำเป็นต่อการผลิตคลอโรฟิลล์ และสังกะสีช่วยในการผลิตฮอร์โมนและเอนไซม์

สารลดแรงตึงผิวใน FK-1 ช่วยให้พืชดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ช่วยให้ปุ๋ยซึมลงดินไปถึงรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พืชสามารถนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตแข็งแรง

FK-1 เหมาะสำหรับการปลูกทุกประเภท ตั้งแต่ผักและผลไม้ไปจนถึงไม้ดอกไม้ประดับและไม้พุ่ม สามารถใช้กับพืชในร่มและกลางแจ้ง และเหมาะสำหรับทั้งระบบดินและระบบไฮโดรโปนิกส์

นอกจากนี้ FK-1 ยังมีความเข้มข้นสูงและสามารถใช้ได้ในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่ามีทั้งความคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยสรุป FK-1 เป็นปุ๋ยที่ดีที่สุดสำหรับการเพาะปลูกใด ๆ เนื่องจากให้สารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดที่พืชต้องการเพื่อให้แข็งแรงและสมบูรณ์ สูตรเฉพาะของมันรวมถึงสารลดแรงตึงผิวช่วยให้มั่นใจได้ว่าสารอาหารจะถูกดูดซึมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นสิ่งที่ชาวสวนทุกคนต้องมี ดังนั้น ไปข้างหน้าและให้การดูแลพืชของคุณอย่างที่สมควรได้รับด้วย FK-1!

เลือกซื้อ FK-1 เลื่อนลงอีกนิดนะคะ

ทุเรียน จัดเป็นราชาไม้ผล ที่ใครๆ ต่างยกให้เป็นที่หนึ่ง มีความต้องการในการบริโภคสูง อีกทั้งมีตลาดรองรับทั้งภายในประเทศและตลาดส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันพื้นที่ปลูกทุเรียนทั่วประเทศ มีประมาณ 1_199_895.64 ไร่ (ข้อมูลระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตร วันที่ 22 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2565)

โดยทุเรียนมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2564 ประเทศไทยมีการส่งออกทุเรียนสูงถึง 925,855 ตัน (ข้อมูล:กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ข่าว : มิถุนายน 65) โดยประเทศจีนเป็นตลาดหลัก ตามด้วย ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย และอีกหลาย ๆ ประเทศ

ทุเรียนเกรดส่งออก คุณภาพดี

ทุเรียนเกรดส่งออกจะแบ่งเป็น เกรดเอ บี และซี สำหรับทุเรียนที่ตกเกรดจะไม่สามารถส่งออกได้ จึงจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น ดังนั้นพี่น้องชาวสวนทั้งมือเก่าและมือใหม่ควรให้ความสำคัญเรื่องการจัดการและพัฒนาการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี เกรดเอ มีจำนวน 4-5 พูเต็ม ตรงตามสเปคทุเรียนส่งออก เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวสวนทุเรียน

สวนทุเรียนคุณภาพ ที่มีการจัดการอย่างมืออาชีพ

เทคนิคการปลูกทุเรียนให้ได้คุณภาพดี อย่างมืออาชีพ

1. สภาพดินที่เหมาะกับการปลูกทุเรียน

ทุเรียนเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง ดินที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกควรเป็นดินร่วนที่สามารถระบายน้ำได้ดี มีค่าความเป็นกรดด่าง(pH) ประมาณ 5.5 - 6.5 สำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตควรอยู่ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส โดยมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศประมาณ 75 - 85 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ควรมีแหล่งน้ำที่เพียงพอในการเพาะปลูกตลอดปี การวางแปลงปลูกทุเรียน ระยะ 8x10 เมตร

2. การจัดเตรียมพื้นที่ และการดูแลต้นทุเรียนปลูกใหม่

การเตรียมพื้นที่ปลูกทุเรียนควรเริ่มจากการปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ หรือมีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี เนื่องจากต้นทุเรียนไม่ชอบน้ำขัง ส่วนระยะห่างระหว่างแถวที่เหมาะสมคือ 8X10 เมตร และระหว่างต้น (บนหลังเต่า) คือ 8X8 เมตร โดยการจัดระยะห่างแบบนี้ จะสามารถนำรถและเครื่องจักร รวมถึงเทคโนโลยีในการเพาะปลูกทางการเกษตรมาใช้ เพื่อทุ่นแรงและให้ง่ายต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น

สำหรับทุเรียนปลูกใหม่ เมื่อเตรียมแปลงเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ปลูกแบบยกโคก เพื่อช่วยให้ต้นทุเรียนที่พึ่งลงปลูกใหม่โตเร็ว การปลูกแบบยกโคกคือ การพูนดินขึ้นให้สูงกว่าระนาบ จะช่วยให้รากของต้นทุเรียนอยู่ที่ดินชั้นบนๆ เมื่อใส่ปุ๋ยลงไปจะช่วยให้รากดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญจะช่วยให้น้ำระบายได้ดี ไม่ท่วมขังบริเวณโคนต้น ที่เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ควรเตรียมวางแผนเรื่องระบบน้ำ ไปพร้อมกับการเตรียมพื้นที่ลงปลูก เพื่อง่ายต่อการจัดการ ส่วนในขั้นตอนการเลือกต้นกล้าทุเรียน ควรเลือกต้นที่มีระบบรากดี ไม่ขดงอหรืออยู่ในถุงเพาะชำเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ต้นทุเรียนโตช้า และควรสร้างร่มเงาหรือพรางแสงให้ต้นทุเรียนปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงทุเรียนระยะต้นเล็กไม่ให้รับแสงมากจนเกินไป

สำหรับการบำรุงทุเรียนปลูกใหม่ ช่วงอายุระหว่าง 1-3 ปี แนะนำใส่ปุ๋ย สูตร 16-16-16 อัตรา 500 กรัม ต่อ 1 ต้น ใส่เดือนละครั้ง โดยสามารถใส่ปุ๋ยในอัตราที่เพิ่มขึ้น ตามการเจริญเติบโตของลำต้น และทรงพุ่ม เพื่อบำรุงให้ต้นทุเรียนสมบูรณ์

การบำรุงทุเรียนตามระยะการเจริญเติบโต

ขั้นตอนการบำรุงต้นทุเรียนทางดิน ให้ ทุเรียน ได้คุณภาพดี เกรดเอ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิต

ระยะฟื้นต้นหลังเก็บผลผลิต และทำชุดใบให้ต้นทุเรียนสมบูรณ์

หลังจากเก็บผลผลิตทุเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องทำการฟื้นต้นให้สมบูรณ์ เนื่องจากต้นทุเรียนจะถูกดึงธาตุอาหารต่างๆ ไปใช้ในการเลี้ยงผล จึงจำเป็นต้องบำรุงต้นให้กลับมาสมบูรณ์ ก่อนเข้าสู่ระยะทำใบชุดแรก โดยจะทำใบทั้งหมด 3 ชุด โดยแต่ละชุด ใช้เวลาประมาณ 45 วัน เพื่อให้ต้นทุเรียนให้สมบูรณ์ที่สุด แนะนำใส่ปุ๋ย สูตร 16-16-16 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 20-30 วัน เม็ดปุ๋ยละลายง่าย ช่วยฟื้นต้นได้ไว และทำให้ใบกว้าง ใบเขียวเข้มและเขียวนาน

ระยะสะสมอาหารในต้นทุเรียน

การบำรุงระยะที่ 2 เป็นระยะที่ต้นทุเรียนสะสมอาหาร โดยต้นจะสะสมอาหารไว้ เมื่อสภาพอากาศมีอุณภูมิที่เหมาะสม ความชื้นที่พอดี ต้นก็จะแตกตาดอก ถือเป็นช่วงสำคัญของการทำสวนทุเรียน จึงควรเน้นบำรุงธาตุฟอสฟอรัส(P) และธาตุโพแทสเซียม(K) พร้อมกันในระยะนี้ โดยแนะนำใส่ปุ๋ยสูตร 9-25-25 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ความถี่ทุกๆ 15-20 วัน เพื่อช่วยสะสมอาหาร เพิ่มความสมบรูณ์ของต้น ในการสร้างตาดอก และออกดอกที่สมบูรณ์ต่อไป

ระยะติดดอกของต้นทุเรียน

หลังจากที่ต้นแตกตาดอก ก็จะเข้าสู่ช่วงการติดดอกทุเรียน จะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาหลายระยะในช่วงดอก เป็นช่วงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ อาจเกิดปัญหาดอกร่วง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ติดดอกไม่สมบูรณ์ พรืออากาศแปรปรวน แนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 9-25-25 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15-20 วัน เพื่อสะสมอาหาร ให้ต้นทุเรียน มีความสมบูรณ์ เพิ่มความแข็งแรง ให้ดอกทุเรียนมีการพัฒนาและเจริญเติบโตได้ดี

ระยะทุเรียนติดผลเล็ก (อายุ 30 วัน)

หลังจากที่ดอกทุเรียนมีการผสมเกสรเรียบร้อย ดอกทุเรียนจะเหลือแต่เกสรตัวเมียที่ติดอยู่ที่ต้น ปลายเกสรจะเริ่มแห้งเหมือนไหม้ หรือที่เรียกว่าดอกทุเรียนระยะหางแย้ จะเข้าสู่การติดผลเล็ก และจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนถึงระยะผลไข่ไก่ แนะนำเริ่มบำรุงเมื่อทุเรียนอายุ 30 วัน โดยใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-24 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15 วัน เพื่อช่วยบำรุงผลทุเรียนให้สมบูรณ์

ระยะทุเรียนขยายผล (อายุ 45-90 วัน)

ผลทุเรียนจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาใหญ่ขึ้นตามลำดับ จนเข้าสู่ระยะกระป๋องนม ต้องเร่งการบำรุงโดยเน้นการขยายผล สร้างเนื้อ เบ่งพู ให้ทุเรียนมีคุณภาพ แนะนำใส่ปุ๋ยย สูตร 15-9-20 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15 วัน เพื่อพัฒนาให้เป็นทุเรียนเกรดเอ ได้ไซด์ ทรงสวย พูเต็มต่อไป

ระยะทุเรียนก่อนเก็บเกี่ยว (อายุ 90-120 วัน)

การบำรุงช่วงสุดท้ายก่อนทำการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นช่วงที่เน้นการบำรุงเพื่อเพิ่มคุณภาพให้ทุเรียน แนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15 วัน เพื่อช่วยเรื่องรสชาติที่อร่อย การเข้าสีสวย พูเต็ม ได้น้ำหนักดี ตามที่ตลาดต้องการ

การปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตเกรดเอ เน้นตลาดส่งออกเพื่อเพิ่มมูลค่านั้น ต้องมีการดูแลและเอาใจใส่ทุกขั้นตอนที่สำคัญ ตั้งแต่การเตรียมแปลง การดูแลต้นทุเรียนปลูกใหม่ ตลอดจนการบำรุงธาตุอาหารทางดินให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อให้ต้นได้นำไปเลี้ยงลูกทุเรียนได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ทุเรียนเกรดเอ คุณภาพดี ตามที่ตลาดส่งออกต้องการ


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

พืชต้องการสารอาหารต่างๆ เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาเช่นเดียวกับมนุษย์ หนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืชคือกรดอะมิโน กรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนที่ช่วยให้พืชสร้างและรักษาโครงสร้างเซลล์ได้ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด ที่ช่วยสร้างฮอร์โมนพืชในเงาะ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เงาะโตเร็ว ผลใหญ่ แข็งแรง ทนแล้ง ทนโรค และพัฒนาเซลล์

เงาะเป็นผลไม้เมืองร้อนที่ต้องมีเงื่อนไขเฉพาะจึงจะเติบโตได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้การเจริญเติบโตและการพัฒนาที่เหมาะสม ต้นเงาะต้องการกรดอะมิโนที่จำเป็นซึ่งส่งเสริมการสร้างและการขยายตัวของเซลล์เนื้อเยื่อ ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพและความมีชีวิตชีวาของพืช ต่อไปนี้เป็นกรดอะมิโนจำเป็น 18 ชนิดที่พืชต้องการในการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างเต็มที่:

อะลานีน
อาร์จินีน
แอสพาราจีน
กรดแอสปาร์ติก
ซีสเตอีน
กลูตามีน
กรดกลูตามิก
ไกลซีน
ฮิสทิดีน
ไอโซลิวซีน
ลิวซีน
ไลซีน
เมไทโอนีน
ฟีนิลอะลานีน
โพรลีน
ซีรีน
ธรีโอนีน
ไทโรซีน
กรดอะมิโนแต่ละชนิดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพืช ตัวอย่างเช่น อาร์จินีนส่งเสริมการสร้างไนตริกออกไซด์ ซึ่งช่วยควบคุมการเจริญเติบโตและความแตกต่างของเซลล์ เมไธโอนีนและซิสเทอีนช่วยสร้างสารประกอบที่มีกำมะถันซึ่งจำเป็นต่อการเผาผลาญของพืช ในขณะที่ฮิสทิดีนจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์เอทิลีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนพืชที่ควบคุมการสุกของผลไม้และการแก่ชรา

ในเงาะพืช กรดอะมิโน เช่น ไกลซีน โพรลีน และซีรีน มีบทบาทสำคัญในการต้านทานแล้ง กรดอะมิโนเหล่านี้ช่วยควบคุมสมดุลน้ำของพืชและปกป้องไม่ให้ขาดน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในสภาพอากาศเขตร้อนที่ปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นเรื่องปกติ

นอกจากกรดอะมิโนที่จำเป็นแล้ว ต้นเงาะยังต้องการสารอาหารอื่นๆ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และแคลเซียม เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม การมีธาตุอาหารเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพดินและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ

เพื่อให้แน่ใจว่าต้นเงาะของคุณได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นตามที่ต้องการ คุณสามารถใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีกรดอะมิโนหรือฉีดพ่นทางใบซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการส่งสารอาหารไปยังใบของพืชโดยตรง ด้วยการให้สารอาหารที่เหมาะสม คุณสามารถช่วยให้ต้นเงาะของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ออกผลใหญ่และแข็งแรง และมีความทนทานต่อโรคและปัจจัยความเครียดอื่นๆ

สรุปได้ว่า กรดอะมิโนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช สำหรับพืชเงาะ กรดอะมิโนจำเป็น 18 ชนิดมีส่วนสำคัญในการสร้างฮอร์โมน การสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ และต้านทานความแห้งแล้ง ด้วยการให้สารอาหารที่เหมาะสม คุณสามารถช่วยให้ต้นเงาะของคุณเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ได้

วิธีการใช้
ผสมน้ำฉีดพ่น
พืชผัก 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมระบบน้ำหยด 500 มล.ต่อ 1 ไร่
ควรฉีดพ่น 2 ครั้งต่อเดือน
ไม่ควรฉีดพ่นระยะพืชออกดอก

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โรคราแป้งเป็นโรคเชื้อราทั่วไปที่ส่งผลกระทบต่อพืชต่าง ๆ รวมทั้งต้นทุเรียน อาจทำให้ใบ ลำต้น และผลเสียหายอย่างมาก ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพลดลง วิธีการแบบดั้งเดิมในการควบคุมโรคราแป้งมักเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีฆ่าเชื้อรา ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม ทำให้ได้มีการพัฒนา IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด บทความนี้สำรวจว่า IS กำจัดโรคราแป้งในทุเรียนอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร พร้อมทั้งรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

IS: การควบคุมพลังต้านเชื้อราอินทรีย์

IS เป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่และการเลือกวัตถุดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างระมัดระวังในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ด้วยการทำความเข้าใจวงจรชีวิตและสภาวะการเจริญเติบโตของเชื้อราราแป้ง นักวิจัยได้พัฒนา IS เพื่อกำหนดเป้าหมายกลไกเฉพาะที่ขัดขวางการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อรา ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช IS จะสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยับยั้งและกำจัดโรคราแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุดิบจากธรรมชาติและคุณลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของ IS คือองค์ประกอบที่ได้มาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าสารต้านเชื้อรานั้นปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ที่เป็นอันตราย ทำให้ปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ส่วนผสมออร์แกนิก IS ส่งเสริมความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับสารฆ่าเชื้อราแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ IS ยังสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้างที่อาจคงอยู่ในสิ่งแวดล้อม

เพิ่มการยึดเกาะและความทนทาน

IS แสดงคุณสมบัติการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถยึดเกาะกับผิวใบพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสารกำจัดเชื้อราทั่วไป การยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันที่ยาวนานขึ้นจากโรคราแป้ง ช่วยลดความจำเป็นในการทาซ้ำบ่อยๆ ลักษณะนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับต้นทุเรียนซึ่งมีใบขนาดใหญ่และมีใบหนาแน่น ทำให้การปกคลุมทั่วถึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อราอื่นๆ

ความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และผู้บริโภค

ความปลอดภัยของเกษตรกร คนงาน และผู้บริโภคมีความสำคัญสูงสุดในการบำบัดทางการเกษตร IS จัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ด้วยการไม่เป็นพิษและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ เกษตรกรสามารถจัดการและใช้ IS ได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันมากมาย ซึ่งช่วยลดการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นอันตราย ยิ่งไปกว่านั้น ธรรมชาติอินทรีย์ของ IS หมายความว่าผลทุเรียนที่เก็บเกี่ยวหลังการบำบัดยังคงปลอดภัยต่อการบริโภค ไม่มีสารเคมีสังเคราะห์ตกค้าง

บทสรุป

IS แสดงถึงความสำเร็จอันน่าทึ่งในเทคโนโลยีต้านเชื้อราแบบออร์แกนิก ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อกำจัดโรคราแป้งในทุเรียน ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างครอบคลุม สารนวัตกรรมนี้ได้รับการคิดค้นขึ้นจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยต่อทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ด้วยการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ผิวใบพืช IS จะสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของโรคราแป้ง ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและความทนทาน ในขณะที่ความต้องการแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังคงเพิ่มสูงขึ้น IS ขอเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มสำหรับเกษตรกรที่ต้องการควบคุมโรคราแป้งอย่างมีประสิทธิภาพในพืชทุเรียนของตน

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน