มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยังมีการเข้าใจผิด ว่าปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลรักษา และการปลูกมันสำปะหลังยังเป็นการทำลายดิน และสิ่งแวดล้อม จึงถูกมองว่ามันสำปะหลังเป็นพืชที่มี ศักยภาพต่ำ แต่ที่จริงแล้ว
อ่านต่อที่ http://www.farmkaset..link..

ปลูกมะกรูดตัดใบ ฉีดพ่น FK-1 เร่งใบ มีไนโตรเจน ส่งเสริมการแตกยอดใบใหม่ได้เร็ว ใบสวย คุณภาพดี ปลูกมะกรูดเอาผล มีโพแทสเซียม ส่งเสริมผลผลิต

http://www.farmkaset..link..

ปุ๋ย FK-1 เร่งโต สำหรับพืชต่างๆ ประกอบด้วย ธาตุหลัก สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ สารจับใบ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี

อัตราส่วนการผสม
- แกะกล่องออกมามี 2 ถุง ต้องใช้พร้อมกันทั้งสองถุง
- ตักถุงแรก 1-2 ช้อนโต๊ะ ถุงที่สอง 1-2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร
- คนให้แตกตัวละลายเข้ากับน้ำ
- ฉีดพ่นทางใบพืช

"พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด" ตามกฎ Liebig s law of the minimum

ปุ๋ยตรา FK ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้

เมื่อพืช ได้รับธาตุอาหารที่ขาดไป ธาตุอาหารพืชต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในดิน ที่พืชไม่เคยดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจาก ธาตุบางตัว เป็นตัวนำพาธาตุอื่นๆ เช่น

- ขาดธาตุ แมกนีเซียม (ใส่ปุ๋ยเยอะ ฉีดทางใบก็เยอะ แต่พืชก็ยังเหลือง ไม่สมบูรณ์) ธาตุแมกนีเซียม [Mg] เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคลอโรฟิลล์ และก็มีความสำคัญในกระบวนการสร้าง ATP โดยทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ (enzyme cofactor).
การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดอาการเหลืองระหว่างเส้นใบ (interveinal chlorosis).

- ขาดธาตุ สังกะสี (พืชชะงักการเจริญเติบโต เพราะขาดสังกะสี) ธาตุสังกะสี [Zn] เป็นส่วนสำคัญสำหรับเอนไซม์หลายชนิดและเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรม (DNA transcription).
การขาดสังกะสี โดยทั่วไปแล้วจะทำให้การเติบโตของใบชะงักงัน

การสั่งซื้อ ส่งฟรีถึงบ้าน เก็บเงินปลายทาง

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

FK-1 จาก ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

FK-1 จาก ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..

ปุ๋ย และ ยา สำหรับมะม่วง คุณภาพสูงจาก FK ประกอบด้วย ปุ๋ยเร่งโตสำหรับมะม่วง ปุ๋ยบำรุงผลผลิต เพิ่มผลผลิต ยาสำหรับ โรครา ราดำ ใบไหม้ ยาแก้ เพลี้ย ยาฆ่าหนอน หมวดอินทรีย์ ชีวภาพ ปลอดภัย

เลือกซื้อได้ที่

ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..

ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

อะมิโนโปรตีนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของพืช โปรตีนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืช ซึ่งมีหน้าที่ในกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะมิโนโปรตีนมีความจำเป็นต่อพืช 18 ชนิด รวมทั้งกะหล่ำดอก ซึ่งต้องอาศัยโปรตีนเหล่านี้อย่างมากเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม

หน้าที่หลักประการหนึ่งของอะมิโนโปรตีนในพืชคือการควบคุมการผลิตฮอร์โมน โปรตีนเหล่านี้มีส่วนร่วมในการสังเคราะห์ออกซิน ไซโตไคนิน และจิบเบอเรลลิน ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ตัวอย่างเช่น ในกะหล่ำดอก อะมิโนโปรตีนมีหน้าที่ในการผลิตออกซิน ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างและการขยายตัวของเซลล์เนื้อเยื่อ

นอกจากบทบาทในการผลิตฮอร์โมนแล้ว อะมิโนโปรตีนยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาส่วนต่างๆ ของพืชอีกด้วย ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก ลำต้น ใบ และดอก ช่วยให้พืชเจริญเติบโตเต็มที่และดึงศักยภาพสูงสุดออกมา สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในพืชผล ซึ่งผลผลิตและคุณภาพของการเก็บเกี่ยวขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช

อะมิโนโปรตีนยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการเมแทบอลิซึมต่างๆ ในพืช เช่น การตรึงไนโตรเจนและการสังเคราะห์ด้วยแสง โปรตีนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนไนโตรเจนในบรรยากาศให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพวกมัน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการดูดซึมและการใช้สารอาหาร เช่น ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช

แม้จะมีความสำคัญ แต่อะมิโนโปรตีนก็ไม่ได้มีอยู่ในปริมาณที่เพียงพอในดินเสมอไป สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเติบโตแคระแกรน ผลผลิตลดลง และพืชผลมีคุณภาพต่ำ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เกษตรกรจำนวนมากใช้ปุ๋ยที่มีอะมิโนโปรตีนหรือสารประกอบที่อุดมด้วยไนโตรเจนอื่นๆ ปุ๋ยเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจว่าพืชสามารถเข้าถึงสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาได้อย่างเต็มที่

โดยสรุป อะมิโนโปรตีนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช พวกมันมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมน การสร้างเนื้อเยื่อ และกระบวนการเมแทบอลิซึม ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชจะเติบโตเต็มที่และมีศักยภาพสูงสุด ในพืชผล เช่น กะหล่ำดอก อะมิโนโปรตีนมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วยให้มั่นใจได้ผลผลิตสูงและการเก็บเกี่ยวที่มีคุณภาพ เมื่อเข้าใจบทบาทของอะมิโนโปรตีนในพืช เกษตรกรและนักวิจัยสามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและปรับปรุงผลผลิตพืชผล

วิธีการใช้
ผสมน้ำฉีดพ่น
พืชผัก 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมระบบน้ำหยด 500 มล.ต่อ 1 ไร่
ควรฉีดพ่น 2 ครั้งต่อเดือน
ไม่ควรฉีดพ่นระยะพืชออกดอก


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

อะมิโน-โปรตีน: จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช

พืชเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศของเรา พวกเขาให้ออกซิเจน อาหาร และยาแก่เรา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พืชเติบโตและพัฒนาอย่างเหมาะสม พืชต้องการสารอาหารหลายชนิด รวมทั้งกรดอะมิโนและโปรตีน อะมิโนโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เป็นโมเลกุลเชิงซ้อนที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืชและการสร้างและขยายเซลล์เนื้อเยื่อ

อะมิโนโปรตีนเป็นสารอาหารที่พบในพืชหลายชนิด มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพืช 18 ชนิด เนื่องจากพืชเหล่านี้ต้องการสารอาหารนี้เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ชมพู่เป็นพืชที่อาศัยอะมิโนโปรตีนอย่างมาก สารอาหารนี้ช่วยในการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของพืช ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่และออกผลที่สมบูรณ์แข็งแรง

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าพืชของคุณได้รับอะมิโนโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอคือการใช้สเปรย์สูตรพิเศษที่มีสารอาหารนี้ หากต้องการใช้อะมิโนโปรตีนในลักษณะนี้ เพียงผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่นลงบนพืชของคุณ ปริมาณอะมิโนโปรตีนที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและขนาดของพืชผลของคุณ

สำหรับผัก แนะนำให้ใช้ปริมาณ 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร สำหรับนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล แนะนำให้ใช้ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร หากใช้ระบบน้ำหยด ให้ผสม อะมิโนโปรตีน 500 มล. ต่อไร่ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าควรใช้สเปรย์เดือนละสองครั้ง แต่ไม่ใช่ในช่วงที่พืชออกดอก

สรุปได้ว่า อะมิโนโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช ด้วยการใช้สเปรย์สูตรพิเศษที่มีสารอาหารนี้ คุณจะมั่นใจได้ว่าพืชของคุณได้รับสารอาหารที่เหมาะสมที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและเจริญเติบโต ไม่ว่าคุณจะเป็นเกษตรกรหรือคนทำสวนในบ้าน การใส่อะมิโนโปรตีนเข้าไปในระบบการดูแลพืชของคุณเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สามารถนำไปสู่พืชที่มีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวามากขึ้น


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ทุเรียนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" เป็นที่ต้องการอย่างมากด้วยรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุเรียนมีความอ่อนไหวต่อความท้าทายต่างๆ รวมถึงโรคราและผลเน่า ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพและผลผลิตของผลอย่างมาก เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ การวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวางได้นำไปสู่การค้นพบสารอินทรีย์ที่เรียกว่า IS ซึ่งได้มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ บทความนี้กล่าวถึงประโยชน์ของ IS ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ควบคุมสภาวะแวดล้อม เพิ่มการยึดเกาะกับใบพืช และเร่งการฟื้นฟูและบำรุงต้นทุเรียน โดยมุ่งเน้นที่การจัดการกับปัญหาทั่วไป เช่น การเจริญเติบโตช้า ใบเสียหาย และผลไม่ดี การพัฒนา.

IS: ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม:

IS เป็นผลจากการวิจัยและพัฒนาอย่างพิถีพิถันโดยมุ่งหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อราบนต้นทุเรียน การใช้ IS จะสร้างเกราะป้องกันขึ้นที่ผิวใบพืช ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของเชื้อรา ผลการยับยั้งนี้เกิดขึ้นได้จากการควบคุมปัจจัยแวดล้อมอย่างแม่นยำ เช่น อุณหภูมิและความชื้น ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อราอื่นๆ โดยการทำลายเงื่อนไขเหล่านี้ IS ให้กลไกการป้องกันตามธรรมชาติต่อโรคราและผลไม้เน่า ปกป้องสุขภาพและความมีชีวิตชีวาของต้นทุเรียน

เพิ่มการยึดเกาะและความปลอดภัย:

ข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างหนึ่งของ IS คือการยึดเกาะกับผิวใบของพืชได้ดีขึ้น ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง IS ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการครอบคลุมและการยึดเกาะที่ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องใบไม้จากการติดเชื้อรา ความสามารถในการยึดเกาะที่เพิ่มขึ้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องที่ยาวนาน เนื่องจากช่วยป้องกันไม่ให้สารถูกชะล้างโดยฝนหรือการชลประทานโดยง่าย จึงรักษาประสิทธิภาพไว้ได้เป็นระยะเวลานาน

นอกจากนี้ IS ยังมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด ทำให้เป็นโซลูชันที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมีอันตรายหรือสารสังเคราะห์เจือปน จึงมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ใช้ เกษตรกร และผู้บริโภค ลักษณะอินทรีย์ของ IS สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรแบบยั่งยืน ส่งเสริมการรักษาระบบนิเวศในขณะที่ต่อสู้กับโรคเชื้อราอย่างมีประสิทธิภาพ

FK-T: เร่งการฟื้นฟูและบำรุงต้นทุเรียน:

นอกจากระบบ IS แล้ว ความก้าวหน้าในการดูแลต้นทุเรียนอีกประการหนึ่งคือการเปิดตัว FK-T ต้นทุเรียนมักเผชิญกับความท้าทายในการเจริญเติบโต เช่น การพัฒนาช้า การเจริญเติบโตแคระแกรน ใบเหลือง ใบไม่ขยาย ไม่ออกดอก ผลเหี่ยวเฉา และไม่เขียวขจี ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงการขาดสารอาหาร ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม และความอ่อนแอต่อโรค FK-T ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้และฟื้นฟูสุขภาพของต้นทุเรียน

FK-T เป็นสูตรเร่งการฟื้นฟูและบำรุงต้นทุเรียนโดยให้สารอาหารที่จำเป็น ส่งเสริมการพัฒนาของราก และปรับปรุงความแข็งแรงโดยรวมของพืช ด้วยการเติมเต็มองค์ประกอบที่จำเป็น FK-T จะกระตุ้นการเจริญเติบโต เสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างของต้นไม้ และเพิ่มความต้านทานต่อสิ่งกดดันภายนอก เมื่อใช้เป็นประจำ FK-T จะช่วยเอาชนะความชะงักงันของการเจริญเติบโต ช่วยให้ใบแข็งแรง ดอกแข็งแรง และเก็บเกี่ยวผลทุเรียนสดคุณภาพสูงได้มากมาย

บทสรุป:

การพัฒนา IS และ FK-T ถือเป็นก้าวสำคัญในการดูแลและปกป้องต้นทุเรียน ความสามารถของ IS ในการยับยั้งเชื้อราและโรคผลไม้เน่าผ่านการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา ควบคู่ไปกับการยึดเกาะและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นโซลูชั่นที่ทรงคุณค่าสำหรับเกษตรกร เมื่อเสริมด้วย FK-T ซึ่งช่วยเร่งการฟื้นฟู บำรุง และการเจริญเติบโต ต้นทุเรียนสามารถเอาชนะปัญหาทั่วไป เช่น การเจริญเติบโตช้า ใบเสียหาย และการพัฒนาผลที่ไม่ดี

ด้วยการใช้พลังของสารอินทรีย์เหล่านี้ เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่าต้นทุเรียนมีสุขภาพดีและให้ผลผลิตมากขึ้น ในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทางเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การใช้ IS และ FKT

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Beauveria mix Methharicium จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ 2 ชนิดที่ใช้กันทั่วไปในการป้องกันและกำจัดไรสองจุดในสตรอเบอร์รี่ สารออกฤทธิ์สองชนิดในส่วนผสมนี้คือ Beauveria bassiana และ Methharicium anisopliae

ไรสองจุดเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชสตรอเบอรี่ ไรเหล่านี้กินใบของต้นสตรอเบอรี่ ซึ่งทำให้การเจริญเติบโต ผลผลิต และคุณภาพของผลไม้ลดลง ด้วยเหตุนี้ เกษตรกรจึงต้องมีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของไรฝุ่นแบบสองจุด

บิวเวอเรีย บาสเซียนาเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งทราบกันดีว่ามีประสิทธิภาพต่อแมลงศัตรูพืชหลากหลายชนิด รวมถึงไรสองจุด เมื่อเชื้อรานี้สัมผัสกับไร มันจะติดเชื้อและฆ่าพวกมัน Methharicium anisopliae เป็นเชื้อราอีกชนิดหนึ่งที่แสดงประสิทธิภาพในการกำจัดไรสองจุด

เมื่อใช้ร่วมกันในบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม เชื้อราทั้งสองชนิดนี้สามารถให้หมัดหนึ่งในสองที่ทรงพลังกับไรสองจุด โดยทั่วไปจะใช้ส่วนผสมเป็นสเปรย์ฉีดไปที่ใบของต้นสตรอเบอรี่ ซึ่งมันสามารถสัมผัสกับตัวไรและเริ่มออกฤทธิ์ได้

ข้อดีประการหนึ่งของการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมคือเป็นวิธีการควบคุมศัตรูพืชที่ค่อนข้างปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารออกฤทธิ์เป็นเชื้อราตามธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ และไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายบนพืชหรือในดิน

โดยรวมแล้วบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับเกษตรกรที่ต้องการป้องกันหรือกำจัดไรสองจุดในพืชสตรอเบอรี่ เมื่อใช้ส่วนผสมนี้ พวกเขาสามารถปกป้องพืชและเพิ่มผลผลิตได้สูงสุดในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานให้น้อยที่สุด

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม

เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน
* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร

ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว
เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุดปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่องเป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้าhttp://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ในฐานะชาวนา การทำนาให้ได้ผลผลิตสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ วิธีหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตคือการใช้ปุ๋ยที่ให้ธาตุอาหารที่จำเป็นแก่พืช ปุ๋ย FK-1 และ FK-3 เป็นสองตัวเลือกที่สามารถช่วยให้ได้ผลผลิตสูงในนาข้าว

ปุ๋ย FK-1 ประกอบด้วยแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิว สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นข้าว แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อการสังเคราะห์ด้วยแสงและการสังเคราะห์โปรตีนและเอนไซม์ สังกะสีจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์และการผลิตฮอร์โมนอย่างเหมาะสม ไนโตรเจนจำเป็นต่อการสังเคราะห์โปรตีนและคลอโรฟิลล์ ในขณะที่ฟอสฟอรัสจำเป็นต่อการพัฒนาของราก ดอก และเมล็ดพืช โพแทสเซียมช่วยในการดูดซึมน้ำและสารอาหาร รวมทั้งการสังเคราะห์แป้งและน้ำตาล สารลดแรงตึงผิวใน FK-1 ช่วยกระจายธาตุอาหารอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งดิน

ปุ๋ย FK-3 คล้ายกับปุ๋ย FK-1 แต่มีโพแทสเซียมเข้มข้นกว่า โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของต้นข้าวอย่างเหมาะสม และความเข้มข้นที่สูงขึ้นจะสามารถเพิ่มผลผลิตได้ FK-3 ยังมีแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งให้สารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดที่ต้นข้าวต้องการ

ในการใส่ปุ๋ย FK-1 หรือ FK-3 ในนาข้าว ให้ผสมน้ำในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำบนฉลาก จากนั้นใช้เครื่องพ่นเพื่อกระจายสารละลายให้ทั่วบริเวณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปฏิบัติตามอัตราการใช้ที่แนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยมากเกินไปซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพืชได้

การใช้ปุ๋ย FK-1 และ FK-3 จะช่วยให้ต้นข้าวได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตข้าวในปริมาณมาก ด้วยการใช้และการใช้งานที่เหมาะสม ปุ๋ยเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตในนาข้าวของคุณและนำไปสู่การเก็บเกี่ยวที่ประสบความสำเร็จ

สั่งซื้อกับลาซาด้า

FK-1 http://ไปที่..link..

FK-3 http://ไปที่..link..

ทุเรียน หรือที่เรียกว่า "ราชาแห่งผลไม้" เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลิ่นที่โดดเด่นและรสชาติที่เข้มข้นของครีมทำให้เป็นผลไม้ยอดนิยมในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการทุเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้การปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นทั่วโลก

ประโยชน์ของการปลูกทุเรียน:

การปลูกทุเรียนมีประโยชน์หลายประการ ได้แก่ ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ประการแรก ทุเรียนเป็นพืชที่มีมูลค่าสูงและสร้างรายได้มหาศาลให้กับเกษตรกร ด้วยความต้องการทุเรียนที่เพิ่มขึ้น เกษตรกรสามารถได้รับผลกำไรที่สูงขึ้นจากการปลูกและขายทุเรียน

ประการที่สอง การปลูกทุเรียนมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุเรียนมีความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศและเก็บไว้ในลำต้น กิ่งก้าน และรากได้ สิ่งนี้ทำให้การปลูกทุเรียนเป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ความท้าทายของการปลูกทุเรียน:

แม้ว่าการปลูกทุเรียนจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายหลายประการที่เกษตรกรต้องเผชิญ ประการแรก ต้นทุเรียนมีความไวต่อสภาพอากาศ และต้องการอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และสภาพดินที่เฉพาะเจาะจงจึงจะเติบโตได้สำเร็จ ทำให้การปลูกทุเรียนในบางภูมิภาคมีความท้าทาย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศแห้งหรือเย็นจัด

ประการที่สอง ต้นทุเรียนมีความเสี่ยงต่อศัตรูพืชและโรคต่างๆ ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมากและก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกร เกษตรกรจำเป็นต้องดำเนินมาตรการควบคุมศัตรูพืชและโรคที่เหมาะสมเพื่อให้ต้นทุเรียนแข็งแรงและให้ผลผลิต

บทสรุป:

การปลูกทุเรียนกลายเป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับเกษตรกรทั่วโลก ด้วยความต้องการทุเรียนที่เพิ่มขึ้น เกษตรกรสามารถได้รับผลกำไรที่สูงขึ้นและมีส่วนช่วยในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม การปลูกทุเรียนยังมีความท้าทาย เช่น ความอ่อนไหวต่อสภาพอากาศ ความเปราะบางของศัตรูพืชและโรค ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการจัดการและควบคุมที่เหมาะสม

กล่าวโดยสรุป การปลูกทุเรียนให้ประโยชน์อย่างมาก แต่เกษตรกรจำเป็นต้องตระหนักถึงความท้าทายและดำเนินการตามแนวทางการจัดการที่เหมาะสมเพื่อให้การเพาะปลูกประสบความสำเร็จและยั่งยืน

กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลก และอุตสาหกรรมกาแฟมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้นกาแฟมีความไวต่อโรคเชื้อราต่างๆ เช่น โรคใบไหม้และใบจุด ซึ่งจะทำให้ผลผลิตและคุณภาพของพืชลดลงอย่างมาก เพื่อป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราเหล่านี้ เกษตรกรสามารถใช้ IS ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืชด้วยเทคนิคการควบคุมด้วยไอออน

IS เป็นโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถควบคุมโรคเชื้อราต่างๆ ในพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงโรคใบไหม้และใบจุดในต้นกาแฟ อัตราการผสมที่แนะนำคือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยควรฉีดพ่นต้นกาแฟ เกษตรกรควรละลายน้ำในปริมาณที่ต้องการก่อนฉีดพ่นทางใบ

นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถเพิ่มผลผลิตของต้นกาแฟได้โดยใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ซึ่งมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ไนโตรเจนช่วยเร่งการเจริญเติบโตและเร่งใบเขียว ส่วนฟอสฟอรัสเป็นตัวเร่งดอก เปิดตาดอก และเร่งระบบราก โพแทสเซียมทำหน้าที่เป็นตัวเร่งผลผลิตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของพืชต่อโรค

ในการใช้ FK-1 เกษตรกรควรผสมสองถุงที่รวมอยู่ในกล่อง โดยแต่ละถุงหนัก 1 กก. เข้าด้วยกัน อัตราการผสมที่แนะนำคือ ถุงละ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยควรคนให้ละลายก่อนฉีดพ่นต้นกาแฟ

การใช้ IS และ FK-1 ร่วมกันสามารถช่วยเกษตรกรในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นกาแฟในขณะที่ปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชผล อย่างไรก็ตาม เกษตรกรควรใช้มาตรการป้องกัน เช่น เด็ดใบที่ติดเชื้อออกและรักษาสุขอนามัยที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคเชื้อรา

สรุปได้ว่าชาวไร่กาแฟสามารถป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้และใบจุดในต้นกาแฟด้วย IS และ FK-1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำและมาตรการป้องกัน เกษตรกรสามารถปรับปรุงผลผลิตของต้นกาแฟและนำไปสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมกาแฟ

สอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

เลื่อนลงล่างอีกนิดมีลิงค์ สำหรับสั่งซื้อกับลาซาด้า หรือช้อปปี้ นะคะ