“โกโก้” เป็นพืชเศรษฐกิจที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีแผนส่งเสริมพัฒนาการผลิตและการตลาด ให้เป็นสินค้าสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดโลกสูง ส่งออกยุโรป ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ อีกทั้งเป็นพืชทางเลือกชนิดหนึ่งที่สามารถปลูกเป็นพืชทดแทนและเป็นพืชแซมในสวนผสม เป็นพืชที่ดูแลง่าย เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง และให้ผลผลิตสูง

นายนิกร แสงเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ชัยนาท (สศท.7) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ของ สศท.7 เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและตลาดโกโก้ ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคกลาง (ชัยนาท สระบุรี ลพบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี) พบว่ามีพื้นที่ปลูกรวม 495 ไร่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 100 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2564) เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์ ไอ.เอ็ม.1 เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่เจริญเติบโตเร็วให้ผลผลิตสูง มีกลิ่นหอมเมื่อแปรรูป และเป็นที่ต้องการของตลาดต้นทุนการผลิตโกโก้เฉลี่ยอยู่ที่ 6_630 บาท/ไร่/ปี (เริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3 และเก็บเกี่ยวจนถึงอายุต้น 30 ปี) เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุก 15 วัน และเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี ผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ผลผลิตเฉลี่ย 2_400-3_000 กิโลกรัม/ไร่/ปี ราคาที่เกษตรกรขายได้ (ผลสด) ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 อยู่ที่ 8-10 บาท/กิโลกรัม เกษตรกรได้ผลตอบแทน 22_400 บาท/ไร่/ปี คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 15_770 บาท/ไร่/ปี

ที่มา http://www.farmkaset..link..

ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคส้มโอ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ที่พบบ่อย ทั่วทั้งประเทศไทย ได้แก่ โรคราดำส้มโอ โรคราสีชมพูในส้มโอ โรคส้มโอจุดสนิม โรคสแคป

โรคสแคปที่เกิดกับส้มโอ หรือ ส้มโอยางไหล มีสาเหตุจากเชื้อรา อาการจะเป็นแผลนูนสีน้ำตาล ที่ใบส้มโอส หากเกิดกับผลส้มโอ จะพบรอยบุ๋มที่ใต้ผล หากเป็นหนัก จะพบยางไหลออกมา

โรคราสีชมพูในส้มโอ มีสาเหตุจากเชื้อรา พบที่เปลือกกิ่งของต้นส้มโอ เป็นจุดสีน้ำตาล และลุกลามจนทำให้กิ่งส้มโอแห้งตายได้ และราสีชมพู จะเกิดที่กิ่งที่แห้ง ส่งผลให้ ส้มโอใบเหี่ยว ส้มโอใบร่วง

โรคราดำส้มโอ พบราดำ ขึ้นตามใบ และผลของส้มโอ ราดำจะปกคลุมใบ ทำให้ส้มโอสังเคราะห์แสงได้ไม่ดี โตช้า ผลอ่อนร่วง ผลผลิตน้อยลง ไม่สวยงาม คุณภาพไม่ดี

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

มังคุดเป็นผลไม้เมืองร้อนที่เป็นที่ชื่นชอบด้วยรสชาติที่หวานฉ่ำและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม มันยังอ่อนแอต่อโรคต่างๆ รวมทั้งโรค กิ่งเน่า กิ่งแห้ง ต้นเน่า ใบไหม้ โรคเชื้อรานี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืช ทำให้ผลผลิตลดลงและอาจทำให้พืชตายได้

โชคดีที่มีวิธีป้องกันและกำจัดโรคกิ่งเน่า ในมังคุด โดยใช้สารอินทรีย์ ไอเอส ซึ่งเป็นเทคนิคการควบคุมไอออน คือ วิธีการทำให้สภาพแวดล้อมบนใบพืชไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา การฉีดพ่น ไอเอส บนพืช คุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคลำต้นเน่า

การป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ในมังคุดอีกวิธีหนึ่งคือผสม ไอเอส กับ FK-1 แล้วฉีดพ่น FK-1 เป็นสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชที่ประกอบด้วยแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิว ช่วยเร่งการงอกใหม่ของพืชจากการทำลายของโรคและบำรุงและส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตที่ดีขึ้น

เมื่อใช้ ไอเอส และ FK-1 ร่วมกัน ไอเอส จะกำจัดโรคในขณะที่ FK-1 จะส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิต การผสมผสานนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องต้นมังคุดของคุณจากโรคโคนเน่าและรับประกันการเก็บเกี่ยวที่สมบูรณ์

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าควรใช้ ไอเอส และ FK-1 ตามคำแนะนำ อัตราส่วนผสมที่แนบไปกับผลิตภัณฑ์

สรุปได้ว่าโรค โคนเน่า กิ่งเน่า กิ่งแห้ง ใบไหม้ เป็นโรคร้ายแรงที่สร้างความเสียหายให้กับต้นมังคุดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส และ FK-1 ร่วมกัน คุณจะป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้ผลผลิตที่สมบูรณ์และแข็งแรง อย่าลืมใช้สารเหล่านี้ตามคำแนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

มะม่วงเป็นผลไม้ที่ทั่วโลกชื่นชอบ ขึ้นชื่อเรื่องรสหวานและรสชาติที่สดชื่น อย่างไรก็ตาม ต้นมะม่วงสามารถถูกแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยจักจั่น เข้าทำลาย ซึ่งอาจทำให้ผลมะม่วงเสียหายและทำให้ผลผลิตลดลงได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้อัลคาลอยด์เพิ่มขึ้นในการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการควบคุมศัตรูพืช แบรนด์ MAKA ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรชั้นนำได้พัฒนาโซลูชันที่มีส่วนประกอบของอัลคาลอยด์เพื่อแก้ไขปัญหานี้

อัลคาลอยด์เป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งพบในพืชหลายชนิด รวมถึงสารที่ใช้กันทั่วไปในการเกษตร พวกเขาใช้มานานหลายศตวรรษในยาแผนโบราณสำหรับคุณสมบัติทางเภสัชวิทยา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สารอัลคาลอยด์ถูกนำมาใช้ในการเกษตรในฐานะยาฆ่าแมลงตามธรรมชาติ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชและมีความเป็นพิษต่ำต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมาย

แบรนด์ MAKA ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของอัลคาลอยด์ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้ในการปลูกมะม่วง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้คิดค้นขึ้นเพื่อกำจัดเพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง และเพลี้ยจักจั่น ซึ่งเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นมะม่วง

เพลี้ยไฟเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็กที่กัดกินเนื้อเยื่อพืช ทำให้ใบ ตา และผลเสียหาย ในทางกลับกัน เพลี้ยแป้งเป็นแมลงขนาดเล็กสีขาวคล้ายสำลีที่กินน้ำเลี้ยงของพืช ทำให้พืชอ่อนแอและทำให้ผลไม้ผิดรูป เพลี้ยจักจั่นเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็กที่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ใบเหลือง ม้วนงอ และแคระแกร็น ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นมะม่วง ทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลง

ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอัลคาลอยด์ของแบรนด์ MAKA มีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืชเหล่านี้โดยรบกวนพฤติกรรมการกินอาหารและการสืบพันธุ์ของพวกมัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำงานโดยกำหนดเป้าหมายไปที่ระบบประสาทของแมลงศัตรูพืช ทำให้เป็นอัมพาตและตายในที่สุด พวกมันมีการคัดเลือกสูง หมายความว่าพวกมันส่งผลกระทบต่อศัตรูพืชเป้าหมายเท่านั้น และมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายน้อยที่สุด เช่น ผึ้ง นก และแมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอัลคาลอยด์เป็นส่วนประกอบหลักในการควบคุมสัตว์รบกวนคือ พวกมันเป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติแทนยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ อัลคาลอยด์สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพและสลายตัวอย่างรวดเร็วในสิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนในดินและน้ำ

โดยสรุป ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอัลคาลอยด์ที่พัฒนาโดยแบรนด์ Marka เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืชในมะม่วง เป็นสารทดแทนตามธรรมชาติแทนสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์และมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายน้อยที่สุด การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงสามารถปกป้องพืชผลของตนและเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีมะม่วงแสนอร่อยสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

อะมิโนโปรตีนมีความจำเป็นต่อพืชเนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนพืช ซึ่งมีหน้าที่ในกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ เช่น การเจริญเติบโต พัฒนาการ และการตอบสนองต่อความเครียด ผักกาดหอมเป็นผักใบเขียว เป็นพืชประเภทหนึ่งที่ต้องการโปรตีนอะมิโนจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตและการพัฒนา

เมื่ออะมิโนโปรตีนถูกส่งไปยังต้นผักกาดหอม พวกมันมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนพืช เช่น ออกซิน ไซโตไคนิน และจิบเบอเรลลิน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและขยายเซลล์ในผักกาดหอม ฮอร์โมนเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการแบ่งเซลล์ การยืดตัว และการสร้างความแตกต่าง ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาของใบ ลำต้น และราก

การใช้อะมิโนโปรตีนในการเลี้ยงผักกาดทำได้โดยผสมน้ำแล้วฉีดพ่นให้พืช เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ผสมอะมิโนโปรตีน 10-20 มล. กับน้ำ 20 ลิตรสำหรับพืชผักกาดหอม สำหรับนาข้าว พืชไร่ และไม้ผล แนะนำให้ใช้ความเข้มข้นสูงกว่านี้ 20-40 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร

นอกจากการฉีดพ่นแล้วยังสามารถผสมอะมิโนโปรตีนกับระบบน้ำหยดได้อีกด้วย สำหรับสิ่งนี้ควรผสมอะมิโนโปรตีน 500 มล. กับน้ำ 1 ไร่ และควรผสมมากถึงสองครั้งต่อเดือนในช่วงฤดูปลูก สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้อะมิโนโปรตีนในช่วงออกดอก

การใช้อะมิโนโปรตีนในการเลี้ยงผักกาดสามารถให้ประโยชน์หลายประการแก่เกษตรกร ประการแรก มันสามารถปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของผักกาดหอมโดยส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี ประการที่สอง สามารถลดการใช้ปุ๋ยสังเคราะห์และยาฆ่าแมลง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ประการสุดท้าย สามารถเพิ่มความต้านทานของต้นผักกาดหอมต่อความเครียดจากสิ่งแวดล้อม เช่น ความแห้งแล้ง ความร้อน และความเย็น

โดยสรุปแล้ว อะมิโนโปรตีนมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของผักกาดหอม โดยมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนพืช การใช้อะมิโนโปรตีนในการเลี้ยงผักกาดสามารถทำได้โดยการฉีดพ่นบนพืชหรือผสมกับระบบน้ำหยด ด้วยการใช้อะมิโนโปรตีน เกษตรกรสามารถปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชผลของพวกเขา ในขณะที่ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

Maca alkaloids เป็นอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยใช้หลักการทางเทคโนโลยีขั้นสูง สารอัลคาลอยด์เหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยอ่อนในต้นถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังพบว่าอัลคาลอยด์ของ Maca สามารถยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีในระยะยาว

Maca เป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาค Andean ของอเมริกาใต้ พืชชนิดนี้ถูกใช้มานานหลายศตวรรษโดยชนพื้นเมืองเพื่อสรรพคุณทางยา เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิจัยได้ค้นพบว่ามะค่ามีสารอัลคาลอยด์ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง

กระบวนการสกัดอัลคาลอยด์ของ Maca เป็นกระบวนการทางเทคนิคขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับการเลือกอัลคาลอยด์อย่างระมัดระวังที่มีฤทธิ์ฆ่าแมลงสูงสุด อัลคาลอยด์เหล่านี้จะถูกทำให้เข้มข้นเพื่อสร้างยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพสูง

ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งของการใช้มาคาอัลคาลอยด์คือมีวิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งหมายความว่ายาฆ่าแมลงไม่ได้มุ่งเป้าหมายที่ศัตรูพืชเฉพาะเจาะจง แต่ออกฤทธิ์กับแมลงหลายชนิด สิ่งนี้จะป้องกันไม่ให้แมลงปรับตัวเข้ากับยาฆ่าแมลงและเกิดการดื้อยา ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้สารเคมีกำจัดแมลงในระยะยาว

นอกจากนี้ Maca alkaloids ไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ ทำให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้บริโภค นี่เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือสารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

นอกเหนือจากคุณสมบัติในการฆ่าแมลงแล้ว ยังพบว่า maca alkaloids ยังมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย ตัวอย่างเช่น มีการแสดงฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านมะเร็ง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้อัลคาลอยด์ Maca เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าทั้งในด้านการเกษตรและการแพทย์

โดยรวมแล้ว maca alkaloids เป็นวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะเพลี้ยในพืชตระกูลถั่วเหลือง วิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจงและไม่มีสารพิษตกค้างทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืนแทนการใช้สารเคมีกำจัดแมลง เนื่องจากความต้องการแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรแบบยั่งยืนเพิ่มขึ้น Maca alkaloids มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากขึ้นสำหรับเกษตรกรและนักวิจัย

การใช้มาคาอัลคาลอยด์ เกษตรกรควรผสมสารละลาย 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันแนะนำให้ฉีดพ่นพืชทุกๆ 15-30 วัน วิธีการนี้สามารถป้องกันและควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และ ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

บาซิลิสก์ ตรา Baserex เป็นบาซิลลัสที่พบว่ามีฤทธิ์ในการป้องกันและกำจัดหนอนเจาะกิ่งในต้นชมพู่ หนอนเจาะกิ่งหรือที่เรียกว่าหนอนเจาะลำต้นสีชมพูหรือหนอนเจาะชอตเป็นศัตรูพืชทำลายที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อต้นชมพู่ ทำให้ผลผลิตลดลงและอาจทำให้ต้นตายได้

บาซิลิสก์เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ Bacillus thuringiensis หรือเรียกสั้นๆ ว่า Bt บีทีเป็นแบคทีเรียในดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งสร้างโปรตีนที่เป็นพิษต่อแมลงบางชนิด รวมทั้งหนอนเจาะกิ่ง บีทีถูกใช้เป็นยาฆ่าแมลงทางชีวภาพมากว่า 50 ปี และถือว่าปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

บาซิลิสก์มีสูตรเป็นสเปรย์หรือดินชุ่มและนำไปใช้กับต้นชมพู่ในช่วงแรกของการเข้าทำลาย แบคทีเรียถูกหนอนเจาะกิ่งกินเข้าไปและทำให้เป็นอัมพาตและตายภายในสองสามวัน ตัวอ่อนที่ตายจะหยุดกินอาหารและตาย ป้องกันไม่ให้ต้นไม้เสียหายอีก

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์ในการควบคุมหนอนเจาะกิ่งคือความจำเพาะของมัน ไม่เหมือนกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งสามารถทำร้ายแมลงที่มีประโยชน์และแมลงผสมเกสร บาซิลิสก์มุ่งเป้าไปที่หนอนเจาะกิ่งเท่านั้น และไม่มีผลกระทบต่อแมลงหรือสัตว์อื่นๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ปลูกอินทรีย์ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ข้อดีอีกประการของการใช้บาซิลิสก์คือประสิทธิภาพที่ยาวนาน เมื่อนำไปใช้แล้ว แบคทีเรียสามารถคงอยู่ในดินได้นานหลายสัปดาห์ ทำให้สามารถป้องกันหนอนเจาะกิ่งได้อย่างต่อเนื่อง

ในการใช้บาซิลิสก์อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างระมัดระวัง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในอัตราและความถี่ที่แนะนำ และควรใช้ความระมัดระวังเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังพื้นที่ที่หนอนเจาะกิ่งออกหากินมากที่สุด

สรุปได้ว่า บาซิลิสก์ ตรา Baserex เป็นสารชีวภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดหนอนเจาะกิ่งในต้นชมพู่ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกอินทรีย์ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่ยังคงปกป้องพืชผลของพวกเขา เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต ผู้ปลูกจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมและรักษาต้นชมพู่ให้แข็งแรงและให้ผลผลิตเป็นเวลาหลายปี

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เชื้อราไตรโคเดอร์มาคือเชื้อราชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการเกษตรเนื่องจากสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและป้องกันโรคได้ เชื้อรา Trichoderma harzianum สายพันธุ์หนึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการป้องกันและกำจัดโรคราสนิมในถั่วเหลือง เชื้อราไตรโคเดอร์มาสายพันธุ์นี้รู้จักกันในชื่อ Trichorex และเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อ Trichorex

โรคราสนิมเกิดจากเชื้อราที่ชื่อว่า Pakopsora pachyrhizi และเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อการผลิตถั่วเหลืองทั่วโลก เชื้อราจะติดเชื้อที่ใบของต้นถั่วเหลือง ทำให้เกิดจุดสีเหลืองหรือสีน้ำตาล และอาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมากหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา

Trichorex ทำงานโดยการตั้งรกรากของรากของต้นถั่วเหลืองและสร้างเกราะป้องกันรอบตัว สิ่งกีดขวางนี้ไม่เพียงแต่ป้องกันเชื้อรา Pakopsora pachyrhizi ไม่ให้เข้าทำลายพืช แต่ยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของพืช ทำให้พืชต้านทานโรคได้ดีขึ้น นอกจากนี้ Trichorex ยังผลิตเอนไซม์ที่ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราที่เป็นสนิมและฆ่ามันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Trichorex ใช้กับเมล็ดถั่วเหลืองก่อนปลูกและเริ่มตั้งรกรากที่รากทันทีที่เมล็ดงอก สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพืชได้รับการปกป้องตั้งแต่เริ่มต้นของวงจรการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Trichorex เป็นสเปรย์ทางใบเพื่อรักษาโรคราสนิมที่มีอยู่และป้องกันการแพร่กระจายต่อไป

นอกจากคุณสมบัติในการต่อสู้กับโรคแล้ว Trichorex ยังส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของถั่วเหลืองอีกด้วย มีการแสดงเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของราก ปรับปรุงการดูดซึมสารอาหาร และเพิ่มสุขภาพโดยรวมของพืช สิ่งนี้นำไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้นและคุณภาพพืชที่ดีขึ้น

โดยรวมแล้ว Trichorex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในการป้องกันและกำจัดโรคราสนิมในถั่วเหลือง ความสามารถในการปกป้องพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองที่ต้องการปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชผล

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..

การปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตสูงสุด: ความสำคัญของการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

มันสำปะหลังเป็นพืชอเนกประสงค์ที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนหลายแห่งของโลก เป็นแหล่งอาหารและรายได้ที่สำคัญสำหรับผู้คนนับล้านโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตาม ผลผลิตมันสำปะหลังอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยต่างๆ เช่น ศัตรูพืช โรค และสภาพดินที่ไม่ดี วิธีหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังคือการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม เช่น ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นปุ๋ยสูตรพิเศษที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ปุ๋ยนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ฉีดพ่นโดยตรงบนใบของมันสำปะหลัง พืชดูดซึมได้ง่ายและให้สารอาหารที่จำเป็นซึ่งสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดีและให้ผลผลิตสูง

เมื่อใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง ปุ๋ยบรรจุ 2 ถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม ต้องผสมถุงเหล่านี้เข้าด้วยกันก่อนใช้ ในการเตรียมปุ๋ย ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร จากนั้นฉีดพ่นส่วนผสมที่ใบของมันสำปะหลังโดยใช้เครื่องพ่นยาแบบปั๊มหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เหมาะสม

ประโยชน์ของปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สำหรับการปลูกมันสำปะหลังนั้นมีมากมาย ประการแรก ปุ๋ยให้การผสมผสานที่สมดุลของสารอาหารที่จำเป็นซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตที่ดีและให้ผลผลิตสูง ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ในขณะที่แมกนีเซียมและสังกะสีจำเป็นต่อการสังเคราะห์แสงและการทำงานของเอนไซม์ สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยช่วยให้พืชดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าสารอาหารเหล่านี้จะถูกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ยังช่วยให้ต้นมันสำปะหลังต้านทานต่อโรคและแมลงต่างๆ ได้ดีขึ้น พืชที่แข็งแรงและได้รับการบำรุงเลี้ยงอย่างดีจะสามารถต้านทานการโจมตีจากแมลงศัตรูพืชและโรคต่างๆ ได้ดีกว่าพืชที่อ่อนแอหรือขาดสารอาหาร ซึ่งหมายความว่าการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สามารถช่วยลดความจำเป็นในการใช้สารกำจัดศัตรูพืชและการใช้สารเคมีอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

โดยรวมแล้ว การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงผลผลิตและความยั่งยืนของการปลูกมันสำปะหลัง ด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นอย่างสมดุลและปรับปรุงสุขภาพและความต้านทานของพืช ปุ๋ยนี้สามารถช่วยเกษตรกรให้ได้ผลผลิตและผลกำไรสูงสุดในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ดังนั้น หากคุณเป็นชาวไร่มันสำปะหลังที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพพืช ลองพิจารณาใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 วันนี้

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. ช้อปปี้ http://ไปที่..link.. และ ติ๊กต็อก ช็อป http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เงาะเป็นผลไม้แสนอร่อยที่ได้รับความนิยมในหลายส่วนของโลก อย่างไรก็ตาม ผีเสื้อกลางคืนและหนอนผีเสื้อสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลเงาะ ทำให้ผลผลิตลดลงและผลไม้มีคุณภาพต่ำลง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้การควบคุมทางชีวภาพเพิ่มขึ้นเพื่อจัดการการระบาดของแมลงศัตรูพืช และ Bacillus Brand Baserex ได้กลายเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดหนอนผีเสื้อมอดหวานในไร่เงาะ

Bacillus Brand Baserex เป็นยาฆ่าแมลงทางชีวภาพที่มีส่วนผสมของ Bacillus ซึ่งมุ่งเป้าไปที่หนอนผีเสื้อกลางคืนโดยเฉพาะ Bacillus thuringiensis (Bt) เป็นสารออกฤทธิ์ใน Bacillus Brand Baserex และเป็นแบคทีเรียที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งสร้างสารพิษที่เป็นพิษต่อตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนและผีเสื้อหลายชนิด Bacillus Brand Baserex เป็นยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งคิดค้นขึ้นเพื่อควบคุมหนอนผีเสื้อกลางคืนโดยเฉพาะ

การใช้ Bacillus Brand Baserex นั้นง่ายและสะดวก ใช้ฉีดพ่นโดยตรงที่ต้นเงาะ ปลอดภัยทั้งผลและสิ่งแวดล้อม Bacillus Brand Baserex ไม่มีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์เลี้ยง หรือแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ

ข้อได้เปรียบหลักอย่างหนึ่งของการใช้ Bacillus Brand Baserex คือมันเป็นยาฆ่าแมลงที่ตรงเป้าหมายสูง ไม่เหมือนกับยาฆ่าแมลงที่เป็นสารเคมีซึ่งสามารถทำร้ายแมลงที่มีประโยชน์และทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหาย Bacillus Brand Baserex มีผลกับตัวหนอนของผีเสื้อกลางคืนเท่านั้น ทำให้แมลงอื่นๆ ไม่ได้รับอันตราย สิ่งนี้ทำให้เป็นทางออกที่ดีสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปกป้องพืชผลของตนในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

ข้อดีอีกประการของการใช้ Bacillus Brand Baserex คือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่คุ้มค่า เนื่องจากเป็นยาฆ่าแมลงทางชีวภาพ จึงไม่จำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องในระดับเดียวกับสารเคมีกำจัดแมลง ซึ่งอาจมีราคาแพงและใช้เวลานาน Bacillus Brand Baserex สามารถใช้ได้ในช่วงเวลาที่กำหนดระหว่างฤดูปลูก ซึ่งหมายความว่าเกษตรกรสามารถประหยัดเวลาและเงินในขณะที่ยังคงปกป้องพืชผลของพวกเขา

สรุปได้ว่า บาซิลลัส ตรา บาซิเร็กซ์ เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการป้องกันและกำจัดหนอนผีเสื้อมอดหวานในไร่เงาะ การดำเนินการที่ตรงเป้าหมาย ความปลอดภัย และความคุ้มค่าทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการปกป้องพืชผลของตนในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ด้วยการใช้ Bacillus Brand Baserex เกษตรกรสามารถรับประกันได้ว่าพืชผลเงาะมีสุขภาพดีและให้ผลกำไร ในขณะเดียวกันก็มีส่วนช่วยในแนวทางการทำการเกษตรแบบยั่งยืน

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ**

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..