[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3562 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 356 หน้า, หน้าที่ 357 มี 2 รายการ

กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบไหม้ ใน อินทผาลัม ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบไหม้ ใน อินทผาลัม ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคใบไหม้ ใน อินทผาลัม ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นสกุลของเชื้อราที่ทราบกันดีว่ามีความสามารถในการปกป้องพืชจากเชื้อโรคหลายชนิด รวมถึงเชื้อรา Phytophthora infestans ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคใบไหม้ในอินทผลัม เชื้อราไตรโคเดอร์มาสายพันธุ์เฉพาะที่ได้รับการพัฒนาเพื่อการนี้คือ Trichorex

Trichorex เป็นเชื้อราไตรโคเดอร์มายี่ห้อหนึ่งที่ได้รับการคิดค้นสูตรขึ้นเป็นพิเศษสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ในอินทผลัม ผลิตภัณฑ์นี้มีเชื้อราไตรโคเดอร์มาสายพันธุ์ T. harzianum เข้มข้นสูง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมเชื้อไฟทอฟธอรา

เมื่อนำไปใช้กับต้นอินทผาลัม Trichorex จะยึดรากและดินโดยรอบ สร้างเกราะป้องกันการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเชื้อ Phytophthora เชื้อราไตรโคเดอร์มายังสร้างเอนไซม์ที่ทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและฆ่ามันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากคุณสมบัติในการป้องกันแล้ว Trichorex ยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของต้นอินทผาลัม สิ่งนี้สามารถส่งผลให้ผลผลิตผลไม้เพิ่มขึ้นและพืชผลโดยรวมแข็งแรงขึ้น

Trichorex ใช้งานง่ายและสามารถใช้เป็นดินรดหรือฉีดพ่นทางใบ นอกจากนี้ยังเข้ากันได้กับสารฆ่าเชื้อราและยาฆ่าแมลงอื่นๆ ทำให้เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ในคลังแสงของผู้ปลูกอินทผลัม

โดยรวมแล้ว Trichorex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรคใบไหม้ของต้นอินทผลัม การผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณสมบัติป้องกันและส่งเสริมการเจริญเติบโตทำให้มันเป็นทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับผู้ปลูกอินทผลัมที่ต้องการปรับปรุงผลผลิตพืชผลและสุขภาพพืชโดยรวม

ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า
โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว
โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง
โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก
โรคผลเน่า

ใช้อย่างไร

1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น

2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก

ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช
จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช
ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช
ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link..
คู่มือโรคมะพร้าว แนวทางการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา ที่เกิดขึ้นกับต้นมะพร้าว
คู่มือโรคมะพร้าว แนวทางการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา ที่เกิดขึ้นกับต้นมะพร้าว
มะพร้าวเป็นพืชที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายในเขตร้อนชื้น เป็นที่รู้จักในด้านการใช้งานมากมาย ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง และวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ต้นมะพร้าวยังอ่อนแอต่อโรคเชื้อราต่างๆ ซึ่งทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก ในบทความนี้ เราจะพูดถึงโรคเชื้อราในมะพร้าวที่พบบ่อยที่สุด อาการของมัน และมาตรการป้องกันและกำจัดที่แนะนำ

โรคเชื้อราที่มีผลต่อต้นมะพร้าว ได้แก่ โรคมะพร้าวใบไหม้ โรคใบแห้ง มะพร้าวต้นกลวง โรคโคนเน่า หรือ "โคนเน่า" มีสาเหตุมาจากเชื้อรา Phytophthora palmivora ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินที่ชื้นและอบอุ่น เชื้อราโจมตีฐานของต้นไม้และแพร่กระจายขึ้นไปจนไปถึงมงกุฎซึ่งส่งผลต่อใบอ่อนและดอก

อาการของโรคตาเน่า ได้แก่ ใบเหลืองและเหี่ยว ลำต้นเน่า และมีกลิ่นเหม็น เมื่อโรคลุกลาม ต้นไม้จะออกลูกมะพร้าวน้อยลง และคุณภาพของมะพร้าวที่ผลิตได้ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

เพื่อป้องกันและกำจัดโรคตาเน่า มาตรการที่แนะนำคือการใช้ IS ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในขณะเดียวกันก็บำรุงพืชด้วย FK-1 เมื่อเปิดกล่อง FK-1 คุณจะพบกับถุงสองใบ ถุงแรกเป็นธาตุหลัก ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และถุงที่สองเป็นธาตุเสริม ประกอบด้วย แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว อัตราส่วนผสมให้ใช้ 50 g. ของถุงแรกและ 50 g. ถุงที่ 2 ผสมน้ำ 20 ลิตร

วิธีใช้ IS ผสม 50 ซีซี. ของสารละลายในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดให้ทั่วโคนต้นมะพร้าว ให้แน่ใจว่าได้คลุมดินรอบ ๆ ต้นมะพร้าวแล้ว ทำซ้ำทุก 2-3 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่มีเชื้อรามากที่สุด

นอกจากการใช้ระบบ IS แล้ว ยังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ดี เช่น ดูแลให้มีการระบายน้ำที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไป และกำจัดวัสดุจากพืชที่ติดเชื้อออกจากรอบโคนต้นไม้

กล่าวโดยสรุป โรคตาเน่าเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราทั่วไปที่ส่งผลต่อต้นมะพร้าวและทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก การใช้ IS ร่วมกับการปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ดีเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรค ทำให้ต้นมะพร้าวแข็งแรงและให้ผลผลิต
อ่าน:3509
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ ช่วยให้เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของลิ้นจี่ได้
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ ช่วยให้เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของลิ้นจี่ได้
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ ช่วยให้เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของลิ้นจี่ได้
ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ยอดนิยมที่ปลูกในประเทศไทย เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่จึงให้ความสำคัญกับการดูแลต้นลิ้นจี่เป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและได้ปริมาณตามที่ต้องการ ปุ๋ยเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตให้กับต้นลิ้นจี่

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ เป็นปุ๋ยเคมีมาตรฐาน โพแทสเซียมคลอไรด์ สูตร 0-0-60 เหมาะสำหรับใช้ในระยะติดผล ช่วยให้

ผลใหญ่: เพิ่มขนาดของผลลิ้นจี่ให้ใหญ่ขึ้น
ผลดก: เพิ่มจำนวนผลลิ้นจี่ต่อต้น
ขยายขนาด: เพิ่มน้ำหนักของผลลิ้นจี่
เพิ่มคุณภาพ: เพิ่มรสชาติและความหวานของลิ้นจี่
เพิ่มผลผลิต: เพิ่มปริมาณผลผลิตโดยรวม

วิธีการใช้

ฉีดพ่นปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 ทางใบ อัตรา 25 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร
ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน
ควรฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น

ข้อควรระวัง

ควรอ่านฉลากก่อนใช้
สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก แว่นตา
เก็บปุ๋ยให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ห้ามรับประทาน

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ ช่วยให้เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของลิ้นจี่ได้

🌿ฉีดพ่นทางใบ อัตราผสม 25 กรัม(2ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (2ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)
.
🌳ปุ๋ยทางใบสูตรสูง 3สูตรหลัก ที่ใช้ได้กับทุกพืช
- เร่งโตเร่งต้นเร่งใบเร่งเขียว สูตร 30-20-5
- เร่งระบบราก เร่งดอก สูตร 10-40-10
- เพิ่มผลผลิต ขยายขนาดผล สูตร 15-5-30
.
∞ ผสมปุ๋ยทางใบเป็นสูตรต่างๆได้ตามต้องการ
» เราพัฒนาระบบคำนวณสูตรผสมปุ๋ยให้ใช้ฟรี
» ใช้ปุ๋ย 3สูตรหลักด้านบน ผสมได้หลากหลายสูตรสูง ใช้ได้กับทุกพืช
£ มีเอกสารแนบวิธีการผสมลงในกล่อง

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..
ข้าวขาดธาตุอาหาร สังเกตุได้อย่างไร : ดินขาดธาตุอะไร ส่งตรวจกับ iLab.work
ข้าวขาดธาตุอาหาร สังเกตุได้อย่างไร : ดินขาดธาตุอะไร ส่งตรวจกับ iLab.work
Dobermann and Fairhurst (2000) และกองปฐพีวิทยา (2543) ได้อธิบายสาเหตุและลักษณะอาการขาดธาตุอาหารต่างๆ ตลอดจนวิธีการป้องกันและแก้ไขไว้ดังนี้

1. การขาดไนโตรเจน (Nitrogen deficiency)

ในพืชทั่วไป ไนโตรเจน (N) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกรดอะมิโน (Amino acids) กรดนิวคลีอิก (Nucleic acids) นิวคลีโอไทล์ (Nucleotile) และคลอโรฟิลล์ ไนโตรเจนช่วยในการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มขนาดใบ เพิ่มจำนวนเมล็ดต่อรวง เพิ่มจำนวนเมล็ดดีต่อรวง และเพิ่มปริมาณโปรตีนในเมล็ด

ไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารที่พบว่าขาดในนาข้าวทั่วไป โดยเฉพาะในนาดินทรายที่มีระดับอินทรียวัตถุต่ำเช่นที่พบทั่วไปในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ โดยข้าวที่ขาดไนโตรเจนจะมีใบแก่หรือบางครั้งใบทั้งหมดเป็นสีเขียวอ่อน ปลายใบเหลือง ถ้าขาดรุนแรงใบแก่จะตายเหลือเพียงใบอ่อน ใบแคบ สั้นและตั้งตรง มีสีเขียวปนเหลือง การขาดไนโตรเจนมักเกิดในระยะข้าวแตกกอและระยะกำเนิดช่อดอก ซึ่งเป็นระยะที่ข้าวมีความต้องการไนโตรเจนสูง การขาดไนโตรเจนส่งผลให้การแตกกอลดลง ต้นข้าวแคระแกรน แตกกอน้อย มีเมล็ดดีต่อรวงลดลงทำให้ผลผลิตข้าวลดลง อาการขาดไนโตรเจนจะคล้ายกับอาการขาดกำมะถัน แต่การขาดกำมะถันจะไม่พบบ่อยนักและมักแสดงอาการที่ใบอ่อนก่อนจะลามไปทั้งต้น การขาดไนโตรเจนเล็กน้อยยังคล้ายกับการขาดธาตุเหล็ก ต่างกันที่การขาดธาตุเหล็กจะเกิดกับใบอ่อนที่กำลังจะพ้นกาบใบออกมา

สาเหตุของการขาดไนโตรเจนในข้าวเกิดจากดินนามีระดับไนโตรเจนต่ำ การใส่ปุ๋ยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดินขาดน้ำ การใส่ปุ๋ยด้วยวิธีการและเวลาที่ไม่เหมาะสม การสูญเสียไนโตรเจนไปกับผลผลิตที่เก็บเกี่ยว รวมทั้งการที่ดินมีการสูญเสียไนโตรเจนจากขบวนการต่างๆ (Volatilization_ Denitrification_ การถูกชะล้างสู่ดินชั้นล่าง) สูง

การจัดการเพื่อการป้องกันและแก้ไขการขาดไนโตรเจนในข้าวสามารถทำได้โดย

การใส่ปุ๋ยไนโตรเจนให้แก่ข้าว เป็นวิธีการที่รวดเร็วที่สุด โดยข้าวจะตอบสนองต่อปุ๋ยที่ใส่โดยมีใบเขียวขึ้น มีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นหลังจากใส่ปุ๋ย 2–3 วัน อย่างไรก็ตามการตอบสนองนี้จะขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าว ชนิดดิน สภาพภูมิอากาศ ชนิดปุ๋ยและปริมาณที่ใช้ รวมทั้งเวลาและวิธีการที่ใส่

การใช้วัสดุอินทรีย์ เช่นปุ๋ยพืชสด มูลสัตว์ ฟางข้าว เป็นต้น ในการเพิ่มระดับอินทรียวัตถุและความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อเพิ่มปริมาณ ไนโตรเจนในดินในระยะยาว

ปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนโดยใส่วัสดุที่มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวก (Cation Exchange Capapcity - CEC) สูง เช่น Zeolite (CEC 200-300 cmol/ดิน 1 กก.)_ Vermiculite (CEC 100-200 cmol/ดิน 1 กก.)

2. การขาดฟอสฟอรัส (Phosphorus deficiency)

ฟอสฟอรัส (P) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ Adenosine triphosphate (ATP) นิวคลีโอไทล์ (Nucleotile) กรดนิวคลีอิก (Nucleic acids) และฟอสโฟไลปิด (Phospholipid) ฟอสฟอรัสจะช่วยในการแตกกอ การพัฒนาของราก การออกดอกและการสุกแก่ของข้าว ปุ๋ยฟอสเฟตจะจำเป็นมากสำหรับข้าวที่ระบบรากยังไม่พัฒนาเต็มที่ เช่นหลังการปักดำใหม่ๆ ดังนั้นจึงควรใส่ปุ๋ยฟอสเฟตเป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนการปักดำหรือในวันปักดำ

ข้าวที่ขาดฟอสฟอรัสจะแคระแกรน การแตกกอน้อย ใบแคบ สั้น ตั้งตรงและมีสีเขียวเข้ม ลำต้นผอมเรียว ข้าวจะชะงักการเจริญเติบโต จำนวนใบ จำนวนรวงและจำนวนเมล็ดต่อรวงลดลง ใบอ่อนสมบูรณ์ดีแต่ใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและตายในที่สุด ถ้าพันธุ์ข้าวที่ปลูกสามารถผลิต Anthocyanin ได้ใบอาจเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีม่วง ในดินที่เป็นกรดการขาดฟอสฟอรัสมักจะเกิดร่วมกับเหล็กเป็นพิษ

สาเหตุของการขาดฟอสฟอรัสเกิดจากการมีระดับ ฟอสฟอรัสในดินนาต่ำหรือถูกตรึงโดยดินจนพืชนำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ (จะเกิดในดินที่เป็นกรดจัด) การใส่ปุ๋ยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช วิธีการปลูกแบบนาหว่านมีโอกาสทำให้ข้าวขาดฟอสฟอรัสมากกว่าปลูกแบบปักดำเพราะ ต้นข้าวจะหนาแน่นกว่าและมีรากตื้นกว่าข้าวที่ปลูกแบบปักดำ

การจัดการเพื่อการป้องกันและแก้ไขการขาดฟอสฟอรัสสามารถทำได้โดย

ควรไถกลบฟางข้าวลงในแปลง เพราะถึงแม้ว่าปริมาณฟอสฟอรัสในฟางข้าวจะมีน้อย แต่จะช่วยรักษาระดับฟอสฟอรัสในดินในระยะยาว

ใส่ปุ๋ยฟอสเฟต ปุ๋ยคอกและวัสดุอินทรีย์อื่นๆ ให้กับข้าวอย่างพอเพียง เพื่อชดเชยกับธาตุอาหารที่สูญเสียไปจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต

3. การขาดโพแทสเซียม (Potassium deficiency)

โพแทสเซียม (K) มีส่วนสำคัญในการเคลื่อนย้ายสารอาหารหรือผลผลิตจากการสังเคราะห์แสง ในพืช โพแทสเซียมจะช่วยทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง เพิ่มพื้นที่ใบและปริมาณคลอโรฟิลล์ ชะลอการร่วงของใบ ช่วยเพิ่มจำนวนเมล็ดและจำนวนเมล็ดดีต่อรวง เพิ่มน้ำหนักเมล็ด แต่ไม่ช่วยในการแตกกอ

ข้าวที่ขาดโพแทสเซียมต้นจะแคระแกรน การแตกกอลดลง ใบสั้น เหี่ยวแห้ง ใบโน้มลง (Droopy) และมีสีเขียวเข้ม ใบล่างจะมีปลายใบสีน้ำตาลเหลือง มีสีเหลืองระหว่างเส้นใบโดยเริ่มจากปลายใบและขอบใบแล้วค่อยๆ ลุกลามสู่โคนใบในที่สุด ต่อมาใบจะแห้งและกลายเป็นสีน้ำตาล ถ้าการขาดรุนแรงมากขึ้นบางครั้งจะมีจุดประสีน้ำตาลบนใบที่เป็นสีเขียวเข้ม โดยเริ่มที่ปลายใบก่อนจะขยายสู่ส่วนอื่นๆ ของใบ รวงข้าวจะผอมยาว อาจมีจุดด่าง ขนาดและน้ำหนักของเมล็ดลดลง การหักล้มสูง มักจะเกิดในระยะหลังของการเจริญเติบโต อาการขาดโพแทสเซียมนี้อาจสังเกตเห็นได้ยากในข้าวทั่วไป

สาเหตุของการขาดโพแทสเซียมเกิดจากการปลูกข้าวในดินทรายหรือดินที่มีปริมาณดินเหนียวต่ำ มีธาตุโพแทสเซียมในดินต่ำหรือไม่อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ หรือดินที่มีการชะล้างสูง นอกจากนี้อาจพบอาการขาดโพแทสเซียมในดินอินทรีย์ เช่นดินพีท (Peat) ดินมัก (Muck)

การจัดการเพื่อการป้องกันและแก้ไขการขาดโพแทสเซียมสามารถทำได้โดย

ควรไถกลบฟางข้าวลงในแปลง เพราะถึงแม้ว่าปริมาณโพแทสเซียมในฟางข้าวจะมีน้อย แต่จะช่วยรักษาระดับโพแทสเซียมในดินในระยะยาว

ใส่ปุ๋ยโพแทซ ปุ๋ยคอกและวัสดุอินทรีย์อื่นๆ ให้กับข้าวอย่างพอเพียง เพื่อชดเชยกับธาตุอาหารที่สูญเสียไปจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต

4. การขาดแมกนีเซียม (Magnesium deficiency)

แมกนีเซียม (Mg) ช่วยในการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด เป็นองค์ประกอบหนึ่งของคลอโรฟิลล์จึงมีส่วนในการสังเคราะห์แสง และการสังเคราะห์โปรตีนด้วย แมกนีเซียมเป็นธาตุที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย อาการขาดจึงมักเกิดกับใบแก่ก่อน ต้นข้าวที่ขาดแมกนีเซียมจะมีอาการคล้ายการขาดโพแทสเซียม คือจะมีสีซีด พื้นที่ระหว่างเส้นใบจะเป็นสีเขียวซีด โดยจะเกิดกับใบแก่ก่อนและเมื่อขาดมากขึ้นจะลามมาถึงใบอ่อน ในกรณีที่ขาดรุนแรงใบแก่ของข้าวจะกลายเป็นสีเหลือง ข้าวมีการแตกกอ จำนวนใบและขนาดใบปกติ แต่ใบจะบิดไปมาและโน้มลง (Droopy) ข้าวจะมีจำนวนและน้ำหนักเมล็ดลดลง คุณภาพเมล็ดไม่ดี การขาดแมกนีเซียมมักพบในดินที่เป็นกรดและมี CEC ต่ำ และดินทรายที่มีอัตราการซึมน้ำและการชะล้างสูง

สาเหตุของการขาดแมกนีเซียมเกิดจากดินมีปริมาณแมกนีเซียมที่เป็นประโยชน์ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของข้าว การจัดการเพื่อการป้องกันและแก้ไขการขาดแมกนีเซียมสามารถทำได้โดยใส่ปุ๋ยแมกนีเซียม ปุ๋ยคอกและวัสดุอินทรีย์อื่นๆ ให้กับข้าวอย่างพอเพียง เพื่อชดเชยกับธาตุอาหารที่สูญเสียไปจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต

5. การขาดกำมะถัน (Sulfur deficiency)

กำมะถัน (S) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกรดอะมิโนและโคเอนไซม์ ที่ช่วยในการสร้างคลอโรฟิลล์และสังเคราะห์โปรตีน กำมะถันไม่ค่อยเคลื่อนย้ายในพืชทำให้อาการขาดเกิดกับใบอ่อนก่อน

ต้นข้าวที่ขาดกำมะถันจะมีอาการคล้ายกับการขาดไนโตรเจน ต่างกันตรงที่การขาดไนโตรเจนจะเกิดที่ใบแก่ก่อน แต่การขาดกำมะถันจะเกิดที่ใบอ่อนก่อนแล้วตามด้วยใบแก่ โดยเริ่มแรกที่กาบใบจะมีสีเหลืองแล้วลุกลามสู่ใบ อาจพบต้นข้าวมีสีเหลืองทั้งต้นในระยะแตกกอ ความสูงและการแตกกอลดลง ต้นข้าวและใบข้าวเล็กลง นอกจากนี้การขาดกำมะถันยังทำให้การเจริญเติบโตและการพัฒนาของข้าวช้าลง รวงข้าวจะน้อยและสั้น จำนวนเมล็ดต่อรวงลดลง จำนวนท้องไข่ของเมล็ดเพิ่มขึ้น ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าข้าวที่ขาดกำมะถันจะแสดงอาการใกล้เคียงกับการขาดไนโตรเจนมาก จนบางครั้งไม่สามารถบอกความแตกต่างได้ชัดเจน การวินิจฉัยที่แม่นยำอาจต้องใช้ผลจากการวิเคราะห์ตัวอย่างดินและพืช มาประกอบด้วย

การขาดกำมะถันมีสาเหตุมาจากหลายประการ ที่สำคัญคือดินมีปริมาณกำมะถันไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต การใช้ปุ๋ยเคมีที่ไม่มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ เช่น ยูเรีย_ 0-46-0 เป็นต้น รวมทั้งการเผาฟางข้าวหลังเก็บเกี่ยว การขาดกำมะถันมักพบในดินที่มีการผุพังอยู่กับที่ (Weathering) สูง โดยแร่ที่อยู่ในรูปออกไซด์จะดูดยึดซัลเฟตไว้ หรือพบในดินที่มีอินทรียวัตถุต่ำ เนื้อดินเป็นทรายจัด หรือพื้นที่ที่มีการเผาฟางข้าวเป็นประจำ

การจัดการเพื่อการป้องกันและแก้ไขการขาดกำมะถันสามารถทำได้โดย

ในการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนหรือฟอสเฟต ควรเลือกใส่ชนิดที่มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ เช่นปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (26% S)_ ซิงเกิลซูเปอร์ฟอสเฟต (12% S)_ โพแทสเซียมซัลเฟต (18% S) เป็นต้น

ควรไถกลบฟางหลังเก็บเกี่ยว ไม่ควรเผาเพราะการเผาทำให้กำมะถันในฟางข้าวสูญเสียถึงร้อยละ 40–60

ในกรณีที่พืชแสดงอาการขาดให้ใส่ปุ๋ยกำมะถัน เช่นยิปซัม (17% S) หรือ Elemental S (97% S) ในอัตราประมาณ 1.5 กก. S/ไร่

6. การขาดซิลิกอน (Silicon deficiency)

ซิลิกอน (Si) เป็นธาตุอาหารที่มีประโยชน์สำหรับข้าว แต่หน้าที่ของธาตุนี้ในพืชยังไม่ทราบแน่ชัด ซิลิกอนจำเป็นในการพัฒนาใบ รากและลำต้นที่แข็งแรง ซิลิกอนที่เป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์ ช่วยให้พืชต้านทานโรค แมลงและปลวกดีขึ้น ข้าวที่ได้รับซิลิกอนพอเพียงจะมีใบและลำต้นตั้ง ทำให้การสังเคราะห์แสงดีขึ้น

ข้าวที่ขาดซิลิกอนจะมีใบไม่กระด้างและโน้มลง (Droopy) ทำให้ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์แสงลดลง ข้าวจะอ่อนแอต่อการทำลายโรคและแมลง การขาดที่รุนแรงจะเกิดจุดสีน้ำตาลบนใบข้าว จำนวนรวงต่อตารางเมตรและจำนวนเมล็ดดีต่อรวงลดลง ข้าวจะหักล้มมาก การขาดซิลิกอนมีสาเหตุจากการที่ดินมีปริมาณซิลิกอนไม่เพียงพอต่อการเจริญ เติบโต วัตถุต้นกำเนิดดินมีปริมาณซิลิกอนต่ำ รวมทั้งการขนฟางออกจากแปลงนาเป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกันก็ทำให้ดินขาดซิลิ กอนได้เช่นกัน การขาดซิลิกอนมักพบในดินนาที่เสื่อมโทรม ดินพีทที่มีปริมาณซิลิกอนต่ำ และดินนาน้ำฝนที่มีการชะล้างสูง เช่นดินนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การจัดการเพื่อการป้องกันและแก้ไขการขาดซิลิกอนสามารถทำได้โดย

การไถกลบฟางลงในแปลงนาเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มปริมาณซิลิกอนในดิน เพราะในฟางข้าวมีปริมาณซิลิกอนค่อนข้างสูงคือร้อยละ 5–6

หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในอัตราสูงเกินไป แม้ว่าการใส่ไนโตรเจนมากจะทำให้พืชดูดใช้ไนโตรเจนและซิลิกอนมากขึ้น แต่ความเข้มข้นของของซิลิกอนในพืชจะลดลง เนื่องจากพืชผลิตน้ำหนักแห้งมากกว่าเดิม

ในกรณีที่พืชแสดงอาการขาดซิลิกอน ให้ใส่ปุ๋ยที่มีซิลิกอนเป็นส่วนประกอบให้แก่ข้าว โดยใส่แคลเซียมซิลิเกตในอัตรา 20–30 กก./ไร่ หรือโพแทสเซียมซิลิเกตในอัตรา 6–10 กก./ไร่

ข้อมูลจาก http://www.farmkaset..link..
####

iLab.work ผู้ให้บริการ ตรวจวิเคราะห์ค่า ดิน น้ำ ปุ๋ย ในรูปแบบออนไลน์ ที่ใช้บริการง่ายที่สุด เพียงแค่นับ 1 2 3 ภายใต้มาตฐาน ISO/IEC 17025

1. เลือกชุดตรวจแนะนำ หรือเลือกเองตามต้องการที่ http://www.farmkaset..link.. ระบบจะคำนวณค่าใช้จ่าย ในการตรวจวิเคราะห์ให้ท่านทราบขณะเลือกทันที

2. ส่งตัวอย่าง ดิน น้ำ หรือ ปุ๋ย ที่ต้องการตรวจวิเคราะห์ไปที่ iLab [ห้องปฏิบัติการ อัยย์แลป (iLab) เลขที่ 94/1 ม.8 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120] ทาง ไปรษณีย์ หรือ เคอรี่ หรือ แฟรช ตามที่ลูกค้าสะดวก และ ชำระเงินค่าตรวจ

3. รออ่านผลตรวจวิเคราะห์ออนไลน์หน้าเว็บไซต์ (ผลตรวจออกใน 3-15 วัน)

สอบถามเพิ่มเติม

โทร 090 592 8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
อ่าน:3508
ระวัง หนอนเจาะฝักมะขาม ในมะขาม
ระวัง หนอนเจาะฝักมะขาม ในมะขาม
ในช่วงที่มีฝนตกและฝนตกหนักบางพื้นที่ เตือนผู้ปลูกมะขาม ในระยะ พัฒนาผล รับมือหนอนเจาะฝักมะขาม

หนอนเจาฝักมะขาม ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก โดยผีเสื้อเพศเมียวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ บนฝักมะขาม ตั้งแต่มะขามเริ่มเป็นฝักอ่อน โดยวางไข่บนฝักที่มีรอยแตกหรือรอยหักมากกว่าฝักปกติ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนจะเจาะเปลือกมะขามเข้ากัดกินเนื้อและเมล็ดมะขาม หนอนถ่ายมูลออกมาที่บริเวณปากรูเป็นกระจุกสีน้ำตาล และอาศัยอยู่ในฝักจนกระทั่งเข้าดักแด้ เมื่อออกเป็นตัวเต็มวัยจะบินไปผสมพันธุ์และวางไข่ต่อไป

การทำลายในช่วงฝักอ่อนทำให้ฝักแห้งลีบ การทำลายในช่วงฝักแก่ทำให้เนื้อในถูกกัดกิน ทำให้ฝักมะขามเสียหาย

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ไอกี้-บีที สารชีวินทรีย์ป้องกันและกำจัดหนอน รายละเอียดด้านล่างนะคะ
มะระ ปุ๋ยสำหรับมะระ มะระจีน มะระขี้นก มะระต่างๆ ปุ๋ยน้ำสำหรับมะระ ฉีดพ่น FK-1
มะระ ปุ๋ยสำหรับมะระ มะระจีน มะระขี้นก มะระต่างๆ ปุ๋ยน้ำสำหรับมะระ ฉีดพ่น FK-1
ฉีดพ่นด้วย FK-1 ส่งเสริมการเจริญเติบโต แตกยอด ผลิใบดก เขียว สมบูรณ์แข็งแรง แก้ปัญหา ต้นแคระ โตช้า ออกใบน้อย พืชไม่กินปุ๋ยทางราก แก้ปัญหาพืชใบเหลือง จากการขาดธาตุอาหารพืช ส่งเสริมให้พืชสังเคราะห์แสงได้ดีขึ้น ด้วย สารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ มีอยู่ใน FK-1

🌿ข้อมูลจำเพาะ FK-1

ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช ซึ่งปุ๋ยทั่วๆไป ไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก "พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด" ตามกฎ Liebig s law of the minimum ปุ๋ยตรา FK ประกอบด้วย ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้

เมื่อพืช ได้รับธาตุอาหารที่ขาดไป ธาตุอาหารพืชต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในดิน ที่พืชไม่เคยดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจาก ธาตุบางตัว เป็นตัวนำพาธาตุอื่นๆ เช่น

- ขาดธาตุ แคลเซียม (ใส่ปุ๋ยเยอะ แต่พืชเอาไปใช้ได้น้อย ถ้าขาดแคลเซียม) ธาตุแคลเซียม [Ca] ทำหน้าที่ในการควบคุมการเคลื่อนย้ายของสารอาหารต่างๆเข้าสู่พืช และยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการทำงานของเอนไซม์พืชหลายชนิด
การขาดแคลเซียม มีผลทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต เพราะพืชไม่สามารถนำสารอาหารในดินที่มีอยู่ไปใช้งานได้

- ขาดธาตุ แมกนีเซียม (ใส่ปุ๋ยเยอะ ฉีดทางใบก็เยอะ แต่พืชก็ยังเหลือง ไม่สมบูรณ์) ธาตุแมกนีเซียม [Mg] เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคลอโรฟิลล์ และก็มีความสำคัญในกระบวนการสร้างATPโดยทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ (enzyme cofactor).
การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดอาการเหลืองระหว่างเส้นใบ (interveinal chlorosis).

- ขาดธาตุ สังกะสี (พืชชะงักการเจริญเติบโต เพราะขาดสังกะสี) ธาตุสังกะสี [Zn] เป็นส่วนสำคัญสำหรับเอนไซม์หลายชนิดและเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรม (DNA transcription).
การขาดสังกะสี โดยทั่วไปแล้วจะทำให้การเติบโตของใบชะงักงัน

การฉีดพ่น FK-1 ที่มีครบทั้ง ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม จึงช่วยบำรุง ฟื้นฟู ส่งเสริมการเจริญเติบโต การแตกยอด ใบ เสริมสร้างความสมบูรณ์ แข็งแรง ตลอดจนผลผลิตที่ดีขึ้น

การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

FK-1 จาก ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

FK-1 จาก ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..
ไม้ประดับใบไหม้ ดูว่ามีสาเหตุจากเชื้อรา หรือเพระแดดร้อนเกินไป หรืออาจจะเพราะขาดธาตุอาหารพืช
ไม้ประดับใบไหม้ ดูว่ามีสาเหตุจากเชื้อรา หรือเพระแดดร้อนเกินไป หรืออาจจะเพราะขาดธาตุอาหารพืช
ไม้ดอกไม้ประดับ ที่นิยมปลูกกัน อย่างเช่น มอนเตอร่า คล้า เดหลี สับปะรดสี ต้นฟิโล แก้วกาญจนา ลิ้นมังกร บัวดอย ปาล์ไผ่ ไทรย้อย พลูด่าง เข็มสามสี สาวน้อยประแป้ง ฯลฯ บางครั้งเกิดอาการ ใบเหลือง ใบซีด ใบไหม้ หรือติดโรคลุกลาม อย่างเช่น โรคจากเชื้อราต่างๆ ใบจุดสนิม ใบขีดสีน้ำตาล ราแป้ง ราดำ ฯลฯ

บางครั้งไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเกิดโรค แต่เป็นเพราะร้อนเกินไป เช่นอยู่ใกล้ผนังปูนที่มีความร้อน หรือไม้ประดับบางอย่าง ก็ทนร้อนได้ไม่ดี โดนแดดจัดๆใบก็ไหม้ หรือในตอนให้น้ำ เราไม่ได้ระวัง ให้น้ำตอนอากาศร้อนมาก บางทีน้ำในสายยาง ในท่อประปาก็ร้อน ทำให้พืชใบลวก เหล่านี้เป็นพฤติกรรมของเราเอง ที่ปรับได้ ย้ายพื้นที่ได้ เพื่อแก้ที่ต้นเหตุแล้ว เราสามารถใช้ FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่น เพื่อบำรุง ให้ฟื้นตัวและหายโทรมได้

ใบไหม้ และใบจุดประ ใบเหลือง จากการขาดธาตุรองธาตุเสริม อาการนี้ จะไม่ลุกลาม ไม่เป็นโรคติดต่อ เหมือนโรคจากเชื้อรา คือในบ้างครั้งเราให้ปุ๋ยเชิงเดี่ยวมากเกินไป เช่นให้แต่ปุ๋ยไนโตเจน อย่าง ยูเรีย เม็ดขาวๆเพียงอย่างเดียว พวกนี้จะเร่งใบได้ดี แต่ให้มากเกินไป ใบพืชจะอ่อน ไม่มีความแข็ง ไม่ทนร้อน ใบลวกได้ง่ายเช่นกัน ลองฉีดพ่น FK ธรรมชาตินิยม เพื่อให้พืชแข็งแรงขึ้น ใบเขียวและแข็งขึ้น ทำให้มีภูมิต้านทานสูงขึ้น

อาการใบไหม้ ราแป้ง ราสนิม ใบจุดสนิม ใบจุดสาหร่าย โรคเหล่านี้ มีสาเหตุจากเชื้อรา และระบาดลุกลามได้ ติดข้ามพืชได้ อยู่บริเวณเดียวกันก็ปลิวไปติด และเป็นโรคต่อกัน หากเป็นโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อราเหล่านี้ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ยับยั้งโรคพืช ทุก 3-5 วัน ต่อเนื้อง 2-3 ครั้ง เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคพืช
อ่าน:3508
แมคคาเดเมีย Macadamia
แมคคาเดเมีย Macadamia
แมคคาเดเมีย พืชเศรษฐกิจทางเลือกสำหรับพื้นที่สูง แนวโน้มตลาดในอนาคตทิศทางดี

นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิต แมคคาเดเมีย (Macadamia) พืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของจังหวัดเลย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2563 พร้อมด้วยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) พบว่า พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่ อยู่ในอำเภอภูเรือ นาแห้ว และด่านซ้าย ซึ่งมีพื้นที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 700-900 เมตร สภาพดินร่วนปนทราย อุดมด้วยอินทรีย์วัตถุ ทำให้แมคคาเดเมียเจริญเติบโตดีที่สุด โดยปี 2563 จังหวัดเลยมีเกษตรกรผู้ปลูกแมคคาเดเมียประมาณ 350 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกรวมประมาณ 9_124 ไร่ (ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเลย)

สำหรับสถานการณ์การผลิต พบว่า เกษตรกรจังหวัดเลยนิยมปลูกแมคคาเดเมียหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์เชียงใหม่ 1000 (HAES 508) พันธุ์เชียงใหม่ 400 (HAES 660) พันธุ์เชียงใหม่ 700 (HAES 741) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ผ่านการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร และเป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 700 เมตร ขึ้นไป สามารถเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งราคาต้นพันธุ์อยู่ที่ 80 -150 บาท/ต้น โดยเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 5 และผลผลิตจะออก 2 ช่วง คือ เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม และมิถุนายน - กันยายน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 300 - 700 กิโลกรัม/ไร่ หรือเฉลี่ย 15 - 35 กิโลกรัม/ต้น ปัจจุบันต้นแมคคาเดเมียในจังหวัดเลยมีอายุสูงสุด 29 ปี และมีอายุเฉลี่ย 6 ปี

หากมองถึงสถานการณ์ด้านตลาด พบว่า เกษตรกรสามารถจำหน่ายแมคคาเดเมียในรูปของผลแห้ง และแบบแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) ผลแห้งกะเทาะเปลือกเขียว ราคาเฉลี่ย 70 - 80 บาท/กิโลกรัม จำหน่ายโดยตรงให้กับกลุ่มวิสาหกิจหรือพ่อค้าคนกลาง เพื่อนำไปแปรรูปและจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้าของตนเอง 2) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน ได้แก่ แมคคาเดเมียอบทั้งเปลือก (กะลา) ราคา 400 - 500 บาท/กิโลกรัม 3) ผลิตภัณฑ์เพื่ออุปโภค ได้แก่ แมคคาเดเมียออยล์ ราคา 2_500 - 3_500 บาท/ลิตร และสบู่จากถ่านกะลาแมคคาเดเมีย ราคา 80 - 120 บาท/ก้อน ซึ่งประเภทผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน และอุปโภค เกษตรกรจะจำหน่ายผ่านร้านค้าในสวน ผ่านตัวแทนจำหน่าย และตลาดออนไลน์ อาทิ Shopee Facebook Fanpage โดยจำหน่ายภายใต้แบรนด์ ไร่วิมุตติสุขภูเรือ MACLOEI และไร่ลองเลย เป็นต้น สำหรับแนวโน้มตลาดแมคคาเดเมียถือเป็นถั่วที่มีไขมันดีสูง (HDL) ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาซื้อขายค่อนข้างสูง ดังนั้น หากสินค้าแมคคาเดียเมียของจังหวัดเลย มีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามหลักมาตรฐาน และมีจำนวนผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในอนาคตจะสามารถส่งออกตลาดต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและจังหวัดได้เป็นอย่างมาก

Reference: oae.go.th
อ่าน:3508
การต่อสู้กับโรคกิ่งไม้แห้งในต้นโกโก้
การต่อสู้กับโรคกิ่งไม้แห้งในต้นโกโก้
โรคกิ่งแห้งที่เกิดจากเชื้อราในต้นโกโก้อาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการผลิตโกโก้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล อาจทำให้ผลผลิตลดลง เมล็ดโกโก้คุณภาพต่ำ และแม้แต่ต้นพืชตายได้ โชคดีที่มีหลายวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อรา รวมถึงการใช้ IS และ FK-1

IS ซึ่งเป็นส่วนผสมของสารอินทรีย์แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ผสมได้ในอัตรา 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชเพื่อเป็นการป้องกัน เมื่อใช้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยหยุดการแพร่กระจายของโรคเชื้อราได้ก่อนที่จะลุกลามรุนแรงขึ้น

FK-1 เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคพืชจากเชื้อรา เป็นธาตุอาหารพืชพร้อมใช้ที่มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีอย่างสมดุล เมื่อผสมในอัตราส่วน 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองกับน้ำ 20 ลิตร จะสามารถช่วยบำรุงพืชและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้พืชมีความทนทานต่อโรคเชื้อรา เช่น โรคกิ่งแห้ง

ด้วยการใช้ IS และ FK-1 ร่วมกัน ชาวไร่โกโก้สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคกิ่งไม้แห้ง ทำให้มั่นใจได้ว่าต้นโกโก้แข็งแรงและให้ผลผลิตสูงสำหรับปีต่อๆ ไป
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นองุ่น
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นองุ่น
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นองุ่น
การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 ฉีดพ่นป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชสำหรับต้นองุ่น

เพลี้ยอ่อน ศัตรูพืชตัวร้ายที่สร้างความเสียหายต่อต้นองุ่น มักพบระบาดในช่วงฤดูฝน เพลี้ยอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้น ทำให้ใบเหลือง เหี่ยวเฉา และอาจตายในที่สุด ส่งผลต่อผลผลิตและคุณภาพองุ่น

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน สูตรผสมนี้ช่วยทั้งกำจัดศัตรูพืชและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของต้นองุ่น

วิธีการผสมและฉีดพ่น
เตรียมถังผสมขนาด 20 ลิตร
ใส่น้ำลงในถังผสมประมาณ 20 ลิตร
ใส่ INVET (ชื่อสามัญ ไดโนเตฟูราน) 20 กรัม
ใส่ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 25 กรัม
คนให้เข้ากันจนละลาย
เติมน้ำให้เต็มถัง
ฉีดพ่นให้ทั่วใบ ลำต้น และใต้ใบ โดยเฉพาะบริเวณที่มีเพลี้ยอ่อน
ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น อากาศไม่ร้อนจัด
ฉีดพ่น 2-3 ครั้ง ห่างกัน 7-10 วัน

ข้อควรระวัง
สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ แว่นตา และเสื้อผ้าหนา เมื่อผสมและฉีดพ่น
ห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีลมแรง
ห้ามฉีดพ่นในแหล่งน้ำ
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
อ่านฉลากก่อนใช้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อดีของการใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5
กำจัดเพลี้ยอ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ต้นองุ่นเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ใบเขียว ฟู
เพิ่มผลผลิตและคุณภาพองุ่น
ใช้สะดวก ประหยัดเวลา

การใช้ INVET ผสมปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 30-20-5 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยอ่อน ช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตองุ่นที่มีคุณภาพดี

หมายเหตุ:
อัตราส่วนผสมและวิธีการฉีดพ่นอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและขนาดของพื้นที่
ควรศึกษาข้อมูลและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดก่อนใช้งาน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรได้หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

อัตราส่วนผสม อิทเวท ป้องกันกำจัดเพลี้ย
20กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร *ควรผสมฉีดพ่นไปพร้อมกับ สตาร์เฟอร์สูตร 30-20-5 เพื่อให้พืชฟื้นตัวจากการเข้าทำลายของเพลี้ยได้เร็ว และกลับมาเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

อัตราส่วนผสมใช้ ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ (ทุกสูตร)
อัตราส่วน 25 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
ถัง 16-20 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 25 กรัม (1ช้อนโต๊ะ)
ถัง 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 250 กรัม (1ส่วน4ถุง)

ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 1 ถุง บรรจุ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำได้ 800 ลิตร ใช้ได้ประมาณ 10 ไร่

📌สั่งซื้อ สอบถาม

»โทร 097-918-3530
»ไลน์ janemini1112

🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้
.
» ซื้อสินค้า ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link..
.
» ซื้อสินค้า ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link..
3562 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 356 หน้า, หน้าที่ 357 มี 2 รายการ
|-Page 64 of 357-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 | 353 | 354 | 355 | 356 | 357 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
เพลี้ยแป้งในต้นเงาะ: วิธีป้องกันและการรักษา
Update: 2566/11/22 13:15:52 - Views: 3447
พืชที่ขาดไนโตรเจน
Update: 2567/01/02 05:36:30 - Views: 3526
โรคราดำมรณะ ในอินเดียอันตรายซ้ำซ้อนช่วงวิกฤติ Covid-19
Update: 2564/08/10 05:05:17 - Views: 3401
กำจัดเชื้อรา หัวไชเท้า ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/09/28 11:18:18 - Views: 3406
แตงไทย โตไว ใบเขียว ผลใหญ่ แข็งแรง ผลผลิตดี อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด อะมิโนแรปเตอร์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/04/08 15:05:02 - Views: 3460
ป้องกันกำจัด โรคราสีชมพู ในทุเรียน ติดต่อ ไลน์ @FarmKaset
Update: 2565/03/03 00:02:21 - Views: 3382
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคแอนแทรคโนส ในมะปราง ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2566/01/20 10:31:03 - Views: 3396
ยากำจัดโรคใบจุด ใน ผักกาดขาวปลี โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/02 11:29:13 - Views: 3412
คำนิยม - ลูกค้า มาคา คอมเม้นในโพสสินค้า
Update: 2562/09/25 14:08:43 - Views: 3418
ลิ้นจี่ ใบแห้ง ใบไหม้ ผลร่วง กำจัดโรคลิ้นจี่ จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/10/26 12:15:21 - Views: 3449
ปุ๋ยน้ำบำรุงมังคุด ปุ๋ยสำหรับมังคุด ฉีดพ่นมังคุด โตไว ออกดอก ออกผล FKธรรมชาตินิยม
Update: 2564/10/09 03:15:13 - Views: 3455
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนกาแฟสีแดง ใน ผักหวาน และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/14 14:38:59 - Views: 3436
กำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ใน ลองกอง เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเชื้อรา ไตรโครเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำอะมิโน โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/04/20 13:34:49 - Views: 3441
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยอ่อน ในมะเขือเทศ และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/04 14:01:35 - Views: 3408
การปลูกขนุน การดูแลรักษา และการป้องกันกำจัดโรคขนุน
Update: 2564/01/25 10:19:35 - Views: 3533
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยแป้ง ในมะม่วงหิมพานต์ และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/16 14:27:32 - Views: 3430
การจัดการและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อราในต้นบีทรูท
Update: 2566/11/24 09:27:15 - Views: 3476
เพลี้ยอ่อนแครอท เพลี้ยแครอท พบ เพลี้ยในแครอท มาคา จาก FK
Update: 2565/06/17 00:15:10 - Views: 3392
หนอนเจาะผลฝรั่ง หนอนฝรั่ง หนอนแมลงศัตรูฝรั่ง ใช้ ไอกี้-บีที จาก FK
Update: 2565/06/18 06:31:01 - Views: 3445
ยาฆ่าเพลี้ย แมลงจำพวกปากดูด ใน กระเจี๊ยบเขียว เป็นสารชีวภาพปลอดภัย ปลอดสารพิษ มาคาและ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2566/03/16 10:49:37 - Views: 3409
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022