Beauveria mix Methharicium จำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นสารกำจัดศัตรูพืชทางชีวภาพที่ใช้สำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ยในไร่เผือก เผือกเป็นผักที่มีรากเป็นแป้งซึ่งเป็นอาหารหลักในหลายส่วนของโลก

เพลี้ยอ่อนเป็นศัตรูพืชทั่วไปที่สามารถทำลายต้นเผือกได้โดยการกัดกินน้ำเลี้ยงของพืช และทำให้การเจริญเติบโตและใบเสียรูปทรงแคระแกรน สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมักใช้เพื่อควบคุมเพลี้ย แต่อาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทิ้งสารตกค้างบนพืชผลที่เก็บเกี่ยว

Butarex เป็นทางเลือกธรรมชาติแทนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ประกอบด้วยเชื้อรา 2 สายพันธุ์ ได้แก่ Beauveria bassiana และ Metarhizium anisopliae ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีประสิทธิภาพต่อแมลงศัตรูพืชหลายชนิด เชื้อราเหล่านี้ติดเชื้อเพลี้ยและทำให้ตายในที่สุด

บิวทาเร็กซ์ใช้ง่ายและสามารถฉีดพ่นลงบนต้นเผือกได้โดยตรง ปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อม และไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อพืชผล ใช้ได้ทั้งในระบบเกษตรธรรมดาและเกษตรอินทรีย์

นอกจากประสิทธิภาพในการต่อต้านเพลี้ยแล้ว Butarex ยังแสดงให้เห็นว่ามีผลดีต่อสุขภาพของดินอีกด้วย เชื้อราใน Butarex อาศัยอยู่ในดินตามธรรมชาติและสามารถช่วยปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และโครงสร้างของดิน

โดยรวมแล้ว Butarex เป็นเครื่องมือที่มีแนวโน้มในการจัดการเพลี้ยอ่อนในไร่เผือกอย่างยั่งยืน รูปแบบการดำเนินการที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับผลกระทบเชิงบวกต่อสุขภาพของดิน ทำให้เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับกล่องเครื่องมือการจัดการศัตรูพืชสำหรับเกษตรกร

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม

เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน
* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร

ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว
เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุดปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่องเป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

ทุเรียนเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีมูลค่าสูงในด้านรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุเรียนยังอ่อนแอต่อโรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เกษตรกรสามารถใช้ส่วนผสมของสารอินทรีย์และปุ๋ยฉีดพ่นทางใบเพื่อป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ในขณะที่ส่งเสริมผลผลิตสูงสุด

วิธีการป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ในต้นทุเรียนที่ได้ผลวิธีหนึ่งคือ การใช้สาร IS ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถควบคุมการติดเชื้อราในต้นทุเรียนได้ IS ทำงานโดยการรบกวนเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อราซึ่งนำไปสู่ความตาย สารประกอบนี้ยังปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางออกที่ดีสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์

ในการใช้สาร IS เกษตรกรสามารถผสมสาร 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบและกิ่งของต้นทุเรียนได้ ควรใช้น้ำยานี้เป็นประจำโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อรา
นอกจากการใช้ IS แล้ว เกษตรกรยังสามารถเพิ่มผลผลิตสูงสุดโดยใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ปุ๋ยนี้มีธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นทุเรียน นอกจากนี้ยังมีสารลดแรงตึงผิวซึ่งช่วยให้สารอาหารซึมผ่านใบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในการใช้ FK-1 เกษตรกรสามารถผสมปุ๋ย 1 กล่อง ซึ่งมี 2 ถุง ถุงละ 1 กก. ควรผสมทั้งสองถุงเข้าด้วยกัน ตักถุงละ 50 กรัม แล้วเติมน้ำ 20 ลิตร ควรฉีดพ่นที่ใบและกิ่งของต้นทุเรียนโดยเฉพาะในระยะออกดอกและติดผล

การใช้ IS และ FK-1 ร่วมกัน เกษตรกรสามารถป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ในต้นทุเรียนในขณะที่ส่งเสริมผลผลิตสูงสุด โซลูชั่นออร์แกนิกเหล่านี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เป็นแนวทางที่ยั่งยืนในการทำสวนทุเรียน

http://ไปที่..link..

กาแฟเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่สำคัญที่สุดในโลก โดยมีผู้คนหลายล้านคนพึ่งพากาแฟในการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม ต้นกาแฟนั้นอ่อนแอต่อศัตรูพืชและโรคต่างๆ มากมาย ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตและคุณภาพลดลงอย่างมาก ศัตรูพืชชนิดหนึ่งคือเพลี้ยหอยทากสีเขียว ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นกาแฟหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจสอบ

โชคดีที่มีหลายวิธีในการควบคุมเพลี้ยหอยทากเขียวในต้นกาแฟ หนึ่งในนั้นคือการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียม ตราบิวทาเร็กซ์ บิวเวอเรียเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในโปรแกรมไบโอคอนโทรลเพื่อจัดการแมลงศัตรูพืช ในขณะที่เมธาริเซียมเป็นสารสกัดจากพฤกษชาติที่มีคุณสมบัติในการฆ่าแมลงเช่นกัน Butarex เป็นแบรนด์เชิงพาณิชย์ที่ผสมผสานส่วนผสมทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยหอยทากสีเขียวในต้นกาแฟ

การใช้ Butarex เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากเป็นสารละลายธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยไม่มีสารเคมีอันตรายที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์ ส่วนผสมออกฤทธิ์ 2 ชนิดใน Butarex ทำงานร่วมกันเพื่อโจมตีเพลี้ยหอยทากเขียวด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแมลงศัตรูพืชได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อสปอร์ของบิวเวอเรียสัมผัสกับเพลี้ยหอยทากสีเขียว พวกมันเจาะโครงกระดูกภายนอกของแมลงและเริ่มเติบโตภายในตัวมัน ซึ่งทำให้เพลี้ยตายในที่สุด ในทางกลับกัน เมธาริเซียมมีฤทธิ์ฆ่าแมลงเมื่อสัมผัสโดยตรงกับศัตรูพืช ซึ่งช่วยเพิ่มผลการควบคุมเชื้อบิวเวอเรีย

บิวทาเร็กซ์ใช้งานง่ายและสามารถใช้กับต้นกาแฟได้ด้วยการฉีดพ่นทางใบ ปริมาณที่แนะนำคือ Butarex 40-80 มล. ต่อน้ำ 10 ลิตร และควรใช้สัปดาห์ละครั้งในช่วงวิกฤตที่เพลี้ยเข้าทำลาย ระยะเวลาของการใช้เป็นสิ่งสำคัญ และขอแนะนำให้เริ่มฉีดพ่นเมื่อจำนวนเพลี้ยหอยทากเขียวเพิ่งเริ่มเพิ่มขึ้น

ประสิทธิภาพของ Butarex ในการควบคุมเพลี้ยหอยทากเขียวในต้นกาแฟได้รับการทดสอบและรับรองอย่างกว้างขวางผ่านการทดลองภาคสนามจำนวนมาก การวิจัยพบว่า Butarex ช่วยลดจำนวนของเพลี้ยหอยทากเขียวได้อย่างมาก ส่งผลให้ผลผลิตสูงขึ้นและเมล็ดกาแฟมีคุณภาพดีขึ้น

โดยสรุป การใช้บิวทาเร็กซ์ซึ่งเป็นส่วนผสมของบิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยหอยทากเขียวในต้นกาแฟ ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมศัตรูพืช ดังนั้นชาวไร่กาแฟที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาแมลงศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติจึงควรพิจารณาใช้บิวทาเร็กซ์เพื่อให้ได้ผลผลิตและเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดีขึ้น

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม

เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน
* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร

ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว
เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุดปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่องเป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

เพลี้ยแป้งเป็นแมลงศัตรูพืชที่สำคัญในสวนอะคาเซีย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อต้นไม้และทำให้ผลผลิตลดลง วิธีดั้งเดิมในการควบคุมเพลี้ยแป้ง เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช อาจมีราคาแพงและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การใช้สารควบคุมทางชีวภาพ เช่น บิวเวอเรียและเมธาริเซียมอาจเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในบทความนี้ เราจะศึกษาการใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เพื่อป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในไร่ชะอม

บิวเวอเรียผสมเมทาฮาริเซียมคืออะไร?
บิวเวอเรียและเมธาริเซียมเป็นเชื้อราที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืชหลายชนิด รวมทั้งเพลี้ยแป้ง เมื่อใช้ร่วมกัน พวกมันสามารถเพิ่มความสามารถในการควบคุมสัตว์รบกวนได้ Butarex เป็นแบรนด์ที่นำเสนอส่วนผสมของบิวเวอเรียและเมธฮาริเซียมในการควบคุมเพลี้ยแป้งในไร่ชะอม

บิวทาเร็กซ์ทำงานอย่างไร?
บิวทาเร็กซ์ทำงานโดยทำให้เพลี้ยแป้งติดเชื้อบิวเวอเรียและเมธาริเซียม ซึ่งจะเพิ่มจำนวนและแพร่กระจายไปทั่วประชากร ทำให้ประชากรศัตรูพืชลดลง เชื้อราจะติดเชื้อเพลี้ยแป้งโดยการเกาะติดกับร่างกายและเจาะโครงกระดูกภายนอก และทำให้ตายในที่สุด Butarex เป็นสารกำจัดศัตรูพืชแบบสัมผัส ซึ่งหมายความว่าต้องสัมผัสกับเพลี้ยแป้งจึงจะได้ผล

ข้อดีของบิวทาเร็กซ์
ข้อดีหลักอย่างหนึ่งของการใช้บิวทาเร็กซ์คือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการกำจัดเพลี้ยแป้ง Butarex ไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมหรือต่อแมลงที่มีประโยชน์ เช่น แมลงผสมเกสร ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช นอกจากนี้ Butarex ยังปลอดภัยสำหรับมนุษย์ ทำให้เป็นทางออกที่ดีสำหรับสวนอะคาเซียที่มีคนงานอยู่ ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ Butarex มีผลตกค้าง ซึ่งหมายความว่าจะยังคงมีประสิทธิภาพต่อไปแม้ว่าจะใช้ไปแล้วก็ตาม

การใช้ Butarex
Butarex ใช้กับใบของต้น Acacia โดยกำหนดเป้าหมายไปที่เพลี้ยแป้งโดยตรง อัตราการใช้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระบาด และขอแนะนำให้ใช้บิวทาเร็กซ์ที่สัญญาณแรกของการแพร่ระบาด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชากรศัตรูพืชหลุดออกจากการควบคุม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Butarex ควรใช้ควบคู่กับวิธีปฏิบัติในการจัดการสัตว์รบกวนอื่นๆ เช่น การปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่ดีและสุขอนามัย เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

บทสรุป
การใช้บิวเวอเรียผสมเมธาริเซียมภายใต้ชื่อแบรนด์ Butarex เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในไร่ชะอม Butarex ให้โซลูชันที่ปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนานซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ เมื่อใช้ร่วมกับวิธีปฏิบัติในการจัดการสัตว์รบกวนอื่น ๆ บิวทาเร็กซ์สามารถให้วิธีแก้ปัญหาที่ครอบคลุมในการเข้าทำลายของเพลี้ยแป้ง

เชื้อบิวเวอร์เรีย + เมธาไรเซียม

เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการคัดสรรจุลินทรีย์ 2 ชนิดมี คุณสมบัติโดดเด่นมาผสมผสานใช้ในการป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ปลวก เพลี้ยไฟ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดง แมลงหวี่ขาว และหนอน เป็นต้น

บิวทาเร็กซ์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมเชื้อ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณ กิ่ง ก้าน ใบ หรือบริเวณที่แมลงระบาด
2. ฉีดพ่นได้ทุก 7-10 วัน
* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อไตรโคเดอร์มา และ ยากำจัดเชื้อรา หากต้องการใช้ร่วมควรเว้น ระยะฉีดพ่น 7-10 วัน *

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย บิวทาเร็กซ์..
ผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช
เชื้อดีที่สุดสำหรับชาวเกษตรกร

ปริมาณเชื้อที่ดีและได้ผล
ให้อาหารเฉพาะของเชื้อแต่ละตัว
เชื้อจะไปเติบโตในแมลง ปกคลุมตัวแมลง ทำให้แมลงแห้งตายในที่สุดปลอดภัยไม่มีสารเคมี
แมลงดื้อยา ใช้ได้ต่อเนื่องเป็นยาเย็น ใช้ได้ทุกพืช และทุกช่วงอายุของพืช

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

มันสำปะหลังเป็นพืชที่จำเป็นในหลายส่วนของโลก ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและรายได้ที่สำคัญสำหรับผู้คนหลายล้านคน อย่างไรก็ตาม พืชมีความเสี่ยงต่อโรคเชื้อรา เช่น โรคโมเสกมันสำปะหลัง (CMD) และโรคริ้วสีน้ำตาลมันสำปะหลัง (CBSD) โรคเหล่านี้สามารถลดผลผลิตพืชลงอย่างมาก นำไปสู่ความไม่มั่นคงทางอาหารและความยากลำบากทางเศรษฐกิจ
_
ไอเอส เป็นเทคนิคการควบคุมไอออนที่ใช้สารประกอบอินทรีย์ในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืช ทำงานโดยการควบคุมไอออนในเซลล์ของพืช สร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อราที่ก่อโรค พบว่า ไอเอส มีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืชหลายชนิดรวมถึงมันสำปะหลัง หากต้องการใช้ ไอเอส ให้นำ ไอเอส 50 ซีซี ละลายในน้ำ 20 ลิตร จากนั้นนำไปฉีดพ่นบนต้นมันสำปะหลังเพื่อป้องกันและกำจัดโรคเชื้อรา
_
FK-1 เป็นปุ๋ยฉีดพ่นทางใบที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชในขณะเดียวกันก็ป้องกันและกำจัดโรคจากเชื้อรา พบว่า FK-1 มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชมันสำปะหลังและป้องกันการแพร่กระจายของ CMD และ CBSD หากต้องการใช้ FK-1 ให้นำปุ๋ย 1 กล่อง ซึ่งมีน้ำหนัก 2 กก. ในกล่องบรรจุถุง 2 ใบ แต่ละใบหนัก 1 กก. ผสมทั้งสองถุงเข้าด้วยกันแล้วละลายส่วนผสม 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร จากนั้นจึงนำไปฉีดพ่นบนต้นมันสำปะหลังเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและป้องกันโรคเชื้อรา
_
โดยสรุป การใช้ ไอเอส และ FK-1 สามารถช่วยป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้มันสำปะหลัง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและความมั่นคงทางอาหาร สารประกอบอินทรีย์เหล่านี้เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนสารกำจัดศัตรูพืชทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ด้วยการรวม ไอเอส และ FK-1 เข้ากับแนวทางการทำไร่มันสำปะหลัง เกษตรกรสามารถปรับปรุงผลผลิตพืชผลของพวกเขาและรับประกันความยั่งยืนในระยะยาวของไร่มันสำปะหลัง

http://ไปที่..link..

ผลผลิตของมันสำปะหลังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างมากจาก การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ และวิธีปฏิบัติในการเพาะปลูกที่เหมาะสม
_
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีธาตุอาหารที่จำเป็นหลายชนิด ทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมันสำปะหลัง และมีบทบาทสำคัญในการผลิตพืชที่สมบูรณ์แข็งแรง
_
ปุ๋ย FK-1 มาในกล่องที่มีน้ำหนัก 2 กก. บรรจุถุง 2 ถุง แต่ละถุงหนัก 1 กก. การใช้ปุ๋ยนี้จะต้องผสมกันในอัตราส่วนที่กำหนด สำหรับน้ำ 20 ลิตร ใช้ถุงแรก 50 กรัมและถุงที่สอง 50 กรัม กวนส่วนผสมจนกว่าปุ๋ยจะละลายในน้ำจนหมด
_
ฉีดพ่นปุ๋ย FK-1 ทางใบของมันสำปะหลังโดยให้คลุมใบ วิธีการให้ปุ๋ยนี้เรียกว่าการให้อาหารทางใบ มีประสิทธิภาพสูงในการให้ธาตุอาหารแก่พืชอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยช่วยให้ใบดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ทำให้พืชได้รับประโยชน์สูงสุดจากปุ๋ย
_
การใช้ปุ๋ย FK-1 สามารถส่งผลให้ผลผลิตมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากปุ๋ยให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ส่งผลให้พืชมีสุขภาพแข็งแรงและแข็งแรง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของมันสำปะหลัง และปรับปรุงคุณภาพของหัว และขนาด และน้ำหนักได้
_
สรุปได้ว่าการปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตสูงสุดนั้น ต้องใช้ปุ๋ยและวิธีปฏิบัติในการเพาะปลูกที่เหมาะสม ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับชาวไร่มันสำปะหลัง เนื่องจากมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช การใช้ปุ๋ยนี้ทำให้ชาวไร่มันสำปะหลังสามารถเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพของพืชผลได้

http://ไปที่..link..

ทุเรียน หรือที่รู้จักกันในนาม "ราชาแห่งผลไม้" เป็นผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับความนิยมเนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นและมีกลิ่นหอมฉุน เป็นพืชที่มีมูลค่าสูงและได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นทุเรียนให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพนั้น ต้องมีการเพาะปลูกอย่างระมัดระวัง รวมทั้งการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม ในบทความนี้เราจะมาศึกษาการปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตสูงสุดโดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1
_
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นสูตรสมดุลที่มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว สูตรนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นทุเรียนทำให้ได้ผลไม้คุณภาพสูง
_
เมื่อใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราส่วนการผสมที่ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด FK-1 หนึ่งกล่องหนัก 2 กก. และบรรจุสองถุง ๆ ละ 1 กก. ต้องผสมทั้งสองถุงเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสารละลาย ในการทำสารละลาย ให้นำถุงแรก 50 กรัมและถุงที่สอง 50 กรัม คนให้เข้ากันในน้ำ 20 ลิตรจนละลายหมด
_
แนะนำให้ใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ในช่วงที่ต้นทุเรียนกำลังเติบโตและติดผล ในระยะติดผล ฉีดพ่นทุก 2 สัปดาห์ และในระยะออกผล ฉีดพ่นทุก 10-14 วัน เวลาที่ดีที่สุดในการฉีดพ่นคือช่วงเช้าตรู่หรือบ่ายแก่ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่มีอากาศเย็นลงและใบไม้สามารถดูดซับสารละลายได้ดีขึ้น
_
นอกจากการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาเมื่อปลูกต้นทุเรียนเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด ซึ่งรวมถึงการเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสมกับดินที่มีการระบายน้ำดี ระบบชลประทานและการระบายน้ำที่เหมาะสม การตัดแต่งกิ่งและรูปทรงของต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ และการจัดการศัตรูพืชและโรค
_
สรุปได้ว่าการปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตสูงสุดต้องมีการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบ การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นทุเรียน ทำให้ผลมีคุณภาพสูง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามอัตราส่วนการผสมและตารางการใช้งานที่ถูกต้องเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนจะสามารถผลิตผลไม้คุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดต่างประเทศได้

http://ไปที่..link..

รับจ้างผลิต ปุ๋ย ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์เคมี ยาปราบฯ สารจับใบ ไตรโคเดอร์มา บิวเวอเรีย เมทาไรเซียม สารอินทรีย์ต่างๆ ODM OEM ตราสินค้าเป็นของคุณเอง รับผลิตเพื่อการส่งออก และ จำหน่ายภายในประเทศ โรงงานมาตฐาน ISO 9001 ใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ ห้อง LAB มาตรฐาน ISO/IEC 17025 ดำเนินการให้ทั้งหมด เอกสารทุกอย่าง การขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดำเนินการเอกสารส่งออก ดำเนินการส่งออก

สอบถาม
โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

http://ไปที่..link..

มังคุดเป็นผลไม้เมืองร้อนแสนอร่อยที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชผลอื่นๆ มังคุดมีความไวต่อแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ย ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลไม้และต้นไม้ที่ผลิตได้ โชคดีที่มีวิธีแก้ไขปัญหานี้ตามธรรมชาติ หนึ่งในนั้นคือการใช้อัลคาลอยด์ โดยเฉพาะที่พบใน มาคา

อัลคาลอยด์เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่พบในพืชหลากหลายชนิด รวมทั้งต้นมาคา พวกมันขึ้นชื่อในเรื่องรสขมและมักมีผลทางเภสัชวิทยาต่อสัตว์และมนุษย์ ในกรณีของการควบคุมศัตรูพืช สารอัลคาลอยด์สามารถยับยั้งหรือกำจัดเพลี้ยซึ่งเป็นแมลงขนาดเล็กที่กัดกินน้ำเลี้ยงของพืชและสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลได้

แบรนด์ มาคา เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตสารอัลคาลอยด์เพื่อการเกษตร อัลคาลอยด์สกัดจากต้น มาคา ซึ่งเป็นรากผักที่มีถิ่นกำเนิดในเปรู ต้น มาคา ถูกนำมาใช้เพื่อสรรพคุณทางยามาแต่โบราณ แต่พบว่าอัลคาลอยด์ของมันมีประสิทธิภาพในการขับไล่แมลง เช่น เพลี้ย

สารอัลคาลอยด์ที่พบในแบรนด์ มาคา มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการต่อต้านเพลี้ยเนื่องจากทำลายระบบประสาทของแมลง ทำให้ยากต่อการให้อาหารและการขยายพันธุ์ การหยุดชะงักนี้นำไปสู่การตายในที่สุดของเพลี้ยและสามารถป้องกันการแพร่ระบาดต่อไปได้ นอกจากนี้ การใช้อัลคาลอยด์ยังเป็นสารละลายธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือแมลงอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป้าหมาย

การใช้อัลคาลอยด์ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่แบรนด์ มาคา ได้ยกระดับไปอีกขั้นด้วยการมอบวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพแก่เกษตรกรและชาวสวนที่ต้องการปกป้องพืชผลจากเพลี้ย แบรนด์ มาคา นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีอัลคาลอยด์ รวมถึงสเปรย์และผงที่สามารถนำไปใช้กับพืชได้โดยตรง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้งานง่ายและสามารถป้องกันเพลี้ยได้ยาวนาน

โดยสรุป การใช้อัลคาลอยด์โดยเฉพาะที่พบในตรามะค่าสามารถเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการป้องกันและกำจัดเพลี้ยในมังคุดและพืชอื่นๆ สารละลายธรรมชาตินี้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ แบรนด์ มาคา มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่ใช้งานง่ายและสามารถป้องกันเพลี้ยได้ยาวนาน หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาจากธรรมชาติเพื่อปกป้องพืชผลของคุณ ให้พิจารณาใช้อัลคาลอยด์จากแบรนด์ มาคา

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

การปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตสูงสุด: การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

มังคุดหรือที่รู้จักกันในชื่อ ราชินีแห่งผลไม้ เป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีมูลค่าสูงด้วยรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย ผลไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันปลูกในเขตร้อนหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงอเมริกาใต้ แอฟริกา และแคริบเบียน อย่างไรก็ตาม การทำให้มังคุดได้ผลผลิตสูงสุดอาจเป็นงานที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคนิคและการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม

ปุ๋ยชนิดหนึ่งที่พบว่าได้ผลดีในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นมังคุด คือ ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ปุ๋ยนี้มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวที่สมดุล ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการพัฒนาที่เหมาะสมของต้นไม้

หากต้องการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ขั้นตอนแรกคือการแกะกล่องผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีถุงละ 1 กิโลกรัม 2 ถุง ต้องผสมทั้งสองถุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ อัตราส่วนผสมที่แนะนำคือ 50 กรัมของถุงแรก และ 50 กรัมของถุงที่สองต่อน้ำทุกๆ 20 ลิตร ควรคนถุงทั้งสองถุงจนละลายในน้ำจนหมด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ FK-1 คือช่วงเช้าตรู่หรือช่วงบ่ายที่มีอุณหภูมิเย็นลง เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงอาจทำให้ปุ๋ยระเหยเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพของปุ๋ยลดลง ควรฉีดพ่นใบและลำต้นของต้นมังคุดให้ทั่ว ให้แน่ใจว่าใบถูกคลุมด้วยปุ๋ยอย่างสมบูรณ์

ความถี่ในการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ FK-1 ขึ้นอยู่กับอายุของต้นไม้และสภาพของดิน สำหรับต้นไม้เล็ก แนะนำให้ฉีดพ่นทุกๆ 2 สัปดาห์ ในขณะที่ต้นไม้โตเต็มที่ควรฉีดพ่นทุกๆ 3-4 สัปดาห์ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าการใช้ปุ๋ยนี้ควรใช้ร่วมกับการทำฟาร์มอื่นๆ เช่น การให้น้ำที่เหมาะสม การตัดแต่งกิ่ง และการควบคุมวัชพืชเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด

สรุปได้ว่าการปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตสูงสุดนั้นทำได้โดยการใช้ปุ๋ยและวิธีปฏิบัติที่เหมาะสม ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ที่มีส่วนผสมของสารอาหารที่สมดุลเป็นปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพที่สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของต้นมังคุด ปฏิบัติตามอัตราส่วนการผสมที่แนะนำ ความถี่ในการฉีดพ่น และวิธีปฏิบัติในการทำฟาร์ม เกษตรกรสามารถมั่นใจได้ว่ามังคุดจะเก็บเกี่ยวผลมังคุดที่สมบูรณ์และดีต่อสุขภาพ

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน