พิมพ์คำค้นหา หรือลองคลิกตัวอย่าง >
มันสำปะหลัง
,
ข้าว
,
อ้อย
,
ทุเรียน
,
กัญชา
,
ข้าวโพด
,
ปาล์ม
,
ยางพารา
,
อินทผลัม
,
โรคใบไหม้
,
ราสนิม
,
เพลี้ย
,
ยาแช่ท่อนพันธุ์
+ โพสเรื่องใหม่ |
^ เลือกหน้า |
All contents
3582 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 2 รายการ
โรคราดำมะม่วง (Sooty mold/Black Mildew) ต้องกำจัดแมลงพาหะ และกำจัดโรครา
สาเหตุของโรค เกิดจาก แมงจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยจักจั่น เป็นพาหะนำโรค ทำให้เชื้อราดำหลายชนิด เช่น Capnodium sp._Meliola sp. มาเกาะติดของเหลว ที่เพลี้ยถ่ายไว้ จึงกำให้เชื้อโรคราเกาะติดมะม่วง และเจริญขึ้น
ความสำคัญ พบทั่วไปในแหล่งปลูกมะม่วงของประเทศ ราดำที่จะกล่าวถึงมีหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่พบเห็นทั่ว ๆ ไป ชนิดที่ขึ้นปกคลุมใบเป็นแผ่นสีดำ เมื่อแห้งอาจจะร่อนหลุดออกเป็นแผ่น ๆ อีกชนิดหนึ่งขึ้นบนใบมีลักษณะคล้ายดาวเป็นแฉก ๆ ราดำเหล่านี้ไม่ได้ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชโดยตรง แต่อาจมีผลคือการเจริญเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูที่มะม่วงออกดอก หากมีราดำขึ้นปกคลุมดอก จะเป็นผลให้การผสมเกสรของดอก ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีเชื้อราขึ้นปกคลุมปลายเกสรตัวเมีย ปกติแล้วราดำมีอยู่ทั่ว ๆ ไปในอากาศแต่ไม่สามารถจะเจริญขึ้นบนใบ หรือช่อดอกมะม่วงได้ หากไม่มีแมลงปากดูด ได้แก่ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง โดยแมลงเหล่านี้จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ตามยอดอ่อน และช่อดอก แล้วจะถ่ายสารซึ่งมีลักษณะคล้ายน้ำหวานออกมาฟุ้งกระจายไปเคลือบตามบริเวณใบ และช่อดอก ซึ่งเชื้อราดำ ในอากาศก็จะสามารถขึ้นได้ และทำให้การติดดอกออกผลของมะม่วงลดลงหรือไม่ติดผลเลย
ลักษณะอาการ โรคราดำจะเกิดทั้งบนใบ ช่อดอก และผลอ่อน มีลักษณะเหมือนเขม่าหรือฝุ่นสีดำปกคลุมเป็นแผ่นสีดำ ซึ่งเมื่อแห้งอาจจะร่วงหลุดเป็นแผ่น
การป้องกันกำจัด
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากแมลงเป็นสาเหตุสำคัญ ดังนั้นในช่วงที่มะม่วงเริ่มแทงช่อดอก ให้เข้าสำรวจแมลงปากดูด เช่น เพลี้ยจักจั่นในสวน
หากพบ ให้ฉีดพ่นด้วย มาคา สารอินทรีย์ป้องกันกำจัด เพลี้ย และแมลงจำพวกปากดูด
ผสม ไอเอส สารอินทรีย์ยับยั้งโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ฉีดพ่นไปด้วยพร้อมกัน
ช่วงระบาด ฉีดพ่นซ้ำ ทุก 5-7 วัน หมั่นสังเกตุอาการ
ระยะป้องกัน ฉีดพ่นทุก 15-30 วัน โดยอ้างอิงจากการระบาดในแปลงข้างเคียง
Reference Main content from: kaengkhoi.saraburi.doae.go.th |
ปุ๋ยมะม่วง ปุ๋ยน้ำ สำหรับมะม่วง FK-1 ครบถ้วน โตไว ผลผลิตดี
ฉีดพ่นมะม่วง สม่ำเสมอ ด้วย FK-1 เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์แข็งแรง ได้ผลผลิตสูง และมีคุณภาพดี
FK-1 ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ที่เป็นธาตุอาหารพืชหลัก ในปริมาณที่เหมาะสม ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของมะม่วง ได้อย่างสมดุลย์ นอกจากนั้น แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี ยังช่วยส่งเสริม เสริมสร้างความสมบูรณ์ แข็งแรง และคุณภาพของผลผลิต |
ปุ๋ยบำรุงมะนาว ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ
มะนาว จัดเป็นพืชสมุนไพรใกล้ตัว หาได้ง่าย ปลูกได้ไม่ยาก แต่หากจะปลูกให้ได้ผลผลิตสูง เพื่อการค้าขาย ก็นับว่าเป็นพืชที่หินไม่น้อย เพราะช่วงที่ผลผลิตมะนาวออกสู่ตลาดเยอะ ก็ชนกัน จนทำให้ราคาถูก ส่วนตอนช่วงที่ราคาแพง ก็คือช่วงที่ผลผลิตมะนาวมีน้อยนั้นเอง ทำให้ หลายๆคน หันมาสนใจการปลูก หรือการทำมะนาวนอกฤดู ซึ่งก็มีวิธีการทำมะนาวนอกฤดูต่างๆ หลายเทคนิค สำหรับผู้สนใจ อาจจะลองค้นคำว่า มะนาวนอกฤดู บนแอพ YouTube ดู ก็จะพบหลากหลายวิธี หลายเทคนิค ที่มาสอนกันอย่างละเอียดเลยทีเดียว
กล่าวถึง FK-1 จัดเป็นปุ๋ยพื้นฐาน ที่มีธาตุหลัก ธาตุเสริมครบถ้วน เหมาะแก่การฉีดพ่นทางใบ เพื่อบำรุงมะนาวตั้งแต่หลังปลูกใหม่ๆ ไปจนถึงก่อนออกผล เนื่องจาก FK-1 นั้น ประกอบไปด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแตสเซียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลัก ที่สำคัญ ในการเสริมสร้างการเจริญเติบโต และนอกจากนั้น ยังมี สารสังเคราะห์คลอโรคฟิลล์ ที่เพิ่มความเขียว และเสริมสร้างกระบวนการสร้างอาหารของมะนาว ทำให้ต้นมะนาว เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีความสมบูรณ์ แข็งแรง ต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น |
ยาแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ปุ๋ยเร่งโตมันสำปะหลัง และปุ๋ยระเบิดหัวมันสำปะหลัง ครบเซ็ต
ยาแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง กู๊ดโซค เร่งราก ป้องกันโรค สะสมอาหารในท่อนพันธุ์ เพื่อใช้ในระยะงอก
ฉีดพ่นด้วย FK-1 เมื่อมันสำปะหลังเริ่มแตกยอดใบหลังปลูก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต แตกกิ่ง ขยายทรงพุ่ม ใน FK-1 ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อความเจริญเติบโต และการเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง ให้กับต้นมันสำปะหลัง
เพิ่มขนาดหัวมันสำปะหลัง เพิ่มผลผลิต เพิ่มเปอร์เซ็นแป้ง ฉีดพ่น FK-3C เมื่อมันสำปะหลังมีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป หรือสังเกตุว่าเริ่มลงหัวแล้ว FK-3C เน้นโพแตสเซียมเป็นพิเศษ จะช่วยส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาล เพื่อสะสมเป็นหัวมันสำปะหลัง ทำให้ หัวโต แน่น น้ำหนักดี เปอร์เซ็นต์แป้งสูง |
ฟื้นฟูพืช จากการเข้าทำลายของโรคและแมลง ด้วยธาตุหลัก ธาตุเสริม ที่มีอยู่ใน FK-1
โดยทั่วไปแล้ว เวลาที่เรารักษาโรคพืช หรือกำจัดเพลี้ย แมลงศัตรูพืชต่างๆ เมื่อโรคพืชหาย หรือแมลงถูกกำจัดไปแล้ว พืชยังต้องใช้ระยะเวลานาน เพื่อที่จะฟื้นตัว ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากการเข้าทำลายของโรคและแมลง อย่างโรคใบไหม้ ตัวยาต่างๆจะเข้าไปยับยั้งไม่ให้โรคลุกลาม ขยายวงการทำลายพืช หรือหยุดการติดต่อ เมื่อโรคหยุดลุกลาม คือพืชหายจากโรค
แต่การจะทำให้พืชกลับมาฟื้นตัว และเจริญเติบโต สมบูรณ์แข็งแรง และให้ผลผลิตที่ดีได้ดังเดิม เราจำเป็นต้องให้ธาตุอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่นเดียวกับคนที่ป่วย เมื่อได้ยารักษาโรคแล้ว ต้องให้น้ำเกลือ ต้องทานอาหารหลัก และถ้าให้อาหารเสริมด้วยก็ยิ่งฟื้นตัว กลับมา แข็งแรงได้เร็วขึ้น
FK-1 ประกอบด้วย ธาตุอาหารหลักของพืช N-P-K หรือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแตสเซียมตามลำดับ ไนโตรเจน จะช่วยส่งเสริมความเขียว เสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ส่งเสริมให้พืช ผลิใบ แตกใบใหม่ และเจริญเติบโตได้เร็วขึ้น ฟอสฟอรัส ส่งเสริมระบบรากพืช ทำให้พืชมีระบบรากที่ดี แข็งแรง ทำให้พืชหาอาหารได้ดี ส่งผลไปถึงการออกดอก และการติดผล ส่วนโพแตสเซียม จะส่งเสริมกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาล ไปสะสมที่ผลผลิต ทำให้ พืชออกผลได้สมบูรณ์ มีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี รสชาติดี นอกจากนั้นแล้ว ใน FK-1 ยังมี แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ที่จำเป็นต่อความต้องการของพืช และมักจะขาด เพราะธาตุจำเป็นเหล่านี้ ไม่ได้มีอยู่ในปุ๋ยทั่วไปที่เราใส่กัน
ใช้ FK-1 ฉีดพ่นพืชอย่างต่อเนื่อง จะทำให้พืชเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง และได้ผลผลิตดี |
โรคราสีชมพูในลองกอง
สาเหตุของโรคราสีชมพูในลองกอง เกิดจากเชื้อรา Corticium salmonicolor Berk & Br.
ลักษณะอาการ ของโรคราสีชมพู
เชื้อราเข้าทําลายบริเวณกิ่งและลําต้น โดยเชื้อราจะเริ่มจับที่กิ่งและลําต้นเป็นจุดสีขาวเล็กๆ แล้วเจริญเป็นเส้นใยปกคลุมบางๆ และค่อยๆ หนาขึ้น ทําให้เปลือกที่หุ้มลําต้น กิ่ง เน่าเปื่อยยุ่ยเป็นสีน้ําตาลอ่อน เมื่อถูกทําลายรุนแรงเส้นใยจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู อาการต้นลองกองที่โรคราสีชมพูเข้าทําลายที่สังเกตได้เด่นชัด คือ ใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แคระแกร็น ใบแห้งและร่วงหล่น เนื้อเปลือกเปลี่ยนเป็นสีน้ําตาล กิ่งหรือลําต้นจะแห้งตายไปในที่สุด หากพบเชื้อราเข้าทําลายบนกิ่งที่มีหนอนกินใต้ผิวเปลือกลองกองเข้าทําลายจะทําให้กิ่งแห้งตายอย่างรวดเร็ว
พืชอาศัยของโรคราสีชมพู
ราสีชมพูสามารถเข้าทําลายพืชได้หลายชนิด เช่น ลองกอง ยางพารา กาแฟ ส้มเขียวหวาน มะม่วง ทุเรียน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด
โรคราสีชมพูระบาดมากในช่วงฤดูฝน มักเกิดกับต้นที่มีทรงพุ่มแน่นทึบ หรือมีการทําลายของหนอนกินใต้ผิวเปลือกลองกอง การทําสวนลองกองใกล้กับการทําสวนยางพาราควรระมัดระวังโรคนี้ให้มาก เพราะเป็นโรคที่ระบาดรุนแรงในยางพาราเช่นกัน
การป้องกันและกําจัด โรคราสีชมพู
1. ควรทําการตัดแต่งกิ่งลองกองให้ทรงพุ่มโปร่ง ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เป็นการลดความชื้นในทรงพุ่มและลดการสะสมเชื้อรา โดยเฉพาะกิ่งที่มีการทําลายของหนอนกินใต้ผิวเปลือกลองกอง
2. ในช่วงฤดูฝนหมั่นตรวจแปลงบ่อยๆ ถ้าพบอาการในระยะแรกให้ถากเปลือก และ ฉีดพ่นด้วยไอเอส สารอินทรีย์ป้องกันและยับยั้งโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา
3. ตัดกิ่งส่วนที่เป็นโรคไปเผาทําลาย และฉีดพ่นแผลด้วย ไอเอส
4. ในช่วงที่มีการระบาด ฉีดพ่นไอเอส ผสม FK-1 ทุก 5-7 วัน หมั่นสังเกตุอาการ หากจำเป็นต้องใช้มากกว่า 4 ครั้ง ควรหายามาสลับใช้ เพื่อป้องกันการดื้อยา
Reference Main content from: trat.doae.go.th |
ผู้ใหญ่ลี ตีกลองประชุม!! เป็นเพลงที่แต่งจากเรื่องจริง และมีภาพถ่ายผู้ใหญ่ลี ตัวเป็นๆให้ได้ดูกัน
โฉมหน้า ผู้ใหญ่ลี ตีกลองประชุม!!
มีความสงสัยมาตั้งนานปีแล้วว่า ตัวตนผู้ใหญ่ลี ในเพลงผู้ใหญ่ลีนี่มีตัวตนจริงหรือไม่
ที่สุดวันนี้ก็ได้ภาพมาเฉลยให้กระจ่างใจตน
อาจจะเป็นที่มาแห่งเพลงผู้ใหญ่ลี ที่ร้องกันทั่วบ้าน ทั่วเมือง ร้องกันรุ่นปู่ รุ่นย่า ยันรุ่นปัจจุบัน
ในภาพคือ ผู้ใหญ่ลี นาคะเดช
อดีตผู้ใหญ่บ้านแห่งบ้านหนองหมาว้อ ตำบลนาจิก อำเภออำนาจเจริญ อุบลราชธานี ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ผู้ทำให้เกิดตำนานเพลงอันโด่งดังในอดีต
"ผู้ใหญ่ลี"
เพลงนี้โด่งดังมากๆเมื่อสัก 50 ปีก่อน คือ ปี 2504 เพราะเป็นเพลงลูกทุ่งที่ร้องกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ลูกเล็กเด็กแดง ร้องกันเป็นหมด ด้วยจังหวะเพลงที่จัดว่าสนุกในสมัยนั้น และยังมีเนื้อหาที่เสียดสีสังคมไปในทางขบขันสะท้อนให้เห็นทั้งการสื่อสารระหว่างทางการกับประชาชน เพราะแม้กระทั่งตัวผู้ใหญ่ลีที่เป็นหัวหน้าชุมชน ในระดับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ยังมีปัญหาในการจับประเด็นเรื่องราวมาถ่ายทอดให้ชาวบ้านฟัง ในยุคที่ มีการประกาศใช้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแรกคือ ปี พ.ศ. 2503ในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพื่อนำพาให้บ้านเมืองไปสู่ความสมัยใหม่ตามแบบประเทศพัฒนาฝั่งตะวันตก ในเนื้อหาของเพลงบางวรรค
"แดดฮ้อนฮ้อนใส่แว่นตาดำ... ถอดแว่นตาดำ ฟ้าแจ้งจางปางๆ..." (แกคงใส่ในที่ร่มแล้ว มันมืดมัวซัวไปหมด)...
กัดหยิกเจ็บนิดๆไปถึงการแต่งตัวผู้ใหญ่ลีที่นำสมัย ผิดแผลกแตกต่างไปจากยุคนั้น เพราะแว่นตาดำหรือแว่นกันแดดคงเป็นสิ่งโก้หรูมิน้อย
เนื้อเพลงเต็มไปด้วยความสนุกของภาษาถิ่นอีสานอย่างมีอารมณ์ขัน
เพลงนี้ต้นฉบับขับร้องโดย ศักดิ์ศรี ศรีอักษร บันทึกเสียงครั้งแรกในปี 2507 ในส่วนของเนื้อเพลงก็แต่งโดยสามีของนางเอง ชื่อ พิพัฒน์ บริบูรณ์ ซึ่งเนื้อหาของเพลงได้ถูดดัดแปลงมาจาก รำโทน เรื่องราวของชายชาวอีสานชื่อผู้ใหญ่ลี มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง
แหล่งที่มาของข้อมูล ได้มาจากการส่งต่อๆกันทางไลน์ จึงไม่ทราบต้นทางของผู้เรียบเรียง |
จำปาดะ คล้ายขนุน สีเข้มกว่า กลิ่ินหอมมากๆ พบได้เฉพาะทางใต้ของไทย
จำปาดะ หรือ Champedak ชื่อพฤกษศาสตร์ Artocarpus integer (Thumb.) Merr. อยู่ในสกุลเดียวกับขนุน A. heterophyllus Lam. หรือ Jackfruit และ สาเก A. altilis (Parkinson) Fosberg หรือ Breadfruit ภายใต้วงศ์ Moraceae แต่ขนุนและสาเกเป็นพืชต่างถิ่น ขนุนมีถิ่นกำเนิดที่อินเดีย ส่วนสาเกมีถิ่นกำเนิดในฟิลิปปินส์ หมู่เกาะโมลุกกะ และนิวกินี สกุล Artocarpus ในไทยมีพืชพื้นเมือง 12 ชนิด รวมถึงจำปาดะ แยกเป็น 2 สกุลย่อย คือ subg. Artocarpus ที่ใบเรียงเวียน หูใบยาวมากกว่า 1 ซม. หุ้มยอด ดอกเพศเมียและผลไม่เรียบ subg. Psedojaga ใบเรียงสลับในระนาบเดียว หูใบยาวไม่เกิน 5 มม. ติดด้านข้าง ดอกเพศเมียและผลเรียบ ซึ่งจำปาดะอยู่สกุลย่อย subg. Artocarpus
ชื่อพื้นเมือง จำปาเดาะ (ภาคใต้) ชื่อสามัญ Champedak มาจากภาษามาเลย์ chempadak หรือได้ชื่อว่า Golden Jackfruit เนื่องจากเหมือนขนุนแต่มีสีเข้มกว่า
ถิ่นกำเนิด พบที่คาบสมุทรมลายู บอร์เนียว สุมาตรา สุลาเวสี โมลุกก และปาปัว ในไทยพบเฉพาะทางภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง ภูเก็ต สงขลา ยะลา และนราธิวาส ขึ้นในป่าดิบชื้น และปลูกเป็นไม้ผลทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมพม่าและเวียดนาม และในอินเดีย ในไทยพบปลูกเฉพาะทางภาคทางภาคใต้ในระดับต่ำ ๆ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้น ส่วนมากสูงถึงประมาณ 20 ม. หรือสูงกว่านี้ มีขนหยาบหรือขนสากสั้น ๆ สีน้ำตาลตามกิ่งอ่อน หูใบ เส้นแขนงใบด้านบน แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ และก้านช่อดอก หูใบเรียวหุ้มยอด ยาว 1.5-9 ซม. ใบเรียงเวียน รูปรี รูปไข่กลับ หรือแกมรูปขอบขนาน ส่วนมากยาว 8-20 ซม. ใบในต้นอ่อนมักจัก 3 พู ก้านใบยาวได้ถึง 3 ซม. ช่อดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ กิ่ง หรือลำต้น ดอกจำนวนมาก ใบประดับวงใน (inteflora bracts) ไม่มี ช่อเพศผู้แบบช่อเชิงลด รูปรีหรือรูปทรงกระบอก ยาว 1.5-5.5 ซม. ก้านช่อยาวถึง 6 ซม. ดอกแยกกัน กลีบรวมรูปหลอด ยาวประมาณ 1 มม. ปลายจัก 2 พู เกสรเพศผู้มี 1 อัน ยาวกว่าหลอดกลีบเล็กน้อย ช่อเพศเมียรูปไข่กลับหรือรูปทรงกระบอก ก้านช่อยาว 1.5-10 ซม. กลีบรวมเชื่อมติดกับดอกข้าง ๆ รังไข่แยกกัน ผลรวมเกิดจากกลีบรวมที่เชื่อมติดกันพัฒนาเป็นช่อรูปทรงกระบอกอ้วน ๆ หรือเกือบกลม ยาว 20-35 ซม. ผนังชั้นนอกแข็งเป็นช่องร่างแห ปลายกลีบรวมติดทนรูปกรวยคลายหนาม ยาว 1.5-3 มม. ผนังชั้นกลางสดนุ่ม ผลติดบนแกนกลาง แยกกัน รูปรี ยาวประมาณ 3 ซม. ผนังผลหนา เมล็ดขนาดใหญ่ ไม่มีเอนโดสเปอร์ม
หมายเหตุ พันธุ์ป่ามีความแตกต่างจากพันธุ์ที่ปลูกที่ผลมีขนาดเล็กกว่า ไม่มีกลิ่น และผนังผลย่อยไม่มีรสชาติ ส่วนต่าง ๆ มีขนน้อยกว่าหรือเกลี้ยง และถูกจำแนกเป็น var. silvestris Corner
ลักษณะทั่วไปคล้ายกับขนุน แต่ขนุนขนตามส่วนต่าง ๆ สีขาว สั้น ๆ ใบในต้นอ่อนไม่จักเป็นพู ก้านช่อดอกเพศเมียและผลส่วนปลายขยายหนาเป็นขอบนูน ช่อผลรวมทรงกลม ๆ ไม่เรียวยาว ผลมีขนาดใหญ่และยาวกว่า เปลือกหนากว่า สุกมีกลิ่นแรงน้อยกว่าจะปาดะ ส่วนสาเกช่อดอกออกตามซอกใบ ใบมีขนาดใหญแยกเป็นแฉก
การใช้ประโยชน์ ใบอ่อนและผลอ่อนรับประทานดิบหรือใช้ปรุงอาหาร ผลแก่มีกลิ่นหอมแรง เยื่อหุ้มเมล็ดกินสดหรือนำไปชุบแป้งทอด เมล็ดต้มหรือเผารสชาติคล้านถั่ว เนื้อไม้แข็งและทนทาน ใช้ก่อสร้าง ใช้ย้อมผ้าให้สีเหลือง
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด หรือกิ่งตอน โตเร็ว ออกดอกและติดผลได้ภายใน 3-6 ปี
อ้างอิง:
Berg_ C.C._ Pattharahirantricin_ N. & Chantarasuwan_ B. (2011). Moraceae. In Flora of Thailand Vol. 10(4): 484-485.
Jansen_ P.C.M. (1992). Artocarpus integer_ pp. 91-94. In Plant Resources of South-East Asia. 2. Edible Fruits and Nuts. E.W.M. Verheij and R.E. Coronel (eds). PROSEA_ Pudoc_ Wageningen.
จำปาดะ Artocarpus integer
ขนุน Artocarpus heterophyllus (ภาพซ้าย); สาเก Artocarpus altilis (ภาพขวา) ข้อมูลและภาพ: ราชันย์ ภู่มา
Reference: dnp.go.th |
มะเขือเทศใบซีด มะเขือเทศใบเหลือง อาการเริ่มจากใบแก่ ก่อนลุกลามไปใบอ่อน เพราะขาดไนโตรเจน
อาการ มะเขือเทศ ขาดไนโตรเจน คล้ายกับอาการ มะเขือเทศขาดกำมะถัน
ต่างกันตรงที่ อาการมะเขือเทศขาดธาตุไนโตรเจน จะเริ่มจากใบแก่ ลุกลามไปยังใบใหม่ หรือใบอ่อน ส่วน อาการมะเขือเทศขาดธาตุกำมะถัน จะเริ่มออกอาการจากใบอ่อนก่อน เนื่องจาก กำมะถันไม่เคลื่อนที่ในต้น ซึ่งต่างกับ ไนโตรเจน
การขาดธาตุไนโตรเจน อาจมีสาเหตุจาก ดินมีค่า pH ต่ำหรือสูง ดินทรายหรือดินร่วน (ชะละลาย) มีสารอินทรีย์ต่ำ สภาพแห้งแล้ง ฝนตกมาก (ชะละลาย) หรือมีการชะหน้าดินหนัก ใช้สารเพิ่มหรือปุ๋ยสด/ปุ๋ยคอก เป็นจำนวนมาก (เช่น ฟาง) พืชโตเร็ว
ไนโตรเจน ทำหน้าที่ การสังเคราะห์กรดอะมิโน โปรตีน โคเอนไซม์ กรดนิวคลิอิก การสังเคราะห์คลอโรฟิลล์และ ATP
สามารถฉีดพ่น FK-1 เพื่อบำรุงฟื้นฟู จากอาการขาดธาตุไนโตรเจน ในอัตราส่วน 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร
Reference Main content from: yara.co.th |
|
|
|
กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3,
นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)
กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งไอเอสกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งไอเอส3ลิตร กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งมาคากับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งไอกี้-บีทีกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งFK-T 250ซีซี กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งไอเอสกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง
สั่ง อินเวท กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่ง เมทาแลคซิล กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่ง คาร์รอน กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่งกับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|
สั่ง แม็กซ่า กับ |
ลาซาด้า |
ช้อปปี้
|