[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | All contents
3582 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 2 รายการ

 
สมุนไพรไทยกันยุง ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้ มะกรุด สะเดา วิเศษจริงๆ ภูมิปัญญาไทยเรานี้
สมุนไพรไทยกันยุง ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้ มะกรุด สะเดา วิเศษจริงๆ ภูมิปัญญาไทยเรานี้
สมุนไพรไทยกันยุง ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้ มะกรุด สะเดา วิเศษจริงๆ ภูมิปัญญาไทยเรานี้
ตะไคร้หอม
น้ำมันที่สกัดมาจากตะไคร้หอม หรือครีม โลชั่น เครื่องประทินผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันตะไคร้หอมมากกว่า 17% จะช่วยป้องกันทั้งยุงลาย ยุงรำคาญ และยุงก้นปล่องได้ราว 1-4 ชั่วโมง

ตะไคร้
ตะไคร้หอม (citronella grass) และตะไคร้บ้าน (lemongrass) เป็นคนละชนิดกัน ตะไคร้หอมจะมีกาบใบสีขาวอมแดง หรืออมม่วง ลำต้นบางกว่า และกาบใบบางกว่าตะไคร้บ้าน ลำต้นหยาบ และเหนียวว่าตะไคร้บ้าน และตะไคร้บ้านรสชาติดีกว่าตะไคร้หอม จึงนิยมนำตะไคร้บ้านมาทำอาหารมากกว่า แต่ถึงกระนั้นกลิ่นของตะไคร้บ้านก็ช่วยไล่ยุงได้เช่นกัน น้ำมันตะไคร้ 20-25% สามารถป้องกันยุงลายได้ 100% ใน 1 ชั่วโมงแรก แล้วค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่สามารถป้องกันยุงรำคาญได้นานถึง 1-3 ชั่วโมงเช่นกัน

มะกรูด
น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดใช้ป้องกันยุงได้นานถึง 95 นาที หรือ 1.35 ชั่วโมง และยาทากันยุงที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกรูด 25-50% จะมีฤทธิ์ป้องกันยุงนานถึง 30-60 นาที

สะเดา
นอกจากจะจิ้มน้ำปลาหวานทานอร่อยแล้ว น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากสะเดายังช่วยป้องกันยุงได้อีกด้วย โดยสบู่อาบน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำมันสะเดา 1% สามารถไล่ยุงได้นานถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่าพืชแต่ละชนิดไม่ได้หายาก และยังราคาย่อมเยาอีกด้วย นอกจากพืชเหล่านี้แล้วยังมีข่า ไพล ขึ้นฉ่าย ว่านน้ำ กานพลู และสมุนไพรไทยอื่นๆ อีกมากมายที่มีคุณสมบัติในการช่วยไล่ยุง นอกจากนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังสามารถนำมาทำเป็นสเปรย์ไล่ยุง ยาจุดกันยุง ผสมใสครีมหรือโลชั่นทาตัว หรือจะสนับสนุนให้เป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ต่อไปได้อีกเช่นเดียวกัน

ข้อมูลต้นฉบับจาก sanook.com/health/10329/
อ่าน:3532
ปลูกมันเบอร์รี่ หรือหม่อนกินผล รายได้หลัก 3 หมื่นบาทต่อไร่ ราคาอยู่ในช่วง 150 ถึง 250 บาทต่อ กก.
ปลูกมันเบอร์รี่ หรือหม่อนกินผล รายได้หลัก 3 หมื่นบาทต่อไร่ ราคาอยู่ในช่วง 150 ถึง 250 บาทต่อ กก.
ปลูกมันเบอร์รี่ หรือหม่อนกินผล รายได้หลัก 3 หมื่นบาทต่อไร่ ราคาอยู่ในช่วง 150 ถึง 250 บาทต่อ กก.
หม่อน หรือ ลูกมัลเบอรี่ นอกจากรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยถูกปากใครหลายคนแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งช่วยลดระดับน้ำตาลในหลอดเลือด ลดความดันโลหิต บำรุงสายตา ต่อสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ต่อต้านอาการขาดเลือดในสมอง ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย คุณประโยชน์ดีๆมาเพียบแบบนี้ ไม่กินไม่ได้แล้ว

ส่วนราคาของผลมัลเมอร์รีจะอยู่ที่ 150 ถึง 250 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว สำหรับใครที่ชอบทานมัลเบอร์รี่วันนี้เรามีวิธีการปลูกหม่อน หรือ (Mulberry)ไว้กินเองมาฝากกันค่ะ ปลูกง่ายแถมได้เก็บมัลเบอร์รี่สดๆทานได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย มีวิธีอย่างไรบ้าง โดยการปลูกมัลเบอร์รีควรเริ่มจากการหาต้นพันธุ์ ซึ่งในประเทศไทยจะมีหลากหลายพันธุ์ที่นิยมปลูก แต่พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทยก็คือ กำแพงแสน 84 บุรีรัมย์ 60 เชียใหม่60 ซึ่ง 3 พันธุ์นี้เหมาะสำหรับพื้นที่แลภูมิอากาศของประเทศไทยเพราะได้มีการพัฒนาจากสถานบันเกษตรต่าง ๆอย่างต่อเนื่อง

วิธีปลูกต้นหม่อนกินผลสด

1. เตรียมต้นหม่อนที่จะปลูก (สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายต้นไม้ พันธ์ไม้ต่างๆ หรืออาจทำการปักชำเองก็ได้ ถ้ามีต้นหม่อน)
2. ระยะปลูก ปลูกเป็นแถว แต่ละต้นห่างกัน 4 เมตร เพื่อเผื่อรัศมีทรงพุ่มไว้อย่างน้อย 2.00 เมตร หรือจะปลูกในแปลงพื้นที่สี่เหลี่ยมด้วยระยะปลูก 4.00 x 4.00 เมตรก็ได้
3. การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมลึก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 10 กิโลกรัมต่อหลุม ใส่ปูนโดโลไมท์หรือปูนขาว ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อหลุม และปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 อัตรา 250 กรัมต่อหลุม หรือจะให้แม่นยำต้องใส่ตามค่าการวิเคราะห์ดิน คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วกลบหลุมด้วยหน้าดินให้พูนเล็กน้อย
4. ขุดดินบนหลุมที่เตรียมไว้ให้ลึกพอประมาณ แล้วนำต้นหม่อนที่เตรียมไว้ลงปลูก กลบดินให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม

ต้นมัลเบอร์รีให้ผลผลิตได้เต็มที่เมื่อมีอายุครบ 2 ปี ซึ่งระหว่างนั้นเราควรที่จะบำรุงรักษาด้วยการใส่ปุ๋ยหมักและปุ๋ยสูตรอย่างสม่ำเสมอ ถ้าต้นมัลเบอร์รีมีความสมบูรณ์จะให้ผลผลิต ประมาณ 1.5-35 กิโลกรัมหรือประมาณ 750-1_850 ผลต่อครั้งต่อต้นเลยทีเดียว

เทคนิคเพิ่มเติมในการปลูกหม่อนให้ได้ผลผลิตดี

การบังคับทรงต้น

ต้นหม่อนที่ปลูกจากกิ่งชำชนิดล้างราก หรือชนิดชำถุง หรือปลูกด้วยท่อนพันธุ์จากกิ่งพันธุ์โดยตรง เมื่อต้นหม่อนเจริญเติบโตได้ประมาณ 6-12 เดือน จะต้องบังคับทรงพุ่มโดยตัดแต่งกิ่งให้เหลือเพียงกิ่งเดียวไว้เป็นต้นตอ มีความสูงประมาณ 80-100 เซนติเมตร จากพื้นดิน ปล่อยให้หม่อนแตกกิ่งใหม่หลายๆกิ่ง เก็บกิ่งที่สมบูรณ์ไว้ กิ่งที่ไม่สมบูรณ์ให้ตัดทิ้งเพื่อให้ด้านล่างโปร่ง ง่ายต่อการปฏิบัติดูแลรักษาด้านเขตกรรมต่างๆ เช่น การกำจัดวัชพืช การใส่ปุ๋ย การพรวนดิน การตัดแต่งกิ่งแขนงและการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น อนึ่งสำหรับหม่อนที่ปลูกในปีแรกๆ ลำต้นและระบบรากยังเจริญเติบโตไม่มาก อาจจะหักล้มได้ง่าย ดังนั้นจะต้องทำการยึดลำต้นไว้ด้วยไม้ หรือไม้ไผ่ให้แน่นหนา

การใส่ปุ๋ย

ในปีที่ 2 ให้ใส่ปูนขาวหรือปูนโดโลไมท์ตามการวิเคราะห์ความต้องการปูนขาวของดินเพิ่ม ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 10 กิโลกรัมต่อต้น ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 250 กรัมต่อต้น

การให้น้ำ

จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้น้ำหม่อนในระยะที่หม่อนติดผลแล้ว (โดยปกติจะมีฝนหลงฤดูหรือฝนชะช่อมะม่วงผ่านเข้ามา จะทำให้ต้นหม่อนแตกตาติดดอก ถ้าไม่มีฝนหลงฤดู หลังโน้มกิ่ง รูดใบ ต้องให้น้ำกระตุ้นการแตกตาแทนน้ำฝน) หากขาดน้ำจะทำให้ผลหม่อนฝ่อก่อนที่จะสุก หรือทำให้ผลหม่อนมีขนาดเล็ก การตัดแต่งกิ่งและการดูแลรักษาทรงพุ่ม ตัดเฉพาะกิ่งแขนงที่ไม่สมบูรณ์และเป็นโรคทิ้ง เพื่อลดการสะสมโรคและแมลง

การบังคับให้หม่อนติดผลนอกฤดูกาล

ใช้วิธีการบังคับต้นหม่อน เพื่อให้ได้ผลผลิตผลหม่อนในระยะเวลาที่ต้องการ มีวิธีการดังนี้
1. ทำการโน้มกิ่งหม่อนที่ปลูกแบบทรงพุ่ม โดยการโน้มกิ่งให้ปลายยอดขนานกับพื้น หรือโน้มลงพื้นดิน รูดใบหม่อนออกให้หมด พร้อมทั้งตัดยอดส่วนที่เป็นกิ่งสีเขียวออกยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ใช้เชือกผูกโยงติดไว้กับหลักไม้ไผ่ ซึ่งปักไว้บนพื้นดินสำหรับยึดเชือกไว้
2. หลังการโน้มกิ่ง 8-12 วัน ดอกหม่อนจะแตกออกพร้อมใบ จากนั้นจะมีการพัฒนาการของ ผลหม่อน โดยผลจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาว สีชมพู สีแดง และสีม่วงดำ ตามลำดับ โดยใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน ผลจะเริ่มแก่และสุก สามารถเก็บไปรับประทานสดหรือนำไปแปรรูปได้ มีระยะเวลาในการเก็บผลประมาณ 30 วันต่อต้น เพราะผลหม่อนจะทยอยสุก เนื่องจากออกดอกไม่พร้อมกัน เมื่อต้นหม่อนมีอายุตั้งแต่ 2 ปี เป็นต้นไปจะให้ผลผลิตผลหม่อนประมาณ 1.5-35 กิโลกรัม(ประมาณ 750-1_850 ผลต่อครั้งต่อต้น) เพียงพอต่อการบริโภคผลสดทั้งครอบครัวทุกวัน ตลอดปี ซึ่งร่างกายต้องการวันละ 10-30 ผลเท่านั้น อีกทั้งยังมีผลหม่อนสดไว้แปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้อีกหลายชนิด เช่น น้ำหม่อน แยมหม่อน เชอเบทหม่อน ฯลฯ

ข้อมูลต้นฉบับจาก tnews.co.th/variety/512312/เทคนิคปลูกหม่อนง่ายๆ-ให้ลูกดก-เก็บกินได้ตลอดทั้งปี
อ่าน:3517
เกษตรกร จังหวัดพิจิตร ปลูกอินทผลัม 7 ไร่ จากเดิมเคยทำนา ผ่านไปสองปีกว่า รายได้เกินล้าน ยอดสั่งจองล่วงหน้าต่อเนื่อง
เกษตรกร จังหวัดพิจิตร ปลูกอินทผลัม 7 ไร่ จากเดิมเคยทำนา ผ่านไปสองปีกว่า รายได้เกินล้าน ยอดสั่งจองล่วงหน้าต่อเนื่อง
เกษตรกร จังหวัดพิจิตร ปลูกอินทผลัม 7 ไร่ จากเดิมเคยทำนา ผ่านไปสองปีกว่า รายได้เกินล้าน ยอดสั่งจองล่วงหน้าต่อเนื่อง
เกษตรกร จ.พิจิตร ตัดสินใจเลิกทำนาใช้พื้นที่ 7 ไร่ ปลูกอินทผลัมใช้เวลา 2 ปีเศษ ปัจจุบันมีผู้สั่งจองขอซื้อผลผลิตจำนวนมาก คาดรายได้ไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาท

ชาตรี อ๊อดหมี “ตั๊ก” อายุ 58 ปี ซึ่งทำแปลงปลูกอินทผลัม อยู่ที่หมู่ 9 ต.สากเหล็ก อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร บนพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ทำนาปลูกข้าว จากนั้นปรับเปลี่ยนมาปลูกอินทผลัม ทั้งหมดประมาณ 230 ต้น ปลูกระยะ 6 X 6 เมตร เป็นอินทผลัมสายพันธุ์ “บาร์ฮี” หรือ “บัรฮี” เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการทานผลสดโดยเฉพาะ มีแหล่งกำเนิดในประเทศอิรัก ปัจจุบันมีการปลูกกันแพร่หลายในหลายประเทศ กล่าวกันว่า พันธุ์บาร์ฮี เป็น "แอปเปิ้ลแห่งตะวันออกกลาง"

ชาตรี เล่าว่า ได้ไปดูงานนิทรรศการที่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ เกิดความสนใจจึงได้ลงทุนซื้อต้นพันธุ์อินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อมาจำนวน 118 ต้น ต้นละ 1_200 บาท อีก 112 ต้น เป็นพันธุ์ที่เพาะเมล็ด พันธุ์แม่โจ้ 36 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไทย ราคาต้นละ 250 บาท พร้อมทั้งลงทุนขุดสระน้ำเอาดินมาถมพื้นที่นา 7 ไร่ ให้เป็นแปลงปลูกอินทผลัม ลงทุนครั้งแรกประมาณ 3-4 แสนบาทเศษ บริหารจัดการใช้ระบบการให้น้ำแบบปล่อยน้ำด้วยระบบท่อใส่ต้นทุกต้น การให้ปุ๋ยพื้นที่ 7 ไร่ 2 ปี ที่ผ่านมาใช้ปุ๋ย 10 กว่ากระสอบเท่านั้น

นอกจากนี้ เฝ้าระวังเรื่องโรคแมลงและหนูนาที่ชอบมากัดกินผลผลิต วิธีป้องกันจะห่อช่อของอินทผลัมด้วยผ้ารี่หรือผ้าตาข่ายพลาสติกแล้วห่อด้านนอกซ้ำด้วยกระดาษฟอยด์ ซึ่งจะห่อในช่วงที่อินทผลัมเริ่มออกช่อและผสมเกสรประมาณเดือน ก.พ.ของทุกปี และต้องมีการตัดแต่งผลเพื่อให้ลูกโตได้ขนาดตามความต้องการ ขณะนี้ปลูกมาเป็นระยะเวลา 2 ปีเศษ ผลผลิตรุ่นแรกที่จะเก็บขายสร้างรายได้ คือราวกลางเดือน ก.ค. 2561

สำหรับเรื่องการตลาดขณะนี้มีผู้สนใจมาจับจองซื้อถึงหน้าสวน โดยจ่ายเงินล่วงหน้ามัดจำไว้แล้วก็มี ซึ่งก็เป็นพ่อค้าและแม่ค้าจาก จ.ปัตตานี นครนายก และ จ.สระบุรี สำหรับราคาซื้อขายเปิดราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท พื้นที่ 7 ไร่ ใช้เวลา 2 ปี ปลูกอินทผลัม 230 ต้น ต้นหนึ่งได้ผลผลิตประมาณ 20 กิโลกรัม ดังนั้นจึงคาดว่าจะได้เงินจากการขายผลผลิตอินทผลัมในรุ่นแรกนี้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทเศษ ซึ่ง 1 ปี เก็บผลผลิตได้ 1 ครั้ง ดีกว่าการทำนาหลายเท่าตัว

กิตติชาติ ชาติยานนท์ เกษตรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า เกษตรกรรายนี้ถือได้ว่าเป็นผู้มีแนวคิดและใฝ่รู้ศึกษาในการปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวหันมาปลูกอินทผลัม ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ชาวตะวันออกกลางหรือชาวมุสลิมนิยมบริโภค แต่ขอให้คำแนะนำกับเกษตรกรท่านอื่นๆ ที่สนใจหรือจะทำตามว่า ขอให้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทั้งนี้เพื่อลดอัตราความเสี่ยง ซึ่งถ้าหากสนใจสำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตรก็พร้อมจะเป็นพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาให้ในเรื่องการทำเกษตรที่ดีและเหมาะสม (GAP)

สำหรับข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับอินทผลัม ก็คืออินทผลัม เป็นผลไม้ที่ไม่มีคอเลสเตอรอลและไขมันต่ำ นอกจากนี้เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามิน A_ วิตามิน B1_ วิตามิน B2_ วิตามิน B6_ วิตามิน K_ แคลเซียม_ ซัลเฟอร์_ เหล็ก_ โพแทสเซียม_ ฟอสฟอรัส_ แมงกานิส_ แมกนีเซียม และน้ำมันโวลาไทล์ แถมยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยในการลดอาการท้องผูก

ข้อมูลจาก posttoday.com/economy/sme/563538
อ่าน:3507
ปลูกแตงโมไร้สารเคมี พลิกวิกฤตแล้ง รายได้ 6 หมื่นบาทต่อไร่เป็นอย่างน้อย เกษตรกรเมืองพัทลุง
ปลูกแตงโมไร้สารเคมี พลิกวิกฤตแล้ง รายได้ 6 หมื่นบาทต่อไร่เป็นอย่างน้อย เกษตรกรเมืองพัทลุง
ปลูกแตงโมไร้สารเคมี พลิกวิกฤตแล้ง รายได้ 6 หมื่นบาทต่อไร่เป็นอย่างน้อย เกษตรกรเมืองพัทลุง
เกษตกรเมืองพัทลุงพลิกวิกฤตแล้งเป็นโอกาสปลูกแตงโมไร้สารเคมีขายได้ไร่ละไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นบาท
นายสุวิทย์ ดิษโต เกษตรกรเจ้าของสวนแตงโม อยู่บ้านเลขที่ 129 ม.1 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง กล่าวว่า ได้ร่วมกับชาวบ้านใกล้เคียงงปลูกแตงโม พันธุ์กินรี C28 จนสามารถสร้างรายได้พลิกฟื้นตัวเองได้เร็วเพียงใช้ระยะเวลาไม่นานนัก ซึ่งแตงโมที่เลือกปลูกนั้นเป็นพันธุ์กินรี C28 เป็นพืชที่ไม่ชอบสภาพอากาศที่ฝนตกชุก จึงเหมาะที่จะปลูกในช่วงหน้าร้อนเพราะรสชาติของแตงโมจะมีรสชาติที่หวานน่ารับประทานและมีสีแดงสด


การปลูกแตงโมแต่ละพันธุ์ก็จะไม่แตกต่างกัน ซึ่งควรที่จะเริ่มจากเตรียมดินไถเปิดหน้าดินรอบแรกลึกประมาณ 1 ฟุต ตากดินให้แห้งไว้ 2 สัปดาห์ ใช้รถไถย่อยดินอีกหนึ่งรอบ ระยะปลูกแตงโมนั้นส่วนใหญ่จะใช้ความกว้างประมาณ 6 เมตร (แต่ถ้าช่วงหน้าแล้ง กว้าง 5 เมตรหน้าฝน กว้าง 7 เมตร) ทำแถวคู่ระยะปลูกระหว่างหลุม 60 เซนติเมตรระหว่างแถวห่าง 6 เมตรปรับปรุงดินโดยใส่ปุ๋ยคอก 1 ตัน ต่อไร่ หว่านปูนขาวให้ทั่วเพื่อปรับสภาพดิน ใช้รถไถเล็กยกแปลงกรีดร่อง ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ( 16-16-16)จำนวน30กิโลกรัมต่อไร่ แต่ไม่เกิน 50 กิโลกรัมขึ้นอยู่กับสภาพพื้นดินว่ามีความสมบูรณ์แค่ไหน จากนั้นไถยกร่องโดยรถไถเดินตามยกแปลง หว่านเมล็ดหลุมละ3 เมล็ด ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ คัดให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า การที่จะเพิ่มผลผลิตได้ คือการตัดแต่งแขนง หรือเถาการปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตและคุณภาพสูง และ จำเป็นต้องมีการตัดแต่งแขนง เพื่อให้เกิดการสมดุลในการสร้างและใช้อาหาร โดยให้ต้นแม่มีการเจริญเติบโตเต็มที่การปล่อยให้เถาแขนงและผลเจริญในระยะแรกจะทำให้เกิดการแย่งอาหารส่งผลให้ยอดของต้นแม่ชะลอหรือชะงักการเจริญ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตและคุณภาพตํ่า และการบำรุงก็ไม่ยุ่งยาก ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีผสมเพียงเล็กน้อย แตงโมจะเริ่มออกดอกและติดผลเป็นลูกเล็กๆ ตามเถาที่เลื้อยบนดินในแปลงต้องมั่นดูแลเรื่องโรคและแมลง ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตแตงโมกินรีนั้นประมาณ 60 วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้

"ในพื้นที่ ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว ที่ปลูกนั้นเป็นพื้นที่ ที่เหมาะสม ช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะแก่การเพาะปลูกเพราะ ไม่มีโรคแมลงเข้ารบกวน และสามารกเก็บผลผลิตขายสร้างรายได้ดี โดยช่วงนี้จะขายกันอยู่ที่ กก.ละ12 บาท ซึ่งราคาจะสูงกว่าพื้นที่อื่น เนื่องจากชาวบ้านปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีแต่อย่างใด แถมยังให้ผลผลิตสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดสามารถขายได้ไร่ละไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นบาทเลยทีเดียว"

ข้อมูลจาก posttoday.com/social/local/76834
อ่าน:3502
5 เคล็ดลับ เลือกข้าวหอมมะลิยังไงให้ได้ข้าวที่หุงแล้วหอม สวย ขึ้นหม้อ
5 เคล็ดลับ เลือกข้าวหอมมะลิยังไงให้ได้ข้าวที่หุงแล้วหอม สวย ขึ้นหม้อ
https://pixabay.com/photos/rice-food-eat-staple-food-grainy-960625/
ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวขึ้นชื่อของไทยที่ดังไปไกลถึงต่างประเทศ เป็นข้าวที่คนไทยนิยมกินกันมากเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยเอกลักษณ์ที่ นุ่ม หอม แต่เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมเวลาไปซื้อป้ายเขียนว่าข้าวหอมมะลิเหมือนกัน แต่เวลาหุงออกมาดันไม่เหมือนกัน แล้วจะต้องเลือกข้าวหอมมะลิยังไง ถึงจะดี ข้าวหุงออกมาหอม สวย วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

เลือกจากลักษณะของข้าวและบรรจุภัณฑ์
เลือกที่เมล็ดข้าวมีผิวเรียบ แข็ง แห้ง ไม่มีรอยแตก สวยงาม ไม่จับกันเป็นก้อน ขนาดเล็กใหญ่เท่ากันหรือไม่ต่างกัน ไม่มีสีสันที่ผิดปกติ สีขาวใส สะอาด ไม่มีสิ่งแปลกปลอม เช่น ทราย และแมลง ไม่มีกลิ่นอับชื้น เหม็นหืน ถ้าเป็นข้าวถุง ควรเลือกถุงที่บรรจุปิดสนิทไม่ฉีกขาดระบุสถานที่ผลิตและราคาจำหน่ายชัดเจน

เลือกตามอายุของข้าวหอมมะลิ
หลายคนน่าจะเคยสงสัยว่า ซื้อข้าวยี่ห้อเดียวกัน แต่ทำไมเวลาหุงออกมาถึงไม่เหมือนกัน อาจเป็นเพราะอายุข้าวไม่เท่ากัน ทำให้เวลาหุงออกมาได้ข้าวสุกที่ไม่เหมือนกัน จะมีข้าวใหม่กับข้าวเก่า ซึ่งทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกัน ข้าวสารใหม่ สีเมล็ดจะเป็นสีขาวน้ำนม เวลาหุงจะมีกลิ่นหอมชัด มีความนุ่มมาก ต้องระวังถ้าหุงไม่เป็นอาจแฉะได้ แต่ถ้าเป็นข้าวเก่าเมล็ดจะออกแดงๆ แต่ข้าวเก่าไม่ได้แปลว่าไม่ดี เป็นข้าวที่นิยมทานกันตามปกติ เวลาหุงจะขึ้นหม้อเมล็ดเรียงตัวสวย แค่จะหอมและนิ่มน้อยกว่า ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

เลือกข้าวหอมมะลิตามฤดูกาล
การทำนาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฤดูกาล นั่นคือข้าวนาปีและข้าวนาปรัง ข้าวทั้งสองฤดูกาลมีความแตกต่างกัน ข้าวนาปี เป็นข้าวที่ผลิตตามฤดูกาล จะออกตามวันและเดือนที่ค่อนข้างตายตัว ข้าวที่ได้จึงหอม นุ่มกว่า เพราะจะโตตามฤดูกาลส่วนข้าวนาปรัง เป็นข้าวที่ถูกปลูกนอกฤดูกาล เป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวตามอายุ ไม่ว่าจะปลูกเดือนไหนพอครบอายุครบประมาณ 3 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวได้เลย จะหาซื้อได้ง่ายกว่า

เลือกซื้อข้าวหอมมะลิตามสายพันธุ์ http://www.nanapanagri.com/th/tanyatip-inter-trade ข้าวหอมมะลิในบ้านเรามีหลากหลายสายพันธุ์มากๆ ถึงจะเป็นข้าวหอมมะลิเหมือนกัน แต่รสชาติและรสสัมผัสแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจุดเด่นของสายพันธุ์นั้นๆ เช่น
ข้าวหอมมะลิ 105 : มีกลิ่นหอมคล้ายใบเตย เวลาหุงเสร็จจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา : เมล็ดข้าวจะมีลักษณะยาว เรียว เมื่อหุงแล้วจะมีกลิ่นหอมและนุ่ม
ข้าวหอมมะลิปทุมเทพ : เป็นข้าวที่มีความหอมและนุ่มเป็นพิเศษ

เลือกซื้อข้าวหอมมะลิจากชาวนาโดยตรง
การซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรง นอกจากจะเป็นการช่วยชาวนาแล้ว จะได้ซื้อในราคาที่ถูกด้วย ข้าวที่ได้มีความอร่อยและหอมกว่าข้าวถุงที่ถูกเก็บไว้นาน แต่มักจะเป็นข้าวที่ยังไม่ถูกคัด เรื่องความสวยงามอาจลดน้อยลง

ความหอม นุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ข้าวหอมมะลิกลายเป็นข้าวที่หลายๆ บ้านนิยม นอกจากเคล็ดลับบอกไว้ การเลือกข้าวที่เชื่อถือได้ คุณภาพสูงอย่าข้าวสารและธัญพืชตรา ธัญญทิพย์ http://www.nanapanagri.com/th/tanyatip-inter-trade ก็เป็นอีกเคล็ดลับเช่นเดียวกัน เพราะมีการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน สะอาด ปลอดภัย ปราศจากสิ่งเจือปน มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สำคัญมีบริการจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าด้วยบริการที่สะดวกรวดเร็ว





อ่าน:3598
กระเจี๊ยบแดง เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต ลดความเหนียวข้นของเลือด
กระเจี๊ยบแดง เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต ลดความเหนียวข้นของเลือด
กระเจี๊ยบแดง เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต ลดความเหนียวข้นของเลือด
กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือด

กระเจี๊ยบแดง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L.

ชื่อสามัญ : Jamaican Sorel_ Roselle

วงศ์ : Malvaceae

ชื่ออื่น : กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ย ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลำต้นสีม่วงแดง ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ 3 หรือ 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีชมพูหรือเหลืองบริเวณกลางดอกสีม่วงแดง เกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ มีกลีบเลี้ยงสีแดงฉ่ำน้ำหุ้มไว้

สรรพคุณ :

กลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล

เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ำหนักด้วย

ลดความดันโลหิตได้โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด

น้ำกระเจี๊ยบทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง

ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดี

น้ำกระเจี๊ยบยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันอีกทางหนึ่ง

ช่วยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะ

เพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ

เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซีตริคอยู่ด้วย

ใบ แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำคอ ให้ลงสู่ทวารหนัก

ดอก แก้โรคนิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพราะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด กัดเสมหะ ขับเมือกในลำไส้ให้ลงสู่ทวารหนัก

ผล ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายน้ำ รักษาแผลในกระเพาะ

เมล็ด บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง แก้ดีพิการ ขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด

นอกจากนี้ได้บ่งสรรพคุณโดยไม่ได้ระบุว่าใช้ส่วนใด ดังนี้คือ แก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ปัสสาวะพิการ แก้คอแห้งกระหายน้ำ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำไส้ ลดไขมันในเลือด บำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน

นอกจากใช้เดี่ยวๆ แล้ว ยังใช้ผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรอื่น ใช้ถ่ายพยาธิตัวจี๊ด

วิธีและปริมาณที่ใช้
โดยนำเอากลีบเลี้ยง หรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง ตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา (หนัก 3 กรัม) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (250 มิลลิลิตร) ดื่มเฉพาะน้ำสีแดงใส ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาและอาการอื่นๆ จะหายไป
สารเคมี

ดอก พบ Protocatechuic acid_ hibiscetin_ hibicin_ organic acid_ malvin_ gossypetin
คุณค่าด้านอาหาร

น้ำกระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ และยังนำมาทำขนมเยลลี่ แยม หรือใช้เป็นสารแต่งสี ใบอ่อนของกระเจี๊ยบเป็นผักได้ หรือใช้แกงส้ม รสเปรี้ยวกำลังดี กระเจี๊ยบเปรี้ยวมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ส้มพอเหมาะ" ในใบมี วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ส่วนกลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีสารแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

น้ำกระเจี๊ยบแดงที่ได้สีแดงเข้ม สาร Anthocyanin นำไปแต่งสีอาหารตามต้องการ

ข้อมูลจาก rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_01.htm

รูปภาพจาก arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages &page_id=1450&code_db=610010&code_type=01
อ่าน:3478
เพชรสังฆาต สมุนไพรไทย รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต สมุนไพรไทย รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต สมุนไพรไทย รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Veld grape มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า cissus quadrangularis เพชรสังฆาตเป็นไม้เถาลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นข้อปล้องๆต่อกัน เพชรสังฆาตสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยามากมาย ช่วยรักษาโรคได้ผลชะงัด

รักษาริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาตมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาริดสีดวง สำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร จะเกิดภาวะเลือดดำคั่งจนทำให้ส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่เกิดอาการโป่งพองคล้ายกับมีติ่งยื่นออกมาจากทวารหนัก การรับประทานเพชรสังฆาตจึงช่วยลดอาการอักเสบ รวมทั้งช่วยทำให้หลอดเลือดดำที่บวมเป่งอยู่บริเวณทวารหนักหดตัวลงได้อีกด้วย

เนื่องจากเพชรสังฆาตสดจะมีรสขมและทำให้คันคอมาก เพราะเพชรสังฆาตมีสารแคลเซียมออกซาเลต สารนี้จะมีผลึกรูปเข็มที่สามารถทิ่มแทงทำให้เกิดอาการระคายเคืองภายในช่องปากและคอได้ ดังนั้นแนะนำให้รับประทานเพชรสังฆาตแบบแคปซูล โดยรับประทานครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน จะช่วยให้อาการดีขึ้น

ข้อมูลจาก health.mthai.com/howto/health-care/26294.html
อ่าน:3503
ว่านหางจรเข้ บรรเทาปวดศีรษะ พอกแผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน รักษาผิวที่แดดเผา รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ฯ
ว่านหางจรเข้ บรรเทาปวดศีรษะ พอกแผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน รักษาผิวที่แดดเผา รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ฯ
ว่านหางจรเข้ บรรเทาปวดศีรษะ พอกแผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน รักษาผิวที่แดดเผา รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ฯ
ว่านหางจระเข้

ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์

โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน "ยางในใบ" ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน "เหง้า" ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย
อ่าน:3497
ฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์เป็นยาแก้ไข้ โรคทางเดินหายใจ แก้เจ็บคอ แต่บางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้
ฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์เป็นยาแก้ไข้ โรคทางเดินหายใจ แก้เจ็บคอ แต่บางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้
ฟ้าทะลายโจร (ชื่อวิทยาศาสตร์: Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall ex Nees.) เป็นพืชล้มลุกฤดูเดียว ในตระกูล Acanthaceae มีถิ่นกำเนิดในอินเดียและศรีลังกา โดยในตำรายาโบราณของไทย จัดให้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่สามารถหามารับประทานแก้โรคได้เอง สูงประมาณ 30-70 ซม. ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม แตกกิ่งมาก ใบรียาว ปลายใบแหลม ดอกขนาดเล็กสีขาว มีรอยกระสีม่วงแดง ลักษณะเป็นหลอด ฝักคล้ายฝักต้อยติ่ง เมล็ดสีน้ำตาลอ่อน ใบมีสารประกอบแลกโตน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาแก้ไข้ โรคทางเดินหายใจ แก้เจ็บคอ แต่บางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งต้องหยุดยาทันที

ข้อมูลจาก th.wikipedia.org/wiki/ฟ้าทะลายโจร_(พืช)
อ่าน:3479
จากช่างซ่อมรถ รายได้เดือนหมื่นห้า เปลี่ยนมาเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง สร้างรายได้กว่า 200000 บาท สองแสนบาทต่อเดือน
จากช่างซ่อมรถ รายได้เดือนหมื่นห้า เปลี่ยนมาเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง สร้างรายได้กว่า 200000 บาท สองแสนบาทต่อเดือน

การเลี้ยงปลาทับทิม
รูปแบบการเลี้ยงปลาทับทิม จำแนกตามลักษณะแหล่งน้ำที่เลี้ยง ได้แก่
1. การเลี้ยงในบ่อดิน
เป็นการเลี้ยงในบ่อที่ขุดบริเวณพื้นที่ว่าง โดยคันบ่อ ขอบบ่อ และก้นบ่อเป็นดิน และไม่ใช้วัสดุกันน้ำใดๆรองพื้นหรือที่เรียกว่า บ่อน้ำหรือสระ บ่อเลี้ยงในลักษณะนี้มักเป็นบ่อขนาดใหญ่เป็นไร่หรือมากกว่า มีความลึกของบ่อตั้งแต่ 2 เมตร การเลี้ยงในลักษณะนี้จำเป็นต้องมีปริมาณน้ำมากเพียงพอ เพราะจำเป็นต้องใช้น้ำมาก

2. การเลี้ยงในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
การเลี้ยงในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จะเป็นลักษณะการเลี้ยงในกระชังเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ปลาอยู่ในพื้นที่เลี้ยง ขนาดความลึกของน้ำไม่ควรต่ำกว่า 5 เมตร มีค่าความขุ่นใสไม่น้อยกว่า 70 เซนติเมตร

3. การเลี้ยงในแม่น้ำ
การเลี้ยงในแม่น้ำจัดเป็นการเลี้ยงในกระชังเช่นกัน แม่น้ำควรมีน้ำไหลตลอดฤดูกาลเลี้ยง หากเป็นพื้นที่ใกล้ปากอ่าว ควรให้กระชังห่างจากปากอ่าวมากที่สุด อย่างน้อย 20 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้น้ำมีการเปลี่ยนแปลงความเค็มหรือคุณภาพมากเกินไป

4. การเลี้ยงในบ่อซีเมนต์
เป็นการเลี้ยงที่ใช้วิธีการสร้างบ่อน้ำด้วยการก่อบ่อซีเมนต์สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมักเลี้ยงในโรงเรือนที่สามารถป้องกันน้ำฝนได้ การเลี้ยงลักษณะนี้จะเลี้ยงได้ในปริมาณน้อย จากปัญหาเรื่องพื้นที่จำกัด และอาจต้องใช้เครื่องเติมอากาศเข้าช่วยเพื่อให้ออกซิเจน

การเลี้ยงตามลักษณะการจำหน่าย
1. การเลี้ยงแบบกึ่งพัฒนา เป็นการเลี้ยงเพื่อการบริโภค และเพื่อการจำหน่าย โดยส่วนที่จำหน่ายจะเป็นส่วนที่เหลือจากการบริโภค การเลี้ยงลักษณะนี้มุ่งเน้นให้มีต้นทุนต่ำ โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหรือวัสดุที่หาได้ตามท้องถิ่นเป็นอาหารแก่ปลาเป็นหลัก ร่วมกับการหากินเองของปลาตามธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยคอก เศษพืชผัก ปลวก เป็นต้น

2. การเลี้ยงเชิงพาณิชย์ หรือการเลี้ยงแบบเข้มข้นเพื่อการจำหน่ายเป็นหลัก อาหารที่เลี้ยงจะเป็นอาการสำเร็จรูปที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดเป็นหลัก เพราะเป็นการเลี้ยงเพื่อให้ปลาได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ทำหให้ปลาเจริญเติบโตเร็ว ปลาที่มีขนาดใหญ่ และเป็นไปตามความต้องการของตลาด อัตราการปล่อยเลี้ยงจะใช้แบบหนาแน่น และให้อาหารมาก เพื่อย่นระยะเวลาการเลี้ยงให้สั้นลง

3. การเลี้ยงระบบฟาร์มลูก เป็นรูปแบบการเลี้ยงที่เกษตรเป็นเครือข่ายของบริษัทผู้พัฒนาพันธุ์ปลา โดยบริษัทจะให้การสนับสนุนในหลายด้าน อาทิ พันธุ์ปลา ยา และอาการ รวมถึงการให้คำปรึกษา และการแก้ปัญหาตลอดระยะเวลาการเลี้ยง ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถผลิตปลาทับทิมได้มีคุณภาพดี และสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ในด้านการตลาด บริษัทเครือข่ายจะเป็นผู้รับชื้อในราคาต่อหน่วยกิโลกรัมปลา โดยที่เกษตรกรไม่จำเป็นต้องวิ่งหาตลาดเอง

พันธุ์ปลาที่เลี้ยง
ลูกพันธุ์ปลาทับทิมที่นำมาเลี้ยง ควรหาซื้อจากฟาร์มที่มีความน่าเชื่อถือ หรือจากบริษัทผู้ผลิตพันธุ์ปลาโดยตรง นอกจากนั้น หากเกษตรกรมีการเลี้ยงจำนวนมาก และเป็นผู้มีความรู้ในด้านการเพาะขยายพันธุ์ปลา อาจทำการเพาะขยายพันธุ์ปลาเอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเรื่องพันธุ์ปลาลงได้มาก


ที่มา http://pasusat.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A5...
https://www.youtube.com/watch?v=kK31Ch6-b5E
อ่าน:3478
3582 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 358 หน้า, หน้าที่ 359 มี 2 รายการ
|-Page 339 of 359-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 | 350 | 351 | 352 | 353 | 354 | 355 | 356 | 357 | 358 | 359 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
การจัดการหนอนศัตรูพืชในมะกอก: วิธีป้องกันและควบคุมเพื่อสร้างผลผลิตที่ยั่งยืน
Update: 2566/11/14 13:23:39 - Views: 3717
การป้องกันกำจัดโรคเชื้อราในถั่วฝักยาวด้วยสารอินทรีย์
Update: 2566/05/04 11:38:27 - Views: 3453
คู่มืองป้องกันและกำจัดโรคในลำไย โรคราต่างๆ ใบไหม้ ราแป้ง ราสนิม กิ่งแห้ง และราอื่นๆ
Update: 2566/04/30 08:55:27 - Views: 8544
ปุ๋ยทุเรียน คุณภาพสูง ทดแทนปุ๋ยเม็ด ยาแก้ ทุเรียนใบไหม้ โรคใบติด เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยทุเรียน หนอน
Update: 2565/05/02 06:04:58 - Views: 3693
ยาปราบฯอินทรีย์ จากฟาร์มเกษตร ส่งทั่วไทย ชำระเงินปลายทาง
Update: 2562/08/08 14:02:02 - Views: 3546
ยารักษาโรคพืช กำจัดโรคยางไหล กิ่งแห้ง ในมะม่วง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด(ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)1,200ลิตร )
Update: 2566/05/30 11:18:40 - Views: 3540
การป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ในมะเขือเทศ
Update: 2566/05/15 11:21:02 - Views: 3515
ละมุด โตไว ใบเขียว ผลใหญ่ แข็งแรง ผลผลิตดี อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด อะมิโนแรปเตอร์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/04/06 13:27:43 - Views: 3501
ฝรั่ง โตไว ใบเขียว ผลใหญ่ ผลผลิตดี ฉีดพ่นปุ๋ย FK-1 ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20เปอร์เซ็นต์
Update: 2566/04/19 10:28:39 - Views: 3486
กำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ใน เงาะ เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเชื้อรา ไตรโครเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำอะมิโน โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/04/19 13:46:53 - Views: 3461
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบสำหรับอ้อย
Update: 2564/08/27 22:13:46 - Views: 3827
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาดินและเพิ่มผลผลิตพืช สำหรับฉีดพ่น ต้นหัวไชเท้า
Update: 2567/02/13 09:39:19 - Views: 3583
ยากำจัดโรคใบจุด ใน กระหล่ำปลี โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/15 10:57:59 - Views: 3545
กำจัดเพลี้ย ใน ดอกดาวเรือง เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเพลี้ย บิวทาเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำอะมิโน โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/05/09 15:12:16 - Views: 3502
การควบคุมหญ้าและวัชพืชในสวนฝรั่งด้วยคาร์รอน (Diuron 80% WG)
Update: 2567/02/13 09:12:30 - Views: 3550
การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในดอกโป๊ยเซียนด้วยสารอินทรีย์
Update: 2566/05/13 10:42:06 - Views: 3496
ปุ๋ยฉีดพ่น มะยงชิด ปุ๋ยทางใบ มะปรางหวาน
Update: 2564/05/05 10:29:46 - Views: 3795
ลองกอง ใบแห้ง ยอดแห้ง ผลเน่า ราดำ ราแป้ง กำจัดโรค เชื้อราต่างๆในลองกอง ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
Update: 2565/11/08 09:23:51 - Views: 3493
ราแป้ง ในดอกกุหลาบ โรคราต่างๆ ในต้นดอกกุหลาบ ป้องกันกำจัดด้วย ไอเอส และเร่งฟื้นฟู ด้วย FK-T
Update: 2567/04/20 10:58:45 - Views: 3713
รับมือ 5 โรคพืชที่พบบ่อย โรคราน้ำค้าง โรคราสนิมขาว โรคเน่าคอดิน โรคใบจุด และ โรคเหี่ยว
Update: 2563/11/04 10:37:42 - Views: 3582
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022