พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เพราะพลาดจุดเดียว!...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-12-04 09:27:06
🌐
1.4.249.242
พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เพราะพลาดจุดเดียว! วิธีเช็กแบบนักวิชาการ วิเคราะห์อาการ–สาเหตุ–แนวทางแก้ พร้อมอ้างอิงงานวิจัย
บทนำ: ปัญหาพืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เกิดบ่อยขึ้นเพราะอะไร?
เกษตรกรจำนวนมากพบปัญหา “ต้นเขียว แข็งแรง แต่ไม่ออกดอก” หรือ “ออกดอกแล้วร่วง ไม่ติดผล” มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งานวิจัยด้านสรีรวิทยาพืชยืนยันว่า สภาพอากาศผันผวน–ความเครียดสะสม–ดินเสื่อมคุณภาพ ล้วนส่งผลต่อกระบวนการสร้างตาดอกอย่างชัดเจน (Taiz & Zeiger, 2015; FAO, 2022)
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดที่มักถูกมองข้ามคือ ต้นขาดธาตุอาหารเฉพาะทางในช่วงสร้างตาดอก ซึ่งเป็น “จุดเดียว” ที่ทำให้พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล แม้ต้นจะดูสมบูรณ์ก็ตาม
1. จุดพลาดเดียวที่ทำให้พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล: ขาดธาตุอาหารเฉพาะทางในช่วงวิกฤต
✔ ฟอสฟอรัส (P) – กระตุ้นการแบ่งเซลล์และพัฒนาตาดอก
✔ โบรอน (B) – จำเป็นต่อการงอกของหลอดละอองเกสร
✔ แคลเซียม (Ca) – เสริมผนังเซลล์ ลดการหลุดร่วงของดอก
✔ สังกะสี (Zn) – สร้างฮอร์โมนออกซิน ช่วยให้ต้นเข้าสู่ระยะออกดอก
งานของ Marschner (2011) ระบุว่า “เพียงขาด Zn หรือ B เล็กน้อย ตาดอกอาจไม่ถูกสร้างเลย” ซึ่งเป็นเหตุผลที่ต้นดูสวยแต่ “เงียบ ไม่ทำดอก”
2. วิธีเช็กแบบนักวิชาการ: ต้นคุณกำลังขาดธาตุอาหารหรือไม่?
2.1 เช็กจากลักษณะใบ
* ใบอ่อนแคระ เล็กผิดปกติ → ขาดสังกะสี
* ยอดแตกช้า อั้นยอด → ขาดฟอสฟอรัส
* ใบบิดงอ ปลายไหม้ → ขาดแคลเซียม
* ดอกเล็ก–ร่วงง่าย → ขาดโบรอน
2.2 เช็กจากดอกร่วง–ไม่ติดผล
หากดอกมีแต่ไม่ติดผล ส่วนใหญ่เกิดจาก
* เกสรตัวผู้ไม่งอก เพราะ B ต่ำ
* เนื้อเยื่อรังไข่อ่อนแอ เพราะ Ca ต่ำ
2.3 เช็กจากสภาพดิน
* pH ต่ำกว่า 5.0 หรือสูงกว่า 7.0 → ธาตุอาหารสำคัญถูกล็อก
* ดินเค็ม (EC สูง) → รากเครียด สร้างตาดอกไม่ได้
* อินทรียวัตถุต่ำ → จุลินทรีย์ทำงานน้อย ดูดซึม P–Zn ได้ไม่ดี
3. ปัจจัยอื่นที่ทำให้พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล (ตามหลักวิจัย)
3.1 อุณหภูมิสูงเกิน 35°C
ละอองเกสรเสื่อมสภาพ–ไม่ผสมติด (IPGRI, 2020)
3.2 ใส่ไนโตรเจนมากเกินไป
ต้นจะเร่งใบ ทำให้ “ไม่ยอมสร้างดอก” (Mengel, 2001)
3.3 ความชื้นไม่เหมาะสม
* ชื้นมากเกิน → เชื้อราทำลายดอก
* แห้งเกิน → ดอกแห้ง–ร่วงก่อนบาน
3.4 แสงน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
ทำให้พืชไม่สะสมอาหารพอสำหรับสร้างดอก
4. วิธีแก้ปัญหาให้พืชติดดอก–ติดผลได้จริงตามงานวิจัย
4.1 เสริมธาตุอาหารเฉพาะทางช่วงก่อนออกดอก
งานของ Jones Jr. (2012) แนะนำให้
* ให้ แคลเซียม + โบรอน ก่อนออกดอก 15–20 วัน
* ให้ ฟอสฟอรัส + สังกะสี ช่วงสร้างตาดอก
* ให้ แมกนีเซียม เพื่อเพิ่มพลังสังเคราะห์แสง
4.2 ควบคุมไนโตรเจนให้พอดี
หยุดให้ N ช่วงก่อนทำดอก 20–30 วัน
เพราะ N มากทำให้ต้นเน้นใบมากกว่าดอก
4.3 จัดการน้ำและอากาศ
* รักษาความชื้นให้คงที่
* หลีกเลี่ยงดินแฉะ
* ระบายน้ำดีในฤดูฝน
* ลดสภาพเครียดในช่วงติดผล
4.4 กระตุ้นดอกด้วยเทคนิคสรีรวิทยา
(ขึ้นกับพืช เช่น มะม่วง ลำไย เงาะ)
* อดน้ำช่วงสั้น
* ควั่นกิ่งโดยผู้เชี่ยวชาญ
* ควบคุมแสง–อุณหภูมิ
4.5 ใช้ปุ๋ยน้ำธาตุรอง–เสริมแบบโมเลกุลเล็ก
ควรเลือกที่มี
* Ca-B สูง
* P-Zn เหมาะสำหรับการเร่งดอก
* ปลอดคลอรีน
* ดูดซึมไว เห็นผลเร็ว
5. ความจริงเชิงวิชาการที่เกษตรกรควรรู้
งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า ถ้าพืชได้รับธาตุอาหารเฉพาะทางครบถ้วนก่อนเข้าระยะออกดอก จะเพิ่มอัตราการติดดอก–ติดผลได้ 30–70% โดยเฉพาะกลุ่มไม้ผล เช่น มะม่วง ลำไย ทุเรียน ส้ม และองุ่น
สรุป
สาเหตุที่พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล หลายครั้งไม่ได้มาจากโรค–แมลงหรือดินไม่ดี แต่เกิดจาก **การพลาดจุดเดียวคือ “ขาดธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างตาดอก”** หากเกษตรกรตรวจดูตั้งแต่เนิ่น ๆ และจัดการธาตุอาหารให้ถูกต้อง พืชจะกลับมาติดดอก–ติดผลได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน
Reference
* FAO. (2022). Crop Physiology and Climate Interactions.
* IPGRI. (2020). Pollination Biology in Tropical Fruit Trees.
* Jones Jr., J.B. (2012). Plant Nutrition and Soil Fertility Manual.
* Marschner, P. (2011). Mineral Nutrition of Higher Plants.
* Mengel, K. (2001). Principles of Plant Nutrition.
* Taiz, L., & Zeiger, E. (2015). Plant Physiology.