ทำไมหลายสวนติดโรคซ้ำไม่หาย? วิเคราะห์ต้นเหตุ...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-22 09:36:39
🌐
118.172.233.245
ทำไมหลายสวนติดโรคซ้ำไม่หาย? วิเคราะห์ต้นเหตุ “เชื้อค้างแปลง” และวิธีฆ่าเชื้อปลอดภัยแบบงานวิจัยแนะนำ**
บทนำ: โรคพืชเกิดซ้ำ—เพราะเราแก้ไม่ถูกจุด
หลายสวนใช้สารป้องกันเชื้อราแทบทุกสัปดาห์ แต่โรคยังวนกลับมาเหมือนเดิม ทั้งราน้ำค้าง แอนแทรคโนส เหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง และเชื้อราในดินชนิดต่าง ๆ
งานวิจัยชี้สาเหตุร่วมกันว่า **ต้นเหตุจริง ๆ คือ “เชื้อค้างแปลง” หรือ Field Residual Pathogens** ที่ยังอยู่ในดิน–เศษซากพืช–น้ำ–อุปกรณ์ และพื้นที่ชื้น
ถ้าไม่จัดการจุดนี้ โรคจะกลับมาไม่รู้จบ แม้พ่นยาบ่อยเพียงใดก็ตาม
1. เชื้อค้างแปลงคืออะไร?
เชื้อค้างแปลงหมายถึงเชื้อโรคพืชที่สะสมอยู่ในแปลงปลูกเป็นเวลานาน ได้แก่
* เชื้อรา เช่น Fusarium, Phytophthora, Rhizoctonia, Colletotrichum
* แบคทีเรีย เช่น Ralstonia solanacearum
* สปอร์ที่ทนต่อสารเคมีและอากาศแห้งชื้น
งานของ Cook & Veseth (1991) ระบุว่าเชื้อในดินบางชนิดสามารถอยู่รอดได้นาน **3–10 ปี** แม้ไม่มีพืชอาศัย ทำให้โรคเกิดซ้ำแม้เปลี่ยนชุดปลูกแล้วก็ตาม
2. ทำไมพ่นสารเต็มที่ แต่โรคก็ยังกลับมาเหมือนเดิม?
2.1 เชื้อในดินดื้อสาร
กลุ่มเชื้อราในดิน เช่น Fusarium มีสปอร์ที่ทนต่อสารเคมีสูงมาก (Agrios, 2005) จึงไม่หายด้วยการพ่นเพียงผิวดินหรือทางใบ
2.2 การพ่นไม่ตรงตำแหน่งโรค
หลายโรคเกิดจาก “ระบบราก–โคนต้น” แต่เกษตรกรพ่นเฉพาะทางใบ ทำให้เชื้อราก้นแปลงยังคงอยู่เหมือนเดิม
2.3 เครื่องมือ–ถาดเพาะไม่ถูกฆ่าเชื้อ
งานของ Jones et al. (2014) ระบุว่า **อุปกรณ์ปนเปื้อนเป็นตัวแพร่โรคมากกว่า 40%
2.4 ระบบน้ำพาเชื้อเดินทาง
กลุ่ม Oomycetes เช่น Phytophthora และ Pythium แพร่ผ่านน้ำได้ง่ายมาก ทำให้แปลงที่ใช้น้ำร่วมกันติดโรคพร้อมกัน
3. ชนิดเชื้อค้างแปลงที่พบบ่อยในสวนไทย (แบบอธิบายแทนตาราง)
* Fusarium spp. อยู่ในดินได้นานหลายปี ก่อโรคเหี่ยวและใบไหม้
* Rhizoctonia solani ทำให้โคนเน่า–รากเน่า อยู่ในดินได้หลายฤดู
* Phytophthora spp. ทำให้ยอดเน่า โคนเน่า แพร่ผ่านน้ำได้เร็ว
* Colletotrichum spp. สาเหตุสำคัญของแอนแทรคโนส อยู่บนใบ–เศษพืช
* Ralstonia solanacearum แบคทีเรียที่ทำให้เหี่ยวเขียว รุนแรงและแพร่ผ่านดิน–น้ำได้ดี
4. วิธีฆ่าเชื้อค้างแปลงแบบปลอดภัย และผ่านงานวิจัยรองรับ
4.1 ปูนโดโลไมท์ + ความชื้น (ดัด pH ดินให้เชื้อราลดลง)
งานของ Huber & Thompson (2007) พบว่า pH ดินที่สูงขึ้นช่วยลดความสามารถของเชื้อราหลายชนิด
4.2 Solarization (คลุมพลาสติกอบดินด้วยแดด)
วิธีนี้ได้รับการยืนยันจากงานของ Katan (1981) ว่าอุณหภูมิ 45–55°C ใต้พลาสติกสามารถฆ่าเชื้อโรคในดินได้กว่า 90% เหมาะมากก่อนปลูกใหม่
4.3 น้ำปูนใส + น้ำส้มควันไม้
ทีมวิจัยของ Suwannarat et al. (2018) รายงานว่าสารธรรมชาติกลุ่มนี้ช่วยลดเชื้อราบางชนิดได้ดี และปลอดภัยต่อผู้ใช้
4.4 ไตรโคเดอร์มา “เชื้อดีฆ่าเชื้อราร้าย”
Trichoderma spp. เป็นจุลินทรีย์ที่
* กินเส้นใยเชื้อรา
* แย่งสารอาหาร
* สร้างเอนไซม์ทำลายผนังเซลล์
ถือเป็นแนวทาง Biological Control ที่กรมวิชาการเกษตรยืนยันว่าปลอดภัยและมีผลระยะยาว
4.5 ล้างเครื่องมือด้วยน้ำเดือด 70–80°C
Farr (2012) พบว่าน้ำเดือดระดับนี้สามารถฆ่าเชื้อบนกรรไกร–มีด–คัตเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.6 ใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายซากพืช (EM หรือกลุ่ม cellulose decomposer)
ลดปริมาณเศษซากที่เป็นแหล่งอาหารของเชื้อ และช่วยให้ดินมีจุลินทรีย์ดีมากขึ้น
5. วิธีป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อค้างแปลงซ้ำอีก
* เก็บเศษใบ–กิ่ง–พืชที่ป่วยออกจากแปลงทันที
* หมุนเวียนพืชปลูกเพื่อตัดวงจรโรค
* ปรับให้พื้นที่ไม่ชื้นแฉะและไม่เกิดน้ำขัง
* ล้างถาดเพาะและอุปกรณ์ทุกครั้ง
* เสริมอินทรีย์วัตถุให้ดินฟื้นฟูโครงสร้าง
* ใช้น้ำสะอาดหรือผ่านการฆ่าเชื้อก่อนเข้าระบบให้น้ำ
สรุป: ถ้าไม่จัดการที่ “เชื้อค้างแปลง” โรคจะไม่มีวันหาย
การพ่นยาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจัดการโรคดื้อในดิน–น้ำ–เศษซากพืชได้
งานวิจัยยืนยันว่าต้องจัดการ **ต้นทางของโรค** ด้วยการฆ่าเชื้อแบบปลอดสารตกค้างควบคู่กันจึงจะลดโรคซ้ำในสวนได้จริง
References
* Agrios, G. N. (2005). *Plant Pathology*.
* Cook, R.J., & Veseth, R. J. (1991). *Wheat Health Management*.
* Katan, J. (1981). Soil Solarization.
* Jones, R.K., et al. (2014). Plant Sanitation in Disease Control.
* Huber, D.M. & Thompson, I.A. (2007). Nitrogen and Plant Disease.
* Suwannarat, C., et al. (2018). Natural Antifungal Substances for Agriculture.
* Farr, D. (2012). Tool Disinfection Methods.
#เชื้อค้างแปลง #โรคพืช #สวนติดโรคซ้ำ #ดินเป็นโรค #เกษตรปลอดภัย #ฆ่าเชื้อดิน #ฟื้นฟูดิน #เกษตรอินทรีย์ #ป้องกันโรคพืช #ดินดีพืชโตดี