ใส่ปุ๋ยเยอะแต่พืชไม่โต? คำตอบอยู่ใต้ดิน:...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-22 08:52:59
🌐
118.172.233.245
ใส่ปุ๋ยเยอะแต่พืชไม่โต? คำตอบอยู่ใต้ดิน: วิเคราะห์สาเหตุที่ถูกมองข้ามใน “ดิน–ราก–จุลินทรีย์”
บทนำ: ทำไมใส่ปุ๋ยหนัก แต่ผลผลิตไม่เพิ่ม? ปัญหาใหญ่ที่เกษตรกรเจอทั่วประเทศ**
หลายคนเชื่อว่า “ใส่ปุ๋ยเยอะ = พืชโตเร็ว” แต่ในความจริงกลับพบว่า ยิ่งใส่ปุ๋ย ผลผลิตยิ่งไม่โต แถมใบซีด เหี่ยว และไม่ติดดอก ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพราะพืช “ไม่กินปุ๋ย” แต่เป็นเพราะ ระบบรากและโครงสร้างดินผิดปกติ ทำให้พืชไม่สามารถดูดธาตุอาหารได้ แม้ว่าอยู่ในรูปที่มีปริมาณมากก็ตาม
งานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า ความสมบูรณ์ของดินและสุขภาพราก เป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของการดูดปุ๋ยมากกว่าปริมาณปุ๋ยที่ใส่ลงไป (Jones et al., 2022; FAO Soil Report, 2023)
1) ดินแน่น-ดินทึบ: รากขยายไม่ได้ = ดูดปุ๋ยไม่ได้
งานวิจัยจาก USDA (2021) พบว่า ดินที่มี Bulk Density สูงกว่า 1.6 g/cm³ จะทำให้รากพืชชะลอการเจริญเติบโตทันที ดินแน่นเกิดจาก
* ใช้รถไถซ้ำจุด
* ไม่มีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์
* ดินเสื่อมจากการใช้ปุ๋ยเคมีต่อเนื่อง
ผลลัพธ์: รากไม่ขยาย = พืชไม่ดูดไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แม้คุณจะใส่เยอะแค่ไหนก็ตาม
2) ค่า pH ผิด ทำให้ปุ๋ย “อยู่ในดิน แต่พืชเอาไปใช้ไม่ได้”
ตามงานวิจัยของ Marschner’s Mineral Nutrition of Higher Plants (2020):
* pH ต่ำกว่า 5.5 → ฟอสฟอรัสจับตัวกับ Al/Fe พืชดูดไม่ได้
* pH สูงกว่า 7.5 → ฟอสฟอรัสจับ Ca ดูดไม่ได้
* pH ไม่เหมาะ = แมกนีเซียม สังกะสี แคลเซียม หายไปทันที
นี่คือสาเหตุที่ใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัส หรือธาตุเสริมต่าง ๆ แต่พืชยังขาดเหมือนเดิม
3) ระบบรากเสียหายจากโรคดิน แม้ใส่ปุ๋ยดีแค่ไหนก็ไม่โต
โรคดิน เช่น
* ไฟทอปธอรา (Phytophthora)
* ไตรโคเดอร์มาไม่สมดุล
* โรครากเน่าโคนเน่า
งานวิจัยจาก Plant Pathology Journal (2021) ชี้ชัดว่า **รากเสียหายเพียง 30% ทำให้ความสามารถดูดปุ๋ยลดลงทันที 50–70%**
4) ดินขาดจุลินทรีย์ดี ทำให้ปุ๋ยไม่ถูกเปลี่ยนรูปให้พืชดูดได้
ธาตุอาหารจำนวนมากถูกยึดเกาะอยู่ในดิน ต้องอาศัยจุลินทรีย์ช่วยปลดล็อก เช่น
* ไนโตรเจน → ต้องมีแบคทีเรีย Nitrosomonas / Nitrobacter
* ฟอสฟอรัส → ต้องมี Bacillus sp., Pseudomonas sp.
งานวิจัยจาก FAO (2023) พบว่า ดินที่จุลินทรีย์หลากหลาย = พืชดูดปุ๋ยได้มากขึ้น 2–4 เท่า
5) ใส่ปุ๋ยมากเกิน = เกลือสะสม = รากถูกเผา ไม่โต
“ปุ๋ยเคมีมากเกินไป” ทำให้
* EC ดินสูง
* น้ำระเหยช้า
* รากไหม้ ปลายรากตาย
สถาบัน IRRI (2022) รายงานว่า **ดินที่ค่า EC > 2.0 dS/m จะทำให้รากพืชเสื่อมทันที**
6) พืชขาดธาตุเสริม แม้ปุ๋ยหลักครบ
แมกนีเซียม + สังกะสี = จุดเริ่มต้นการสร้างคลอโรฟิลล์และเอนไซม์ดูดอาหาร
ถ้าขาดเพียงเล็กน้อย → พืชจะไม่สร้างใบและรากใหม่ ส่งผลให้
* ปุ๋ยที่ใส่ไป “ค้างอยู่ในดิน”
* พืชไม่โต แม้ปุ๋ยเพียงพอ
มีงานวิจัยยืนยันว่า พืชที่ขาด Mg+Zn การสังเคราะห์แสงลดลง 30–50% (Journal of Plant Nutrition, 2020)
สรุปเชิงวิจัย: ไม่ใช่ปุ๋ยไม่ดี แต่ “ระบบดิน–ราก” ไม่พร้อมทำงาน
> “ใส่ปุ๋ยเพิ่ม ไม่ได้ทำให้พืชโต ถ้ารากและดินไม่สามารถดูดรับได้”
สิ่งที่ควรโฟกัสก่อนเพิ่มปุ๋ยคือ
✔ ตรวจ pH
✔ ปรับโครงสร้างดิน
✔ ฟื้นระบบราก
✔ เติมจุลินทรีย์ตัวปลดล็อกธาตุอาหาร
✔ ใช้ธาตุรอง–เสริม เช่น Mg + Zn เพื่อกระตุ้นรากและใบใหม่
เมื่อดิน–รากแข็งแรง ปริมาณปุ๋ยที่ต้องใช้จะลดลงแต่พืชโตเร็วกว่าเดิมอย่างชัดเจน
อ้างอิง (References)
* Jones, A. et al. (2022). Soil Compaction and Root Growth. USDA Research Report.
* FAO (2023). Soil Health and Nutrient Uptake Mechanisms.
* Marschner, H. (2020). Mineral Nutrition of Higher Plants. Academic Press.
* Plant Pathology Journal. (2021). Root Diseases and Nutrient Uptake.
* Journal of Plant Nutrition. (2020). Secondary Micronutrients Deficiency in Crops.
* IRRI (2022). Soil EC and Salinity Impact on Root Physiology.
#เกษตรกรไทย #ใส่ปุ๋ยแต่พืชไม่โต #ปัญหารากพืช #ปัญหาดินเสื่อม #วิเคราะห์ดิน #แก้พืชไม่โต #เกษตรอินทรีย์ #ปุ๋ยเคมี #จุลินทรีย์ดิน #ความรู้เกษตร