ธาตุอาหารรอง–เสริม ทำไมสำคัญกว่าที่คิด?...

ธาตุอาหารรอง–เสริม ทำไมสำคัญกว่าที่คิด? พืชขาดแมกนีเซียม–โบรอนต้องดู! | วิเคราะห์อาการ–สาเหตุ–งานวิจัยรองรับ + วิธีแก้แบบนักวิชาการ

บทนำ: ทำไม “ธาตุอาหารรอง–เสริม” ถึงสำคัญกว่าที่เคยคิด?

โดยปกติ เกษตรกรจะให้ความสำคัญกับ “ธาตุหลัก” อย่าง ไนโตรเจน–ฟอสฟอรัส–โพแทสเซียม (N–P–K) เป็นหลัก
แต่ งานวิจัยด้านสรีรวิทยาพืชช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า ความผิดปกติที่ทำให้

* พืชไม่ติดดอก
* ไม่ติดผล
* ใบเหลืองผิดรูป
* ปลายยอดตาย
* ผลลีบ–ผลร่วงก่อนกำหนด

กว่า 40–60% สัมพันธ์กับการขาดธาตุอาหารรอง–เสริม เช่น แมกนีเซียม (Mg) และ โบรอน (B) มากกว่าธาตุหลักเสียด้วยซ้ำ
(Marschner’s Mineral Nutrition of Higher Plants, 2012; FAO Soil Bulletin)

เพราะธาตุรองมีบทบาท “เฉพาะทาง” ที่ธาตุหลักทดแทนไม่ได้เลย
และเป็นระบบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “กระบวนการสร้างผลผลิต”

1. แมกนีเซียม (Mg): หัวใจของการสังเคราะห์แสง พืชขาดเมื่อไร ผลผลิตร่วงทันที

✔ บทบาทสำคัญ

งานวิจัยจาก University of Florida (UF/IFAS) ระบุว่า แมกนีเซียมเป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์กว่า 15–20%
และเกี่ยวข้องกับ

* การเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรต
* การสร้างน้ำตาลให้ผลไม้
* ความหวาน–น้ำหนักผล
* ระบบเอนไซม์กว่า 300 ชนิด

✔ อาการพืชขาดแมกนีเซียม

พืชเศรษฐกิจ—เช่น มะม่วง, ทุเรียน, ส้ม—แสดงอาการเด่นชัดคือ

* ใบเหลืองระหว่างเส้นใบ (Interveinal chlorosis)
* ใบล่างเหลืองก่อน
* ขั้วผลไม่แข็งแรง ผลร่วงง่าย
* ผลขนาดเล็ก เนื้อไม่แน่น

✔ สาเหตุหลักที่พบบ่อย

1. ดินกรด (pH < 5.5) ทำให้ Mg ถูกชะล้าง
2. ใส่โพแทสเซียม (K) สูงเกิน → **แย่งการดูด Mg**
3. ดินทราย ดินร่วนปนทรายที่ยึดธาตุได้น้อย

✔ แนวทางแก้ไขแบบนักวิชาการ

* ใส่ แมกนีเซียมซัลเฟต หรือ ปุ๋ยน้ำ Mg เข้มข้น ผ่านทางใบ
* ปรับ pH ดินด้วย โดโลไมท์
* ลดปุ๋ยโพแทสเซียมในช่วงใบอ่อน/แตกยอด

งานวิจัยแนะนำให้รักษาระดับ Mg ในใบให้ ≥ **0.3–0.5% dry weight

2. โบรอน (B): ธาตุเสริมที่คุม “ระบบสืบพันธุ์” ของพืช—ตัวจริงเรื่องดอก–ผล

✔ บทบาทสำคัญ

งานวิจัยของ International Plant Nutrition Institute (IPNI) พบว่าโบรอนมีบทบาทสำคัญกับ

* การงอกของละอองเรณู
* การยืดท่อเรณู (pollen tube) สำหรับผสมเกสร
* การสร้างผนังเซลล์
* ความแข็งแรงของผล
* การยึดผล (fruit set)

✔ อาการพืชขาดโบรอน

* ยอดหงิก–ปลายยอดตาย
* ดอกร่วง ไม่ผสม
* ผลร่วงก่อนกำหนด
* ผิวผลแตก หรือเป็นจุดคอร์ก (Cork spot)
* รากแตกสั้น ไม่แตกแขนง

✔ สาเหตุหลัก

1. ดินทรายที่มีค่า OM ต่ำ
2. pH ดินสูงเกิน 7.0
3. ฝนหนัก ทำให้ B ถูกชะล้างง่าย
4. การปลูกพืชใช้โบรอนสูง เช่น พืชผลไม้

✔ แนวทางแก้ไขที่ใช้ได้จริง

* พ่นทางใบด้วย โบรอนคีเลต (B–chelate) ดูดซึมเร็วกว่า
* เติม B อัตราต่ำแต่สม่ำเสมอ เพราะเป็นธาตุที่ “เกินง่าย–เป็นพิษง่าย”
* ควรตรวจวิเคราะห์ดิน/ใบปีละ 1–2 ครั้ง

ระดับ B ในใบพืชผลไม้ควรอยู่ที่ **20–60 ppm** เป็นต้นไป

3. ทำไม Mg + B คือคู่ที่ “ขาดพร้อมกันบ่อยที่สุด”? (ข้อมูลงานวิจัย)

หลายงานวิจัยยืนยันว่า

* เมื่อพืชขาด Mg → ใบไม่สมบูรณ์ → การสังเคราะห์แสงลดลง → การผสมติดผลลด
* เมื่อขาด B → กระบวนการสืบพันธุ์เสียหาย → ดอกไม่ติด → ผลไม่โต

*ผลลัพธ์คือผลผลิตลดลง 20–50%
*(Journal of Plant Nutrition, 2019)

และทั้งสองธาตุมีลักษณะ ถูกชะล้างง่าย, ถูก K แย่งการดูด, พืชใช้ตลอดฤดู
ทำให้พบการขาดร่วมกันสูงในพื้นที่

* ทุเรียน
* ส้ม
* มะม่วง
* ลำไย
* พืชผักใบ
* อ้อย
* มันสำปะหลัง

4. วิธีการเสริม “ธาตุอาหารรอง–เสริม” ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด (ตามงานวิจัยด้านปุ๋ย)

✓ พ่นทางใบ (Foliar spray)

ให้ผลเร็ว เหมาะสำหรับแก้อาการเฉียบพลัน

* Mg และ B ดูดซึมเร็วกว่าเมื่ออยู่ในรูปคีเลต
* ไม่ถูกตรึงในดินเหมือนการหว่าน

✓ ให้ร่วมกับแคลเซียม–สังกะสี

ช่วยควบคุมโครงสร้างเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงของผล และลดการร่วงของผลอ่อน

✓ ปรับ pH ดินให้เหมาะสม (5.5–6.5)

เป็นช่วงที่ Mg และ B ดูดซึมดีที่สุด

✓ ใส่ออร์แกนิกแมตเตอร์เพิ่ม

ช่วยจับธาตุอาหาร ไม่ให้ถูกน้ำฝนชะล้าง

5. สรุป: ธาตุอาหารรอง–เสริมคือ “ตัวคุมผลผลิต” จริง ไม่ใช่แค่ตัวประกอบ
การเติมธาตุรอง เช่น “แมกนีเซียม + โบรอน” แบบพอเหมาะ
ช่วยเพิ่มอัตราติดผล ความหวาน น้ำหนักผล และลดการร่วงก่อนกำหนดอย่างชัดเจน
พิสูจน์แล้วจากงานวิจัยหลายฉบับทั้งในไทยและต่างประเทศ

Reference

* Marschner H. (2012). *Mineral Nutrition of Higher Plants.*
* International Plant Nutrition Institute (IPNI). Boron in Plant Growth.
* FAO Soil Bulletin. Secondary & Micronutrients for Agriculture.
* UF/IFAS Extension. Magnesium Deficiency in Fruit Crops.
* Journal of Plant Nutrition (2019). Interactions of Mg and B in Fruit Crops.
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 347397