โรคเหี่ยว–รากเน่าในพืชผัก:...

โรคเหี่ยว–รากเน่าในพืชผัก: วิธีป้องกันที่ได้ผลจริงจากงานทดลองล่าสุด

คำนำ

โรคเหี่ยว–รากเน่า เป็นหนึ่งในโรคพืชที่ทำให้เกษตรกรไทยสูญเสียผลผลิตสูงสุดทุกปี โดยเฉพาะในพืชผักเศรษฐกิจ เช่น แตงกวา ผักกาด มะเขือ พริก และถั่วฝักยาว งานวิจัยล่าสุดในปี 2023–2024 พบว่าสาเหตุหลักมาจากเชื้อราในดินและเชื้อแบคทีเรียดินที่สามารถระบาดได้เร็วในสภาวะชื้นแฉะ หากไม่จัดการตั้งแต่ต้น พืชจะเหี่ยวเฉาและตายยกแปลงภายในไม่กี่วัน บทความนี้สรุป วิธีป้องกันแบบได้ผลจริงที่ผ่านการทดลองในแปลงเกษตร เพื่อช่วยให้เกษตรกรวางแผนป้องกันได้อย่างแม่นยำ

1. สาเหตุหลักของโรคเหี่ยว–รากเน่าในพืชผัก (Research Finding)

1.1 เชื้อราในดิน (Soil-borne Fungi)

กลุ่มเชื้อที่พบมากที่สุด ได้แก่

* *Fusarium oxysporum*
* *Pythium spp.*
* *Phytophthora capsici*

เชื้อเหล่านี้ทำให้โคนต้นเน่า รากเน่า ขัดขวางการลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร ทำให้พืชเหี่ยวเฉาในที่สุด

1.2 แบคทีเรียสาเหตุโรคเหี่ยว (Bacterial Wilt)

โดยเฉพาะ Ralstonia solanacearum พบมากในมะเขือ มะเขือเทศ พริก แตงโม
แบคทีเรียจะอุดตันท่อน้ำ ทำให้พืชเหี่ยวในขณะที่ใบยังเขียวอยู่

1.3 สภาพแวดล้อมที่ทำให้โรคพุ่งแรง

งานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรพบว่า ปัจจัยเร่งโรคคือ

* ดินชื้นแฉะ น้ำขัง
* อุณหภูมิสูง 28–34°C
* การปลูกซ้ำที่เดิม
* พืชเครียดขาดธาตุอาหาร → รากอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย

2. อาการสำคัญที่ต้องสังเกต

* ใบเหี่ยวตอนกลางวัน แต่ฟื้นตอนเย็น (สัญญาณเริ่มต้น)
* โคนต้นมีสีน้ำตาล–ดำ
* รากกลวง เปื่อย ยุ่ย
* ผ่าลำต้นจะพบเส้นใยสีขาวหรือท่อน้ำเป็นสีน้ำตาล
* รอยแผลเปียก หรือมีกลิ่นเน่า (ในกรณีแบคทีเรีย)

3. ผลการทดลองล่าสุด: วิธีป้องกันที่ได้ผลจริง

3.1 การใส่จุลินทรีย์ตัวควบคุมโรค (Biocontrol Agents)

งานทดลอง 2023–2024 จาก ม.เกษตรศาสตร์ พบว่า
การใช้ ไตรโคเดอร์มา (Trichoderma harzianum) คลุกดินก่อนปลูก ลดการเกิดโรครากเน่าได้เฉลี่ย 52–78%
กลไกคือ

* แข่งขันกินอาหารกับเชื้อสาเหตุโรค
* ทำลายเส้นใยของเชื้อรา
* กระตุ้นให้พืชสร้างรากแข็งแรง

อัตราที่ได้ผล: 50–100 กรัม/ต้น หรือ 1 กก./ไร่ คลุกปุ๋ยคอกก่อนปลูก

3.2 ปรับสภาพดินให้โปร่ง ลดความชื้นเกิน

งานวิจัยกรมวิชาการเกษตรยืนยันว่า
การทำดินให้ระบายน้ำดี เช่น

* ใส่ปุ๋ยคอกสลายตัวดี
* ใส่แกลบดิบ/แกลบดำ
* ยกร่องให้สูง

สามารถลดความเสี่ยงโรคเหี่ยว–รากเน่าได้ถึง 40–65%

3.3 ใช้สารอินทรีย์ควบคุมเชื้อราในดิน

งานทดลองภาคสนามพบว่าสารอินทรีย์ควบคุมเชื้อ เช่น

* สารสกัดเมล็ดสะเดา
* ชีวภัณฑ์บาซิลลัส (Bacillus subtilis)
ลดความรุนแรงของโรคได้ 30–55%

3.4 การหมุนเวียนพืช (Crop Rotation)

การสลับปลูกพืชที่ไม่ใช่พืชอาศัยของเชื้อ เช่น
จากมะเขือ – แตงกวา → ปลูกข้าวโพด–ถั่ว
ลดปริมาณเชื้อในดินได้สูงถึง 70% ภายใน 2–3 ฤดูกาล

3.5 การรดน้ำแบบควบคุม

งานวิเคราะห์สรุปว่าการรดน้ำมากเกิน 30% จากความต้องการพืช
เพิ่มความเสี่ยงโรคขึ้น 2–4 เท่า
คำแนะนำ:

* รดน้ำเช้าเท่านั้น
* ใช้สปริงเกิล/น้ำหยดแทนสายยาง
* อย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้น

4. วิธีป้องกันที่แนะนำให้ทำ "พร้อมกัน" เพื่อผลลัพธ์ดีที่สุด

✔ คลุกไตรโคเดอร์มากับดินก่อนปลูก

✔ ยกร่อง + ปรับดินให้โปร่ง

✔ ใช้สารชีวภัณฑ์ทุก 7–10 วัน

✔ งดรดน้ำเยอะช่วงฝนชุก

✔ หมุนเวียนพืชอย่างน้อย 2 ฤดู

ตามผลทดลองพบว่า **การทำครบทั้งชุด ลดโรคได้มากกว่า 85%** และเพิ่มผลผลิตเฉลี่ย **18–32%**

ข้อสรุปเชิงวิชาการ

โรคเหี่ยว–รากเน่าเป็นโรคสำคัญที่เกิดจากเชื้อในดินหลายชนิด การป้องกันต้องทำแบบ “ผสมผสาน” ระหว่างชีวภัณฑ์ การจัดการดิน น้ำ และการปลูกพืชแบบหมุนเวียน ไม่สามารถใช้เพียงวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว งานวิจัยล่าสุดยืนยันว่าการจัดการดินและใช้จุลินทรีย์ควบคุมโรคคือวิธีที่ได้ผลที่สุดในระยะยาว พร้อมช่วยให้ดินฟื้นตัวและลดค่าใช้จ่ายลง 20–30%

Reference (แหล่งวิชาการ)

* Department of Agriculture, Thailand. (2023). *Soil-borne Diseases in Vegetable Crops*.
* Kasetsart University, Faculty of Agriculture. (2024). *Biocontrol Agents Against Fusarium and Pythium in Vegetable Production Systems*.
* FAO (2022). *Integrated Disease Management in Smallholder Vegetable Farms*.
* Journal of Plant Protection (2023). *Effectiveness of Trichoderma in Suppression of Root Rot Pathogens*.

#โรคเหี่ยว #รากเน่า #โรคพืชผัก #วิธีป้องกันโรคพืช #ไตรโคเดอร์มา #เกษตรอินทรีย์ #เกษตรกรไทย #จัดการดิน #โรคในพืชผัก #ความรู้เกษตร
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 347415