มันสำปะหลังระยะขยายหัว:...
👤
โดย: ผู้ดูแล
📅
2025-09-11 07:34:16
🌐
118.172.198.191
มันสำปะหลังระยะขยายหัว: การจัดการธาตุอาหารและปัจจัยแวดล้อมเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพแป้ง
บทคัดย่อ
มันสำปะหลัง (*Manihot esculenta Crantz*) เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ช่วงเดือนกันยายน–พฤศจิกายน มันสำปะหลังส่วนใหญ่เข้าสู่ระยะขยายหัว ซึ่งเป็นระยะที่มีการสะสมคาร์โบไฮเดรตและแป้งในรากอย่างเข้มข้น การจัดการธาตุอาหารหลัก–รอง และการดูแลน้ำที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญต่อปริมาณผลผลิตและคุณภาพแป้ง บทความนี้นำเสนอผลการวิจัยและข้อแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับเกษตรกรไทย
---
1. บทนำ
มันสำปะหลังเป็นพืชทนแล้ง สามารถปลูกได้ในดินหลายชนิด แต่ผลผลิตและคุณภาพแป้งขึ้นอยู่กับการจัดการที่เหมาะสม โดยเฉพาะช่วงขยายหัว (หลังปลูกประมาณ 4–8 เดือน) ซึ่งเป็นช่วงที่รากมันสำปะหลังเปลี่ยนจากการสะสมสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโต ไปสู่การสะสมแป้งเพื่อการเก็บเกี่ยว (El-Sharkawy, 2004).
---
2. สรีรวิทยาการขยายหัว
* ระยะการขยายหัว เริ่มตั้งแต่ 4 เดือนหลังปลูก และชัดเจนที่สุดที่ 6–9 เดือน
* กระบวนการสะสมแป้ง เกิดจากการสังเคราะห์แสงของใบ → ลำเลียงซูโครส → สะสมเป็นแป้งในราก
* ปัจจัยจำกัด ได้แก่ ความชื้นในดินต่ำ ขาดธาตุอาหารโพแทสเซียม และการระบาดของโรคแมลง
---
3. การจัดการธาตุอาหาร
3.1 ธาตุหลัก
* ไนโตรเจน ( N ): ช่วยการเจริญทางลำต้นและใบ แต่หากมากเกินไปจะทำให้การสะสมแป้งในหัวลดลง (Howeler, 2002)
* ฟอสฟอรัส (P): ส่งเสริมการพัฒนารากและกระตุ้นการสร้างหัว
* โพแทสเซียม (K): มีความสำคัญที่สุดในระยะขยายหัว เพราะช่วยลำเลียงคาร์โบไฮเดรตและเพิ่มปริมาณแป้ง (Sangakkara et al., 2010)
3.2 ธาตุรอง–จุลธาตุ
* แมกนีเซียม (Mg): มีบทบาทต่อการสังเคราะห์แสงและการสร้างคลอโรฟิลล์
* โบรอน (B): จำเป็นต่อการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และช่วยลดอาการหัวกลวง
* สังกะสี (Zn): ช่วยในกระบวนการสร้างเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสะสมคาร์โบไฮเดรต
3.3 ปุ๋ยทางใบ FK-1 ฉีดพ่นเพื่อให้ธาตุอาหาร N-P-K Mg Zn
---
4. การจัดการน้ำ
แม้มันสำปะหลังทนแล้งได้ แต่การให้น้ำเสริมในช่วงวิกฤติ (6–8 เดือนหลังปลูก) สามารถเพิ่มผลผลิตหัวได้ 15–30% (CIAT, 2016) โดยเฉพาะในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำสูง
---
5. การจัดการโรคและแมลง
* โรคใบด่างมันสำปะหลัง (CMD): มีผลต่อการสังเคราะห์แสงโดยตรง ทำให้การสะสมแป้งลดลง โรคใบด่าง ยังไม่มียารักษาโดยตรง
* เพลี้ยแป้งสีชมพู (Phenacoccus manihoti): ดูดกินน้ำเลี้ยง ใบเหลือง หัวไม่ขยาย
แนวทางป้องกันคือการใช้พันธุ์ต้านทาน (เช่น ห้วยบง 80, ระยอง 11) และการใช้ชีวภัณฑ์ (Anagyrus lopezi) หรือ สารอัลคาลอยด์ มาคา ควบคุมเพลี้ย
---
6. แนวทางเชิงปฏิบัติสำหรับเกษตรกร
1. ใส่ปุ๋ย สูตร 15-7-18 หรือ 13-13-21 หรือปุ๋ยทางใบ FK-1 ในช่วง 4–5 เดือนหลังปลูก เพื่อส่งเสริมการขยายหัว
2. เสริม โพแทสเซียมคลอไรด์ (KCl) 5–10 กก./ไร่ หรือ ฉีดพ่น ปุ๋ยทางใบ FK-3C ในระยะ 6–7 เดือน
3. พ่น โบรอน + สังกะสี ทางใบเพื่อป้องกันหัวกลวงและเพิ่มคุณภาพแป้ง
4. หากมีฝนทิ้งช่วง ควรให้น้ำเสริม หรือฉีดพ่น ฮิวมิค FK อย่างน้อย 1–2 ครั้งในช่วง 6–8 เดือนหลังปลูก
5. คัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม เช่น ห้วยบง 60, ระยอง 72 ซึ่งให้ผลผลิตและเปอร์เซ็นต์แป้งสูง
---
7. สรุป
การเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังในระยะขยายหัวต้องอาศัยการจัดการธาตุอาหาร โดยเฉพาะโพแทสเซียมและโบรอน ร่วมกับการให้น้ำเสริมและการควบคุมศัตรูพืชอย่างบูรณาการ การผสมผสานองค์ความรู้วิจัยเข้ากับการปฏิบัติในไร่ จะช่วยเพิ่มทั้งปริมาณและคุณภาพแป้งได้อย่างยั่งยืน
---
# เอกสารอ้างอิง
* CIAT. (2016). *Cassava agronomy and physiology*. International Center for Tropical Agriculture.
* El-Sharkawy, M. A. (2004). Cassava biology and physiology. *Plant Molecular Biology*, 56, 481–501.
* Howeler, R. H. (2002). Cassava mineral nutrition and fertilization. *Cassava: Biology, Production and Utilization*. CABI Publishing.
* Sangakkara, U. R., Frehner, M., & Nösberger, J. (2010). Influence of soil moisture and fertilizer potassium on root and shoot development of cassava (*Manihot esculenta*). *Experimental Agriculture*, 46(3), 417–429.
---
#มันสำปะหลัง #ขยายหัวมันสำปะหลัง #การจัดการธาตุอาหาร #โพแทสเซียมโบรอน #เปอร์เซ็นต์แป้งสูง #มันสำปะหลังคุณภาพ #เกษตรวิชาการ #ฟาร์มเกษตร #เกษตรกรไทย #มันสำปะหลังยั่งยืน