บทบาทของธาตุอาหาร...

บทบาทของธาตุอาหาร ต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพผลผลิตกล้วยหอม

กล้วยหอม (Musa acuminata) เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย มีการปลูกทั้งเพื่อบริโภคภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง คุณภาพของผลกล้วยหอม เช่น ขนาด สี กลิ่น และความหวาน ล้วนขึ้นอยู่กับ “สมดุลธาตุอาหารในดินและใบ” ซึ่งธาตุหลัก N P K และธาตุรองอย่าง Mg และ Zn มีบทบาทอย่างมากต่อการสร้างผลผลิตทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ

ไนโตรเจน (N)
เป็นธาตุหลักที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างใบและลำต้นของกล้วยในช่วงเริ่มต้นของการเจริญเติบโต ช่วยให้ต้นมีกำลัง แตกหน่อได้ดี และสามารถสร้างใบเขียวเข้มซึ่งเป็นแหล่งสังเคราะห์อาหาร เมื่อกล้วยได้รับไนโตรเจนเพียงพอ จะมีการสะสมคาร์โบไฮเดรตสูงในเหง้า ทำให้มีพลังงานเพียงพอสำหรับการแทงปลีและพัฒนาเครือในระยะต่อไป แต่หากขาดไนโตรเจน ใบจะเหลืองซีด โตช้า และจำนวนผลต่อหวีลดลง

ฟอสฟอรัส (P)
มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างพลังงาน (ATP) และการพัฒนาระบบรากของกล้วย ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักในการดูดธาตุอาหารและน้ำ การให้ฟอสฟอรัสในระยะต้นกล้วยถึงก่อนแทงปลี จะช่วยให้ระบบรากแข็งแรง ดูดอาหารได้ดี และเพิ่มจำนวนรากฝอย แต่หากขาดฟอสฟอรัส กล้วยจะอ่อนแอ แทงปลีล่าช้า และผลมีขนาดเล็กกว่าปกติ

โพแทสเซียม (K)
เป็นธาตุที่กล้วยต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะในระยะออกปลีจนถึงระยะผลเริ่มขยาย โพแทสเซียมช่วยควบคุมการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรตไปยังผล ช่วยให้ผลกล้วยมีขนาดใหญ่ เปลือกหนา และเนื้อแน่น นอกจากนี้ยังมีผลต่อความหวาน กลิ่นหอม และความทนทานต่อการขนส่งอีกด้วย กล้วยที่ขาดโพแทสเซียมมักมีผลเล็ก สีซีด และเนื้อไม่แน่น

แมกนีเซียม (Mg)
เป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ในใบ มีหน้าที่ส่งเสริมการสังเคราะห์แสงและการสร้างคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นพลังงานสำคัญในการขยายผลและเพิ่มคุณภาพผลผลิต แมกนีเซียมยังช่วยรักษาสมดุลระหว่างไนโตรเจนและโพแทสเซียมในเนื้อเยื่อพืช กล้วยที่ขาดแมกนีเซียมจะมีใบเหลืองบริเวณขอบก่อน จากนั้นจึงแผ่เข้ากลางใบ ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพด้อยลง

สังกะสี (Zn)
เป็นธาตุจุลธาตุที่จำเป็นต่อการสร้างเอนไซม์และฮอร์โมนการเจริญเติบโต โดยเฉพาะอินโดลอะซิติกแอซิด (IAA) ที่ช่วยยืดยอดและขยายผล กล้วยที่ได้รับสังกะสีเพียงพอจะมีการแทงปลีสม่ำเสมอ ผลเรียงตัวสวย แต่หากขาดสังกะสีจะพบอาการใบอ่อนเล็กผิดปกติ ใบหงิกงอ และผลพัฒนาไม่เต็มที่

การจัดการธาตุอาหาร N P K Mg Zn ที่สมดุล จึงเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกกล้วยหอมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรใส่ปุ๋ยตามระยะการเจริญเติบโต เช่น

* ระยะต้นถึงก่อนออกปลี: เน้นไนโตรเจนและฟอสฟอรัส เพื่อสร้างใบและราก
* ระยะขยายผล: เพิ่มโพแทสเซียมและแมกนีเซียม เพื่อผลโต เนื้อแน่น
* ระยะผลใกล้สุก: ควบคุมอัตราไนโตรเจนไม่ให้มากเกิน เพื่อไม่ให้ผลแตกและสีเปลือกซีด

ในทางปฏิบัติ เกษตรกรจำนวนมากพบว่าการใช้ปุ๋ยทางใบที่มีธาตุ N P K Mg Zn ครบถ้วนในช่วงตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึง 4-5 เดือนแรก เช่น FK-1 ช่วยให้กล้วยตั้งต้นดี ใบสมบูรณ์ และออกปลีเร็วขึ้น ส่วนในช่วงเดือนที่ 6 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นระยะขยายผล การเสริมปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น FK-3 จะช่วยเพิ่มขนาดและคุณภาพของผลได้อย่างเห็นผล

---

เอกสารอ้างอิง

* ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร. (2563). *การจัดการธาตุอาหารกล้วยหอมทองเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลผลิต*. กรมวิชาการเกษตร.
* Turner, D. W., & Barkus, B. (1983). *Effect of nitrogen and potassium on growth, yield and fruit quality of bananas.* Scientia Horticulturae, 20(1), 57–67.
* Lahav, E., & Turner, D. W. (1989). *The Banana: Botany, Production and Uses.* CAB International.
* สมจิตร จันทร์คง. (2564). *ธาตุอาหารพืชและการใช้ปุ๋ยในกล้วยเศรษฐกิจ*. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
* Taulya, G. (2015). *Nutrient requirements and management of East African Highland bananas (Musa spp. AAA-EA) cv. Kisansa in Uganda.* African Journal of Plant Science, 9(10), 405–415.

---

#กล้วยหอม #ธาตุอาหารพืช #NPKMgZn #ฟาร์มเกษตร #กล้วยหอมทอง #ปุ๋ยพ่นทางใบ #FK1 #FK3S #เกษตรวิชาการ #ผลผลิตคุณภาพ
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 228464