เตือนด่วน! หน้าหนาวปีนี้เสี่ยง “ราน้ำค้าง” ระบาดหนัก —...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-21 08:49:34
🌐
1.2.226.212
เตือนด่วน! หน้าหนาวปีนี้เสี่ยง “ราน้ำค้าง” ระบาดหนัก — วิเคราะห์งานวิจัย + วิธีรับมือที่เกษตรกรต้องรู้ก่อนสายเกินไป
บทนำ
เข้าสู่หน้าหนาวปีนี้ อุณหภูมิกลางคืนลดลงอย่างรวดเร็ว ผสานกับความชื้นสะสมจากหมอกในช่วงเช้า ทำให้หลายพื้นที่ของไทยเข้าสู่ สภาวะเสี่ยงต่อการระบาดของ “ราน้ำค้าง” สูงกว่าทุกปี จากรายงานของหลายหน่วยงานพบว่าราน้ำค้างสามารถแพร่กระจายได้เร็วมาก โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจ เช่น แตงกวา พริก มะเขือเทศ หอม ผักกาด และไม้ผลหลายชนิด
ทำไม “หน้าหนาว” จึงเป็นฤดูกาลระบาดหนักของราน้ำค้าง? (ตามงานวิจัย)
งานวิจัยของ Oerke (2006) พบว่าเชื้อรากลุ่ม Oomycetes เช่น Peronospora และ Pseudoperonospora เจริญเติบโตได้ดีที่
* อุณหภูมิ 10–20°C
* ความชื้นสัมพัทธ์ > 85%
* มี หมอกหรือหยดน้ำบนใบ
สภาพนี้ตรงกับฤดูหนาวในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เลย ขอนแก่น และเพชรบุรี
สรุปความเสี่ยงฤดูหนาว 2025
✔ ความชื้นสูงตอนเช้า
✔ หมอกจัดหลายพื้นที่
✔ ใบพืชแฉะมากกว่า 6 ชั่วโมง/วัน
✔ อุณหภูมิลดต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้เป็น “เงื่อนไขสมบูรณ์แบบ” ที่กระตุ้นการงอกของสปอร์ราน้ำค้าง และเพิ่มการระบาดแบบก้าวกระโดด
พืชใดเสี่ยงได้รับผลกระทบหนักที่สุด?
จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร พืชกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่
* ผักกินใบ: ผักกาด กะหล่ำ คะน้า
* Cucurbitaceae: แตงกวา แตงโม บวบ ฟักทอง
* Solanaceae: พริก มะเขือเทศ มะเขือ
* หอม-กระเทียม
* องุ่นและไม้ผลเขตร้อนบางชนิด
โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกแบบโรงเรือนที่มีความชื้นสูงตลอดวัน
สัญญาณเตือนราน้ำค้างที่เกษตรกรต้องรู้
✔ ใบมีจุดเหลืองซีด
✔ ด้านใต้ใบมีคราบสีขาวคล้ายปุย
✔ ใบแห้งกรอบจากขอบใบเข้ากลาง
✔ การเจริญเติบโตลดลงแบบรวดเร็ว
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
งานวิจัยของ Savary et al. (2019) พบว่าโรคใบที่เกิดจาก Oomycetes ทำให้ผลผลิตลดได้สูงสุดถึง 50–85% หากไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม
วิเคราะห์เชิงลึก: กลไกการแพร่ระบาดของราน้ำค้าง
เชื้อราน้ำค้างแพร่โดย
* สปอร์ลอยลม
* น้ำค้างเช้า
* น้ำฝนสาด
* การระบาดในแปลงข้างเคียง
หากใบพืชมีหยดน้ำเกาะนานกว่า 4–8 ชั่วโมง สปอร์จะงอกได้ทันทีตามรายงานของ Cohen & Rubin (2012)
กลยุทธ์ป้องกันราน้ำค้างแบบวิจัยรองรับ (Research-Based Management)
ควบคุมสภาพแวดล้อม
* ระบายอากาศให้ดี ลดความชื้นในโรงเรือน
* เว้นระยะปลูกให้ลมพัดผ่าน
* หลีกเลี่ยงการให้น้ำช่วงเย็น
* ใช้ระบบน้ำหยดเพื่อลดหยดน้ำบนใบ
ปรับสูตรปุ๋ยให้เหมาะสม
งานวิจัยชี้ว่า
* พืชที่ได้รับ P, Mg, Zn เพียงพอ จะมีผนังเซลล์แข็งแรง ลดการเข้าทำลายของเชื้อรา
(Ahmed & Mosa, 2014)
ใช้สารชีวภัณฑ์ที่มีงานวิจัยรองรับ
* *Bacillus subtilis*
* *Trichoderma harzianum*
* สารสกัดพืช เช่น น้ำมันสะเดา
การใช้สารป้องกันกำจัดโรคอย่างถูกต้อง
ใช้อย่างหมุนเวียนเพื่อลดการดื้อยา เช่น
* กลุ่มฟีโนมิค (Metalaxyl-M)
* กลุ่มอะมิโนอะซิด (Cymoxanil)
* กลุ่มสโตรบิลูริน (Azoxystrobin)
ข้อควรระวัง: ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตรอย่างเคร่งครัด
สำหรับเกษตรกรรับมือราน้ำค้างหน้าหนาวปีนี้
* ตรวจใบพืชทุกเช้า
* ระบายอากาศลดความชื้น
* ฉีดชีวภัณฑ์เช้าแดดอ่อน
* เลือกสูตรปุ๋ยที่เสริม Zn + Mg
* หลีกเลี่ยงรดน้ำโดนใบช่วงเย็น
* ใช้สารเคมีเป็นทางเลือกสุดท้ายและหมุนเวียนกลุ่ม
สรุปสำคัญ
ฤดูหนาวปีนี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการระบาดของ **โรคราน้ำค้าง** สูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา จากความชื้นสะสม หมอกช่วงเช้า และอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรจำเป็นต้องปรับรูปแบบการดูแลแปลงให้เหมาะสมกับฤดูกาล พร้อมใช้หลักฐานเชิงวิจัยประกอบ เพื่อยับยั้งโรคก่อนทำลายผลผลิตและต้นทุนการเพาะปลูก
Reference (อ้างอิงวิชาการ)
* Ahmed, A. G., & Mosa, A. A. (2014). Zinc and Magnesium in Plant Defense.
* Cohen, Y., & Rubin, A. (2012). Downy Mildew Biology and Epidemiology.
* Oerke, E. C. (2006). Crop Losses to Diseases.
* Savary, S. et al. (2019). The global burden of crop pathogens.
* กรมวิชาการเกษตร, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
#ราน้ำค้าง #เตือนเกษตรกร #โรคพืชหน้าหนาว #เกษตรปลอดโรค #จัดการราน้ำค้าง #เกษตรกรไทยรู้ไว้ #โรคพืชระบาด #วิธีป้องกันราน้ำค้าง #เกษตรปลอดภัย #หน้าหนาวเสี่ยงโรคพืช