เหล็ก (Fe) และแมงกานีส (Mn)...
👤
โดย: ผู้ดูแล
📅
2025-10-07 20:27:29
🌐
1.0.215.26
เหล็ก (Fe) และแมงกานีส (Mn) กับประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสงของผักใบเขียว
บทนำ
ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักบุ้ง ผักกาด และกวางตุ้ง เป็นกลุ่มพืชที่พึ่งพากระบวนการสังเคราะห์แสง (photosynthesis) อย่างมากในการสร้างใบอวบหนา สีเขียวสด และปริมาณคลอโรฟิลล์สูง ธาตุเหล็ก (Fe) และแมงกานีส (Mn) เป็นธาตุจุลธาตุสำคัญในกระบวนการนี้ โดยทำหน้าที่เป็น *cofactor* ของเอนไซม์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งอิเล็กตรอน (electron transport system) และการหายใจของเซลล์ (cell respiration)
---
บทบาทของเหล็ก (Fe) ในกระบวนการสังเคราะห์แสง
เหล็กเป็นองค์ประกอบหลักของ *cytochrome complex* และ *ferredoxin* ในระบบ *photosystem I* และ *II* ซึ่งเป็นหัวใจในการเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงานเคมี (ATP และ NADPH) การขาด Fe จะทำให้เกิดภาวะใบเหลืองระหว่างเส้นใบ (*interveinal chlorosis*) โดยเฉพาะในใบอ่อน เพราะ Fe มีความเคลื่อนที่ต่ำในพืช งานของ Marschner (2012) รายงานว่า การได้รับ Fe เพียงพอช่วยเพิ่มความเข้มสีเขียวและอัตราการสังเคราะห์แสงสุทธิในผักใบเขียวได้อย่างมีนัยสำคัญ
---
บทบาทของแมงกานีส (Mn) ต่อกระบวนการหายใจและสร้างออกซิเจน
Mn เป็นองค์ประกอบสำคัญของเอนไซม์ *superoxide dismutase (Mn-SOD)* และ *oxygen-evolving complex (OEC)* ซึ่งมีหน้าที่แยกน้ำ (H₂O) เพื่อให้ได้อิเล็กตรอนและออกซิเจนในระบบ *photosystem II* การขาด Mn จะทำให้การสังเคราะห์แสงลดลง และเกิดการสะสมของอนุมูลอิสระในคลอโรพลาสต์ ส่งผลให้ใบซีดเป็นจุดเหลือง งานของ Millaleo et al. (2010) พบว่า การให้ Mn ในระดับเหมาะสมช่วยเพิ่มกิจกรรมของ OEC และอัตราการผลิตออกซิเจนในใบอ่อนของผักกาด
---
การทำงานร่วมกันของ Fe และ Mn
Fe และ Mn ทำงานประสานกันในระบบ *electron transport chain* โดย Fe ทำหน้าที่รับ–ส่งอิเล็กตรอน ส่วน Mn ทำหน้าที่ให้กำเนิดอิเล็กตรอนจากการแยกน้ำ กระบวนการนี้จึงต้องการทั้งสองธาตุในสัดส่วนสมดุล หากขาดธาตุใดธาตุหนึ่ง จะเกิดการสะสมของพลังงานอิเล็กตรอนและสร้างอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์พืชเสียหายและการสังเคราะห์แสงลดลง
---
ผลต่อคุณภาพผักใบเขียว
ผักใบเขียวที่ได้รับ Fe และ Mn อย่างสมดุลจะมีอัตราการสร้างคลอโรฟิลล์สูง ใบมีสีเขียวเข้ม เนื้อใบหนา และมีปริมาณโปรตีนสูงกว่า เนื่องจากการสังเคราะห์แสงและการตรึงไนโตรเจนในรูปของกรดอะมิโนทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
---
การส่งเสริมการทำงานของ Fe และ Mn ด้วยธาตุอาหารอื่น
การทำงานของ Fe และ Mn จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเมื่อมีธาตุหลักและรองอื่นในระดับเหมาะสม ได้แก่
* ไนโตรเจน (N): เป็นองค์ประกอบของโปรตีนและเอนไซม์ที่ Fe และ Mn ใช้เป็น *cofactor*
* ฟอสฟอรัส (P): เป็นแหล่งพลังงาน (ATP) ที่ช่วยขับเคลื่อนกระบวนการรีดอกซ์ของ Fe และ Mn ในระบบสังเคราะห์แสง
* โพแทสเซียม (K): ช่วยควบคุมสมดุลน้ำและการเปิดปิดปากใบ ทำให้ Fe/Mn ทำงานได้ดีในสภาวะแวดล้อมปกติ
* แมกนีเซียม (Mg): เป็นศูนย์กลางของโมเลกุลคลอโรฟิลล์ ทำงานร่วมกับ Fe/Mn ในการดูดซับแสงและถ่ายโอนพลังงาน
* สังกะสี (Zn): ส่งเสริมการสร้างเอนไซม์ *dehydrogenase* และ *carbonic anhydrase* ช่วยเร่งกระบวนการหายใจที่เกี่ยวข้องกับ Fe/Mn
ดังนั้น การให้ธาตุอาหารครบถ้วนจึงเป็นการ “สนับสนุนเชิงระบบ” ให้ Fe และ Mn ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในผักใบเขียว
ช่วงการเจริญของใบอ่อนและใบเต็มวัย สามารถเสริมธาตุอาหารเหล่านี้ทางใบร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มอัตราการสังเคราะห์แสงและคุณภาพใบในพืชผักตระกูลใบเขียว
ผลิตภัณฑ์ที่มีธาตุ Fe และ Mn ร่วมกับ N, P, K, Mg และ Zn อย่างสมดุล เช่น *FK-1* สามารถใช้ในระยะสร้างใบเขียว เพื่อกระตุ้นการทำงานร่วมกันของธาตุเหล่านี้อย่างเป็นระบบ
---
เขียนโดย ฟาร์มเกษตร
---
เอกสารอ้างอิง
* Marschner, P. (2012). *Marschner’s Mineral Nutrition of Higher Plants* (3rd ed.). Academic Press.
* Millaleo, R., Reyes-Díaz, M., Ivanov, A. G., Mora, M. L., & Alberdi, M. (2010). *Manganese as Essential and Toxic Element for Plants: Transport, Accumulation and Resistance Mechanisms*. Journal of Soil Science and Plant Nutrition, 10(4), 470–481.
* Broadley, M. R., et al. (2012). *Nutritional Disorders of Leafy Vegetables*. Springer Science & Business Media.
---
#เหล็ก #แมงกานีส #ผักใบเขียว #ฟาร์มเกษตร #FK1 #ธาตุอาหารพืช #การสังเคราะห์แสง #plantnutrition #micronutrients #เกษตรไทยยั่งยืน