โพแทสเซียมกับการเร่งการสะสมแป้งในมันสำปะหลัง:...

โพแทสเซียมกับการเร่งการสะสมแป้งในมันสำปะหลัง: กุญแจสู่ผลผลิตและคุณภาพ

บทนำ
มันสำปะหลัง (Manihot esculenta Crantz) เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร สตาร์ช และเอทานอล คุณภาพของหัวมันสำปะหลังพิจารณาจากปริมาณแป้งสะสม ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการจัดการธาตุอาหาร ธาตุโพแทสเซียม (K) นับเป็นธาตุที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อกระบวนการสังเคราะห์และการสะสมคาร์โบไฮเดรตในรากสะสมแป้ง งานวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า การให้โพแทสเซียมอย่างถูกต้องทั้งในด้านปริมาณและช่วงเวลาสามารถเพิ่มผลผลิตหัวและเปอร์เซ็นต์แป้งได้อย่างมีนัยสำคัญ

บทบาททางสรีรวิทยาของโพแทสเซียมต่อการสะสมแป้งในมันสำปะหลัง

* การเสริมประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง
โพแทสเซียมช่วยปรับการทำงานของปากใบ ทำให้พืชใช้คาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคงประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสงสูงในสภาพสิ่งแวดล้อมที่แห้งแล้ง ซึ่งเป็นสภาพทั่วไปในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังของไทย

* การเร่งการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรต
โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญในระบบโฟลเอ็ม โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมแรงดันออสโมติกในท่ออาหาร ช่วยให้คาร์โบไฮเดรตที่สังเคราะห์จากใบสามารถเคลื่อนย้ายและสะสมในรากได้รวดเร็วและต่อเนื่อง

* การกระตุ้นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและสะสมแป้ง
งานวิจัยแสดงว่า โพแทสเซียมสัมพันธ์กับการทำงานของเอนไซม์ sucrose synthase และ ADP-glucose pyrophosphorylase (AGPase) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนซูโครสเป็นแป้งภายในพลาสติดของเซลล์ราก

ผลของโพแทสเซียมต่อผลผลิตและคุณภาพหัวมันสำปะหลัง

* เพิ่มปริมาณหัวสดต่อไร่ และเปอร์เซ็นต์แป้งในหัว
* ส่งผลให้หัวมันมีขนาดสม่ำเสมอ และลดการแตกร้าวของหัวในช่วงปลายฤดูปลูก
* เพิ่มค่าการสกัดแป้งที่โรงงานต้องการ ซึ่งมีผลต่อราคาที่เกษตรกรได้รับ
* ช่วยเพิ่มความทนทานต่อความแห้งแล้ง ทำให้การสะสมแป้งไม่สะดุดในฤดูฝนทิ้งช่วง

ช่วงเวลาการจัดการโพแทสเซียมที่เหมาะสม
การให้โพแทสเซียมในระยะเริ่มปลูกเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และในช่วง 4–8 เดือนหลังปลูกเพื่อกระตุ้นการสะสมแป้งในหัว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ งานวิจัยบางฉบับยังเสนอว่า การเสริมโพแทสเซียมทางใบในระยะกลางฤดูปลูก สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรต และทำให้การสะสมแป้งเกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้น

แนวโน้มการประยุกต์ใช้
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคนิคการให้โพแทสเซียมหลายรูปแบบ เช่น การใช้โพแทสเซียมซัลเฟต (K₂SO₄) ร่วมกับแมกนีเซียม (Mg) และสังกะสี (Zn) เพื่อเสริมประสิทธิภาพการสร้างแป้ง อีกทั้งยังมีการประยุกต์ใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในรูปน้ำเพื่อให้ทางใบก่อนการเก็บเกี่ยว 1–2 เดือน ซึ่งช่วยเร่งการสะสมแป้งและเพิ่มเปอร์เซ็นต์แป้งได้อย่างมีนัยสำคัญ

สรุป
โพแทสเซียมเป็นธาตุหลักที่มีความสำคัญต่อการเร่งสะสมแป้งในมันสำปะหลัง บทบาททั้งในด้านการสังเคราะห์แสง การขนส่งคาร์โบไฮเดรต และการกระตุ้นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแป้ง ส่งผลให้การจัดการโพแทสเซียมที่ถูกต้องทั้งในเชิงปริมาณและช่วงเวลาสามารถเพิ่มผลผลิตหัวและคุณภาพแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทย

เอกสารอ้างอิง

* Howeler, R.H. (2002). Cassava mineral nutrition and fertilization. In: Hillocks, R.J., Thresh, J.M., & Bellotti, A.C. (eds.), Cassava: Biology, Production and Utilization. CABI Publishing.
* Veltkamp, H.J. (1985). Physiological causes of yield variation in cassava. Agricultural University Wageningen Papers, 85-3, 59–69.
* ธีรยุทธ วัฒนาสุข. (2560). ผลของการให้โพแทสเซียมต่อคุณภาพหัวมันสำปะหลัง. วารสารวิทยาศาสตร์เกษตร, 48(2), 77–85.
* ปรีชา สถาปัตย์กุล. (2563). ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเพิ่มเปอร์เซ็นต์แป้งมันสำปะหลัง. วารสารเกษตรศาสตร์, 52(1), 35–44.

#Cassava #Potassium #StarchAccumulation #PlantNutrition #CropPhysiology #RootCrops #SustainableFarming #SoilFertility #AgroScience #YieldImprovement
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 228439