10 โรคพืชยอดฮิตที่เกษตรกรมักมองข้าม...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-06-01 22:04:00
🌐
125.25.182.84
10 โรคพืชยอดฮิตที่เกษตรกรมักมองข้าม (รู้ทันก่อนเสียหาย!)
ในระบบการผลิตพืช การมุ่งเน้นเพียงผลผลิตโดยละเลยการตรวจสอบโรคพืชในระยะต้นฤดู อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายร้ายแรงโดยไม่รู้ตัว เกษตรกรหลายรายให้ความสำคัญกับการใส่ปุ๋ยและการให้น้ำ แต่กลับละเลยการจัดการโรคที่มักเกิดซ้ำในวงจรเดิมของฤดูกาลเพาะปลูก
บทความนี้ได้รวบรวม **10 โรคพืชยอดฮิตที่พบได้บ่อยในแปลงเกษตรไทย** ซึ่งมักถูกมองข้ามในช่วงต้นฤดู แต่สามารถส่งผลกระทบต่อผลผลิตโดยตรง โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมและทันท่วงที
1. โรครากเน่าโคนเน่าในพืชผลัดใบ
เป็นโรคที่พบได้บ่อยในไม้ผล เช่น ทุเรียน ลำไย และมะม่วง เกิดจากเชื้อราในดินสะสม เมื่อมีความชื้นสูงหรือระบายน้ำไม่ดี ต้นจะเริ่มแสดงอาการใบเหลือง ร่วงง่าย และเน่าที่โคนต้น หากละเลยอาจลุกลามจนต้นตาย
**แนวทางป้องกัน:** ปรับดินให้ระบายน้ำได้ดี ลดความชื้น และใช้ชีวภัณฑ์ควบคุมเชื้อราในดินตั้งแต่เริ่มปลูก
2. โรคใบไหม้ในข้าวโพดและธัญพืช
โรคนี้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูฝน โดยเกิดจากเชื้อราในอากาศ ซึ่งจะเข้าทำลายใบให้แห้งไหม้ ส่งผลต่อการสังเคราะห์แสงและขนาดของฝักโดยตรง
**แนวทางป้องกัน:** ตรวจแปลงสม่ำเสมอ ฉีดพ่นสารชีวภาพป้องกันก่อนอาการลุกลาม และเลือกปลูกพันธุ์ต้านทานในพื้นที่เสี่ยง
3. โรคผลเน่าในพืชตระกูลแตง
โรคนี้ทำให้ผลเปื่อยเน่าตั้งแต่ยังอยู่บนต้น มีสาเหตุจากความชื้นสูงหรือการให้น้ำมากเกินไป จนกลายเป็นจุดอ่อนให้เชื้อราหรือแบคทีเรียเข้าทำลายผลผลิตที่ใกล้เก็บเกี่ยว
**แนวทางป้องกัน:** เลือกเวลาให้น้ำที่เหมาะสม สังเกตความเปลี่ยนแปลงบนผล และใช้วิธีเก็บเกี่ยวแบบแยกผลที่ผิดปกติออกทันที
4. โรคเหี่ยวเขียวในพริก มะเขือ มะเขือเทศ
มักเริ่มจากเชื้อแบคทีเรียที่สะสมในดินและน้ำ พืชที่เป็นโรคจะเหี่ยวตายโดยไม่แสดงอาการใบเหลือง สังเกตได้ว่าต้นจะยุบตัวเร็วและไม่ฟื้นแม้รดน้ำเพิ่ม
**แนวทางป้องกัน:** หมุนเวียนพืชปลูก ใช้พันธุ์ต้านทาน และไม่ปลูกพืชตระกูลเดียวกันซ้ำในแปลงเดิมต่อเนื่องหลายฤดูกาล
5. โรคแอนแทรคโนสในพืชสวน
พบในมะม่วง มะละกอ พริก และพืชผลไม้หลายชนิด โดยแสดงอาการเป็นจุดเน่าดำบนผล สาเหตุจากเชื้อราเข้าทำลายในระยะใกล้เก็บเกี่ยว
**แนวทางป้องกัน:** ใช้น้ำหมักชีวภาพที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา พ่นก่อนและหลังดอกบานในช่วงอากาศชื้น
6. โรคใบด่างจากไวรัสในพืชไร่
พบในมันสำปะหลัง ข้าวโพด และพืชที่มีระบบการขยายพันธุ์ด้วยลำต้นหรือต้นกล้า โรคนี้แพร่ผ่านแมลงพาหะ เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ
**แนวทางป้องกัน:** ใช้พันธุ์ปลอดไวรัส เลือกต้นพันธุ์จากแปลงที่ผ่านการรับรอง และควบคุมแมลงพาหะตั้งแต่ระยะเริ่มปลูก
7. โรคใบหงิกในมะเขือเทศ
เกิดจากไวรัสที่ถ่ายทอดโดยแมลงหวี่ขาว ใบจะมีอาการหงิกงอ บิดเบี้ยว ต้นเตี้ยไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ไม่ติดผลหรือผลมีขนาดเล็ก
**แนวทางป้องกัน:** ใช้ตาข่ายกันแมลง หมั่นกำจัดวัชพืชรอบแปลง และควบคุมความหนาแน่นของแมลงในระบบนิเวศ
8. โรคกล้าไหม้ในข้าว
พบมากในนาข้าวที่ใช้กล้าปลูกแน่นหรือมีน้ำขัง ทำให้กล้าล้มตายเป็นหย่อมในระยะต้น ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและจำนวนรวงในอนาคต
**แนวทางป้องกัน:** ลดความหนาแน่นของการหว่านกล้า รักษาความสะอาดของแปลงเพาะ และใช้น้ำหมักชีวภาพเพื่อเสริมภูมิต้านทานต้นกล้า
9. โรคต้นเน่าคอดินในผักกินใบ
พบบ่อยในผักบุ้ง คะน้า ผักชี และผักกาดที่ปลูกแบบรดน้ำบ่อย โรคนี้ทำให้ลำต้นช่วงโคนเปื่อยยุ่ย ล้มตายเป็นวงกว้างในแปลง
**แนวทางป้องกัน:** ปรับปรุงระยะรดน้ำให้พอเหมาะ และเพิ่มอินทรียวัตถุในดินเพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ดีที่ยับยั้งเชื้อโรค
10. โรคฝนชะใบในพืชใบใหญ่
เป็นโรคที่เกิดจากฝนตกกระหน่ำและพัดใบพืชให้เปื่อยหรือฉีกขาด ทำให้เกิดบาดแผลซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเข้าทำลาย
**แนวทางป้องกัน:** ปลูกแนวกันลม พ่นธาตุอาหารรองและจุลธาตุเพื่อเสริมความแข็งแรงของใบ และหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไปในช่วงฝนตกชุก
สรุป: การป้องกันโรคต้องเริ่มตั้งแต่เข้าใจระบบ ไม่ใช่แค่รักษาเมื่อสาย
โรคพืชมักเกิดซ้ำในลักษณะเดิมทุกฤดูกาล หากเกษตรกรสามารถวางแผนล่วงหน้า และเข้าใจว่าแต่ละโรคมีปัจจัยแวดล้อมที่เอื้ออย่างไร จะสามารถจัดการระบบปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการใช้สารเคมีลงได้อย่างแท้จริง
การจัดการโรคพืชแบบเป็นระบบจึงควรเริ่มตั้งแต่การวางแผนปลูก การเลือกพันธุ์ การเตรียมดิน การควบคุมความชื้น และการใช้จุลินทรีย์ที่เหมาะสม เพื่อเสริมความแข็งแรงให้พืชตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่เพียงการรักษาเมื่ออาการปรากฏแล้ว