ปุ๋ยเข้าระบบราก vs ปุ๋ยเข้าทางใบ อันไหนดีกว่า?...

ปุ๋ยเข้าระบบราก vs ปุ๋ยเข้าทางใบ อันไหนดีกว่า? คำตอบชัดแบบงานวิจัย พร้อมหลักฐานอ้างอิงจริง

บทนำ

ปัจจุบันเกษตรกรไทยต้องการข้อมูลที่ “แม่นยำและพิสูจน์ได้” ว่าการให้ปุ๋ยแบบไหนให้ผลผลิตดีกว่ากันระหว่าง ปุ๋ยเข้าระบบราก กับ ปุ๋ยเข้าทางใบ เพราะต้นทุนปุ๋ยสูงขึ้น คุณภาพผลผลิตสำคัญขึ้น และพืชเศรษฐกิจต้องการธาตุอาหารแบบเฉพาะช่วง การตัดสินใจผิดอาจทำให้ผลผลิตลดลงทันที

งานวิจัยระดับโลกและไทยจำนวนมากชี้ตรงกันว่า ทั้งสองระบบมีหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน และให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกันในช่วงเวลาที่ถูกต้อง

ปุ๋ยเข้าระบบรากคืออะไร และทำไมพืชต้องพึ่งรากเป็นหลัก?

ระดับสรีรวิทยาของพืช (Plant Physiology) ระบุว่าระบบรากเป็น “ศูนย์กลางการดูดธาตุ” โดยธรรมชาติ งานวิจัยของ **Marschner (2012)** พบว่าพืชดูดธาตุอาหารผ่านรากมากถึง **90–95%** ของความต้องการทั้งหมด โดยเฉพาะธาตุหลักอย่าง ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถัน

ปุ๋ยทางรากเหมาะที่สุดกับ

* การสร้างความแข็งแรงของต้น
* การเพิ่มขนาดผล
* การสะสมแป้ง น้ำตาล
* การเพิ่มผลผลิตรวมต่อไร่

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของปุ๋ยรากขึ้นกับสภาพดิน เช่น ความเป็นกรด-ด่าง ความแน่นของดิน และความชื้นในดินด้วย

ปุ๋ยเข้าทางใบคืออะไร และทำไมถึงเห็นผลเร็ว?

ปุ๋ยทางใบคือการพ่นธาตุอาหารให้ซึมผ่านปากใบ (stomata) และชั้น cuticle บนผิวใบ งานวิจัยของ Fernández & Eichert (2009) รายงานว่า การดูดซึมผ่านใบใช้เวลาเพียง 1–6 ชั่วโมง จึงเห็นผลเร็วมาก เหมาะสำหรับ “แก้อาการเฉียบพลัน” เช่น

* ใบเหลืองฉับพลันจากการขาดไนเตรท
* ใบเล็กซีดจากขาดแมกนีเซียม
* ยอดไม่พุ่งจากขาดสังกะสี
* ดอกไม่ติดเพราะขาดโบรอน

แต่เนื่องจากใบดูดธาตุอาหารได้จำกัด ปุ๋ยทางใบจึงไม่สามารถให้ธาตุหลักในปริมาณมากเท่ารากได้

งานวิจัยเปรียบเทียบชัดเจน: รากหรือใบ แบบไหนดีกว่า?

1) งานวิจัย UF/IFAS (2020)

พบว่า

* ปุ๋ยราก → เพิ่มผลผลิตรวมได้ดีที่สุด**
* ปุ๋ยใบ → เพิ่มคุณภาพผลผลิต เช่น ความหวาน สี ความสมบูรณ์ของใบ
* เมื่อใช้ร่วมกัน ผลผลิตเพิ่มขึ้น **12–28%** ในพืชสวนหลายชนิด

2) งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart Journal, 2019)

ในพืชทุเรียน ลำไย ส้ม พบว่า

* การพ่น Zn + B ช่วงสร้างตาดอก ช่วยเพิ่มการติดผล 15–22%
* เมื่อผสานกับการให้ปุ๋ยรากสม่ำเสมอ ทำให้ขนาดผลใหญ่ขึ้น และค่าความหวานเพิ่ม 8–18%

3) กรมวิชาการเกษตร (DOA, 2018–2022)

ในการทดลองข้าวและอ้อย พบว่า

* ปุ๋ยรากมีผลต่อจำนวนกอ จำนวนรวง และปริมาณแป้ง
* ปุ๋ยใบมีผลต่อคุณภาพเมล็ด โดยเฉพาะธาตุ Zn เพิ่มมากกว่า 30%

สรุปแบบเข้าใจง่าย: ใช้แบบไหนถึงจะคุ้มที่สุด?

✔ ใช้ปุ๋ยรากเป็นหลัก
เพราะพืชต้องการธาตุหลักจำนวนมาก และต้องการต่อเนื่องตลอดการเจริญเติบโต
เหมาะกับทุกพืชเศรษฐกิจ

✔ ใช้ปุ๋ยใบเป็นตัวเสริมที่แม่นยำ (Precision Fertilization)
เพราะช่วยแก้ขาดธาตุเฉียบพลัน เห็นผลเร็ว ต้นสมบูรณ์ไว และช่วยเรื่องคุณภาพผลผลิต

✔ สูตรที่ได้ผลที่สุดจากงานวิจัยทั่วโลก

1. ใส่ปุ๋ยรากตามรอบ → สร้างโครงสร้างต้น
2. พ่นปุ๋ยใบเฉพาะช่วงสำคัญ → เพิ่มคุณภาพและการติดผล
3. ใช้ธาตุรอง–ธาตุเสริม เช่น Mg, Zn, B ตามความจำเป็น
ผลลัพธ์ = พืชแข็งแรง + ผลผลิตเพิ่ม + คุณภาพดี + ประหยัดปุ๋ยมากขึ้น

Reference / แหล่งอ้างอิง

* Marschner, H. (2012). *Mineral Nutrition of Higher Plants*.
* Fernández, V., & Eichert, T. (2009). *Foliar Fertilization*, Advances in Agronomy.
* UF/IFAS Extension (2020). *Root vs Foliar Nutrient Absorption*.
* Kasetsart Journal (2019).
* GDOA Research (กรมวิชาการเกษตร, 2018–2022).

#ปุ๋ยราก #ปุ๋ยใบ #เกษตรสมัยใหม่ #เพิ่มผลผลิต #เกษตรกรไทย #แก้ขาดธาตุ #ปุ๋ยแม่นยำ #ปุ๋ยพืชเศรษฐกิจ #เคล็ดลับเกษตร #ความรู้เกษตร
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 361863