ไนโตรเจนและแคลเซียม...

ไนโตรเจนและแคลเซียม กับปัญหาเนื้อเละและสีผลในมะม่วง

บทนำ
มะม่วง (Mangifera indica L.) เป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย ทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะพันธุ์น้ำดอกไม้ซึ่งได้รับความนิยมสูงในตลาดจีนและญี่ปุ่น คุณภาพของผลมะม่วงที่ตลาดให้ความสำคัญ ได้แก่ เนื้อแน่น สีเหลืองสวย และรสชาติหวานหอม อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกษตรกรมักพบคือ เนื้อเละ และ สีผลไม่สม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคและราคาขาย สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือการจัดการธาตุอาหาร โดยเฉพาะ ไนโตรเจน (N) และ แคลเซียม (Ca)

---

บทบาทของไนโตรเจน (N)

* เป็นองค์ประกอบหลักของกรดอะมิโน โปรตีน และคลอโรฟิลล์ ทำให้พืชมีการเจริญเติบโตดี
* หากให้ไนโตรเจน มากเกินไป จะทำให้ต้นแตกใบอ่อนมากจนเบียดบังการสะสมอาหารสู่ผล ส่งผลให้ผลมะม่วงมีเนื้อเละและรสชาติด้อยลง
* ระดับไนโตรเจนที่เหมาะสมช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการเจริญทางลำต้นและการสร้างผลผลิต

บทบาทของแคลเซียม (Ca)

* เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ ทำให้เนื้อผลมะม่วงแน่น ไม่เละง่าย
* ควบคุมการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการสุกของผลและการคงสภาพของเซลล์
* ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา ลดการช้ำและการเกิดโรคหลังการเก็บเกี่ยว
* การขาดแคลเซียมทำให้ผลมีปัญหา **เนื้อเละ เนื้อกลวง หรือจุดดำใต้ผิว**

---

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

* กรมวิชาการเกษตร (2561) รายงานว่า การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในระดับสูงเกินความต้องการของมะม่วง ทำให้เกิดอาการเนื้อเละ และลดความเข้มของสีเหลืองในผลสุก
* Tongumpai et al. (2015) พบว่า การฉีดพ่นแคลเซียมไนเตรต (Ca(NO₃)₂) ทางใบในช่วงพัฒนาผล ช่วยลดความเสียหายของเนื้อเละได้กว่า 30%
* Marschner (2012) อธิบายว่า ความสมดุลระหว่าง N และ Ca เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดคุณภาพผลไม้ในแง่เนื้อแน่น รสชาติ และสี

---

แนวทางการจัดการไนโตรเจนและแคลเซียมในมะม่วง

1. การจัดการไนโตรเจน

* ลดการใส่ไนโตรเจนในช่วงใกล้ออกดอกและติดผล เพื่อหลีกเลี่ยงการแตกใบอ่อนมากเกินไป
* ใช้สูตรปุ๋ยที่สมดุล เช่น 13-13-21 หรือสูตรที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงพัฒนาผล
* ใช้ปุ๋ยทางใบสูตรผสม เช่น FK-1 ที่มีธาตุอาหารเสริมครบถ้วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
* ติดตามผลการวิเคราะห์ดินและใบเพื่อปรับปริมาณ N ให้เหมาะสม

2. การเสริมแคลเซียม

* ใส่ปุ๋ยแคลเซียมทางดิน เช่น แคลเซียมไนเตรต หรือยิปซัม
* พ่นแคลเซียมทางใบ (Ca(NO₃)₂ หรือ CaCl₂) ช่วงผลอ่อนจนถึงผลพัฒนา เพื่อให้แคลเซียมเข้าสู่ผลโดยตรง

3. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว

* แช่น้ำแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl₂) ความเข้มข้นต่ำ เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและลดการเกิดเนื้อเละ
* เก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม ไม่แก่จัดจนเกินไป

---

สรุป
ไนโตรเจนและแคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อคุณภาพเนื้อและสีของผลมะม่วง การจัดการไนโตรเจนอย่างสมดุลร่วมกับการเสริมแคลเซียมทั้งทางดินและทางใบ เป็นกุญแจสำคัญในการลดปัญหาเนื้อเละ รักษาสีเหลืองสวย และเพิ่มคุณภาพมะม่วงไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้

---

เอกสารอ้างอิง

* กรมวิชาการเกษตร. (2561). รายงานผลการวิจัยการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและแคลเซียมต่อคุณภาพผลมะม่วง.
* Tongumpai, P., et al. (2015). Effect of foliar calcium application on fruit quality and shelf life of mango (Mangifera indica L.). Acta Horticulturae, 1088, 245-252.
* Marschner, H. (2012). Marschner’s Mineral Nutrition of Higher Plants. 3rd ed. Academic Press.

---

#มะม่วง #ไนโตรเจน #แคลเซียม #เนื้อเละ #สีผลมะม่วง #โภชนาการพืช #วิชาการเกษตร #MangoThailand #ผลไม้ไทย #เกษตรไทย
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 228617