ไนโตรเจนและแคลเซียม...
👤
โดย: ผู้ดูแล
📅
2025-09-15 16:19:15
🌐
180.180.28.12
ไนโตรเจนและแคลเซียม กับปัญหาเนื้อเละและสีผลในมะม่วง
บทนำ
มะม่วง (Mangifera indica L.) เป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย ทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะพันธุ์น้ำดอกไม้ซึ่งได้รับความนิยมสูงในตลาดจีนและญี่ปุ่น คุณภาพของผลมะม่วงที่ตลาดให้ความสำคัญ ได้แก่ เนื้อแน่น สีเหลืองสวย และรสชาติหวานหอม อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกษตรกรมักพบคือ เนื้อเละ และ สีผลไม่สม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคและราคาขาย สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือการจัดการธาตุอาหาร โดยเฉพาะ ไนโตรเจน (N) และ แคลเซียม (Ca)
---
บทบาทของไนโตรเจน (N)
* เป็นองค์ประกอบหลักของกรดอะมิโน โปรตีน และคลอโรฟิลล์ ทำให้พืชมีการเจริญเติบโตดี
* หากให้ไนโตรเจน มากเกินไป จะทำให้ต้นแตกใบอ่อนมากจนเบียดบังการสะสมอาหารสู่ผล ส่งผลให้ผลมะม่วงมีเนื้อเละและรสชาติด้อยลง
* ระดับไนโตรเจนที่เหมาะสมช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการเจริญทางลำต้นและการสร้างผลผลิต
บทบาทของแคลเซียม (Ca)
* เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ ทำให้เนื้อผลมะม่วงแน่น ไม่เละง่าย
* ควบคุมการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการสุกของผลและการคงสภาพของเซลล์
* ช่วยยืดอายุการเก็บรักษา ลดการช้ำและการเกิดโรคหลังการเก็บเกี่ยว
* การขาดแคลเซียมทำให้ผลมีปัญหา **เนื้อเละ เนื้อกลวง หรือจุดดำใต้ผิว**
---
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
* กรมวิชาการเกษตร (2561) รายงานว่า การใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในระดับสูงเกินความต้องการของมะม่วง ทำให้เกิดอาการเนื้อเละ และลดความเข้มของสีเหลืองในผลสุก
* Tongumpai et al. (2015) พบว่า การฉีดพ่นแคลเซียมไนเตรต (Ca(NO₃)₂) ทางใบในช่วงพัฒนาผล ช่วยลดความเสียหายของเนื้อเละได้กว่า 30%
* Marschner (2012) อธิบายว่า ความสมดุลระหว่าง N และ Ca เป็นปัจจัยหลักที่กำหนดคุณภาพผลไม้ในแง่เนื้อแน่น รสชาติ และสี
---
แนวทางการจัดการไนโตรเจนและแคลเซียมในมะม่วง
1. การจัดการไนโตรเจน
* ลดการใส่ไนโตรเจนในช่วงใกล้ออกดอกและติดผล เพื่อหลีกเลี่ยงการแตกใบอ่อนมากเกินไป
* ใช้สูตรปุ๋ยที่สมดุล เช่น 13-13-21 หรือสูตรที่มีโพแทสเซียมสูงในช่วงพัฒนาผล
* ใช้ปุ๋ยทางใบสูตรผสม เช่น FK-1 ที่มีธาตุอาหารเสริมครบถ้วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
* ติดตามผลการวิเคราะห์ดินและใบเพื่อปรับปริมาณ N ให้เหมาะสม
2. การเสริมแคลเซียม
* ใส่ปุ๋ยแคลเซียมทางดิน เช่น แคลเซียมไนเตรต หรือยิปซัม
* พ่นแคลเซียมทางใบ (Ca(NO₃)₂ หรือ CaCl₂) ช่วงผลอ่อนจนถึงผลพัฒนา เพื่อให้แคลเซียมเข้าสู่ผลโดยตรง
3. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
* แช่น้ำแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl₂) ความเข้มข้นต่ำ เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและลดการเกิดเนื้อเละ
* เก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม ไม่แก่จัดจนเกินไป
---
สรุป
ไนโตรเจนและแคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อคุณภาพเนื้อและสีของผลมะม่วง การจัดการไนโตรเจนอย่างสมดุลร่วมกับการเสริมแคลเซียมทั้งทางดินและทางใบ เป็นกุญแจสำคัญในการลดปัญหาเนื้อเละ รักษาสีเหลืองสวย และเพิ่มคุณภาพมะม่วงไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้
---
เอกสารอ้างอิง
* กรมวิชาการเกษตร. (2561). รายงานผลการวิจัยการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและแคลเซียมต่อคุณภาพผลมะม่วง.
* Tongumpai, P., et al. (2015). Effect of foliar calcium application on fruit quality and shelf life of mango (Mangifera indica L.). Acta Horticulturae, 1088, 245-252.
* Marschner, H. (2012). Marschner’s Mineral Nutrition of Higher Plants. 3rd ed. Academic Press.
---
#มะม่วง #ไนโตรเจน #แคลเซียม #เนื้อเละ #สีผลมะม่วง #โภชนาการพืช #วิชาการเกษตร #MangoThailand #ผลไม้ไทย #เกษตรไทย