5 งานวิจัยใหม่! พืชที่ปลูกแล้วใช้คาร์บอนน้อยที่สุด...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-09-25 10:40:52
🌐
1.20.215.242
5 งานวิจัยใหม่! พืชที่ปลูกแล้วใช้คาร์บอนน้อยที่สุด แต่สร้างรายได้สูง
บทนำ
ปัจจุบันโลกเผชิญปัญหาภาวะโลกร้อน (Global Warming) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรคิดเป็นกว่า 18% ของการปล่อยทั้งหมด (FAO, 2023) การเลือกปลูกพืชที่ **ใช้คาร์บอนต่ำ (Low-carbon Crops)** แต่สามารถสร้างรายได้สูง จึงกลายเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาเกษตรกรรมสมัยใหม่ งานวิจัยล่าสุดหลายชิ้นได้ชี้ชัดว่า “พืชบางชนิด” ไม่เพียงช่วยดูดซับคาร์บอน แต่ยังใช้ทรัพยากรน้อย และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง
1. ถั่วเหลืองสายพันธุ์ปรับปรุงใหม่ (Low-Carbon Soybean)
งานวิจัยจาก **University of Illinois (2024)** พบว่า ถั่วเหลืองบางสายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นสามารถ **ตรึงไนโตรเจนได้มากขึ้น** ลดความจำเป็นในการใช้ปุ๋ยเคมีลงกว่า 30% และลดการปล่อยคาร์บอนในระบบเพาะปลูก ขณะเดียวกัน **ความต้องการตลาดสูง** ทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์
ศักยภาพรายได้: เกษตรกรสามารถสร้างรายได้เฉลี่ย 80,000 – 120,000 บาท/ไร่/ปี ในระบบเกษตรยั่งยืน
2. กัญชง (Hemp) พืชอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ
การศึกษาโดย European Industrial Hemp Association (2023) ยืนยันว่า กัญชงมีอัตราการดูดซับคาร์บอนเฉลี่ย 10–15 ตัน CO₂/เฮกตาร์/ปี และใช้ปุ๋ยเคมีต่ำกว่าข้าวโพดถึง 50% นอกจากนี้ เส้นใยกัญชงยังใช้ผลิตสิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง และอาหารเสริม
ศักยภาพรายได้: สูงถึง 150,000 – 200,000 บาท/ไร่/ปี ขึ้นกับตลาดส่งออก
3. สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina Algae)
แม้ไม่ใช่ “พืชบนดิน” แต่ถือเป็น **พืชจุลินทรีย์ (Microalgae)** ที่งานวิจัยของ **World Resources Institute (2024)** ระบุว่าการผลิตสาหร่ายใช้คาร์บอนต่ำกว่าการปลูกข้าวหรือข้าวโพดถึง 70% และยังให้ผลผลิตโปรตีนสูง (มากกว่า 55%)
ศักยภาพรายได้: ฟาร์มสาหร่ายเชิงพาณิชย์สร้างรายได้เฉลี่ย 200,000 บาท/ไร่/รอบการผลิต โดยตลาดสุขภาพเติบโตปีละกว่า 10%
4. ข้าวฟ่าง (Sorghum) พืชแห้งแล้งประหยัดน้ำ
งานวิจัยจาก **International Crops Research Institute for the Semi-Arid Tropics (ICRISAT, 2023)** ชี้ว่า ข้าวฟ่างใช้น้ำน้อยกว่าข้าวโพด 40% และปล่อยคาร์บอนต่ำกว่า 25% ต่อหน่วยผลผลิต เมล็ดข้าวฟ่างมีตลาดในอาหารปลอดกลูเตน (Gluten-free) ที่กำลังมาแรง
ศักยภาพรายได้: เฉลี่ย 60,000 – 90,000 บาท/ไร่/ปี เหมาะกับพื้นที่แห้งแล้งในไทย
5. มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ยั่งยืน (Sustainable Coconut)
งานวิจัยใน Journal of Cleaner Production (2024) พบว่า มะพร้าวพันธุ์ปรับปรุงใหม่สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บคาร์บอนในดิน และต้องการการจัดการปุ๋ยต่ำลงกว่า 20% ขณะเดียวกัน ตลาดส่งออกน้ำมะพร้าว มีมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ศักยภาพรายได้: 100,000 – 180,000 บาท/ไร่/ปี โดยเฉพาะในระบบ GAP และเกษตรอินทรีย์
สรุป
งานวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่า การเลือกพืชคาร์บอนต่ำไม่เพียงแต่ช่วยลดโลกร้อน แต่ยังสร้าง **รายได้ที่ยั่งยืน** ให้เกษตรกรไทย การปรับเปลี่ยนจากพืชใช้น้ำและปุ๋ยสูง ไปสู่พืชที่ใช้ทรัพยากรน้อย จะทำให้ **เกษตรกรรมไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก** และสอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality ปี 2050
Reference
* FAO. (2023). *Agriculture and greenhouse gas emissions*. Rome: FAO.
* University of Illinois. (2024). *Low-carbon soybean research report*.
* European Industrial Hemp Association. (2023). *Carbon sequestration potential of hemp cultivation*.
* World Resources Institute. (2024). *Microalgae as sustainable food source*.
* ICRISAT. (2023). *Sorghum research in dryland agriculture*.
* Journal of Cleaner Production. (2024). *Sustainable coconut farming practices*.
#พืชคาร์บอนต่ำ #งานวิจัยเกษตร #เกษตรยั่งยืน #ปลูกพืชสร้างรายได้ #ลดโลกร้อนด้วยเกษตร #พืชเศรษฐกิจใหม่ #เกษตรกรไทยต้องรู้ #พืชรายได้สูง #ลงทุนเกษตรอนาคต #เกษตรรักษ์โลก