ผลไม้ผิวเสีย–ผิวกรอบแตก เกิดจากอะไร?...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-12-11 10:35:22
🌐
1.2.230.215
ผลไม้ผิวเสีย–ผิวกรอบแตก เกิดจากอะไร? วิเคราะห์ด้วยวิทยาศาสตร์พืชแบบเข้าใจง่าย
บทนำ: ทำไม “ผิวผลไม้” จึงเสียได้ง่ายในช่วงอากาศแปรปรวน?
หลายสวนเจอปัญหา ผลไม้ผิวแตก ผิวกรอบ ผิวเป็นรอยไหม้ หรือผิวเสียหลังฝน บางครั้งเกิดเป็นบริเวณวงๆ หรือแตกเป็นรอยเหมือนเส้นลายบนผลไม้
ปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากแมลงหรือเชื้อโรคอย่างเดียว แต่เกิดจาก “ชีววิทยาของพืช + สภาพแวดล้อม + ธาตุอาหาร” ที่ทำงานร่วมกัน
บทความนี้จะเจาะลึกแบบวิทยาศาสตร์พืช แต่เล่าให้เข้าใจง่ายที่สุด เพื่อให้เกษตรกรเอาไปใช้ได้จริง
1) การดูดน้ำเร็วเกินไป: จุดเริ่มต้นของผลไม้ผิวแตก
เมื่อฝนตกหนักหลังจากที่สวนขาดน้ำมานาน
รากจะดูดน้ำแบบ “พรวดเดียว” → ส่งขึ้นผลแบบรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงดันภายในผล (turgor pressure) สูงขึ้นทันที
ผลลัพธ์:
ผิวผลไม้ขยายไม่ทัน → ผิวแตก / ผิวกรอบร้าว / ผิวลายคล้ายเส้นดึง
งานวิจัยสนับสนุน
* รายงานของ Glenn & Poovaiah (1989) พบว่าการไหลของน้ำเข้าสู่ผลแบบรวดเร็วทำให้เกิด “microcracks” บริเวณผิวผล
* Sakurai (2019)* อธิบายว่าแรงดันภายในผลที่เพิ่มขึ้นเฉียบพลัน ทำให้ cuticle แตกเป็นเส้นลาย
2) โครงสร้างผิว (Cuticle) อ่อนแอจากการขาดแคลเซียม
แคลเซียมทำหน้าที่ “เสริมแรง” ให้ผิวผลไม้
ถ้าขาด → ผิวผลบางลง, ยืดตัวน้อยลง, แตกง่ายขึ้น
ทำไมผลไม้ไทยถึงขาดแคลเซียมง่าย?
✔ อากาศร้อนทำให้การลำเลียง Ca ลดลง
✔ ดินเป็นกรด หรือมี K/Mg มากเกิน → แย่งตำแหน่งการดูด Ca
✔ ผลเจริญเร็วเกิน → ผิวสร้างไม่ทัน
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
* Saure (2014)* ชี้ชัดว่าการขาด Ca ทำให้ cell wall อ่อนแรง ผิวแตกง่าย
* Ferguson (1999)* พบความสัมพันธ์ตรงระหว่างปริมาณ Ca กับความทนต่อการแตกของผลไม้
3) ความชื้นสูง–ความร้อนสูง = ผิวผลเสียแบบ “ไหม้” และ “ลวก”
สภาพแวดล้อมที่เสี่ยง:
* แดดจัดทันทีหลังฝน
* ความชื้นสูง + อากาศร้อน
* ลมร้อนจัดช่วงกลางวัน
ทำให้เกิด:
* ผิวไหม้แดด (sunburn browning)
* ผิวลวกคล้ายโดนไอน้ำ
* ผิวด้าน–ผิวกระด้าง–สีไม่สม่ำเสมอ
งานวิจัยสนับสนุน
* *Racsko & Schrader (2012)* พบว่าผลไม้เจอแดด > 45°C จะเกิดผิวไหม้จากการเสื่อมของเยื่อหุ้มเซลล์
* งานของ *Torres et al. (2020)* ยืนยันว่าความชื้นสูงทำให้ผิวดูดซึมน้ำจน cuticle เสียความแข็งแรง
4) ธาตุอาหารรอง–เสริม ขาดสมดุล = ผิวเสียเร็วเป็นพิเศษ
ผิวผลไม้ต้องอาศัยธาตุหลายตัวร่วมกัน ได้แก่
* Ca: เสริมแรงผิว
* B (โบรอน): ยึดเกาะ cell wall
* Zn / M*: ช่วยสร้างเอนไซม์ป้องกัน stress
* Si (ซิลิคอน): เคลือบผิวให้หนาและทนต่อ stress
เมื่อขาดตัวใดตัวหนึ่ง → ผิวผลจะสูญเสีย “elasticity” และความทนทาน
งานวิจัย
* Marschner (2012) รายงานว่า B ช่วยสร้างโครงสร้าง cell wall ให้เหนียว
* Liang (2007) แสดงว่า Si ลดอาการแตกร้าวในผลไม้หลายชนิดได้จริง
5) พันธุกรรมพืช: บางสายพันธุ์ผิวแตกง่ายเป็นพิเศษ
เช่น
* มะม่วงสายพันธุ์ผิวบาง
* ลำไยผลใหญ่
* องุ่นผิวบาง
* ทุเรียนบางสายพันธุ์
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์:
Cuticle บางกว่า → น้ำซึมเข้าผิวได้เร็ว → เสี่ยงแตกมากกว่า
งานวิจัยโดย *Knoche (2018)* ระบุว่าความหนาของ cuticle และองค์ประกอบของ wax เป็นตัวกำหนดความทนทานต่อการแตกของผิว
6) โรคพืชที่เกิดหลังผิวแตก (Secondary Infection)
ผิวแตก → น้ำเข้าเซลล์
รอยแผล → เปิดทางให้เชื้อรา เช่น Colletotrichum, Alternaria, Botrytis
ทำให้:
* ผิวเป็นปื้นดำ
* ผิวเน่า
* แผลขยายวง
หมายเหตุ: เชื้อราไม่ใช่ “ต้นเหตุหลัก” แต่เป็นผลตามหลังการแตกร้าวจากสภาพแวดล้อม
วิธีป้องกันคือควบคุมน้ำ–ลดช็อกน้ำ–เสริม Ca+B–ใช้สารเสริมซิลิคอน และจัดการแสงแดด
Reference (คัดจากงานวิจัยจริง)
* Glenn, G.M. & Poovaiah, B.W. (1989). Cuticular properties and fruit cracking. *Journal of Plant Physiology.*
* Saure, M.C. (2014). Why fruit cracking occurs — A review. *Acta Horticulturae.*
* Racsko, J. & Schrader, L. (2012). Sunburn of fruits: Causes and prevention. *Horticultural Reviews.*
* Ferguson, I. (1999). Calcium and fruit quality. *Postharvest Biology and Technology.*
* Knoche, M. (2018). Physiology of fruit skin and cracking. *Horticultural Plant Journal.*
* Liang, Y. (2007). Silicon-mediated resistance to stresses in plants. *Environmental and Experimental Botany.*
* Torres, C. et al. (2020). Humidity effects on fruit cuticle integrity. *Frontiers in Plant Science.*
#ผลไม้ผิวแตก #ผลไม้ผิวเสีย #ทำไมผลไม้แตก #เกษตรความรู้ #ฮอร์โมนพืช #ธาตุอาหารพืช #แคลเซียมโบรอน #การจัดการสวนผลไม้ #โรคผลไม้ #เกษตรกรไทยต้องรู้