[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - ตรวจฉลาก
17 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 1 หน้า, หน้าที่ 2 มี 7 รายการ

การทำฉลากโภชนาการ ขั้นตอนส่งตรวจฉลากโภชนาการ
การทำฉลากโภชนาการ ขั้นตอนส่งตรวจฉลากโภชนาการ



การตรวจ เพื่อออกฉลากโภชนาการ ติดต่อเซ็นทรัลแล็บเพื่อใช้บริการได้ง่ายๆแล้วในวันนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ของเซ็ลทรับแล็บ ที่ให้บริการออนไลน์สำหรับตรวจวิเคราะห์ การทำฉลากโภชนาการ และการตรวจอื่นๆแล้ว เข้าใช้บริการได้ที่ http://ไปที่..link..

คลิบวีดีโอ อธิบายการกรอกฟอร์มส่งตรวจ http://ไปที่..link..
อ่าน:3427
ไส้กรอก-หมูยอ เปิดกฎหมายคุม คุณภาพห่วย โทษหนัก-คุกหัวโต
ไส้กรอก-หมูยอ เปิดกฎหมายคุม คุณภาพห่วย โทษหนัก-คุกหัวโต
ตรวจสอบข้อกฎหมายสำคัญคุมสินค้าไร้คุณภาพ หลังเกิดกรณีเจ้าหน้าที่บุกทลายแหล่งผลิตไส้กรอก ลูกชิ้น และหมูยอ ไม่มีคุณภาพ แสดงฉลากไม่ถูกต้อง

หลังจากเกิดกรณีพบผู้บริโภค ซึ่งเป็นเด็กหลายรายเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากการรับประทานไส้กรอก และเกิดภาวะ methemoglobinemia (เมธฮีโมโกลบินนีเมีย) จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานเป้าหมายใน จังหวัดชลบุรี

พร้อมตรวจสอบผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ทั้งไส้กรอก ลูกชิ้น หมูยอ ซึ่งจากการเข้าไปฉลากผลิตภัณฑ์หลายรายการ ตรงกับฉลากผลิตภัณฑ์ที่ได้ข้อมูลจากผู้ป่วยว่าบริโภคแล้วเกิดอาการผิดปกติ และยังพบว่า ฉลากสินค้าไม่แสดงเลขสารบบอาหาร ถือเป็นการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง

อีกทั้งจากการตรวจสอบสถานที่ผลิตแห่งนี้ ตามหลักเกณฑ์ GMP ที่กฎหมายกำหนด พบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ (ได้คะแนนรวม 19 คะแนน คิดเป็น 16.67%) และยังพบข้อบกพร่องอื่น ๆ เช่น ไม่มีการควบคุมการผลิต ในกรณีที่มีการใช้วัตถุเจือปนอาหารอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตามหากมาดูในแง่การตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่า มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง ตั้งแต่ ฉลากสินค้า รวมไปถึงสถานที่ผลิต

โดยส่วนแรก คือ ฉลากสินค้า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 กำหนดรายละเอียดไว้ ดังนี้

1. ชื่อประเภท หรือชนิดของสินค้าที่แสดงให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร กรณีที่เป็นสินค้าที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิต

2. ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขายในไทย

3. ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในไทยของผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย

4. สถานที่ตั้งของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือของผู้สั่งหรือผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย แล้วแต่กรณี

5. แสดงขนาดหรือมิติ หรือปริมาณหรือปริมาตร หรือน้ำหนักของสินค้า แล้วแต่กรณี สำหรับหน่วยที่ใช้จะใช้ชื่อเต็ม หรือชื่อย่อ หรือสัญลักษณ์แทนก็ได้

6. ต้องแสดงวิธีใช้ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าสินค้านั้นใช้เพื่อสิ่งใด

7. ข้อแนะนำในการใช้หรือห้ามใช้ เพื่อความถูกต้องในการใช้ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภค เช่น ห้ามใช้ของมีคมกับการแซะน้ำแข็งในตู้เย็น

8.คำเตือน (ถ้ามี)

9.วันเดือนปีที่ผลิต หรือวันเดือนปีที่หมดอายุการใช้ หรือวันเดือนปีที่ควรใช้ก่อน วันเดือนปีที่ระบุนั้น เพื่อให้เข้าใจในประโยชน์ของคุณภาพหรือคุณสมบัติของสินค้านั้น (ถ้ามี)

10. ราคา โดยระบุหน่วยเป็นบาท และจะระบุเป็นเงินสกุลอื่นด้วยก็ได้

หากผู้ประกอบธุรกิจรายใดไม่จัดทำฉลากสินค้า หรือจัดทำฉลากไม่ถูกต้องตามประกาศดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนต่อมาคือ กรณีการพบสารต้องห้ามในอาหาร โดยเฉพาะในไส้กรอก ลูกชิ้น และหมูยอ จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 25 ฐาน ผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากเป็นอาหารปลอม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5_000 บาทถึง 1 แสนบาท

อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบแหล่งผลิต และยึดของกลางกว่า 32 รายการ เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ฝ่าฝืนมาตรา 6(7) สถานที่ผลิตอาหารไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการผลิตที่ดี (GMP) โทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และฝ่าฝืนมาตรา 6(10) ผลิตภัณฑ์อาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง โทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
แชมพู-ครีมอาบน้ำ อย.ชี้ไม่พบการปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง
แชมพู-ครีมอาบน้ำ อย.ชี้ไม่พบการปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง
อย. เผยไม่พบ แชมพู - ครีมอาบน้ำ ยี่ห้อจอห์นสันแอนด์จอน์หสันที่ขายในไทย มีสารปนเปื้อนมะเร็ง รวมถึงยาย้อมผมดำ ยี่ห้อเรฟลอน ไม่มีการนำเข้า หลังจีน-เวียดนาม สั่งเก็บออกจากชั้น ไม่นอนใจสั่งสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ซ้ำ เฝ้าระวังเข้มด่านอาหารและยาทั่วประเทศ หวั่นสินค้าลักลอบเล็ดรอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประเทศจีนและเวียดนาม มีการสั่งเก็บสินค้าประเภทแชมพูและครีมอาบน้ำ สำหรับเด็กของบริษัท จอห์นสันแอนด์จอน์หสัน เพราะมีสารไดออกซิน (Dioxin)_ สารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ปนเปื้อน และยาย้อมผมดำ ยี่ห้อเรฟลอน ซึ่งมีสารเมตะ - ฟีนิลีนไดแอมีน (m-phenylenediamine) ปนเปื้อน ออกจากชั้นจำหน่ายสินค้า เพราะเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งนั้น

ภก.วีรวรรณ แตงแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าว ที่นำมาขึ้นทะเบียนจำหน่ายในประเทศไทย พบว่า เป็นการนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย และไม่มีการรายงานว่าใช้สารไดออกซิน และฟอร์มาลดีไฮด์ ส่วนยาย้อมผมดำ ยี่ห้อเรฟลอน ไม่พบรายงานการนำเข้ามาในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สุ่มตรวจสินค้าที่จำหน่ายในประเทศอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย

ภก.วีรวรรณ กล่าวว่า สารไดออกซิน และ สารเมตะ - ฟีนิลีนไดแอมีน อยู่ในบัญชีสารต้องห้าม ไม่สามารถเติมลงในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ เพราะเป็นสารเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ก่อให้เกิดมะเร็ง และมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง ส่วนฟอร์มาลดีไฮด์ ถือเป็นสารควบคุมพิเศษ สามารถใช้เป็นวัตถุกันเสียได้ แต่ต้องเติมลงในผลิตภัณฑ์ตามที่กำหนด เช่นผลิตภัณฑ์ทั่วๆ ไป สามารถเติมได้ในปริมาณร้อยละ 0.2 ของปริมาณทั้งหมด และหากเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดฉีดพ่นในช่องปาก จะต้องไม่เกินร้อยละ 0.1 ของปริมาณทั้งหมด และเป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในยาทาเล็บ มีคุณสมบัติทำให้เล็บแข็ง แต่ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อที่สัมผัสได้ด้วย จึงเป็นสารที่ต้องจำกัดปริมาณให้อยู่ภายใต้การควบคุม

ที่ผ่านมา อย. มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอไม่ให้เติมสารต้องห้ามลงไป และมีข้อตกลงระดับอาเซียนในเรื่องการเฝ้าระวังอันตรายจากสารต่างๆ หากประเทศสมาชิกพบสารที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์ จะต้องรายการให้ประเทศสมาชิกทราบเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากประเทศจีน และเวียดนาม แต่จะเฝ้าระวังสินค้าในกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะด่านอาหารและยาทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัย เพราะแชมพูเป็นสินค้าประเภทที่ต้องสัมผัสบ่อยครั้งโดยเฉพาะเป็นสินค้าสำหรับเด็ก จึงไม่ควรปล่อยให้เสี่ยงเกิดอันตรายในระยะยาวขึ้น ภก.วีรวรรณ กล่าว

ภก.วีรวรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกซื้อสินค้า อยากให้ผู้บริโภคเลือกสินค้าที่มีชื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า อย่างเสี่ยงซื้อสินค้าที่ไม่มีแหล่งที่มา เพราะอาจเสี่ยงกับสารที่เป็นอันตราย และไม่สามารถติดตามเอาผิดใครได้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ส่วนของปลอมที่ลักลอบจำหน่าย อย.มีการสุ่มตรวจอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ตรวจวิเคราะห์ หาสารเจือปน ที่อาจเป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรสังเกตฉลาก และเลือกซื้อสินค้าจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และสามารถตรวจสอบได้กับสายด่วน อย. 1556 หากไม่มั่นใจ


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
รู้หรือยัง! การขอ อย. ขั้นตอนและหลักฐานที่สำคัญ
รู้หรือยัง! การขอ อย. ขั้นตอนและหลักฐานที่สำคัญ
การทำธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับ เรื่องของกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทใดก็ตามจะต้องมีกฏหมายและมีมาตรฐานของธุรกิจนั้นๆที่ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้เข้ามาหากำไรจากการขายสินค้าและบริการที่ไม่มีคุณภาพอันจะส่งผลเสียต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะในหมวดหมู่ของอาหารเราจะคุ้นหูและรู้จักกันดีกับหน่วยงานที่เรียกว่าสำนักคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขผู้มีหน้าที่ให้การรับรองแก่สินค้าประเภทอาหารในลักษณะของเครื่องหมาย อย.

คำถามคือว่าแล้วจำเป็นแค่ไหนที่หากเราจะทำธุรกิจอาหารขึ้นมาจะต้องขออนุญาติทุกครั้งไปหรือไม่ และเพื่อให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ตรงกันจะพาทุกท่านไปดูทีละขั้นตอนกับบทนิยมแห่งคำว่าอาหารไปจนถึงขั้นตอนการขอใบอนุญาต เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินธุรกิจของทุกคน นิยามคำว่าอาหารตามพระราชบัญญัติ อาหาร ในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 หมายถึง วัตถุทุกชนิดที่คนกิน ดื่ม หรือนำเข้าสู่ร่างการ แต่ ไม่รวมถึงยา วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หรือยาเสพติดให้โทษ

นอกจากนี้อาหารยังรวมถึงวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหาร วัตถุเจือปนอาหาร สี เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรสด้วย โดยปัจจุบันนี้ประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ได้รวมตัวกันเป็นชมรมหรือสหกรณ์ นำวัตถุดิบที่ได้จากการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อบริโภคหรือจำหน่ายเป็นการช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ เช่น เครื่องดื่มทำจากผลไม้ท้องถิ่น เครื่องดื่มจากสมุนไพร กะปิ น้ำปลา ขนมหวาน อาหารขบเคี้ยว เป็นต้น

ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องสะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพหรือมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ผู้ผลิตอาจต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายต่อไปซึ่งก็มีคำถามตามมาอีกว่าอ้าว! แล้วอาหารแบบไหนละที่ต้องขออนุญาตในการผลิต โดยในที่นี้ได้แบ่งไว้เป็น 2 หมวดหลักๆคือ 1.กลุ่มอาหารที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย. อาหารกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ไม่แปรรูปหรือถ้าแปรรูปก็จะใช้กระบวนการผลิตง่าย ๆ ในชุมชน ผู้บริโภคจะต้องนำมาปรุงหรือผ่านความร้อนก่อนบริโภค อาหารกลุ่มนี้ผู้ผลิตที่มีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่าย โรงงาน (ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่ำกว่า 5 แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า 7คน) สามารถผลิตจำหน่ายได้โดยไม่ต้องมาขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แต่ต้องแสดงฉลากอาหารที่ถูกต้องไว้ด้วย 2.กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย. อาหารกลุ่มนี้เป็นอาหารที่มีการแปรรูปเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารสำเร็จรูปแล้ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภคในระดับต่ำ ปานกลางหรือสูง แล้วแต่กรณี ได้แก่

อาหารที่ต้องมีฉลาก อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน หรืออาหารควบคุมเฉพาะ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องขออนุญาตสถานที่ผลิตอาหารและขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร หรือจดทะเบียนอาหาร หรือแจ้งรายละเอียดของอาหารแต่ละชนิดแล้วแต่กรณี ได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

เอกสารสำคัญที่ต้องจัดเตรียมเพื่อขอจัดตั้งโรงงาน/สถานที่ผลิต สำเนาบัตรประชาชนผู้มีอำนาจ สำเนาทะเบียนบ้านผู้มีอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (เฉพาะกรณีเป็นนิติบุคลล) สำเนา ภพ.20 (เฉพาะกรณีเป็นนิติบุคคล) สำเนาทะเบียนบ้านของร้าน หรือบริษัท (กรณีที่อยู่ดังกล่าว ไม่ตรงกับที่อยู่ผู้มีอำนาจ) แผนที่ตั้งของร้าน หรือบริษัท แผนผังภายในร้าน หรือบริษัท ระบุ สถานที่ผลิต_ บรรจุ_ เก็บสินค้า ให้ชัดเจน สินค้าตัวอย่างพร้อม ฉลาก ภาพจาก goo.gl/aLQjA8 อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตผลิตอาหาร ใช้คนงานตั้งแต่ 7 -19 คน โดยไม่ใช้เครื่องจักร จนถึงเครื่องจักรไม่ถึง 5 แรงม้า (เข้าข่ายโรงงาน) 3_000 บาท ใช้คนงานตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป โดยไม่ใช้เครื่องจักรจนถึงเครื่องจักรไม่ถึง 5 แรงม้า (เข้าข่ายโรงงาน) 5_000 บาท ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 5- 91 แรงม้า 6_000 บาท ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 10 -24 แรงม้า 7_000 บาท ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ 25 – 49 แรงม้า 8_000 บาท ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังตั้งแต่ 50 แรงม้า ขึ้นไป 10_000 บาท

สำหรับกรณีไม่เข้าข่ายโรงงาน ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น (ฟรี) หลักฐานสำคัญเพื่อใช้ขอรับเลขสารบบอาหาร (อย.) ใบจดทะเบียนอาหาร/แจ้งรายละเอียดอาหาร (แบบ สบ.5) จำนวน 2 ฉบับ สำเนาการได้รับอนุญาตตั้งสถานที่ผลิต ใบรับรองสถานที่ผลิตอาหารที่เทียบเท่าเกณฑ์ Primary GMP ภาพจาก goo.gl/kh2tba สรุป 4 ขั้นตอนการขอเครื่องหมาย อย. จัดเตรียมสถานที่ผลิตอาหารให้ได้ตามหลักเกณฑ์วิธีการผลิตที่ดี (GMP: GOOD MANUFACTURING PRACTICE) จัดเตรียมเอกสารโดยติดต่อขอข้อมูลได้ที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอที่เป็นที่ตั้งของสถานที่ผลิตอาหารทุกแห่ง ยื่นเอกสารขออนุญาตตั้งสถานที่ผลิตอาหาร พร้อมนัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อตรวจสถานที่ ยื่นขอเอกสารอนุญาตขอรับเลขสารบบ 13 หลัก (เลข อย.) ตามแต่ชนิดของผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม ได้แก่ อาหารควบคุมเฉพาะ_ อาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน และอาหารที่ต้องมีฉลาก สถานที่ยื่นคำขออนุญาต

ในกรณีสถานที่ผลิตตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอที่ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (0ne stop service center )สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรณีสถานที่ผลิตตั้งอยู่ต่างจังหวัดให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานสาธารณสุขในจังหวัดนั้นๆ นี่คือเรื่องพื้นฐานในทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่สันทัดในการเดินเอกสารก็มีหลายบริษัทที่เข้าทำหน้าที่รับดำเนินการแทน แต่เราก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางที่ดีเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากทำเองก็จะช่วยลดต้นทุนได้ดีกว่าสำคัญคือสินค้าเรามีคุณภาพสถานที่ผลิตได้มาตรฐานทุกอย่างก็ผ่านอนุมัติง่ายและเร็วแน่นอน แต่สำหรับท่านใดที่มองว่าอยากเริ่มธุรกิจแบบที่ไม่ต้องยุ่งยากไม่ต้องขอจดทะเบียนให้วุ่นวายก็อาจจะเลือกลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งเรามีให้เลือกมากมายตามความต้องการของทุกท่าน

ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
เตือนกัญชาผสมในขนม เครื่องดื่ม กินเข้าไปมาก ส่งผลอาการรุนแรงได้เท่ากับเสพโดยตรง
เตือนกัญชาผสมในขนม เครื่องดื่ม กินเข้าไปมาก ส่งผลอาการรุนแรงได้เท่ากับเสพโดยตรง
25พ.ย.62-นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 สามารถนำกัญชาไปทำการศึกษาวิจัย และพัฒนาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และนำไปใช้ในการรักษาโรคภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์เท่านั้น ในประเทศไทย ยังไม่ได้รับการยกเว้น หรืออนุญาตให้ผลิต หรือนำเข้ากัญชาที่ผสมในอาหาร หรือเครื่องดื่ม แต่มีบางประเทศ เช่น รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา แคนาดาอนุญาตให้นำกัญชาผสมในขนม อาหาร หรือเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ และประชาชนสามารถใช้ได้เองอย่างถูกกฎหมาย ในรูปแบบของ คุกกี้ บราวนี่ ช็อกโกเลต ลูกอม อมยิ้ม เยลลี่ ขนมขบเคี้ยว หรือเครื่องดื่ม

แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการควบคุมคุณภาพในการผลิต ไม่มีสารอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มีการจำกัดปริมาณและต้องมีฉลากระบุปริมาณของสารไว้อย่างชัดเจนภายใต้กฎหมายควบคุม และบรรจุในภาชนะที่ป้องกันเด็ก เนื่องจากอาจเข้าใจผิดว่าเป็นขนมเพราะส่วนใหญ่จะมี สี กลิ่น รส น่ารับประทาน จนทำให้เกิดอันตรายได้

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า กัญชามีสารสำคัญตัวหนึ่งคือ ทีเอชซี ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง คือ มีฤทธิ์ต่อสมองและทำให้ร่างกายอารมณ์ และจิตใจเปลี่ยนแปลงไป ทีเอชซีจะออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ อารมณ์ดี หัวเราะและหัวใจเต้นเร็ว ต่อมาจะกดประสาททำให้ผู้เสพมีอาการมีนงง เซื่องซึมและง่วงนอน หากเสพเข้าไปในปริมาณมากๆจะหลอนประสาททำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตนเองไม่ได้ มีการนำมาใช้ ในทางที่ผิดโดยการสูบ เคี้ยว หรือผสมกัญชาลงในอาหาร ในกรณีสูบกัญชาจะเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วภายใน 2-3 นาที และจะออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทได้สูงสุดถึง 1 ชั่วโมง

แต่การรับประทานใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานราวหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่า และจะถูกเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ในกรณีไม่เคยเสพกัญชา จะอยู่ในร่างกายได้นาน 2-5 วัน สามารถตรวจหาสารสำคัญของกัญชาได้ในปัสสาวะ ด้วยชุดทดสอบกัญชาเบื้องต้นและ ยืนยันผลโดยใช้เครื่องมือชั้นสูง ได้แก่ เครื่องแก๊สโครมาโตกราฟี-แมสสเปกโทรมิเตอร์ (GC-MS) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักยาและวัตถุเสพติด

การรับประทานอาหารที่ผสมกัญชา ออกฤทธิ์ได้เช่นเดียวกับการเสพ แต่ช้ากว่า จึงพบอาการข้างเคียงจากการใช้กัญชาในปริมาณเกินขนาดจนเกิดอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ตาม การออกฤทธิ์จะขึ้นกับชนิด ปริมาณของสารสำคัญ และการตอบสนองที่แตกต่างกันในแต่ละคน การรับประทานจะไม่ทำให้กลิ่นติดตัวเหมือนการสูบ จึงนิยมใช้ในสถานบันเทิง การผสมในอาหารส่วนใหญ่จะมีสี กลิ่น และรสที่น่ารับประทาน จะไม่สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอกว่ามีกัญชา ผสมหรือไม่ แต่อาจสังเกตที่สัญลักษณ์บนฉลากจะมีคำว่า cannabis_ THC_ CBD หรือ Hemp ต้องระมัดระวังและ ไม่รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า และให้ความรู้กับเยาวชนเพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ นพ.โอภาสกล่าว
ไขข้อข้องใจ … ทำไมแหนมถึงกินดิบได้?
ไขข้อข้องใจ … ทำไมแหนมถึงกินดิบได้?
ไขข้อข้องใจ … ทำไมแหนมถึงกินดิบได้?
การรับประทานอาหารดิบนั้นเสี่ยวต่อการเป็นโรคพยาธิ ปวดท้อง อุจจาระร่วง กล้ามเนื้ออักเสบ หายใจไม่สะดวกและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นเราจึงไม่นิยมรับประทานอาหารแบบดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบกันมากนัก แต่มีอาหารอยู่ชนิดหนึ่งที่มักจะเห็นหลายๆ คนรับประทานแบบดิบกันนั่นก็คือ แหนม นั่นเอง

แหนมทำมาจากเนื้อหมูดิบที่ผ่านกระบวนการหมักออกมาให้เราได้รับประทานกัน ซึ่งการหมักนั้นจะเกิดเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคได้หากผ่านการหมักไม่ได้มาตรฐาน แต่หลายๆ คนก็หลงลืมและมองข้ามไปแล้วนำมากินดิบๆ กัน โดยเฉพาะนักดื่มทั้งหลายมักจะนำแหนมมากินดิบเพื่อแกล้มกับเครื่องดื่ม ซึ่งถือว่าเสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วยมาก ดังนั้นเราแนะนำว่าให้เพื่อนๆ รับประทานเมนูแหนมต่างๆ แบบปรุงสุกให้ดีเสียก่อน แต่หลายๆ คนก็บอกว่าชอบรสชาติของการกินดิบมากกว่า จะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เราได้กินดิบๆ แบบสะอาดและปลอดภัยเพราะเห็นบางคนก็กินดิบกันแล้วไม่เป็นอันตรายอะไร

หากเพื่อนๆ อยากกินดิบเราแนะนำให้กินแหนมฉายรังสี เพราะแหนมฉายรังสีคือแหนมที่ทำมาเพื่อให้เรากินดิบได้โดยเฉพาะ และควรเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน อย่าง แหนมสุทธิลักษณ์ ที่ผ่านการฉายรังสี 2 กิโลเกรย์ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อการรับประทานและยังได้รับการรับรองจาก WHO องค์การอนามัยโลก_ FAO องค์การอาหารและเกษตรสหประชาชาติ และ IAEA ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และก็ไม่ต้องกังวลว่าแหนมฉายรังสีจะเป็นอันตราย เพราะว่าปลอดภัยมากๆ แถมยังสะอาดและได้มาตรฐานอีกด้วย

เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าการรับประทานแหนมแบบดิบเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องเลือกแหนมที่ผ่านการฉายรังสีและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ หากคราวหน้าอยากรับประทานแบบดิบๆ ก็เลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
มาแรง! สินค้าขนม เติบโตสูงในตลาดส่งออก
มาแรง! สินค้าขนม เติบโตสูงในตลาดส่งออก
รัฐบาลชี้ช่องโอกาสส่งออกสินค้าหมวดขนม จีน/ญี่ปุนมาแรง ก.พาณิชย์พร้อมสนับสนุนข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค

วันที่ 21 มีนาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ในประเทศที่เป็นตลาดส่งออก เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการผลิตและส่งออกให้กับผู้ประกอบการของไทย ซึ่งกลุ่มสินค้าขนม เป็นหนึ่งในสินค้าหมวดอาหารที่มีโอกาสเติบโตอย่างมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะ ในจีน และญี่ปุ่น กอปรกับภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่คนหาสิ่งเพลิดเพลินทำในบ้านแทนการออกไปใช้เวลาในที่สาธารณะ ถือเป็นปัจจัยเสริมการส่งออกในภาพรวมอีกด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยผลิตสินค้าให้ตรงกับพฤติกรรมการบริโภค เอาผู้ซื้อเป็นตัวตั้ง เป็นนโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ และที่ผ่านมา ตัวเลขการส่งออกสินค้าอาหารที่โตขึ้นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ข้อมูลที่น่าสนใจจากการศึกษา อาทิ กลุ่มนักศึกษาจีน กลุ่มเพศหญิงจะนิยม ขนมแป้งเส้นรสเผ็ด ขนมหรืออาหารกระป๋อง และคุกกี้หรือเค้ก กลุ่มเพศชายจะนิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถั่ว และผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่ม กลุ่มนักศึกษาที่เกิดหลังปี 2000 ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชายนิยมดื่มน้ำผลไม้และชานม ขณะที่

ชาวญี่ปุ่นมีความต้องการสินค้าใหม่ ๆ รองรับสังคมผู้สูงอายุ เช่น ขนมที่มีการพัฒนาเป็น Functional food ที่มีคุณสมบัติการให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เยลลี่เหลวแบบสำหรับดื่มที่ให้พลังงานและเส้นใย หรือขนมที่มีนวัตกรรม เช่น ลูกอมดับกลิ่นปากที่ลดความแรงของมินท์ เพื่อให้เหมาะกับเวลาใส่หน้ากากอนามัย และขนมเคี้ยวหนึบ ที่มีการใช้นวัตกรรมในการผลิต เพื่อสร้างความแปลกใหม่ รวมถึงให้ความสำคัญกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิตเปลี่ยนจากการใช้พลาสติกมาเป็นกระดาษมากขึ้น และลดปริมาณบรรจุภัณฑ์มากเกินจำเป็นลงมา เช่น ใช้พลาสติกที่บางลง หรือยกเลิกการใช้ถาดพลาสติก เป็นต้น

สินค้าขนมของไทยมีโอกาสเติบโตในหลายประเทศ ซึ่งในการผลิตต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย โดยเป็นปัจจัยที่ผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก นอกจากนั้น จะต้องพิจารณาใช้บรรจุภัณฑ์และขนาดบรรจุที่เหมาะสมกับแนวโน้มของตลาด รวมทั้งควรติดตามศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมในช่วงนั้น ๆ สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ http://ไปที่..link.. หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169 นางสาวรัชดา กล่าว


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
อยากขายของ ในห้าง ต้องอ่าน!
อยากขายของ ในห้าง ต้องอ่าน!
เชื่อแน่ว่าผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs อยากขายของ และอยากจะให้สินค้าของตัวเองมียอดขายพุ่งกระฉุดกันทุกคน แต่ด้วยข้อจำกัดที่มากมายของธุรกิจ SMEs ก็อาจเป็นได้แค่เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ถ้าเป็นไปได้ผู้ประกอบการหลายรายก็อยากจะให้สินค้าของตัวเองเข้าไปวางขายบนชั้นวางสินค้าของห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงร้านสะดวกซื้อต่างๆ เพราะจะสามารถเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าได้อย่างแน่นอน

แต่การจะนำสินค้าเข้าไปขายในห้างเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของ SMEs มากนัก ถ้ามีความพยายามและตั้งใจอย่างแน่วแน่ โดยไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ วันนี้ มีเคล็ดลับการขายสินค้าผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงร้านสะดวกซื้อให้ประสบความสำเร็จ มาฝากผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ที่มีสินค้าดี และกำลังมองหาช่องทางการขายเหล่านี้

1.สินค้าต้องมีแบรนด์ ถึงแม้ว่าธุรกิจของคุณจะเป็น SMEs แต่ถ้าอยากจะติดปีกบินไปในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่จำเป็นต้องมีแบรนด์สินค้า เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถจดจำสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อต้องจดจำได้ง่าย และสะท้อนถึงตัวตนสินค้าของคุณ อีกทั้งแพ็คเกจสินค้าต้องโดดเด่นสวยงามมีเอกลักษณ์ ดึงดูดสายตาลูกค้าได้ เพราะช่องการขายขนาดใหญ่เหล่านี้ ไม่ได้มีสินค้าของคุณวางจำหน่ายเพียงแบรนด์เดียว แต่มีสินค้าวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก

2.ต้องสร้างความแตกต่าง หากคุณต้องการขายสินค้าในห้างให้ประสบความสำเร็จ สินค้าของคุณต้องมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น เพราะจะสามารถสร้างความได้เปรียบมากกว่าสินค้าอื่นๆ อีกกว่าร้อยหรือพันรายการ ซึ่งจะเป็นเรื่องยากที่ลูกค้าจะหยิบหรือก้มดูสินค้าถ้าสินค้าของคุณไม่มีความแตกต่าง เพราะโดยพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเดินไปที่สินค้าใหม่ๆ แปลกตา ซึ่งความแตกต่างของสินค้าจะเป็นจุดขายที่จะให้สินค้าคุณสามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ๆ ที่วางขายในช่องทางเดียวกันได้

3.ต้องรักษาคุณภาพสินค้า คุณภาพสินค้าเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องเอาใจใส่มากๆ เรียกได้ว่าจะต้องรักษาเอาไว้ยิ่งชีพเลยก็ว่าได้ เพราะในการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า คงคาดหวังว่าคุณภาพสินค้าที่ซื้อในวันนี้จะเหมือนกันกับที่ซื้อไปเมื่อครั้งก่อน หากคุณรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าเอาไว้ก็จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำไปเรื่อยๆ คงไม่มีใครที่จะซื้อสินค้าที่มีคุณภาพแค่เพียงครั้งเดียว อีกทั้งถ้าคุณไม่รักสามารถรักษาคุณภาพสินค้าให้คงที่เหมือนเดิมได้ โอกาสที่สินค้าคุณจะถูกยกเลิกให้ขายในห้างก็มีสูง

4.ต้องส่งสินค้าต่อเนื่อง ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจ SMEs ประสบความสำเร็จและมียอดขายเพิ่มกระฉูดดั่งใจหวัง เพราะการส่งสินค้าเข้าไปวางขายในห้างหรือร้านสะดวกซื้ออย่างต่อเนื่อง จะทำให้ลูกค้ามองเห็นสินค้าของคุณอย่างสม่ำเสมอ คนหนึ่งซื้อไปแล้วคนต่อไปก็สามารถหยิบจับและซื้อต่อได้ด้วย ไม่ใช่ซื้อไปแล้วคนหนึ่ง คนต่อไปต่อไปไม่สามารถหาซื้อได้ ดังนั้น หากคุณสามารถผลิตและส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ไม่ขาดตลาด ก็จะเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจคุณมียอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังทำให้คู่ค้าที่เป็นช่องทางการขายทั้งหลาย ให้ความไว้วางใจสินค้าของคุณให้ขายในห้างต่อไปได้ แต่ก็มี SMEs หลายรายที่สามารถนำสินค้าเข้าไปขายในช่องทางเหล่านั้นได้ ต้องหลุดจากวงโคจรไป เพราะไม่สามารถผลิตและส่งสินค้าได้ทันเวลาที่กำหนดไว้ได้ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ ต้องทำการประเมินกำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อการสั่งซื้อด้วย

5.ต้องมีความสามารถเจรจาต่อรอง หากคุณมีความสามารถในการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าที่เป็นช่องทางการขายขนาดใหญ่แล้ว ก็จะเป็นการเปิดประตูโอกาสให้สินค้าคุณเข้าไปวางขายได้ โดยคุณต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าสินค้าของคุณดีมีคุณภาพ ลูกค้าซื้อไปแล้วต้องกลับมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าคุณคิดที่จะนำสินค้าไปขายในช่องทางเหล่านี้ ต้องกล้าที่จะเข้าไปเจรจาต่อรองอย่างสมเหตุสมผล ว่าทำไมสินค้าของคุณจึงเหมาะที่จะขายในห้างหรือร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการซื้อขายนั่นเอง สำหรับแบรนด์สินค้าตัวอย่างที่คนพูดถึงกันมาก ที่สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับสินค้า จนสามารถเข้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11

กระทั่งประสบความสำเร็จและมียอดขายพุ่งกระฉุด เติบโตเป็นบริษัทขนาดใหญ่ก็มี ซึ่งผู้บริโภคหลายๆ คนอาจไม่คิดว่าสินค้าเหล่านี้จะสามารถขายได้ในช่องทางการขายเหล่านี้ นั่นเพราะสินค้าเหล่านี้มีการคิดค้นนวัตกรรมการผลิตที่แตกต่าง แปลกใหม่ บรรจุภัณฑ์สวยงาม มีคุณภาพ รสชาติอร่อย ได้แก่ ข้าวโพดต้ม (แบรนด์ วี คอร์น) เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดได้เพียงแค่ 6 เดือน แตกต่างจากข้าวโพดต้มข้างถนน เก็บได้นานถึง 8 วันในตู้เย็น บรรจุภัณฑ์มีความแปลกใหม่ดึงดูดสายตาผู้บริโภคได้ดี รสชาติอร่อย หวาน หอม ไม่ติดฟัน

กล้วยปิ้ง แบรนด์ Dole กล้วยปิ้ง ปัจจุบันไม่เพียงมีแค่แบบเสียบไม้ขายข้างทาง แต่ถูกยกระดับทำออกมาในรูปแบบสำเร็จรูปวาวขายใน 7-11 บรรจุภัณฑ์สวยงามปลอดภัย ภายในมีน้ำจิ้มให้ด้วย รสชาติอร่อย ถือเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ แต่เดิมหาซื้อกินได้เฉพาะกลางวัน แต่เดี๋ยวนี้สามารถซื้อกินได้ตลอด 24 ชั่วโมง สาหร่ายอบกรอบทะเล แบรนด์ เถ้าแก่น้อย เป็นสินค้าที่ผู้บริโภครู้จักกันเป็นอย่างดี เติบโตจากธุรกิจ SMEs จนสามารถเข้าตลาดหุ้นได้สำเร็จ โดยเถ้าแก่น้อยสร้างความแตกต่างในตลาดขนมขบเคี้ยวแบบเดิมๆ แม้เริ่มต้นจะผลิตขายในห้างไม่ได้เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ได้มาตรฐาน

จนทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อย บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามเทียบเท่าญี่ปุ่น กระทั่งสามารถตอบสนองและครองใจผู้บริโภคได้สำเร็จ คุณได้เห็นแล้วว่า หากสามารถนำสินค้าที่ตัวเองผลิตขึ้นมาไปวางขายในห้างหรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ ก็จะเป็นโอกาสในการขยายตลาดให้กับสินค้าของคุณได้มากเลยทีเดียว เพราะช่องทางการขายเหล่านั้นมีมากมายกระจายทั่วประเทศ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสามารถเข้าไปได้ ดังนั้น หากโอกาสนั้นมาถึง คุณต้องรักษาประโยชน์เอาไว้ให้จงได้ครับ

ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..ยากขายของ-ในห้าง-ต้องอ่าน/
วิธีสร้างความรวย
วิธีสร้างความรวย "ด้วยข้าวเกรียบปลา"
“ข้าวเกรียบ” เป็นอาหารว่างที่คนนิยมบริโภคกันมานาน และแพร่หลายไปทั่วประเทศ โดยใช้เป็นกับแกล้ม รับประทานเล่น และยังเป็นของฝากได้อีกด้วย

“ข้าวเกรียบ” เป็นอาหารว่างที่คนนิยมบริโภคกันมานาน และแพร่หลายไปทั่วประเทศ โดยใช้เป็นกับแกล้ม รับประทานเล่น และยังเป็นของฝากได้อีกด้วย เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันจึงมีการผลิตข้าวเกรียบหลากหลายชนิดออกมา แต่ที่ยังคงครองความนิยมไม่เปลี่ยน คือ ข้าวเกรียบกุ้งและข้าวเกรียบปลา วันนี้ จึงนำข้อมูล “ข้าวเกรียบปลาทะเล” การแปรรูปวัตถุดิบที่มีอยู่มากในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ มาให้พิจารณาดู

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลการทำ “ข้าวเกรียบปลาสด” คือ มาหามะ มูนะ ประธานกลุ่มข้าวเกรียบปลาบ้านใหม่ ต.กะลุวอเหนือ จ.นราธิวาส ซึ่งเล่าให้ฟังถึงการทำข้าวเกรียบปลาของกลุ่มว่า เพราะพื้นที่ตำบล กะลุวอเหนืออยู่ติดชายทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก สมัยก่อนนั้นจะมีปลาเยอะมาก แต่ละครัวเรือนจึงมักนำปลาที่เหลือมาถนอมอาหารและแปรรูปโดยการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ทำปลาเค็ม_ หมักทำนํ้าบูดู และทำข้าวเกรียบปลา ซึ่งสามารถนำไปขายตามตลาดได้ จากนั้นก็ได้ทำออกมาขายเรื่อย ๆ

ต่อมาระยะหลังปลามีน้อย จับปลาไม่ได้ รายได้หลักที่เคยได้จากการหาปลาขาดหายไป ทำให้แต่ละครัวเรือนเกิดปัญหาการเงิน จนในที่สุดเกิดการรวมตัวของกลุ่มแม่บ้าน เพื่อผลิตสินค้าชุมชนออกจำหน่ายในท้องตลาด ปัจจุบันสมาชิกกลุ่มข้าวเกรียบปลา มีรายได้เข้ากระเป๋าเฉลี่ยคนละหลายพันบาท

อุปกรณ์ ที่ใช้ในการทำ มี เตาแก๊ส เขียง ครก อ่างผสม แผ่นกระดานสำหรับปั้นข้าวเกรียบ ลังถึงสำหรับใช้นึ่ง มีดสำหรับหั่น กระด้ง หรือแผงสำหรับตากข้าวเกรียบ และเครื่องใช้เครื่องมืออื่น ๆ ที่หยิบยืมเอาจากใน ครัวได้

วัตถุดิบ ที่ใช้ มี แป้งมัน 1 กก. เนื้อปลาหลังเขียว 600 กรัม เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 3 ช้อนโต๊ะ นํ้าตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ นํ้าเดือด 1 ถ้วยตวง นํ้าสะอาด ½1/2 ถ้วยตวง และเกลือเม็ด

ขั้นตอนการทำ “ข้าวเกรียบปลาสด”

เริ่มจากนำปลาหลังเขียวมาล้างให้สะอาด ควักไส้ทิ้งและชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ นำเนื้อปลามาล้างนํ้าเกลือเพื่อดับกลิ่นคาว 1-2 ครั้ง ก่อนจะนำไปลวกนํ้าร้อนให้เนื้อปลาพอสุก ๆ ดิบ ๆ เสร็จแล้วนำเนื้อปลาที่ได้ไปโขลกหรือบดให้ละเอียดและเหนียว

โขลกพริกไทยกับกระเทียมให้ละเอียด แล้วนำส่วนผสมพริกไทยกระเทียมที่ได้มามาผสมกับเนื้อปลาที่บดเตรียมไว้ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันดี ตั้งพักไว้สักครู่

เทแป้งมันที่เตรียมไว้ใส่ลงในอ่างผสม ค่อย ๆ เทนํ้าเดือดจัดลงในส่วนผสมแป้ง นวดแป้งกับนํ้าร้อนพอเข้ากัน แล้วจึงใส่ส่วนผสมเนื้อปลา ปรุงรสชาติด้วยเกลือ นํ้าตาล นวดส่วนผสมแป้งกับเนื้อปลาไปเรื่อย ๆ (ระหว่างนวด ต้องคอยพรมนํ้าทีละน้อย เพื่อไม่ให้แป้งแข็งจนเกินไป เพราะถ้าแป้งแข็งเกินไปข้าวเกรียบอาจจะแตกได้ )

เมื่อส่วนผสมแป้งกับเนื้อปลาเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน ให้ปั้นเป็นแท่งกลมยาว ใส่ลังถึงที่กรุด้วยใบตอง นึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วตั้งทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้ผิวนอกแข็ง เพื่อสะดวกในการหั่น

ใช้มีดหั่นข้าวเกรียบที่นึ่งแล้วเป็นชิ้น ๆ ขนาดหนา-บางตามความต้องการ นำมาวางเรียงในกระด้งให้เต็ม ก่อนจะนำไปตากแดดประมาณ 1-2 แดด เมื่อข้าวเกรียบแห้งสนิทดีแล้ว ก็พร้อมบรรจุถุงขาย หากจะรับประทานก็ให้นำไปทอดนํ้ามันร้อนจัด ข้าวเกรียบจะพองตัว กรอบ อร่อย

ข้าวเกรียบปลาสดเป็นสินค้าที่นำรายได้มาสู่สมาชิกกลุ่มค่อนข้างสูง นอกจากความอร่อยแล้ว ยังมีคุณภาพดี สด ใหม่ ผลิตจากปลาหลังเขียวแท้ ไม่มีสารกันบูด สารกันเชื้อรา ผงชูรส สารแต่งกลิ่นปรุงรสใด ๆ ไม่มีกลิ่นคาว


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..

ผู้ประกอบการ SMEs OTOP วิสาหกิจชุมชน ท่านใดกำลังมองหาแล็บทดสอบผลิตภัณฑ์ด้าย เกษตร อาหาร และสิ่งแวดล้อม
-เพื่อขอขึ้นทะเบียน อย.
-เพื่อจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า
-ส่งออกไปต่างประเทศ
-งานวิจัย
-เพื่อทราบผล

ให้เซ็นทรัลเเล็บไทยหนึ่งในผู้นำแล็บทดสอบผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆของ ASEN และได้รับการยอมรับทั่วโลก ด้วยห้องปฏิบัติการมาตรฐานระดับสากล เป็นผู้ช่ายในการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ของท่าน ผ่านวิธีการทดสอบที่ถูกต้องแม่นยำและน่าเชื่อถือ

สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์ นี้ http://ไปที่..link..
สำหรับผู้ผลิตสินค้าที่ที่ต้องการตรวจฉลากโภชนาการ สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์ นี้ http://ไปที่..link..
น้ำหมัก จุลินทรีย์ เพื่อนที่ดีของต้นไม้
น้ำหมัก จุลินทรีย์ เพื่อนที่ดีของต้นไม้
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับจุลินทรีย์กันดีกว่า จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่บทบาทของมันไม่ได้เล็กไปด้วย จุลินทรีย์มีบทบาทที่สำคัญต่อดินและพืชหลายประการ ไม่ได้เป็นแหล่งธาตุอาหารของพืชโดยตรง แต่ทำหน้าที่ “เป็นผู้ย่อยสลาย” ย่อยสลายสารประกอบอินทรีย์ที่มีโครงสร้างซับซ้อนให้มีขนาดเล็กและกลายเป็นธาตุอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งปรับสมดุลและสภาพแวดล้อมต่างๆ ในดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช

จุลินทรีย์มีหลายชนิด สามารถใช้ทางการเกษตรได้ และชนิดที่คนอาจจะคุ้นเคยและใช้กันแพร่หลายแล้วคือ จุลินทรีย์ EM (Effective Microorganisms) ลักษณะเป็นน้ำสีน้ำตาลเข้ม ที่ขยายพันธุ์ด้วยกากน้ำตาล ไม่ชอบแสงแดด แต่วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับจุลินทรีย์น้องใหม่ที่ชอบแสงแดดและมีประโยชน์ไม่แพ้กัน นั่นก็คือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือ PSB (Photosynthetic Bacteria) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่อยู่ในกลุ่มของจุลินทรีย์สีม่วง พบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตร บำบัดน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือนและอุตสาหกรรมได้เช่นกัน จุลินทรีย์กลุ่มนี้ต้องการสิ่งที่จำเป็นในการเจริญเติบโตคือแสงแดด

ความสามารถที่ไม่ธรรมดาของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นประโยชน์ด้วยมีดังนี้

1.ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคพืชได้ดี ทำให้เปลือกหรือลำต้นแข็งแรง ทนต่อการกัดกินของแมลง
2.ช่วยกระตุ้นเซลล์เจริญบริเวณปลายรากพืชให้ขยายตัวและแตกแขนงได้ดี ทำให้มีรากฝอยที่หากินเก่งจำนวนมาก จึงทำให้พืชสามารถเพิ่มผลผลิตได้ดีเนื่องจากการสะสมอาหารได้มาก
3.สามารถใช้แทนปุ๋ยยูเรีย ปุ๋ยยูเรีย คือ ปุ๋ยสังเคราะห์ที่มีส่วนประกอบของไนโตรเจนในอัตราที่สูง โดยจุลินทรีย์ใช้หลักการย่อยสลายกลุ่มก๊าซของเสียให้เป็นไนโตรเจนซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักของพืช
4.นำจุลินทรีย์ไปใช้ผสมผสานร่วมกับน้ำหมักหรือปุ๋ยสูตรต่างๆ จะทำให้ผลผลิตยิ่งเพิ่ม และคุณภาพผลิตดีขึ้นตามด้วย
5.ลดต้นทุนการผลิต เมื่อใช้เป็นประจำและต่อเนื่อง สามารถลดการใช้ปุ๋ยสูตรต่างๆ ลงได้สูงสุด 50% ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง กำไรเพิ่มมากขึ้น
6.ช่วยในการบำบัดน้ำเสีย ได้ทั้งกับน้ำเสียที่อยู่ทั่วไปในท่อ บ่อปลา ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือกับน้ำเสียจากอุตสาหกรรมก็ได้
7.ช่วยย่อยสลายของเสียในดิน โดยเฉพาะกลุ่มก๊าซไข่เน่า หรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงจะเข้าไปทำลายกำจัดก๊าซไฮโดรเจนโดยนำของเสียนั้นมาเป็นพลังงานใช้ในการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ และขับของเสียออกมาให้อยู่ในรูปกลุ่มโกรทฮอร์โมน (growth hormone) ที่มีประโยชน์ต่อพืช
8.ช่วยลดสภาวะโลกร้อน เนื่องจากจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงย่อยสลายทำลายโครงสร้างของก๊าซมีเทน (methane) ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ เป็นตัวทำลายชั้นบรรยากาศของโลกเรา และมีอยู่มากในท้องนาที่มีน้ำขังอยู่ เพียงแค่เกษตรกรนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงไปใส่ในนา นอกจากจะทำให้ต้นข้าวเติบโตแข็งแรงแล้ว ยังเป็นการช่วยปกป้องโลกของเราได้ด้วย

ในการขยายเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สิ่งที่ต้องเตรียม ประกอบไปด้วย
1.ขวดน้ำพลาสติก (สามารถเตรียมได้ทั้ง 3 ขนาด คือ 600 cc / 1500 cc / 6000 cc)
2.น้ำเปล่า (สามารถใช้น้ำฝน น้ำบ่อ หรือน้ำประปาที่พักค้างคืนไว้)
3.ไข่ (ไข่ไก่ หรือไข่เป็ดก็ได้ ไข่เน่าแล้วก็ยังได้ จุลินทรีย์ยิ่งชอบ)
4.น้ำปลา หรือกะปิ
5.ผงชูรส
6.ถ้วย ช้อน ส้อม
7.หัวเชื้อจุลินทรีย์ (ถ้ามี)

ขั้นตอนการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
1.ลอกพลาสติกที่ปิดขวดออกก่อน และกรอกน้ำลงไปในขวดให้ได้ 70% ของขวด
2.ตอกไข่ใส่ถ้วย ตีไข่ขาวและไข่แดงให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใส่น้ำปลา และผงชูรสตามไป ตีจนเข้ากันเหมือนกำลังทำไข่เจียว อัตราส่วน ไข่ 1 ฟอง : น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ : ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ จำง่ายๆ คือ 1:1:1)
3.จะใส่หรือไม่ใส่เปลือกไข่ก็ได้ ถ้าใส่ก็ช่วยเสริมแคลเซียม ให้ตำหรือบดให้ละเอียดแล้วใส่ลงในไข่ที่ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
4.ตักใข่ที่ผสมแล้วใส่ลงในขวดน้ำที่เตรียมไว้ ดังนี้
5.สำหรับขวด 600 cc ใส่ครึ่งช้อนโต๊ะ
6.สำหรับขวด 1500 cc ใส่ 1 ช้อนโต๊ะ
7.สำหรับขวด 6000 cc ใส่ 4 ช้อนโต๊ะ
8.เขย่าส่วนผสมให้เข้ากับน้ำ แล้วเติมหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะแสงลงไปให้เหลือพื้นที่วางในขวดเล็กน้อย ปิดฝาขวดให้แน่น
9.นำขวดไปวางเรียงกันในที่ที่มีแสงแดดส่องตลอดวัน
เขย่าขวดบ้าง หากมีแก๊สในขวดมากก็เปิดฝาระบายออกได้ รอจนกว่าจะเป็นสีแดงเข้มทั้งขวดจึงจะนำไปใช้ได้ (ถ้าใส่หัวเชื้อใช้เวลา 2 อาทิตย์จึงแดงดี ถ้าไม่มีหัวเชื้อใช้เวลาประมาณ 1 เดือน)

เท่านี้ ก็ได้จุลินทรีย์ใช้กันแล้ว ซึ่งทำไม่ยากเลยแต่แค่ต้องใจเย็นในการรอให้จุลินทรีย์ขยายตัว โดยปริมาณการใช้ จะใช้จุลินทรีย์ 200 CC ผสมน้ำ 20 ลิตร (ใช้กะปริมาณได้ไม่ต้องเป๊ะมาก ประมาณจุลินทรีย์ 1 แก้ว ต่อน้ำ 1 กะละมัง) ฉีดพ่นหรือรดน้ำทุกๆ 5-7 วัน ซึ่งใช้ทางการเกษตรในการปลูกต้นไม้ ดังนี้

-ใช้แช่เมล็ดพืช ก่อนปลูก 1-2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ช่วยให้รากพืชงอกเร็วและแข็งแรง ลดการติดเชื้อกำจัดเชื้อราหรือแบคทีเรียก่อโรคที่เมล็ดพืช ใช้ตั้งแต่เริ่มต้นปลูกสามารถควบคุมไม่ให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่าได้
-ใช้เตรียมดินปลูก ฉีดพ่นลงพื้นดินที่เพาะปลูก จะช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย ลดความเป็นกรดในดิน และลดเชื้อโรคในดิน
-ใช้ฉีดพ่น หรือรดต้นไม้ ทุก 7-15 วัน ช่วยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตงอกงามแข็งแรง ผลไม้รสชาติดี หวาน กรอบ อร่อย ช่วยเพิ่มน้ำหนักผลไม้ ช่วยป้องกันโรคและแมลง ช่วยป้องกันการร่วงหล่นทิ้งลูกทิ้งผลก่อนเก็บเกี่ยว

หากอยากผลิตจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเพื่อจำหน่าย ต้องปฏิบัติตามนี้

การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับปุ๋ย

ขั้นตอนการ ขึ้นทะเบียนปุ๋ย (ฉบับสมบูรณ์)
1. เครื่องหมายการค้า (กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์)
– ขึ้นทะเบียนเครื่องหมายการค้าใหม่ (ใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี)
– ซื้อต่อเครื่องหมายการค้าจากคนอื่น ที่จดจำพวกสำหรับ “ปุ๋ย” ไว้แล้ว (ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์)

บริการขึ้นทะเบียนเครื่องหมายการค้า
2. ขึ้นทะเบียนปุ๋ย (กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (ใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน)
2.1 เลือกประเภทของปุ๋ย
– ปุ๋ยอินทรีย์
– ปุ๋ยเคมี
– ปุ๋ยเคมี ธาตุรองเสริม
– ปุ๋ยอินทรีย์เคมี
– ปุ๋ยชีวภาพ
2.2 เลือก สูตร / ลักษณะการผลิต ที่ต้องการขึ้นทะเบียน
– ปุ๋ยอินทรีย์ OM20% ปั้นเม็ด ขนาดบรรจุ 25 กก. และ 50 กก.
– ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สูตร 6-3-3 OM10% แบบคอมปาวน์ ขนาดบรรจุ 25 กก. และ 50 กก.
– ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สูตร 6-3-3 OM10% แบบผสม ขนาดบรรจุ 25 กก. และ 50 กก.
– ปุ๋ยเคมี ธาตุรองเสริม ชนิดน้ำ Cal 10% ขนาดบรรจุ 100 CC. _ 250 CC. _ 500 CC. และ 1 ลิตร
2.3 เลือก ชื่อทางการค้า
– ตั้งชื่อทางการค้า สำหรับเรียกสินค้าชนิดนั้น ๆ เฉพาะ เช่น ดินน้ำต้นไม้ _ บราโว่ เอ _วะว้าว
– เครื่องหมายการค้า ตรา อินเนอร์โกร ต้องการขึ้นทะเบียนปุ๋ย โดยใช้ชื่อที่ขออนุญาตขึ้นทะเบียนว่า “ปุ๋ยอินทรีย์ ดินน้ำต้นไม้ ตรา อินเนอร์โกร” หรือ “ปุ๋ยอินทรีย์เคมี 6-3-3 OM10% บราโว่ เอ ตรา อินเนอร์โกร” หรือ “ปุ๋ยเคมี วะว้าว ตรา อินเนอร์โกร”
2.4 ส่งตัวอย่างปุ๋ยเพื่อตรวจวิเคราะห์ กับแล็บที่ได้รับรองจากกรมวิชาการเกษตรเท่านั้น
2.5 ยื่นผลวิเคราะห์ปุ๋ย พร้อมกับเอกสารเจ้าของเครื่องหมายการค้า ที่กรมวิชาการเกษตร

3. ขออนุญาติขายปุ๋ย (กรมวิชาการเกษตร / หน่วยราชการใกล้บ้าน ) (ใช้เวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์)
– จดทะเบียนการค้า / จดทะเบียนบริษัท / จดห้างหุ้นส่วน

4. สั่งทำบรรจุภัณฑ์ (ใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์)
– ออกแบบ
– ทำบล็อคกระสอบ
– ผลิตกระสอบ
– ผลิตขวด บรรจุภัณฑ์
– ผลิตฉลาก

5. ผลิตปุ๋ยน้ำหมัก (ใช้เวลาประมาณ 7-14 วันทำการ)
– ผลิตปุ๋ย
– หารถขนส่ง

ข้อมูลการทำน้ำหมักจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จาก okmd.or.th/okmd-kratooktomkit/4064/

ข้อมูลการขึ้นทะเบียน ปุ๋ย (น้ำหมักจุลินทรียื) จาก http://ไปที่..link..

สำหรับผู้ผลิตน้ำหมักจุลินทรีย์สังเคาะห์แสง เพื่อจำหน่าย ที่สนใจตรวจวิเคราะห์น้ำหมักจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์ นี้ http://ไปที่..link..

สำหรับผู้ผลิตน้ำหมักจุลินทรีย์สังเคาะห์แสง เพื่อจำหน่าย ที่สนใจตรวจฉลากสินค้า สามารถส่งตัวอย่างเข้าตรวจวิเคราะห์กับ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ได้ที่ลิงค์ นี้ http://ไปที่..link..
17 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 1 หน้า, หน้าที่ 2 มี 7 รายการ
|-Page 1 of 2-|
1 | 2 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
มะลิใบจุด โรคแอนแทรคโนสมะลิ มะลิใบแห้ง มะลิใบไหม้ มะลิใบเหลือง โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
Update: 2564/09/09 22:13:18 - Views: 3638
โรคใบจุดในถั่วลิสง: วิธีการป้องกันและการทำลายเชื้อโรค
Update: 2566/11/22 09:15:07 - Views: 3456
โรคใบไหม้จันผา จันผา ราสนิม ใบแห้ง ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม #จันผาใบไหม้ #ปุ๋ยจันผา
Update: 2564/10/31 20:57:43 - Views: 3509
พริกยอดหงิก ใบหงิก ขอบใบม้วน เพราะเพลี้ยดูดกินน้ำเลี้ยง กำจัดด้วย มาคา
Update: 2562/08/10 10:25:33 - Views: 3566
การป้องกันและควบคุมโรคแอนแทรคโนสในดอกกล้วยไม้: วิธีการแก้ปัญหาเพื่อรักษาความสวยงามและผลผลิตที่มีคุณภาพ
Update: 2566/11/17 08:52:34 - Views: 3432
มันสำปะหลังใบเหลืองขอบใบไหม้ ใช้ ไอเอส และ FK-1
Update: 2563/04/11 13:20:38 - Views: 3737
โรคแตงโมเถาเหี่ยว โรคราน้ำค้างแตงโม เพลี้ยไฟแตงโม
Update: 2564/05/27 11:38:29 - Views: 3513
ลิ้นจี่ใบไหม้ ผลร่วง กำจัดโรคลิ้นจี่ จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/10/03 11:16:16 - Views: 3433
กำจัดโรคราแป้ง โรคที่เกิดจากเชื้อรา ศัตรูพืชในทุเรียน สารอินทรีย์ไอเอส และ FK-T ธรรมชาตินิยม ฟื้นฟูจากการทำลายของเชื้อรา
Update: 2566/05/26 11:00:04 - Views: 3486
โรคราน้ำค้าง
Update: 2564/08/10 05:02:30 - Views: 3496
ทุเรียนผลแตก ทุเรียนผลปลิ และเกิดอาการเน่า รอบรอยปลิแตก เนื่องจาก ทุเรียนขาดธาตุแคลเซียม ผลไม้อื่นก็เช่นกัน ฉีดพ่น FK-1
Update: 2564/03/11 21:55:16 - Views: 3621
การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในผักโขมอย่างได้ผล
Update: 2566/05/13 11:48:53 - Views: 3444
ยาแก้ โรคมันสำปะหลังใบไหม้
Update: 2563/07/03 22:10:32 - Views: 3584
หนอนชอนใบส้ม หนอนเจาะผลส้ม หนอนผีเสื้อ หนอนต่างๆในพืชตระกูลส้ม ป้องกันดีที่สุด พบระบาดให้เร่งกำจัด
Update: 2566/11/06 08:56:06 - Views: 10133
เจาะลึกแนวคิดการทำธุรกิจ เอ็มเจมอเตอร์ กับ คุณมานิตย์ จงจิตเวชกุล - ปิยะมาศ บัวแก้ว Piyamas Live
Update: 2563/06/04 17:06:50 - Views: 3531
ยากำจัดโรครากเน่าแห้ง ใน กาแฟ โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/14 15:17:18 - Views: 3431
กำจัดแมลงศัตรูพืช ยาฆ่าเพลี้ยไฟ ในดอกเบญจมาศ และ พืชทุกชนิด บิวทาเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/02/07 08:42:01 - Views: 3600
โรคทุเรียนต่างๆ ทุเรียนใบไหม้ ราสีชมพูในทุเรียน โรคทุเรียนก้านธูป เชื้อราต่างๆ ใช้ ไอเอส
Update: 2566/10/28 12:25:31 - Views: 10155
ควบคุมวัชพืชในสวนพริกด้วยคาร์รอน (Diuron 80% WG): กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมและรักษาสวนลำไย
Update: 2567/02/13 09:19:36 - Views: 3456
แนวทางป้องกันและควบคุมโรคแอนแทรคโนสในมะละกอ: การรู้จักอาการและวิธีป้องกันโรคที่สำคัญ
Update: 2566/11/14 09:14:45 - Views: 3482
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022