พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เพราะอะไร?...

พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เพราะอะไร? ไขปมปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในไร่นาไทย

บทนำ : ทำไมพืช “ไม่ออกดอก–ไม่ติดผล” จึงเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรไทย

ปัญหาพืช ออกดอกน้อย ดอกร่วง ไม่ผสมติด ผลน้อยหรือไม่ออกผลเลย เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ เช่น มะม่วง ทุเรียน มะนาว พริก ลำไย ขนุน ส้ม และพืชผักหลายชนิด
งานวิจัยระบุว่า กว่า 60% ของการไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เกิดจากความไม่สมดุลของธาตุอาหาร และความเครียดจากสภาพแวดล้อม (กรมวิชาการเกษตร, 2021)

1) สาเหตุหลักที่ทำให้พืชไม่ออกดอก–ไม่ติดผล (จากงานวิจัย)

1. ขาดธาตุอาหารหลัก–รอง โดยเฉพาะ “ฟอสฟอรัส – โบรอน – แคลเซียม”

✦ ฟอสฟอรัส (P)

จำเป็นต่อการพัฒนาตาดอก

* ถ้าขาด: ตาดอกไม่พัฒนา, ดอกน้อย
งานวิจัย: International Plant Nutrition Institute (IPNI, 2020)

✦ โบรอน (B)

เป็นตัวนำเรณู (pollen tube) ทำให้ผสมเกสรได้สมบูรณ์

* ถ้าขาด: ดอกร่วง, ผลไม่ติด

✦ แคลเซียม (Ca)

ช่วยการแบ่งเซลล์ของรังไข่ดอก

* ถ้าขาด: ผลฝ่อ, ผลร่วงก่อนกำเนิด

งานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า Ca+B ช่วยเพิ่มอัตราติดผลได้ 25–40% (FAO, 2019)

2) อากาศร้อน–อุณหภูมิแกว่ง = ผสมเกสรล้มเหลว

ในไทยอากาศร้อนจัด และเปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้

* เกสรแห้ง
* เกสรตัวผู้ไม่งอก
* ผึ้งไม่ออกหากิน
สรุป: “ดอกมี แต่ไม่ติดผลเพราะผสมเกสรไม่สมบูรณ์”

งานวิจัย ม.เกษตรศาสตร์ (Kasetsart University, 2022) ยืนยันว่า
พืชที่อาศัยผึ้ง เช่น ทุเรียน แตงโม แตงกวา มะละกอ จะได้รับผลกระทบหนัก

3) ความชื้นไม่สมดุล และดินเสื่อมคุณภาพ

ดินเป็นกรดจัด (pH < 5.5)

รากไม่ทำงาน ธาตุอาหารไม่ถูกดูดซึม → ออกดอกน้อย
(กรมพัฒนาที่ดิน, 2020)

ดินเค็ม

ทำให้รากแห้ง เหี่ยว ผลไม่ติด

ความชื้นไม่สมดุล

* ชื้นมากไป → ดอกร่วง
* แห้งจัด → ตาดอกไม่พัฒนา

4) ไนโตรเจนมากเกินไป = ใบเขียวหนา แต่ไม่ออกดอก

หลายสวนใส่ปุ๋ย “เร่งต้น–เร่งใบ” มากเกินความจำเป็น
→ พืชจะเลือกสร้าง “ใบ” แทน “ดอก”

งานวิจัยของ University of California (UC Davis, 2020) ยืนยันว่า
N สูงเกินไปทำให้ฮอร์โมนพืชสร้างดอกลดลงทันที

5) แมลงศัตรูพืชทำลายดอกแบบที่เกษตรกรไม่เห็นด้วยตาเปล่า

เช่น

* เพลี้ยไฟกัดคอช่อดอก
* หนอนเจาะดอก
* ไรแดงกัดก้านดอก
ผลคือ: ดอกร่วงก่อนผสมเกสร

6) ความเครียดของพืช (Plant Stress)

เช่น

* ต้นโทรม
* ขาดน้ำเรื้อรัง
* อากาศแปรปรวน
* โรคเชื้อรา

ทำให้พืช “ไม่ยอมสร้างดอก” ตามกลไกป้องกันตัวเอง

แนวทางแก้ไขแบบวิชาการ (Research-Based Solutions)

1) ปรับธาตุอาหารให้เหมาะสม

✔ เพิ่มฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (สูตรเร่งดอก เช่น 8-24-24)

ยืนยันโดยงานวิจัยกรมวิชาการเกษตร (2021)

✔ เสริมแคลเซียม–โบรอนทางใบ 2–4 ครั้ง/รอบติดดอก

ช่วย

* การงอกของเกสร
* การพัฒนารังไข่
* ลดปัญหาดอกร่วง

2) ควบคุมน้ำให้สม่ำเสมอ

* ก่อนออกดอก: งดน้ำ 7–14 วัน (แล้วแต่ชนิดพืช)
* ช่วงติดผล: ให้น้ำสม่ำเสมอ ป้องกันผลร่วง

3) ปรับ pH ดิน

* ดินกรด เติมปูนโดโลไมท์
* ดินเค็ม ใช้น้ำชะล้าง และปลูกปอเทืองฟื้นฟูดิน

4) ลดความเครียดพืชด้วยฮอร์โมนธรรมชาติ

* กรดอะมิโน
* ไคโตซาน
* ซีวิต
ช่วยลดการร่วง และฟื้นตัวเร็วขึ้น

5) ควบคุมศัตรูพืชช่วงออกดอก

ใช้

* บูเวเรีย
* เมตาไรเซียม
* น้ำส้มควันไม้
เพื่อลดเพลี้ยไฟและไรแดง

บทสรุปเชิงวิจัย (Conclusion)

จากการรวบรวมงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่า
**สาเหตุพืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผลส่วนใหญ่เกิดจากธาตุอาหาร (Ca+B), ความเครียดจากอากาศ, ดินเสื่อม และไนโตรเจนเกิน**
การแก้ไขที่ได้ผลที่สุดคือ

* เสริม ฟอสฟอรัส–โพแทสเซียม–แคลเซียม–โบรอน
* ควบคุมน้ำ
* ปรับสภาพดิน
* ป้องกันศัตรูพืชในระยะดอกออก

หากเกษตรกรทำครบตามนี้ อัตราติดผลจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 20–50% ตามข้อมูลของ FAO และกรมวิชาการเกษตร

Reference (Academic Sources)

* Department of Agriculture, Thailand. (2021). Nutrient Management for Fruit Crops.
* Land Development Department. (2020). Soil pH and Crop Productivity.
* FAO. (2019). Calcium and Boron in Fruit Set Enhancement.
* IPNI. (2020). Phosphorus Roles in Flowering.
* Kasetsart University. (2022). Environmental Stress and Fruit Set Failure.
* UC Davis. (2020). Nitrogen Effects on Flower Initiation.

**#เกษตรกรไทยต้องรู้ #พืชไม่ติดดอก #พืชไม่ติดผล #เพิ่มผลผลิต #ธาตุอาหารพืช #แคลเซียมโบรอน #ดอกร่วง #เกษตรอินทรีย์ #ความรู้เกษตร #เกษตรทันสมัย**
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 347393