พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เพราะอะไร?...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-27 13:15:19
🌐
1.20.219.125
พืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เพราะอะไร? ไขปมปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในไร่นาไทย
บทนำ : ทำไมพืช “ไม่ออกดอก–ไม่ติดผล” จึงเป็นปัญหาใหญ่ของเกษตรไทย
ปัญหาพืช ออกดอกน้อย ดอกร่วง ไม่ผสมติด ผลน้อยหรือไม่ออกผลเลย เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผลผลิตลดลงอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ เช่น มะม่วง ทุเรียน มะนาว พริก ลำไย ขนุน ส้ม และพืชผักหลายชนิด
งานวิจัยระบุว่า กว่า 60% ของการไม่ติดดอก–ไม่ติดผล เกิดจากความไม่สมดุลของธาตุอาหาร และความเครียดจากสภาพแวดล้อม (กรมวิชาการเกษตร, 2021)
1) สาเหตุหลักที่ทำให้พืชไม่ออกดอก–ไม่ติดผล (จากงานวิจัย)
1. ขาดธาตุอาหารหลัก–รอง โดยเฉพาะ “ฟอสฟอรัส – โบรอน – แคลเซียม”
✦ ฟอสฟอรัส (P)
จำเป็นต่อการพัฒนาตาดอก
* ถ้าขาด: ตาดอกไม่พัฒนา, ดอกน้อย
งานวิจัย: International Plant Nutrition Institute (IPNI, 2020)
✦ โบรอน (B)
เป็นตัวนำเรณู (pollen tube) ทำให้ผสมเกสรได้สมบูรณ์
* ถ้าขาด: ดอกร่วง, ผลไม่ติด
✦ แคลเซียม (Ca)
ช่วยการแบ่งเซลล์ของรังไข่ดอก
* ถ้าขาด: ผลฝ่อ, ผลร่วงก่อนกำเนิด
งานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า Ca+B ช่วยเพิ่มอัตราติดผลได้ 25–40% (FAO, 2019)
2) อากาศร้อน–อุณหภูมิแกว่ง = ผสมเกสรล้มเหลว
ในไทยอากาศร้อนจัด และเปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้
* เกสรแห้ง
* เกสรตัวผู้ไม่งอก
* ผึ้งไม่ออกหากิน
สรุป: “ดอกมี แต่ไม่ติดผลเพราะผสมเกสรไม่สมบูรณ์”
งานวิจัย ม.เกษตรศาสตร์ (Kasetsart University, 2022) ยืนยันว่า
พืชที่อาศัยผึ้ง เช่น ทุเรียน แตงโม แตงกวา มะละกอ จะได้รับผลกระทบหนัก
3) ความชื้นไม่สมดุล และดินเสื่อมคุณภาพ
ดินเป็นกรดจัด (pH < 5.5)
รากไม่ทำงาน ธาตุอาหารไม่ถูกดูดซึม → ออกดอกน้อย
(กรมพัฒนาที่ดิน, 2020)
ดินเค็ม
ทำให้รากแห้ง เหี่ยว ผลไม่ติด
ความชื้นไม่สมดุล
* ชื้นมากไป → ดอกร่วง
* แห้งจัด → ตาดอกไม่พัฒนา
4) ไนโตรเจนมากเกินไป = ใบเขียวหนา แต่ไม่ออกดอก
หลายสวนใส่ปุ๋ย “เร่งต้น–เร่งใบ” มากเกินความจำเป็น
→ พืชจะเลือกสร้าง “ใบ” แทน “ดอก”
งานวิจัยของ University of California (UC Davis, 2020) ยืนยันว่า
N สูงเกินไปทำให้ฮอร์โมนพืชสร้างดอกลดลงทันที
5) แมลงศัตรูพืชทำลายดอกแบบที่เกษตรกรไม่เห็นด้วยตาเปล่า
เช่น
* เพลี้ยไฟกัดคอช่อดอก
* หนอนเจาะดอก
* ไรแดงกัดก้านดอก
ผลคือ: ดอกร่วงก่อนผสมเกสร
6) ความเครียดของพืช (Plant Stress)
เช่น
* ต้นโทรม
* ขาดน้ำเรื้อรัง
* อากาศแปรปรวน
* โรคเชื้อรา
ทำให้พืช “ไม่ยอมสร้างดอก” ตามกลไกป้องกันตัวเอง
แนวทางแก้ไขแบบวิชาการ (Research-Based Solutions)
1) ปรับธาตุอาหารให้เหมาะสม
✔ เพิ่มฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (สูตรเร่งดอก เช่น 8-24-24)
ยืนยันโดยงานวิจัยกรมวิชาการเกษตร (2021)
✔ เสริมแคลเซียม–โบรอนทางใบ 2–4 ครั้ง/รอบติดดอก
ช่วย
* การงอกของเกสร
* การพัฒนารังไข่
* ลดปัญหาดอกร่วง
2) ควบคุมน้ำให้สม่ำเสมอ
* ก่อนออกดอก: งดน้ำ 7–14 วัน (แล้วแต่ชนิดพืช)
* ช่วงติดผล: ให้น้ำสม่ำเสมอ ป้องกันผลร่วง
3) ปรับ pH ดิน
* ดินกรด เติมปูนโดโลไมท์
* ดินเค็ม ใช้น้ำชะล้าง และปลูกปอเทืองฟื้นฟูดิน
4) ลดความเครียดพืชด้วยฮอร์โมนธรรมชาติ
* กรดอะมิโน
* ไคโตซาน
* ซีวิต
ช่วยลดการร่วง และฟื้นตัวเร็วขึ้น
5) ควบคุมศัตรูพืชช่วงออกดอก
ใช้
* บูเวเรีย
* เมตาไรเซียม
* น้ำส้มควันไม้
เพื่อลดเพลี้ยไฟและไรแดง
บทสรุปเชิงวิจัย (Conclusion)
จากการรวบรวมงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่า
**สาเหตุพืชไม่ติดดอก–ไม่ติดผลส่วนใหญ่เกิดจากธาตุอาหาร (Ca+B), ความเครียดจากอากาศ, ดินเสื่อม และไนโตรเจนเกิน**
การแก้ไขที่ได้ผลที่สุดคือ
* เสริม ฟอสฟอรัส–โพแทสเซียม–แคลเซียม–โบรอน
* ควบคุมน้ำ
* ปรับสภาพดิน
* ป้องกันศัตรูพืชในระยะดอกออก
หากเกษตรกรทำครบตามนี้ อัตราติดผลจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 20–50% ตามข้อมูลของ FAO และกรมวิชาการเกษตร
Reference (Academic Sources)
* Department of Agriculture, Thailand. (2021). Nutrient Management for Fruit Crops.
* Land Development Department. (2020). Soil pH and Crop Productivity.
* FAO. (2019). Calcium and Boron in Fruit Set Enhancement.
* IPNI. (2020). Phosphorus Roles in Flowering.
* Kasetsart University. (2022). Environmental Stress and Fruit Set Failure.
* UC Davis. (2020). Nitrogen Effects on Flower Initiation.
**#เกษตรกรไทยต้องรู้ #พืชไม่ติดดอก #พืชไม่ติดผล #เพิ่มผลผลิต #ธาตุอาหารพืช #แคลเซียมโบรอน #ดอกร่วง #เกษตรอินทรีย์ #ความรู้เกษตร #เกษตรทันสมัย**