เตือนเกษตรกร! “ราน้ำค้าง–ราแป้ง” ระบาดหนักในอากาศเย็นชื้น...

เตือนเกษตรกร! “ราน้ำค้าง–ราแป้ง” ระบาดหนักในอากาศเย็นชื้น หน้าหนาวนี้ต้องรีบป้องกันทันที

บทนำ: ทำไมหน้าหนาวคือฤดูกาล “ระบาดหนัก” ของเชื้อรา?

ในช่วงฤดูหนาวของไทย โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศมักเป็น อุณหภูมิต่ำ + ความชื้นสูง + หมอกและน้ำค้างยามเช้า ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ เชื้อรากลุ่ม Oomycetes (ราน้ำค้าง) และ Erysiphales (ราแป้ง) เจริญเติบโตได้ดีที่สุด
งานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า เมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า 25°C และความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 90% อัตราการงอกของสปอร์เชื้อราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Damicone, 2019; Agrios, 2015)

ราน้ำค้าง (Downy Mildew) – ศัตรูอันดับ 1 ของผักฤดูหนาว

เชื้อสาเหตุ

*Pseudoperonospora cubensis, Peronospora spp., Plasmopara spp.

*พืชที่เสี่ยงมาก

* แตงกวา แตงร้าน เมล่อน
* กะหล่ำปลี ผักสลัด ผักกาด
* หอม–กระเทียม
* องุ่น

อาการเด่น

* ใบเป็น “จุดเหลือง” สลับรูปหลายเหลี่ยม
* หลังใบพบ “คราบสปอร์สีม่วง–เทา”
* ใบแห้งเฉาเร็ว ทำให้ผลผลิตลดลง 30–70%

เงื่อนไขให้ระบาดง่าย

* อุณหภูมิ 15–22°C
* ความชื้น มากกว่า 90%
* แปลงที่มีน้ำค้างลงจัด / มีหมอก / การระบายอากาศไม่ดี

2) ราแป้ง (Powdery Mildew) – เชื้อราที่ระบาดได้แม้อากาศไม่ค่อยชื้น

เชื้อสาเหตุ

*Erysiphe spp., Sphaerotheca spp., Leveillula spp.

พืชที่เสี่ยง

* พืชตระกูลแตง
* พริก มะเขือ
* มะม่วง องุ่น
* ผักสลัด–ผักใบ

อาการเด่น

* คราบผงสีขาวเหมือนแป้งบนใบ
* ใบงอ–แห้งกรอบ
* อัตราการสังเคราะห์แสงลดลง 40–60%

เงื่อนไขให้ระบาดง่าย

* อุณหภูมิ 20–28°C
* ความชื้น 40–70% → ระบาดได้แม้ความชื้นไม่สูง!
* แปลงปลูกที่มีลมพัดไม่ทั่วถึง

ผลกระทบต่อผลผลิต: ขาดทุนหนักขึ้นในฤดูหนาว

งานวิจัยรายงานว่าโรคราน้ำค้าง–ราแป้งสามารถทำให้ผลผลิตลดลงดังนี้

* แตงกวา: 40–80%
* ผักใบ: 30–60%
* องุ่น: 25–40%
(แหล่งอ้างอิง: FAO Plant Protection, 2021)

ผลเสียนี้ทวีความรุนแรงในหน้าหนาวเพราะ

* พืชฟื้นตัวช้า
* อุณหภูมิต่ำทำให้ภูมิคุ้มกันของพืชลดลง
* เกษตรกรเปิดโรงเรือนป้องกันลม ทำให้ความชื้นสะสม

วิธีป้องกันและจัดการเชื้อราแบบ Research-based ที่เกษตรกรควรทำทันที

บริหาร “ความชื้น” ให้ต่ำกว่า 80% ในโรงเรือน

* เปิดช่องลมสองด้าน
* ใส่พัดลมไหลเวียนอากาศ
* หลีกเลี่ยงการให้น้ำยามเย็น
→ ข้อมูลยืนยันว่าความชื้นต่ำกว่า 80% ลดการงอกของสปอร์ได้มากกว่า 70% (Jones et al., 2020)

ไม่ให้น้ำแบบพ่นฝอยในช่วงเย็น

เพราะละอองน้ำเกาะใบ = แหล่งงอกสปอร์ทันที

เก็บใบป่วยออกจากแปลงทันที

ใบป่วย 1 ใบ สามารถปล่อยสปอร์ 3–5 ล้านสปอร์ใน 48 ชั่วโมง

ใช้สารชีวภัณฑ์ควบคุม (Biocontrol)

งานวิจัยชี้ว่า

* *Bacillus subtilis*
* *Trichoderma harzianum*
ช่วยลดความรุนแรงโรค 40–60%

ใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อราอย่างถูกวิธี

กลุ่มที่ได้ผลดี:

* Copper-based
* Phosphonate
* Mancozeb
* Azoxystrobin
(ควรสลับกลุ่มเพื่อลดการดื้อยา)

ปลูกพันธุ์ต้านทานโรค

หลายพันธุ์ของแตง–ผักใบสมัยใหม่มีการพัฒนาให้ต้านราน้ำค้างได้ดีขึ้นมาก

คำแนะนำสำคัญสำหรับเกษตรกรไทยในฤดูหนาวนี้

* ตรวจแปลงทุก **2–3 วัน
* เร่งเปิดช่องลม ลดความชื้นทันทีเมื่อเช้ามีหมอก
* พ่นชีวภัณฑ์ป้องกันล่วงหน้า 5–7 วัน
* หลีกเลี่ยงการให้น้ำเย็นจัดตอนหัวค่ำ
* เก็บใบเป็นโรคออกจากพื้นที่เพราะเป็น “โรงงานผลิตสปอร์”

เอกสารอ้างอิง (References)

* Agrios, G.N. (2015). *Plant Pathology*.
* Damicone, J. (2019). Downy Mildew of Cucurbits. Oklahoma State University.
* FAO Plant Protection Manual, 2021.
* Jones, R. et al. (2020). Moisture Effects on Fungal Spore Germination.
* USDA Plant Disease Management Handbook, 2020.
* Erysiphales Taxonomy Review, Journal of Mycology, 2018.

#ราน้ำค้าง #ราแป้ง #โรคพืชฤดูหนาว #เชื้อราในผัก #เกษตรหน้าหนาว #เตือนเกษตรกร #โรคพืชระบาด #ดูแลแปลงผัก #เกษตรอินทรีย์ #ป้องกันเชื้อรา
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 319714