เตือนเกษตรกร! “ราน้ำค้าง–ราแป้ง” ระบาดหนักในอากาศเย็นชื้น...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-19 09:08:15
🌐
113.53.194.3
เตือนเกษตรกร! “ราน้ำค้าง–ราแป้ง” ระบาดหนักในอากาศเย็นชื้น หน้าหนาวนี้ต้องรีบป้องกันทันที
บทนำ: ทำไมหน้าหนาวคือฤดูกาล “ระบาดหนัก” ของเชื้อรา?
ในช่วงฤดูหนาวของไทย โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ ลักษณะอากาศมักเป็น อุณหภูมิต่ำ + ความชื้นสูง + หมอกและน้ำค้างยามเช้า ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ เชื้อรากลุ่ม Oomycetes (ราน้ำค้าง) และ Erysiphales (ราแป้ง) เจริญเติบโตได้ดีที่สุด
งานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า เมื่ออุณหภูมิลดต่ำกว่า 25°C และความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 90% อัตราการงอกของสปอร์เชื้อราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Damicone, 2019; Agrios, 2015)
ราน้ำค้าง (Downy Mildew) – ศัตรูอันดับ 1 ของผักฤดูหนาว
เชื้อสาเหตุ
*Pseudoperonospora cubensis, Peronospora spp., Plasmopara spp.
*พืชที่เสี่ยงมาก
* แตงกวา แตงร้าน เมล่อน
* กะหล่ำปลี ผักสลัด ผักกาด
* หอม–กระเทียม
* องุ่น
อาการเด่น
* ใบเป็น “จุดเหลือง” สลับรูปหลายเหลี่ยม
* หลังใบพบ “คราบสปอร์สีม่วง–เทา”
* ใบแห้งเฉาเร็ว ทำให้ผลผลิตลดลง 30–70%
เงื่อนไขให้ระบาดง่าย
* อุณหภูมิ 15–22°C
* ความชื้น มากกว่า 90%
* แปลงที่มีน้ำค้างลงจัด / มีหมอก / การระบายอากาศไม่ดี
2) ราแป้ง (Powdery Mildew) – เชื้อราที่ระบาดได้แม้อากาศไม่ค่อยชื้น
เชื้อสาเหตุ
*Erysiphe spp., Sphaerotheca spp., Leveillula spp.
พืชที่เสี่ยง
* พืชตระกูลแตง
* พริก มะเขือ
* มะม่วง องุ่น
* ผักสลัด–ผักใบ
อาการเด่น
* คราบผงสีขาวเหมือนแป้งบนใบ
* ใบงอ–แห้งกรอบ
* อัตราการสังเคราะห์แสงลดลง 40–60%
เงื่อนไขให้ระบาดง่าย
* อุณหภูมิ 20–28°C
* ความชื้น 40–70% → ระบาดได้แม้ความชื้นไม่สูง!
* แปลงปลูกที่มีลมพัดไม่ทั่วถึง
ผลกระทบต่อผลผลิต: ขาดทุนหนักขึ้นในฤดูหนาว
งานวิจัยรายงานว่าโรคราน้ำค้าง–ราแป้งสามารถทำให้ผลผลิตลดลงดังนี้
* แตงกวา: 40–80%
* ผักใบ: 30–60%
* องุ่น: 25–40%
(แหล่งอ้างอิง: FAO Plant Protection, 2021)
ผลเสียนี้ทวีความรุนแรงในหน้าหนาวเพราะ
* พืชฟื้นตัวช้า
* อุณหภูมิต่ำทำให้ภูมิคุ้มกันของพืชลดลง
* เกษตรกรเปิดโรงเรือนป้องกันลม ทำให้ความชื้นสะสม
วิธีป้องกันและจัดการเชื้อราแบบ Research-based ที่เกษตรกรควรทำทันที
บริหาร “ความชื้น” ให้ต่ำกว่า 80% ในโรงเรือน
* เปิดช่องลมสองด้าน
* ใส่พัดลมไหลเวียนอากาศ
* หลีกเลี่ยงการให้น้ำยามเย็น
→ ข้อมูลยืนยันว่าความชื้นต่ำกว่า 80% ลดการงอกของสปอร์ได้มากกว่า 70% (Jones et al., 2020)
ไม่ให้น้ำแบบพ่นฝอยในช่วงเย็น
เพราะละอองน้ำเกาะใบ = แหล่งงอกสปอร์ทันที
เก็บใบป่วยออกจากแปลงทันที
ใบป่วย 1 ใบ สามารถปล่อยสปอร์ 3–5 ล้านสปอร์ใน 48 ชั่วโมง
ใช้สารชีวภัณฑ์ควบคุม (Biocontrol)
งานวิจัยชี้ว่า
* *Bacillus subtilis*
* *Trichoderma harzianum*
ช่วยลดความรุนแรงโรค 40–60%
ใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อราอย่างถูกวิธี
กลุ่มที่ได้ผลดี:
* Copper-based
* Phosphonate
* Mancozeb
* Azoxystrobin
(ควรสลับกลุ่มเพื่อลดการดื้อยา)
ปลูกพันธุ์ต้านทานโรค
หลายพันธุ์ของแตง–ผักใบสมัยใหม่มีการพัฒนาให้ต้านราน้ำค้างได้ดีขึ้นมาก
คำแนะนำสำคัญสำหรับเกษตรกรไทยในฤดูหนาวนี้
* ตรวจแปลงทุก **2–3 วัน
* เร่งเปิดช่องลม ลดความชื้นทันทีเมื่อเช้ามีหมอก
* พ่นชีวภัณฑ์ป้องกันล่วงหน้า 5–7 วัน
* หลีกเลี่ยงการให้น้ำเย็นจัดตอนหัวค่ำ
* เก็บใบเป็นโรคออกจากพื้นที่เพราะเป็น “โรงงานผลิตสปอร์”
เอกสารอ้างอิง (References)
* Agrios, G.N. (2015). *Plant Pathology*.
* Damicone, J. (2019). Downy Mildew of Cucurbits. Oklahoma State University.
* FAO Plant Protection Manual, 2021.
* Jones, R. et al. (2020). Moisture Effects on Fungal Spore Germination.
* USDA Plant Disease Management Handbook, 2020.
* Erysiphales Taxonomy Review, Journal of Mycology, 2018.
#ราน้ำค้าง #ราแป้ง #โรคพืชฤดูหนาว #เชื้อราในผัก #เกษตรหน้าหนาว #เตือนเกษตรกร #โรคพืชระบาด #ดูแลแปลงผัก #เกษตรอินทรีย์ #ป้องกันเชื้อรา