พืชขาดแคลเซียม ทั้งที่ใส่ปุ๋ยแล้ว ทำไมยังเจอปัญหาผลแตก...

พืชขาดแคลเซียม ทั้งที่ใส่ปุ๋ยแล้ว

ทำไมยังเจอปัญหาผลแตก ผลร่วง? ความจริงทางวิทยาศาสตร์พืชที่เกษตรกรควรรู้

บทคัดย่อ (Abstract)

ปัญหาผลแตก ผลร่วง และปลายผลเน่า พบได้บ่อยในไม้ผลและพืชผักเศรษฐกิจของไทย แม้เกษตรกรจะ “ใส่ปุ๋ยแคลเซียมแล้ว” ก็ตาม บทความเชิงวิชาการนี้อธิบายกลไกการดูดใช้แคลเซียมในพืชตามหลักสรีรวิทยาพืช (Plant Physiology) อย่างเข้าใจง่าย พร้อมชี้ให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ปริมาณปุ๋ย” แต่อยู่ที่ **การเคลื่อนย้าย (Calcium Mobility)** และ **สภาพแวดล้อมราก–ใบ** ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเกิดอาการขาดแคลเซียมเชิงสรีรวิทยา (Physiological Calcium Deficiency)

แคลเซียมในพืช: ธาตุที่มี แต่พืชใช้ไม่ได้

แคลเซียม (Ca) เป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อ

* ความแข็งแรงของผนังเซลล์ (Cell Wall Stability)
* การยึดเกาะของเซลล์ (Middle Lamella)
* การพัฒนาเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ดอก ผลอ่อน และปลายยอด

ประเด็นสำคัญทางวิทยาศาสตร์

> แคลเซียมเป็นธาตุที่ **ไม่เคลื่อนย้ายในท่อน้ำเลี้ยงอาหาร (Phloem-immobile)**
> เมื่อเข้าสู่เนื้อเยื่อแล้ว จะไม่ถูกดึงกลับมาใช้ใหม่

ใส่แคลเซียมแล้ว แต่ทำไมยังขาด? 5 กลไกที่ถูกมองข้าม

1. แคลเซียมเดินทางได้เฉพาะกับน้ำ

แคลเซียมถูกดูดจากราก และเคลื่อนที่ขึ้นสู่ยอดผ่าน ท่อน้ำเลี้ยง (Xylem)
➡️ หากพืชขาดน้ำ รากไม่สมบูรณ์ หรือดินอัดแน่น
➡️ แคลเซียม “อยู่ในดิน แต่ไปไม่ถึงผล”

2. ใบแข่งแคลเซียมกับผล

ใบมีอัตราการคายน้ำสูงกว่าผล
➡️ แคลเซียมจึงถูกดึงไปสะสมที่ใบ
➡️ ผลอ่อนซึ่งคายน้ำน้อย จะขาดแคลเซียมแม้ต้นไม่ขาด

3. ใส่ไนโตรเจนและโพแทสเซียมสูงเกิน

ไนโตรเจน (N) และโพแทสเซียม (K)
➡️ กระตุ้นการเจริญทางลำต้น–ใบ
➡️ เพิ่มการแข่งขันการดูด Ca ที่ราก
ผลลัพธ์: ใบเขียวจัด แต่ผลแตก ร่วงง่าย

4. ดินมีแคลเซียม แต่รากดูดไม่ได้

สภาพดินที่ทำให้ Ca ใช้ไม่ได้

* pH ต่ำ (ดินเปรี้ยว)
* อินทรียวัตถุต่ำ
* ดินแน่น ขาดออกซิเจน

➡️ รากไม่สามารถดูด Ca ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. แคลเซียมไปไม่ทันช่วงวิกฤต

ช่วงที่พืชต้องการ Ca สูงสุด

* ดอกบาน
* ติดผลอ่อน
* ขยายขนาดผล

หากขาด Ca ช่วงนี้
➡️ โครงสร้างเซลล์ผลไม่แข็งแรง
➡️ เกิด ผลแตก ผลร่วง และปลายผลเน่า

อาการเด่นของพืชขาดแคลเซียม (เชิงสรีรวิทยา)

* ผลแตก แม้ให้น้ำสม่ำเสมอ
* ผลร่วงในระยะอ่อน
* ปลายผลเน่า (เช่น มะเขือ พริก แตง)
* ผลผิวบาง เนื้อเละ เก็บไม่ทน

> อาการเหล่านี้มักเกิด ทั้งที่ผลตรวจดินพบ Ca เพียงพอ

แนวทางแก้ไขเชิงวิทยาศาสตร์ (Evidence-based Approach)

1. เสริมแคลเซียมทางใบในช่วงสำคัญ

เพราะ Ca เคลื่อนย้ายในพืชได้น้อย
➡️ การพ่นทางใบ–ผลโดยตรง ช่วยเพิ่ม Ca ในเนื้อเยื่อเป้าหมาย

2. ควบคุมสมดุลธาตุอาหาร

* ลด N และ K ในช่วงติดผล
* เสริม Ca ร่วมกับ B (โบรอน)
➡️ ช่วยการเคลื่อนย้ายและการยึดเกาะของผนังเซลล์

3. ปรับโครงสร้างดินให้รากทำงานได้ดี

* เพิ่มอินทรียวัตถุ
* ปรับ pH ให้อยู่ในช่วงเหมาะสม
* ป้องกันน้ำขัง–ดินแน่น

สรุปเชิงวิชาการ

> พืชขาดแคลเซียม ไม่ได้แปลว่าใส่ปุ๋ยน้อย
> แต่คือ แคลเซียมไปไม่ถึงจุดที่พืชต้องการในเวลาที่เหมาะสม
> การเข้าใจกลไกการเคลื่อนย้ายของ Ca คือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหา
> ผลแตก ผลร่วง และคุณภาพผลผลิตต่ำ อย่างยั่งยืน

References

* Marschner, P. (2012). *Mineral Nutrition of Higher Plants*. Academic Press.
* Taiz, L., Zeiger, E., Møller, I. M., & Murphy, A. (2015). *Plant Physiology and Development*. Sinauer Associates.
* White, P. J., & Broadley, M. R. (2003). Calcium in plants. *Annals of Botany*, 92(4), 487–511.
* Ho, L. C., & White, P. J. (2005). A cellular hypothesis for the induction of blossom-end rot in tomato fruit. *Annals of Botany*, 95, 571–581.

#พืชขาดแคลเซียม #ใส่ปุ๋ยแล้วแต่ผลแตก #ผลแตกผลร่วง #แคลเซียมพืช #แคลเซียมไม่พอ #ปลายผลเน่า #ปัญหาผลไม้เกษตร #ธาตุอาหารพืช #วิทยาศาสตร์พืช #เพิ่มคุณภาพผลผลิต
รูปภาพประกอบ
🌟 แนะนำ ปุ๋ย ยาปราบฯ คุณภาพดี
ผลผลิตเพิ่ม ราคาประหยัด! คลิกเลย!
← กลับหน้าบทความ
👁️ ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด: 375801