พืชไม่กินปุ๋ยเพราะอะไร? ไขปริศนา “ไนโตรเจนตกค้าง –...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-25 09:24:34
🌐
1.20.243.197
พืชไม่กินปุ๋ยเพราะอะไร? ไขปริศนา “ไนโตรเจนตกค้าง – ฟอสฟอรัสจับตัว” ที่ทำให้ปุ๋ยหาย พืชไม่โต
บทนำ: ปัญหาที่เกษตรกรเจอทุกปี
หลายสวน “ใส่ปุ๋ยเพิ่ม แต่ผลผลิตกลับไม่เพิ่ม” บางแปลงใส่ปุ๋ยสูตรเดิมมาตลอด แต่ปีนี้พืชกลับไม่ตอบสนอง โตช้า ใบซีด ดินแข็ง ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า
“พืชไม่กินปุ๋ย…เพราะอะไร?”
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก การตกค้าง–การจับตัว–การตรึงธาตุอาหารในดิน ทำให้ปุ๋ยที่ใส่ไป “ไม่สามารถดูดใช้ได้” ทั้งที่เราจ่ายเงินซื้อไปแล้ว (แต่พืชไม่ได้กิน)
บทความนี้จะอธิบายเชิงวิชาการ พร้อมการอ้างอิง เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจปัญหาเชิงลึก และแก้ได้ถูกจุด
1) ไนโตรเจนตกค้าง: ใส่แล้วทำไมพืชยังเหลือง?
1.1 การสูญเสียไนโตรเจน 4 รูปแบบสำคัญ
งานวิจัยของ Bock, 1984 และ Stevenson, 1994 ระบุว่า ไนโตรเจน (N) สูญเสียได้หลายรูปแบบ ได้แก่
* การระเหย (Volatilization) โดยเฉพาะยูเรีย
* การชะล้าง (Leaching) ในดินร่วน–ดินทราย
* การตรึงโดยจุลินทรีย์ (Immobilization) เมื่อดินมีอินทรียวัตถุต่ำ
* การสูญเสียแบบดีไนตริฟิเคชัน (Denitrification) เมื่อดินอับอากาศ
1.2 ทำไมถึงเรียกว่า “ตกค้าง” ทั้งที่พืชไม่ได้กิน?
หมายถึงไนโตรเจนบางส่วน
* เปลี่ยนเป็นรูปที่พืชดูดไม่ได้
* ถูกตรึงไว้ชั่วคราว
* หรือถูกยึดด้วยดินที่มีค่า pH ไม่เหมาะสม
ตัวอย่าง:
* ดิน pH ต่ำกว่า 5.5** → ไนโตรเจนเปลี่ยนรูปไม่สมบูรณ์
* ดิน pH สูงกว่า 7.5** → ไนโตรเจนระเหยง่าย แม้ใส่ปุ๋ยเยอะ
2) ฟอสฟอรัสจับตัว: ศัตรูเงียบที่ทำให้พืชรากไม่เดิน
ฟอสฟอรัส (P) เป็นธาตุสำคัญของ ระบบราก–ดอก–การแตกยอดใหม่ แต่กลับเป็นธาตุที่ “ถูกตรึงง่ายที่สุด” งานวิจัยของ *Havlin et al., 2014* ชี้ชัดว่า
ฟอสฟอรัสจับตัวเมื่อเจอ
* อะลูมิเนียม (Al) ในดินกรด
* เหล็ก (Fe) ในดินร่วนเหนียว
* แคลเซียม (Ca) ในดินด่าง
* อินทรียวัตถุที่ยังสลายไม่สมบูรณ์
ผลลัพธ์คือ
ใส่ฟอสฟอรัสไปเท่าไหร่ ก็หายไปกับดิน พืชไม่สามารถดูดใช้ได้แม้ 20%
งานวิจัยของ *Syers et al., 2008* ระบุว่า
> “ประเทศไทยสูญเสีย P จากการจับตัวมากกว่า 70–90% ของปริมาณที่ใส่”
3) โครงสร้างดินสำคัญกว่าปริมาณปุ๋ย
3.1 ดินแน่น ดินแข็ง = พืชกินปุ๋ยได้น้อย
เพราะ:
* รากขยายไม่ได้
* ปุ๋ยไม่แทรกซึมลงดิน
* แบคทีเรียดีทำงานน้อย
งานวิจัยของ *USDA Soil Health, 2021* บอกว่า
“ดินที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยลดลง 30–60%”
4) pH ดินผิดแค่ 1 จุด…ประสิทธิภาพปุ๋ยลดลงครึ่งหนึ่ง
ความเป็นกรด–ด่างของดิน มีผลโดยตรงต่อ การละลายและการเคลื่อนที่ของธาตุอาหาร
ค่า pH ผลกระทบ
<5.5 ฟอสฟอรัสจับตัวกับ Al/Fe, N ถูกจุลินทรีย์ตรึง
5.5–6.5 ธาตุอาหารละลายดีที่สุด
>7.5 ฟอสฟอรัสจับตัวกับ Ca, N ระเหยง่าย
งานวิจัยของ *FAO, 2020* ยืนยันว่า
> “pH ที่เหมาะสมที่สุดในการดูดใช้ธาตุอาหารคือ 5.5–6.5 สำหรับพืชส่วนใหญ่”
5) แก้ปัญหาอย่างไรให้พืชดูดปุ๋ยได้จริง (Evidence-based Solution)
✔ ปรับ pH ให้เหมาะสม (5.5–6.5)
ใช้ผลการตรวจดินเป็นหลัก ไม่ควรเดาสุ่ม
✔ ใช้ปุ๋ยเชิงน้ำ/แคลเซียม–แมกนีเซียม–สังกะสีเพื่อเปิดระบบราก
ธาตุรองและเสริมช่วยกระตุ้นการดูดปุ๋ย N–P ให้เพิ่มขึ้น (งานวิจัย: *Fageria, 2009*)
✔ เติมอินทรียวัตถุ
ช่วยลดการตรึงธาตุอาหาร เพิ่ม CEC และทำให้ปุ๋ยละลายดีขึ้น
✔ ปรับโครงสร้างดินให้ร่วนซุย
เพิ่มความสามารถเก็บน้ำ–เก็บปุ๋ย และช่วยให้รากเดินดีขึ้น
สรุป: พืชไม่กินปุ๋ย ไม่ได้แปลว่าปุ๋ยไม่ดี แต่ปัญหาอยู่ที่ “สภาพดิน”
* ใส่ปุ๋ยเยอะแค่ไหนก็สูญเสีย ถ้า
✔ ดินเป็นกรด
✔ ดินเป็นด่าง
✔ ดินแน่น
✔ ฟอสฟอรัสถูกตรึง
✔ ไนโตรเจนตกค้างแบบไม่พร้อมให้พืชดูด
* เกษตรกรต้อง แก้ที่สาเหตุ ไม่ใช่ใส่ปุ๋ยเพิ่มแบบสิ้นเปลือง
บทความนี้จัดทำขึ้นตามหลัก Research พร้อม reference เพื่อให้เกษตรกรแก้ปัญหาได้จริงและทำ SEO เพื่อให้ค้นเจอได้ง่ายใน Google
#เกษตรกรไทย #ปุ๋ยเคมี #พืชไม่กินปุ๋ย #ฟอสฟอรัสจับตัว #ไนโตรเจนตกค้าง #ดินเสื่อมคุณภาพ #ระบบรากไม่เดิน #แก้ปัญหาดิน #เพิ่มผลผลิต #ความรู้เกษตร