ฮอร์โมนพืชคืออะไร? ใช้ผิดพืชพัง...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-11-26 09:47:15
🌐
1.20.243.163
ฮอร์โมนพืชคืออะไร? ใช้ผิดพืชพัง ใช้ถูกผลผลิตเพิ่มแบบก้าวกระโดด | คู่มือวิจัยสำหรับเกษตรกรไทย
บทนำ
“ฮอร์โมนพืช” หรือ **Plant Growth Regulators (PGRs)** เป็นสารชีวโมเลกุลที่ควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ตั้งแต่แตกยอด ออกดอก ติดผล ไปจนถึงสุกเก็บเกี่ยว งานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า การจัดการฮอร์โมนพืชอย่างถูกต้อง สามารถเพิ่มผลผลิตได้ **20–60%** ขึ้นอยู่กับชนิดพืชและสภาพแวดล้อม
แต่หากใช้ผิด—ผิดชนิด ผิดเวลา หรือผิดปริมาณ—พืชอาจชะงัก เตี้ยแกร็น ใบร่วง ดอกร่วง ผลร่วง จนกระทบผลผลิตโดยตรง
1. ฮอร์โมนพืชคืออะไร? ความหมายตามงานวิจัย
ฮอร์โมนพืช (Plant Hormones) คือสารควบคุมการเจริญเติบโต (Regulators) ที่ผลิตจากส่วนต่างๆ ของพืชในปริมาณน้อย แต่มีผลกระทบอย่างมากต่อการแบ่งเซลล์ การยืดตัว การออกดอก การติดผล และการสุก
ฮอร์โมนพืชที่สำคัญ 5 กลุ่ม:
* Auxins (ออกซิน) – ช่วยยืดลำต้น กระตุ้นราก
* Gibberellins (จีเบอเรลลิน) – กระตุ้นดอก ผล ยืดช่อ
* Cytokinins (ไซโตไคนิน) – แตกยอด ช่วยเซลล์แบ่งตัว
* Ethylene (เอทิลีน) – ช่วยสุก แต่ใช้ผิดทำให้ผลร่วง
* Abscisic Acid (ABA) – ควบคุมความเครียดน้ำ ดอกร่วง
▶ งานวิจัย: Taiz & Zeiger, *Plant Physiology* (2015)
2. ทำไมฮอร์โมนพืชจึงสำคัญต่อผลผลิต? (Key Benefits)
งานวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart University, 2020) พบว่า พืชที่จัดสมดุลฮอร์โมนถูกต้อง
✔ ออกดอกเร็วขึ้น
✔ ติดผลมากกว่า
✔ ลดปัญหาดอกร่วง–ผลร่วง
✔ ทนแล้ง ทนฝนดีขึ้น
ในพืชเศรษฐกิจ เช่น ทุเรียน มะม่วง ลำไย องุ่น—การใช้ PGR ที่เหมาะสมทำให้ผลผลิตเพิ่มได้ 30–50%
3. ผลเสียเมื่อใช้ฮอร์โมนผิดวิธี (ใช้ผิด = พืชพังทันที)
งานวิจัยระบุผลกระทบหลัก:
* ใช้ *Auxin* มากเกินไป → ใบร่วง ดอกร่วง รากไหม้
* ใช้ *Gibberellin* มากไป → แตกใบอ่อนมาก แต่ไม่ติดดอก
* ให้ *Cytokinin* ผิดเวลา → พืชเครียด หยุดการเจริญเติบโต
* เอทิลีนเกิน → ผลร่วงก่อนแก่
* ปริมาณสูงเกิน → พืชชะงัก 7–20 วัน
▶ งานวิจัย: Davies, *Plant Hormones* (3rd Edition, 2010)
4. ใช้ฮอร์โมนอย่างไรให้ได้ผลผลิตเพิ่มแบบก้าวกระโดด (Best Practice for Farmers)
4.1 ใช้ฮอร์โมนให้ตรงจุดตามระยะพืช
* ระยะสะสมอาหาร → ใช้ไซโตไคนิน (แตกยอด)
* ระยะเตรียมออกดอก → ใช้ออกซินเล็กน้อย
* ระยะติดผล → ใช้จีเอ (GA3) อย่างพอเหมาะ
* ระยะขยายผล → ฮอร์โมนรวม เช่น Ca+B
* ระยะใกล้เก็บเกี่ยว → ลดฮอร์โมนทั้งหมด ใช้ธาตุอาหารแทน
4.2 กฎเหล็ก “น้อยแต่ตรงเวลา”
งานวิจัยพบว่า PGR ใช้มากไม่ทำให้ผลผลิตเพิ่ม แต่ทำให้พืชเครียด
→ ปริมาณที่ปลอดภัย: **5–20 ml/20 ลิตร** แล้วแต่ชนิดฮอร์โมน
(อ่านฉลากทุกครั้ง)
4.3 ห้ามผสมกับสารบางชนิด
* ห้ามผสมกับน้ำหมักเข้มข้น
* ห้ามผสมกับสารกำจัดวัชพืช
* ผสมกับธาตุอาหารได้ (NPK, Ca, B)
5. สรุป: ใช้ถูกพุ่ง ใช้ผิดพัง
ฮอร์โมนพืชเป็นเครื่องมือทรงพลัง ถ้าเข้าใจ “ช่วงเวลา-สัดส่วน-ชนิด” จะช่วยเพิ่มผลผลิตได้แบบก้าวกระโดด แต่ถ้าใช้ผิดอาจทำให้พืชเสียรูป เตี้ยแกร็น หรือผลร่วงทันที
เกษตรกรควรใช้ตามงานวิจัย ไม่ใช่ตามความเชื่อหรือคำบอกเล่าปากต่อปาก เพื่อให้ปลอดภัยและคุ้มค่าสูงสุด
References
1. Taiz, L., & Zeiger, E. (2015). *Plant Physiology*. 6th Edition.
2. Davies, P. (2010). *Plant Hormones: Biosynthesis, Signal Transduction, Action*.
3. Kasetsart University Research Report (2020). Plant Growth Regulators in Horticulture Crops.
4. FAO (2022). Plant Growth Regulators in Crop Production.
5. Thai Horticulture Review (2023). การใช้ฮอร์โมนพืชในพืชเศรษฐกิจไทย.
#เกษตรกรไทย #ฮอร์โมนพืช #เพิ่มผลผลิต #ปุ๋ยฮอร์โมน #ออกดอกติดผล #ลดดอกร่วงผลร่วง #เกษตรแม่นยำ #ความรู้เกษตร #คู่มือเกษตรกร #เกษตรอินทรีย์