ทำไมใส่แคลเซียมแล้วผลยังแตก?
คำตอบทางวิทยาศาสตร์พืชคือ...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-12-26 09:26:09
🌐
1.20.218.92
ทำไมใส่แคลเซียมแล้วผลยังแตก?
คำตอบทางวิทยาศาสตร์พืชคือ “การเคลื่อนย้าย Ca ในท่อลำเลียง ไม่ได้ไปถึงผล”
บทคัดย่อ (Abstract)
ปัญหา “ใส่แคลเซียมแล้วแต่ผลไม้ยังแตก” เป็นข้อสงสัยที่พบบ่อยในพืชเศรษฐกิจ เช่น มะเขือเทศ แตงโม พริก ส้ม และองุ่น บทความนี้อธิบายสาเหตุเชิงสรีรวิทยาพืช โดยชี้ให้เห็นว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ปริมาณแคลเซียมที่ใส่ แต่คือข้อจำกัดของการเคลื่อนย้ายแคลเซียม (Calcium transport) ในระบบท่อลำเลียงของพืช ซึ่งแตกต่างจากธาตุอาหารอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
แคลเซียม (Ca) สำคัญกับผลไม้จริง แต่ไม่ใช่ทุกส่วนจะได้เท่ากัน
แคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักของ
* ผนังเซลล์ (Calcium pectate)
* ความแข็งแรงของเปลือกผล
* ความทนทานต่อการแตกและเน่า
แต่แคลเซียมเป็นธาตุที่ “ไม่เคลื่อนย้ายซ้ำ” (Immobile nutrient) เมื่อเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อใดแล้ว จะไม่ถูกส่งต่อไปยังอวัยวะอื่นเหมือน N หรือ K
จุดสำคัญที่เกษตรกรมักไม่รู้: Ca เดินทางได้แค่ “ท่อน้ำ (Xylem)”
กลไกการลำเลียงแคลเซียมในพืช
* Ca ถูกดูดจากราก → เคลื่อนที่ผ่าน ท่อน้ำ (Xylem)
* อาศัยแรง การคายน้ำ (Transpiration pull) เป็นหลัก
* ไม่สามารถเคลื่อนผ่านท่ออาหาร (Phloem) ได้
👉 ผลคือ
> อวัยวะที่คายน้ำสูง (ใบอ่อน ใบใหญ่) จะได้ Ca มาก
> อวัยวะที่คายน้ำต่ำ (ผล ดอก ปลายยอด) จะได้ Ca น้อย
ทำไม “ใส่แคลเซียมเยอะ” แต่ผลยังแตก?
1. ผลไม้คายน้ำน้อยมาก
เปลือกผลมีชั้น wax เคลือบ
การคายน้ำต่ำ → แรงดึง Ca ต่ำ
Ca จึงไปกองที่ใบ ไม่ได้ไปที่ผล
2. Ca ไปถึงผล “ช้าเกินไป”
ช่วงที่ผลขยายขนาดเร็ว
เซลล์ขยายตัวเร็วกว่า Ca ที่เข้าไปเสริมผนังเซลล์
→ เปลือกผลอ่อน → แตก
3. ความชื้นในดินแปรปรวน
* ดินแห้ง → Ca ดูดได้น้อย
* ฝนหรือรดน้ำหนัก → ผลพองเร็ว
เกิด แรงดันภายในผล (Turgor pressure) สูง
→ ผนังเซลล์ที่ Ca ไม่พอ แตกทันที
ใส่ Ca ทางดิน ≠ ผลได้ Ca
การใส่แคลเซียมทางดินช่วย
✔ ระบบราก
✔ ใบ
✔ โครงสร้างลำต้น
แต่ ไม่รับประกันว่า Ca จะถึงผล หาก:
* พืชมีใบหนาแน่น
* ความชื้นไม่สม่ำเสมอ
* ใส่ช่วงผลโตแล้ว
ทำไมพ่นแคลเซียมทางใบแล้ว “ยังแตกอยู่”?
เพราะ
* Ca ซึมผ่านผิวผลได้น้อยมาก
* Ca เคลื่อนที่ในพืชไม่ได้
* พ่นช้าเกิน “ระยะสร้างผนังเซลล์”
Ca ต้องมี “ตั้งแต่ผลยังเล็ก” ไม่ใช่ตอนเริ่มขยายเต็มที่
แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องกว่า: จัดการ “ระบบลำเลียง Ca” ไม่ใช่แค่ปริมาณ
หลักการลดผลแตกอย่างยั่งยืน
* รักษาความชื้นในดินให้สม่ำเสมอ
* คุมทรงพุ่ม ไม่ให้ใบแย่ง Ca จากผล
* เสริมธาตุที่ช่วยเสถียรผนังเซลล์ เช่น
* โบรอน (B)
* ซิลิกอน (Si)
* ใส่ Ca ก่อนและระหว่างการสร้างเซลล์ผลระยะแรก
สรุปแบบเข้าใจง่าย
> ❌ ผลแตก ไม่ได้แปลว่า “ขาดแคลเซียมในดิน”
> ✅ แต่คือ “แคลเซียมไปไม่ถึงผล เพราะระบบลำเลียงของพืชจำกัด”
ถ้าเข้าใจธรรมชาติของ Ca
การจัดการจะเปลี่ยนจาก “ใส่เพิ่ม”
เป็น “ใส่ให้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกระบบ”
เอกสารอ้างอิง (References)
* Marschner, H. (2012). *Mineral Nutrition of Higher Plants*. Academic Press.
* White, P. J., & Broadley, M. R. (2003). Calcium in plants. *Annals of Botany*, 92(4), 487–511.
* Saure, M. C. (2005). Calcium translocation to fleshy fruit. *Scientia Horticulturae*, 105(1), 65–89.
* Ho, L. C., & White, P. J. (2005). A cellular hypothesis for blossom-end rot. *Annals of Botany*, 95(4), 571–581.
#แคลเซียมพืช #ผลแตก #แคลเซียมไม่ถึงผล #ขาดแคลเซียมจริงหรือ #สรีรวิทยาพืช #ปัญหาผลแตก #แคลเซียมในพืช #ท่อลำเลียงพืช #เกษตรเชิงวิทยาศาสตร์ #ปลูกพืชให้ได้ผลดี