พ่นแคลเซียม-โบรอน...
👤
โดย: JANE FK
📅
2025-06-30 11:03:33
🌐
1.1.244.47
พ่นแคลเซียม-โบรอน อย่างไรให้ผลไม้ติดลูกเต็มต้น
การติดผลของไม้ผลเป็นกระบวนการสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลผลิตของเกษตรกร หากพืชไม่ติดผล หรือหลุดร่วงก่อนพัฒนาเต็มที่ ย่อมสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ “แคลเซียม” และ “โบรอน” คือธาตุอาหารรองและเสริมที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเนื้อเยื่อและการติดผลอย่างยั่งยืน การพ่นแคลเซียม-โบรอนในช่วงเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นเทคนิคที่สามารถกระตุ้นการติดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมต้องพ่นแคลเซียม-โบรอน
* แคลเซียม (Ca) มีบทบาทในการสร้างผนังเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงให้โครงสร้างผล ลดการหลุดร่วงก่อนวัย
* โบรอน (B) ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาล เพิ่มความสมบูรณ์ในการผสมเกสร ส่งผลให้มีการติดผลที่ดีขึ้น
* การทำงานร่วมกันของทั้งสองธาตุช่วยให้ผลไม้พัฒนาได้สมบูรณ์ ติดลูกดก และลดปัญหาผลร่วงหรือผลลีบ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่น
1. ก่อนออกดอก 7-10 วัน
เพื่อเตรียมต้นไม้ให้มีความพร้อมในการสร้างดอกและผสมเกสรอย่างสมบูรณ์
2. ระยะดอกเริ่มบาน
ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การผสมติด เพิ่มอัตราการติดผลอย่างเห็นผล
3. หลังติดผลเล็ก (ขนาดประมาณหัวไม้ขีด)
เสริมสร้างโครงสร้างของผลให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงจากสภาพอากาศหรือแมลงรบกวน
อัตราและวิธีการพ่นที่ได้ผล
* ใช้ แคลเซียมโบรอนในรูปคีเลตหรือ EDTA ซึ่งมีการดูดซึมง่าย และไม่ตกตะกอน
* ผสมในอัตรา **20-30 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร**
* พ่นช่วงเช้าแดดอ่อน หรือเย็นหลังแดดร่ม เพื่อให้ใบเปิดรับธาตุอาหารได้ดี
* หลีกเลี่ยงการพ่นช่วงฝนตกหรือแดดจัดเกินไป
ปัจจัยที่ต้องควบคุมร่วม
* ดินต้องมีค่าพีเอชที่เหมาะสม (6.0-6.5) เพื่อให้รากดูดซึมแร่ธาตุได้ดี
* ควรให้น้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงที่ต้นพืชกำลังติดผล
* หมั่นตรวจสอบโรคและแมลงศัตรูพืชที่อาจรบกวนระบบการติดผล เช่น เพลี้ยไฟหรือหนอนเจาะผล
สรุป
การพ่นแคลเซียม-โบรอนไม่ใช่แค่การเติมธาตุอาหาร แต่เป็นการออกแบบระบบการดูแลต้นไม้ให้ตอบสนองต่อการติดผลโดยอาศัยองค์ประกอบรอบด้าน ตั้งแต่ธาตุอาหาร ดิน น้ำ อุณหภูมิ ไปจนถึงการควบคุมแมลงและโรคพืชอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ผลไม้ที่สมบูรณ์ ติดลูกเต็มต้น และสามารถสร้างผลผลิตที่ยั่งยืนในระยะยาว
#พ่นแคลเซียมโบรอน #เทคนิคติดผลไม้ผล #แคลเซียมโบรอนผลไม้ #ผลไม้ติดลูกดก #แคลเซียมโบรอนเกษตร #เคล็ดลับเกษตรกร #ปุ๋ยพ่นทางใบ #เกษตรระบบคิด #ระบบดูแลผลไม้ #เกษตรเชิงวิชาการ