[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - โควิด
22 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 2 หน้า, หน้าที่ 3 มี 2 รายการ

โอกาสใหม่เพิ่มรายได้เกษตรกร ธุรกิจแปรรูปสมุนไพร
โอกาสใหม่เพิ่มรายได้เกษตรกร ธุรกิจแปรรูปสมุนไพร
ท่ามกลางการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโควิด 19 ได้นำมาซึ่งโอกาสของ สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าสมุนไพรไทยบางชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของไวรัส หรือมีประโยชน์ในการรักษา อาทิ ฟ้าทะลายโจร ที่เรียกว่าผลิตกันมาไม่พอขาย จนถึงขั้นขาดตลาด และยังมีสมุนไพรไทยอีกหลายชนิดที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค ขณะเดี่ยวกัน เทรนด์การบริโภคของผู้คนรุ่นใหม่ ได้มองว่าสมุนไพรคือทางเลือกสำหรับการดูแลสุขภาพที่ปลอดภัย ไม่มีอันตราย เพราะทุกอย่างล้วนมาจากธรรมชาติ

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจของสมุนไพรไทยกัน ว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร อีกทั้งการแปรรูปสมุนไพรไทยแบบไหนที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนยุคใหม่

สมุนไพรแปรรูปได้ในรูปแบบไหนบ้าง ?

1. การนำสารสกัดเข้มข้นจากสมุนไพร มาใช้ในการผลิตยาแผนโบราณ/แผนปัจจุบัน เครื่องสำอางและอาหารเสริม

2. การนำสมุนไพรออร์แกนิคมาแปรรูปให้ง่ายต่อการใช้งาน เช่น น้ำมันหอมระเหย น้ำมันนวด ผงสกัดเย็น เป็นต้น

3. การนำสมุนไพรมาเป็นเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย

4. การนำสมุนไพรมาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย เช่น ครีมทาผิว ยาสระผม ยาสีฟัน ฯลฯ

5. การนำสมุนไพรสูตรต่างๆ มาอบแห้ง เพื่อจำหน่าย

ตลาดสมุนไพรเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมยาเพิ่มขึ้น

จากข้อมูลกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ‘สมุนไพร’ มีมูลค่าการส่งออกอยู่ในหลักแสนล้านบาท โดยสมุนไพรไทยในกลุ่มอาหารเสริมมีมูลค่าการใช้และส่งออกรวมกว่า 80_000 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มสปา และผลิตภัณฑ์มีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีมูลค่าประมาณ 10_000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมยาจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในส่วนมูลค่าตลาดสมุนไพรและสารสกัดจากธรรมชาติ เนื่องด้วยปัจจุบันคนรุ่นใหม่นิยมใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ตลาดสมุนไพรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของอุตสาหกรรมยาเติบโตพุ่งสูงขึ้นเป็น 20_000 ล้านบาทในปี 2563 ขณะที่ปัจจุบันแนวโน้มดังกล่าวยังเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

หลายๆ เหตุผลที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ สมุนไพร

1. ผู้คนเริ่มหันกลับมาให้ความสนใจในเรื่องของสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

2. ความเชื่อมั่นของผู้คน ว่าสมุนไพรนั้น จะช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี ไม่มีสารตกค้าง เพราะเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมมาตั้งแต่โบราณ

3. ในปัจจุบันนี้เริ่มมีผลวิจัยออกมารองรับว่าสมุนไพรชนิดต่างๆ นั้น มีสรรพคุณในการรักษา ยับยั้ง บำรุง ร่างกายได้เป็นอย่างดีไม่แพ้ยาปฏิชีวนะ

4. ราคาของสมุนไพรแปรรูปนั้นถูกมาก! เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารเสริมหรือยาบำรุงร่างกายชนิดอื่นๆ

5. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแปรรูปหลายๆ เจ้า มีมาตรฐานรองรับว่าปลอดภัย ตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ตรวจสอบย้อนกลับได้ ถูกต้องตามหลักสากลกำหนด

6. การซื้อหรือกลับมาให้ความสนใจสมุนไพรนั้น ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแรงช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง เพราะสมุนไพรส่วนใหญ่แล้ว ทางบริษัทแปรรูปสมุนไพรส่วนใหญ่จะไปรับซื้อมาจากเกษตรกรนั่นเอง

ตลาดต้องการวัตถุดิบที่เพียงพอและปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดสมุนไพรยังคงมีอุปสรรคในปัจจุบัน คือเรื่องของคุณภาพ มาตรฐานการรับรอง และการยอมรับในวงกว้างซึ่งต้องนำงานวิจัยมาเข้าเพื่อพัฒนานวัตกรรมการแปรรูปสมุนไพรให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของมาตรฐาน ความปลอดภัย ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญเหนือสิ่งใด

ด้วยเหตุนี้เกษตรกรผู้ผลิต และแปรรูปในขั้นต้น จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของกระบวนการผลิตที่ปลอดสารเคมี ซึ่งตลาดให้ความสำคัญมากต่อการทำเกษตรแบบอินทรีย์ ขณะเดียวกันปริมาณที่เพียงพอและต่อเนื่องก็เป็นอีกอุปสรรคของตลาดสมุนไพรไทยที่ต้องหาวิธีบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม

เพราะแม้ดีมานด์ในตลาดจะมีมาก แต่หากผู้ผลิตยังไม่สามารถบริหารจัดการด้านการผลิตที่เหมาะสม และตรงกับความต้องการของตลาด โอกาสในธุรกิจนี้ก็ยังจะไม่เกิดเป็นผลในเชิงรูปธรรมมากเท่าที่ควรจะเป็น

กระนั้น จากแนวโน้มก็เป็นโอกาสดีที่จะมีเกษตรกรส่วนหนึ่งหันมาปลูก หรือส่งเสริมการปลูกสมุนไพรเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น ซึ่งจากกระแสโควิด 19 และการใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทำให้นี่จะเป็นโอกาสของตลาดสมุนไพรไทย ที่เกษตรกร ผู้แปรรูปขั้นต้นสามารถนำมาสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ขุมทรัพย์ใหม่ กัญชา-กัญชง ต่อยอดนวัตกรรมสินค้าธุรกิจไทยยุคโควิด
ขุมทรัพย์ใหม่ กัญชา-กัญชง ต่อยอดนวัตกรรมสินค้าธุรกิจไทยยุคโควิด
หลังจากพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 ที่ผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 62 โดยได้เปิดช่องให้กัญชา และพืชกระท่อม นำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และปลดล็อกให้นำส่วนต่างๆ ของกัญชาและกัญชง ยกเว้นช่อดอกและเมล็ดไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้โดยไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 นั้น

ได้สร้างความชุ่มฉ่ำใจให้ธุรกิจหลากหลาย ที่กำลังตระเตรียมนำสารสกัดจากกัญชาและกัญชงไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ คึกคัก ร้อนแรงถึงขนาดที่ว่าบริษัทไหน แบรนด์ใด โดยเฉพาะที่กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกข่าวการลงทุนพัฒนาสินค้าเกี่ยวกับกัญชา กัญชง ราคาหุ้นในตลาดฯ ก็จะปรับตัวขึ้นในทันที

ข้อมูลล่าสุดจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุ ขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงแล้ว 31 คำขอ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 6 คำขอ_ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 4 คำขอ_ เวชภัณฑ์ที่มีสารสกัดเป็นสารออกฤทธิ์ 3 คำขอ_ เครื่องจักรและกรรมวิธีการสกัดจากกัญชา 11 คำขอ_ อุปกรณ์หรือชุดทดสอบสารสกัดจากกัญชา 3 คำขอ_ ผลิตภัณฑ์ปล่อยสารระเหยจากกัญขา 2 คำขอ และผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านที่มีกัญชงเป็นองค์ประกอบ 2 คำขอ โดยล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับจดทะเบียนและออกอนุสิทธิบัตรไปแล้ว 2 คำขอ คือ กระถางผ้าเพาะปลูก และชุดเครื่องจักรสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

อย่างไรก็ตาม นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลายราย เริ่มทยอยยื่นคำขอจดสิทธิบัตรอาหารและเครื่องดื่มต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว แต่กว่าจะผลิตอาหารและเครื่องดื่มออกขายได้จริง ต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ออกระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดปริมาณของสารในกัญชาและกัญชง ที่จะใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม เพราะผู้บริโภคแต่ละคน สามารถรับสารที่ให้ความเมาในกัญชาและกัญชงได้ไม่เท่านั้น บางคนรับได้นิดเดียวก็เมาแล้ว แต่บางคนรับได้มากกว่า อย.จึงต้องกำหนดปริมาณการใช้ให้ชัดเจน

แต่กัญชงน่าจะนำมาทำอาหารและเครื่องดื่มได้ง่ายกว่ากัญชา เพราะมีปริมาณสารที่ให้ความเมาน้อยกว่ากัญชา สำหรับการใช้ใบสด ขณะนี้ เริ่มเห็นร้านอาหาร ร้านเบเกอร์รี่ ร้านขนม นำใบกัญชามาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มบ้างแล้ว คาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะทำให้มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่มีพืช 2 ชนิดนี้เป็นส่วนผสม เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากมูลค่าตลาดรวมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ

ข้อมูลจากบริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (SNP) ผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ระบุ กัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะกัญชง ซึ่งปัจจุบันมีการปลดล็อกเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองได้

สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ ให้ข้อมูลว่า กัญชง (Hemp) สามารถนำมาใช้ประโยชนได้ทุกส่วนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมายหลากหลาย เริ่มตั้งแต่อุตสาหกรรมสิ่งทอที่นำเส้นใยมาผลิตเป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และยังสามารถนำไปใช้ใน อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ผลิตเยื่อกระดาษ วัสดุหีบห่อ ไบโอพลาสติก ทำอิฐหรือคอนกรีตสำหรับงานก่อสร้าง ทำส่วนประกอบรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพและความงาม เป็นต้น

นอกจากนั้น น้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) ยังสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมความงาม บำรุงสุขภาพ เนื่องจากในน้ำมันเมล็ดกัญชง มีโอเมก้า 3_ 6 และ 9 ซึ่งช่วยซ่อมแซมผิวและเสริมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

โอเมก้าในน้ำมันกัญชงยังช่วยลดการอักเสบของผิวได้ ลดการเกิดของสิว ช่วยปรับการสร้างน้ำมันของผิว ช่วยลดร้ิวรอยเหี่ยวย่น ชะลอวัย โดยสามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางกัญชง สบู่น้ำมันเมล็ดกัญชง แชมพูน้ำมันเมล็ดกัญชง โลชั่นบำรุงผิว ลิปบาล์ม เซรั่มลดเลือนริ้วรอย เจลแต้มสิว และครีมรักษาโรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น

นอกจากประโยชนด้านความงามแล้ว น้ำมันจากเมล็ดกัญชง ยังสามารถนำมาปรุงอาหาร และใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดกัญชง มีโอเมก้า - 6 สูงมาก เทียบได้กับ Chia Seed หรือ Flax Seed นอกจากนั้นยังมีโอเมก้า -3_ linoleic acid และ oleic acid รวมไปถึงสารในกลุ่มวิตามินที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามินอีและโอเมก้า รวมไปถึงโปรตีน จึงสามารถนำไปทำเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น คุกกี้ ขนมปัง เบียร์ ไวน์ ซอส น้ำมันพืช ชีส เนย นม ไอศกรีม น้ำมันสลัด เต้าหู้ โปรตีนเกษตร

ส่วนในอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ขณะที่แกนของต้นกัญชง มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น น้ำ หรือน้ำมัน จึงมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อดูดซับกัมมันตภาพรังสีอีกด้วย

กัญชง(Hemp)ต่างจากกัญชา(Marijuana)ตรงที่กัญชงมีสาร CBD (Cannabidiol)สูง แต่มีสารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทหรือสารเสพติด(Tetrahydrocannabinol:THC)น้อยมาก ขณะที่ในช่อดอกกัญชามีค่า THC ประมาณ 1-10% แต่ในกัญชงมีค่า THCประมาณ 0.3%

CBD ไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มี CBD จึงไม่ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มและจิตใจเลื่อนลอย CBD ยังถูกนำมาใช้ในการรักษาโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วย ต่างๆ เช่น ทำให้ผู้ป่วยอยากอาหารมากขึ้น ลดความวิตกกังวล ทำให้หลับได้ดี บรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบและระงับอาการคลื่นไส อ้าเจียน โดย CBD นั้น สกัดมาจากต้นกัญชงเพศเมีย

สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ เปิดเผยผลการวิจัยว่า CBD มีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์มากมาย สาร CBD จะมีฤทธิ์ในการต้านและลดอาการปวด ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง รวมถึงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จึงสามารถนำไปใช้กับผู้ที่มีอาการเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอน ผู้ที่มีอาการอักเสบในร่างกาย ไมเกรน รวมทั้งผู้มีปัญหาเรื่องผิวหนัง สามารถลดอาการแพ้ ผื่นแดง สะเก็ดเงิน นอกจากนั้นยังช่วยผู้ที่มีอาการลมชัก ผู้ที่ต้องการเลิกเหล้า

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย-เทศคึกคัก
ในระดับโลก บิ๊กแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำหลากหลายแบรนด์ ต่างออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชา-กัญชง เร่ิมจากเอสเต ลอเดอร์ (Estee Lauder) ซึ่งเปิดตัวมาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดกัญชง ภายใต้แบรนด์ออริจินส์ (Origins) เมื่อปลายปี 2561 ขณะที่ลอรีอัล (Loreal) วางจำหน่ายโลชั่น ครีมนวดผม ลิปบาล์ม มอยส์เจอไรเซอร์ เช่นเดียวกับคีลส์ (Kiehl’s) วางจำหน่ายน้ำมันบำรุงผิวหน้า ด้วยสรรพคุณลดรอยแดงและรักษาความชุ่มชื้น

ส่วนในประเทศไทย น.ส.นันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดู เดย์ ดรีม จำกัด(มหาชน)ผู้หรือ DDD ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สเนลไวท์ อุปกรณ์ตกแต่งทรงผมเลอซาช่าและยาสีฟันสปาร์คเคิล เปิดเผยว่า ดูเดย์ดรีมมองการเปิดตัวสินค้าจากน้ำมันเมล็ดกัญชงอย่างเร็วภายในกลางปีนี้ แต่ทั้งหมดทั้งปวง ต้องมีความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะดีที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง จึงจะไม่รีบร้อนหากยังไม่พร้อมเต็มที่ และจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติจากภาครัฐให้ถูกต้องครบถ้วน

โดยเบื้องต้นผลิตภัณฑ์ที่น่าจะเปิดตัวได้เป็นกลุ่มแรก ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะครอบคลุมทั่วร่างกายทั้งผิวหน้า ผิวตัว ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผม ครอบคลุมทุกโปรดักส์ไลน์ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยเชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้อย่างแน่นอน ด้วยสรรพคุณที่หลากหลายของน้ำมันเมล็ดกัญชง ซึ่งช่วยลดการอักเสบได้ดี

ด้านนายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า มีแผนจะพัฒนา 4 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากกัญชง คือ 1. Whitening Gel Cream : ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพื่อความขาวกระจ่างใส 2. Dietary Supplement for Sleep Well Plus Omega : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยในการนอนหลับและคลายเครียด 3. Organic Tea : ผลิตภัณฑ์ชากัญชงช่วยในการผ่อนคลายและลดความเครียดวิตกกังวล 4. Organic Tea Plus Detox ผลิตภัณฑ์ชาชงช่วยดีท็อกของเสียที่ตกค้างในระบบดูดซึมสารอาหาร เตรียมผลักดันออกจำหน่ายสู่ตลาดทั้งใน และ ต่างประเทศ ภายในช่วงครึ่งหลังปี 2564

ขณะที่ นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า กำลังพัฒนาแบรนด์สินค้าใหม่ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยนำกัญชงมาเป็นวัตถุดิบ วางเป้าหมายเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชงหลากหลายรายการ ที่ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความโดดเด่นและแตกต่าง ภายในปีนี้

ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งเซกเตอร์ที่มีความเคลื่อนไหวต่อการเปิดเสรีกัญชา-กัญชงอย่างมาก เริ่มจาก นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (TIPCO) เปิดเผยว่า คาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ที่มีส่วนผสมของกัญชงได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างรอประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการให้อนุญาตให้นำส่วนผสมของกัญชงมาใส่ในอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นรูปแบบสำเร็จรูปหรือแบบปิดฝาก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของส่วนผสมในเครื่องดื่ม ที่มีการจำหน่ายหน้าร้านสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากกฏหมายอนุญาตแล้ว ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะประเดิมเปิดสาขาแรก ที่ร้าน Squeeze สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล

บริษัทยังมีแผนดำเนินการธุรกิจกัญชงในส่วนต้นน้ำและกลางน้ำเพิ่มเติมในอนาคต โดยขออนุญาตในการปลูกและสร้างโรงสกัด ซึ่งมีพื้นที่รองรับในการปลูกกัญชงได้ประมาณ 5_000 ไร่ รวมถึงมีแผนที่จะจัดตั้งโรงสกัดเป็นของตนเอง หลังจากปัจจุบันเครื่องสกัดของบริษัทมีกำลังการผลิตเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นปริมาณการใช้ส่วนผสมของกัญชงยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ส่งผลให้บริษัทใช้วิธีการรับซื้อวัตถุดิบจากพันธมิตรมาเป็นส่วนผสมในการไปผลิตผลิตภัณฑ์แทนไปก่อน

ด้านบทวิเคราะห์ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ บริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน)หรือ OSP เจ้าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 มีการศึกษาการใช้กัญชงตั้งแต่ปี 2562 ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มและสินค้าของใช้ส่วนบุคคล โดยมีหลายโครงการและมีความพร้อมในการผลิต แต่ยังรอข้อกฎหมายที่มีความชัดเจน ซึ่งอาจเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

นายชินวิทย์ เลิศบรรณพงษ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE กล่าวยอมรับว่ามีความสนใจเกี่ยวกับการปลดล็อกกัญชง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจในส่วนนี้ ทั้งในเรื่องของการสารสกัดซีบีดี (Cannabidiol :CBD) จากเมล็ดกัญชง_ และส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่ยาเสพติด แต่ต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มและไม่ใช่เครื่องดื่ม

ส่วนการจะเข้าไปขออนุญาตนั้น บริษัทยังอยู่ในการพิจารณา ทั้งนี้หากบริษัทมีซัพพลายกับผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตแล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีการขอใบอนุญาตอีก หากบริษัทดำเนินการในส่วนนี้สำเร็จ ก็จะเป็นส่วนมาช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทในอนาคต

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เจ้าของตู้เติมเงิน บุญเติม เปิดเผยว่า สนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาให้บริการด้านธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งอาจจะใส่วัตถุดิบดังกล่าวในเครื่องดื่มขายผ่านตู้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถึงการทำธุรกิจปลายน้ำก่อน

การเอาส่วนผสมกัญชงมาใส่ในเครื่องดื่มอัตโนมัติ ในทางปฎิบัติเราทำได้ทันทีอยู่แล้ว แต่เราต้องขอรอดูความชัดเจนของเงื่อนไข อย.ก่อน ซึ่งตอนนี้เรามาโฟกัสในเรื่องการขยายจุดติดตั้ง และขยายตลาดตู้อัตโนมัติก่อน

อาหาร-ซอสปรุงรสกัญชงเกาะขบวน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า  กำลังมองหาโอกาสการร่วมลงทุน ในธุรกิจส่วนประกอบโปรตีนทางเลือก (ingredient alternative protein) และอาหารทางการแพทย์ (Medical food) รวมทั้งศึกษาธุรกิจกัญชง ศึกษาน้ำมันจากกัญชง เมื่อกฎหมายมีความชัดเจน โดยอาจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทูน่าในน้ำมันกัญชง

สำหรับปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 6_000-6_500 ล้านบาท เป็นการลงทุนปกติ และลงทุนธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น โครงการโปรตีนจากพืช 800 ล้านบาท โรงงานอาหารสำเร็จรูป 1_000 ล้านบาท และโครงการห้องเย็น

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ผลิตซอสปรุงรสยี่ห้อ Exotic เปิดเผยว่า ได้ทำการศึกษาตลาดและพัฒนาสูตรนำกัญชงมาผลิตซอสปรุงรส จับกระแสตลาดโลก ปัจจุบันสูตรผสมแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่อยู่ระหว่างรอข้อกฎหมายชัดเจน จึงคาดว่าซอสกัญชงจะเข้ามาผลักดันมาร์จิ้นของบริษัทฯ ให้สูงขึ้นได้ และเป็นโอกาสขยายตลาดไปทั่วโลก

ขณะที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการออกผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา เพิ่มเข้ามา โดยคาดว่าตั้งแต่เดือน มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป บริษัทจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับกัญชง-กัญชา ประมาณ 8 สินค้า ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ในปีนี้ได้ประมาณ 600-800 ล้านบาท โดยกลุ่มกัญชง-กัญชา เป็นสินค้าใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนงาน ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ จาก 8 SKU ประมาณปีละ 2_000 ล้านบาท  

บริษัทร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำศึกษาและคิดค้นสูตรเพื่อนำกัญชงมาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทั้งในส่วนของสกินแคร์_เครื่องดื่ม และอาหารเสริม รวมถึงมีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์_โรงสกัด และผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว บริษัทมีความพร้อมทั้งการผลิตและการจำหน่ายในทันทีหลังจากกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อคกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด โดยจะจัดจำหน่ายผ่าน อาร์เอส มอลล์ แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า

ธุรกิจน้ำมัน-น้ำตาล-มือถือยังอดใจไม่ไหว
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทได้เจรจากับพันธมิตรที่ได้ยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว รวมถึงไปถึงขอความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชงมารองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

โดยคาดว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์จากกัญชงเพื่อจัดจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 2 - 3 ของปีนี้ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกนำไปวางจำหน่ายในร้านค้าในเครือของบริษัท ทั้งร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่ม เช่น MAX Mart _ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ เป็นต้น ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด(มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อทำธุรกิจกัญชง ซึ่งบริษัทมีที่ดินอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนมาก สามารถใช้ปลูกกัญชงได้ โดยขณะนี้มีการศึกษาตั้งแต่ต้นทางเพาะเมล็ดพันธุ์ ปลูก และสกัดน้ำมันกัญชง แต่กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเท่านั้น

ส่วนบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมทุนกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักจังฟาร์ม ซึ่งเกี่ยวข้องการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและ/หรือกัญชาของรักจังฟาร์ม วังน้ำเขียว ซึ่งรายละเอียดของการร่วมทุน คือทางกลุ่มวิสาหกิจรักจังฟาร์มจะจัดตั้งบริษัท กัญช์ยารักษ์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและ/หรือกัญชา

โรงพยาบาลสบช่องเร่งต่อยอดธุรกิจ
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสนับสนุนการเพาะปลูก วิจัย สกัด และตรวจวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพระดับ Medical Grade สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์และจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษาพืชกัญชงและกัญชาเพิ่มมากขึ้น

โดยพร้อมสนับสนุนด้านการจัดหาเทคโนโลยีในการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่มีมาตรฐานในระดับการแพทย์ เพื่อนำไปสู่การออกใบรับรองมาตรฐานระดับ Medical Grade และการจัดหาเทคโนโลยีด้านการผสมสารสกัดจากพืชกัญชง กัญชา และการพัฒนาเวชภัณฑ์ยาเพื่อใช้ทางการแพทย์ รวมถึงดูแลด้านการตลาด และการจัดจำหน่าย

ขณะที่นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัทโรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการสกัดกัญชง-กัญชา ว่าจะมีส่วนไหนนำมาใช้ได้ หรือมีเหตุผลทางวิชาการ หรืองานวิจัยรองรับหากมีข้อมูลที่ชัดเจน และเชื่อถือได้ โรงพยาบาลก็มีความพร้อมแน่นอน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ วางแผนการตลาด ทำผลผลิตออกตลอดทั้งปี ฟันรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
ปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ วางแผนการตลาด ทำผลผลิตออกตลอดทั้งปี ฟันรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
ฝรั่ง ผลไม้ยอดนิยมตลอดกาล อาจจะมีช่วงเวลาที่ถูกบ้าง เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ราคาฝรั่งก็เช่นกัน

คุณวราภรณ์ ขุนพิทักษ์ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์เมืองสมุทรสาคร อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ที่ 7 ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หญิงเก่งผู้ยึดมั่นอาชีพเป็นเกษตรกรทำสวนฝรั่งมานานกว่า 20 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำมามีการสะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนสามารถคาดการณ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ แม้แต่สถานการณ์โควิด-19 ที่ธุรกิจทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยอดขายของเธอคนนี้ได้ คิดหาทางออกได้อย่างทันท่วงที สามารถสร้างรายได้จากการปลูกฝรั่งเดือนละกว่า 300_000 บาท

คุณวราภรณ์ เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ปลูกฝรั่งมานานกว่า 20 ปี ว่า ตนเริ่มต้นปลูกฝรั่งครั้งแรกบนพื้นที่เพียง 1 ไร่ และได้มีการขยายพื้นที่ปลูกมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกฝรั่ง จำนวน 30 ไร่ แบ่งปลูกเป็น 3 แปลง และกำลังที่จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีกเป็นแปลงที่ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น โดยเลือกปลูกฝรั่งกิมจูเป็นหลัก เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ทานง่าย ถูกใจผู้บริโภคทุกระดับ สามารถส่งขายได้ทั้งตลาดโรงงาน ตลาดห้างโมเดิร์นเทรด และตลาดสดในชุมชนทั่วไป ด้วยจุดเด่นของฝรั่งกิมจูที่มีรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ประโยชน์สูง รวมไปถึงผลตอบแทนทางด้านรายได้ เพราะฝรั่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว เพียง 8 เดือน อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนสูง ได้เงินไว และถ้าหากมีการวางแผนการปลูกที่ดีแล้ว เกษตรกรสามารถทำผลผลิตให้ออกได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้ทุกวัน

เทคนิคการปลูก ให้มีผลผลิตออกตลอดทั้งปี
ก่อนที่จะไปถึงเทคนิคขั้นตอนการปลูก คุณวราภรณ์ บอกว่า ต้องอธิบายให้เกษตรกรเข้าใจตรงกันก่อนว่า พืชผักผลไม้ทุกชนิดมีราคาขึ้น-ลง แล้วแต่ช่วงฤดูกาลถือเป็นเรื่องปกติ มีช่วงราคาถูก-แพง ในรอบปี ฝรั่งก็เป็นเช่นเดียวกันกับผลไม้ชนิดอื่นที่พอถึงฤดูกาลที่ผลผลิตออกมามากมายพร้อมกัน ราคาก็จะถูกลงมา ซึ่งจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการฝรั่งมานานกว่า 20 ปี สามารถบอกได้เลยว่าช่วงไหนราคาฝรั่งจะถูกหรือแพง คือฝรั่งจะมีราคาถูกให้สังเกตง่ายๆ ก็ช่วงเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม หรือช่วงที่เงาะออก ส่วนช่วงที่ฝรั่งมักมีราคาแพง จะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้ชนิดไหนออกสู่ตลาด อย่างช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ในช่วงนี้ผลผลิตจะมีราคาสูงถึง กิโลกรัมละ 30-40 บาท กับอีกช่วงคือเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับหลายเทศกาล ดังนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วตนจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้มีผลผลิตออกมาชนกับสวนอื่น ด้วยการวางแผนก่อนผลิตล่วงหน้าว่า จะให้ผลผลิตเก็บได้ในช่วงไหนก็ให้นับย้อนกลับไป 5 เดือน แล้วโน้มกิ่งให้ฝรั่งแตกยอดใหม่ เพื่อที่จะให้ผลผลิต หรือนับจากการห่อผล 3 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวได้ และฝรั่งจะเก็บผลผลิตได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ก็จะต้องโน้มกิ่งต้นเดือนมีนาคมนั่นเอง

เตรียมแปลงปลูก
เทคนิคการปลูก ฝรั่ง เป็นพืชที่ปลูกซ้ำที่แล้วจะไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นการเตรียมดินปลูกในแต่ละครั้งจำเป็นต้องเตรียมดินใหม่ทั้งหมด จะปลูกซ้ำหน้าดินเดิม หรือปลูกร่องเดิมไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราที่เป็นสาเหตุหลักทำให้ฝรั่งยืนต้นตายได้ ซึ่งข้อดีผู้ที่ปลูกฝรั่งจะรู้ดี เพราะฉะนั้นการเตรียมดินใหม่ที่ถูกต้องจำเป็นต้องมีการไถยกร่องปรับหน้าดิน ตากดินทิ้งไว้ 2-3 เดือน แล้วไถ นำรถตีดินเข้ามาตีหน้าดินอีกรอบเพื่อให้ดินละเอียดขึ้น แล้วเตรียมขุดหลุมปลูกด้วยกิ่งตอน เพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะถ้าปลูกโดยใช้กิ่งชำราคาจะสูงกว่า ที่สวนจะทำกิ่งพันธุ์เอง จึงเลือกใช้กิ่งตอน และประเด็นสำคัญที่สุดคือการปลูกด้วยกิ่งตอนจะช่วยลดปัญหาการเกิดเชื้อราจากแกลบดำได้ เพราะฉะนั้นหากใช้กิ่งตอนปลูกจะไม่ค่อยประสบกับปัญหายืนต้นตาย ที่นับเป็นปัญหาหลักที่เกษตรกรหลายคนถอดใจ

ระยะห่างระหว่างต้น ที่สวนจะใช้วิธีการปลูกแบบยกร่องสวน เนื่องจากเป็นเขตที่ลุ่ม ขนาดร่อง 2 เมตร บนร่องปลูก 2 แถว แบบสลับฟันปลา ระยะปลูก ประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งข้อดีของการปลูกแบบสลับฟันปลา คือ 1. จะได้จำนวนต้นเพิ่มขึ้น 2. หากมีอาการยืนต้นตายในต้นที่มีอายุ 2 ปีไปแล้ว เมื่อตัดต้นทิ้งไปจะทำให้แปลงดูไม่โล่งจนเกินไป

ระบบน้ำ ใช้เรือรดน้ำตามร่องสวน หากปลูกโดยใช้กิ่งตอนช่วงแรกจะรดน้ำทุกวัน หลังจากนั้นเมื่อพ้นเดือนแรกไปแล้ว ให้รดน้ำลงมาเหลือเป็นวันเว้นวัน หากวันไหนฝนตกก็ให้งดน้ำ

ผลผลิตเต็มต้น
ฝรั่งจะเริ่มเก็บได้เมื่ออายุ 8 เดือน หลังปลูก โดยในรอบ 1 ปี จะทำชุดใหญ่ 3 ชุด โดยชุดที่จะมีราคาแพงที่สุด จะเป็นชุดที่เก็บเกี่ยวเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นฝรั่งที่จะต้องโน้มกิ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคม การโน้มกิ่งฝรั่งจะทำให้ฝรั่งแตกยอดพร้อมกับออกดอกบนกิ่งที่โน้ม โดยการปักไม้ไผ่รวกให้รอบทรงพุ่ม เลือกกิ่งที่ยาว โน้มลงมาแล้วใช้เชือกยึด ผูกติดกับไม้ไผ่รวก ตัดปลายกิ่งออก แล้วยอดใหม่จะแตกออกมา รอให้เก็บเกี่ยวผลผลิตอีกครั้ง

ปุ๋ย จะดูแลให้ฝรั่งต้นสมบูรณ์ตลอดทั้งปี โดยหลังจากโน้มกิ่งแล้ว จะใส่ปุ๋ย 25-7-7 เพื่อเร่งยอดบำรุงต้น หลังจากนั้น อีก 15 วัน ใส่ 16-16-16 เมื่อผลโตขนาดเท่าผลส้มจะเปลี่ยนมาใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมีอัดเม็ด ที่มีธาตุอาหารแคลเซียม แมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะทำให้ฝรั่งผิวสวย ฝรั่งผิวออกขาว ไม่เขียว และรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ทางใบพ่นน้ำส้มควันไม้อย่างต่อเนื่องทุก 7-10 วัน เพื่อช่วยในด้านการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์ของต้น และยังช่วยกันแมลงอีกด้วย แคลเซียม-โบรอน พ่นประจำไม่ให้ขาด จะช่วยทั้งเรื่องเพิ่มความสมบูรณ์ของดอก เพิ่มการติดผลดก ขั้วเหนียว ผลกรอบ รสชาติหวาน และช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเสริมน้ำตาลทางด่วนเพื่อเพิ่มรสชาติช่วยอีกแรง

ฝรั่ง 30 ไร่ สามารถทำผลผลิตให้ออกขายได้ทุกวัน วันละ 80-100 ลัง น้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ต่อลัง ถือว่าผลผลิตโดยรวมอยู่ในจำนวนที่เยอะ และในผลผลิตจำนวนนี้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งหมด เนื่องด้วยฝรั่งของที่สวนสามารถทำให้รสชาติคงที่สม่ำเสมอเท่ากันตลอดฤดูกาล คือ มีผิวสวย รสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู และที่สำคัญจะคัดแต่ของดีๆ ส่งเท่านั้น ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้รับซื้อ ใช้ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเป็นสำคัญ เนื่องจากที่สวนทำการตลาดเองทั้งหมดโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผลผลิตลูกไหน หรือลังไหนไม่ดีจะไม่ส่งให้ลูกค้าอย่างแน่นอน และอีกเรื่องที่สำคัญ คือความสม่ำเสมอ พยายามทำผลผลิตอย่าให้ขาด เพื่อไม่ให้เสียพ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำไป เพราะถ้าเมื่อใดที่ผลผลิตขาดไปแม้แต่ครั้งเดียว อาจทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อประจำหายไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นการวางแผนการผลิตถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และที่สวนวราภรณ์ยึดมั่นสิ่งนี้มาตลอด ทำให้ทุกวันนี้ฝรั่งกิมจูของที่สวนมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยสามารถแบ่งเป็นตลาดหลักได้ ดังนี้

ตลาดโรงงาน จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะ กรอบ แข็ง กดไม่ลง ผิวอมเขียว เพื่อนำไปเข้ากระบวนการตัดแต่งต่อไป
ตลาดห้างแม็คโคร จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู พร้อมทาน
ตลาดสดทั่วไป จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะเหมือนกับตลาดห้าง คือ รสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู พร้อมทาน
ตลาดออนไลน์ เป็นตลาดที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดขึ้นมา ทำให้การค้าขายยากขึ้น ตลาดปิด จึงต้องมีการระบายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นไปได้สวย เพราะสามารถทำยอดขายออนไลน์ได้วันละไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม
รายได้ จากพื้นที่ปลูกฝรั่ง จำนวน 30 ไร่ วางแผนตัดฝรั่งขายทุกวันจันทร์-ศุกร์ 1 เดือน ทำรายได้กว่า 300_000 บาท ขายเองทั้งหมด โดยไม่ผ่านพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง

ฝรั่งถึงจะล้นตลาด แต่จะล้นแค่ระยะเวลาสั้นๆ คือบางคนเห็นราคาถูก ตัดทิ้งเลยนะ แต่จริงๆ พี่จะบอกว่าพอหมดช่วงล้นปุ๊บ มันจะกลายเป็นช่วงขาดตลาดทันที จากราคา 6 บาท ขึ้นไป 30 บาท เพราะฉะนั้นถ้าเราอดทนรอให้ผ่านพ้นช่วงผลผลิตล้นตลาดไปได้ เราก็กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งก็จะเป็นแบบนี้ทุกปี และอีกเรื่องสำคัญคืออยากเน้นให้สำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกไม่มาก ให้ทำตลาดเอง ปลูกเอง ขายเองตามตลาดนัด ตามหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะจากประสบการณ์ที่พี่เคยเจอมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ฝรั่งราคาถูกมาก ทั้งพ่อค้าตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เขาตีให้ราคากิโลกรัม 6 บาท ตอนนั้นพี่มี 30 ไร่ แล้วพี่คิดว่าพี่อยู่ไม่ไหวแน่กับราคา 6 บาท และประกอบกับที่ช่วงนั้นฝรั่งที่สวนกำลังตัดวันละเป็น 100 ลัง พี่ก็ตัดสินใจเลิกส่งพ่อค้าในตลาดใหญ่ไปก่อน แล้วเริ่มต้นโพสต์เฟซบุ๊กขายเอง พยายามเข้าไปโพสต์ขายในหลายๆ กลุ่ม เพื่อให้แม่ค้ามาซื้อ ส่วนที่เหลือพี่ออกไปขายเองตามตลาดนัด เข้าไปขอพื้นที่ขายตามกรม กอง ต่างๆ จากขายให้ตลาดใหญ่กิโลกรัมละ 6 บาท แต่พอมาขายเองขายได้กิโลละ 35 บาท 3 โล 100 บาท พี่ถึงได้อยู่ผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ พี่วราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ยอดพุ่งต่อเนื่อง ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์
ยอดพุ่งต่อเนื่อง ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น มีการเปิดประเทศและอุตสาหกรรมเศรษฐกิจทั่วโลกมีการขยายและฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยเป็นที่ต้องการทั่วโลก โดยเพียงแค่ 5 เดือนแรกของปี 2565 คือมกราคม-พฤษภาคม ยอดส่งออกยังคงพุ่งแรงเทียบกับ 5 เดือนแรกปี 2564 ก่อน รวมมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ผลจากความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าในการตรวจสอบ กำกับและควบคุมกระบวนผลิตด้านความปลอดภัยอาหารของกรมปศุสัตว์ ประเทศไทย

เผยครึ่งปีหลังคาดการณ์จากเจรจาและเปิดตลาดคู่ค้าเพิ่มสำเร็จ ผลทำให้การส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยยังคงพุ่งปังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่สินค้าประเภทเนื้อไก่แปรรูปส่งมากที่สุด โดยคู่ค้าหลักคือ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป และสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมมากที่สุด รองลงมาคือ กลุ่มสินค้าไข่และผลิตภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าปลากระป๋อง ตามลำดับ

ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 นี้ ได้มีการเจรจาเปิดตลาดและขยายตลาดการส่งออก ส่งผลให้แนวโน้มปริมาณและมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเพิ่มปริมาณและมูลค่าได้อย่างต่อเนื่อง จากสิงคโปร์มีการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์ปีกดิบทำให้ไทยส่งออกได้มากขึ้น มาเลเซียมีการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากไทยมากขึ้นและจะมาตรวจประเมินพิจารณาขึ้นทะเบียนโรงงานนมเพิ่มเติม

องค์การอาหารและยาของซาอุดิอาระเบีย อนุญาตให้นำเข้าไก่จากไทยได้หลังจากที่ระงับมานานและได้ขึ้นทะเบียนโรงงานสัตว์ปีกไทยเพิ่มอีก 11 โรงงาน ทำให้เป็นโอกาสในการเพิ่มตลาดส่งออกได้มากขึ้น นอกจากนี้ แคนาดาจะตรวจประเมินโรงงานสัตว์ปีกเพื่อพิจารณาการนำเข้าเนื้อเป็ดแปรรูปปรุงสุกจากไทยและอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นที่ต้องการในตลาดโลกส่งออกเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ข้อมูลรูปภาพ จาก http://ไปที่..link..
มาแรง! สินค้าขนม เติบโตสูงในตลาดส่งออก
มาแรง! สินค้าขนม เติบโตสูงในตลาดส่งออก
รัฐบาลชี้ช่องโอกาสส่งออกสินค้าหมวดขนม จีน/ญี่ปุนมาแรง ก.พาณิชย์พร้อมสนับสนุนข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค

วันที่ 21 มีนาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ ในประเทศที่เป็นตลาดส่งออก เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนการผลิตและส่งออกให้กับผู้ประกอบการของไทย ซึ่งกลุ่มสินค้าขนม เป็นหนึ่งในสินค้าหมวดอาหารที่มีโอกาสเติบโตอย่างมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะ ในจีน และญี่ปุ่น กอปรกับภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่คนหาสิ่งเพลิดเพลินทำในบ้านแทนการออกไปใช้เวลาในที่สาธารณะ ถือเป็นปัจจัยเสริมการส่งออกในภาพรวมอีกด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยผลิตสินค้าให้ตรงกับพฤติกรรมการบริโภค เอาผู้ซื้อเป็นตัวตั้ง เป็นนโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ และที่ผ่านมา ตัวเลขการส่งออกสินค้าอาหารที่โตขึ้นอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ข้อมูลที่น่าสนใจจากการศึกษา อาทิ กลุ่มนักศึกษาจีน กลุ่มเพศหญิงจะนิยม ขนมแป้งเส้นรสเผ็ด ขนมหรืออาหารกระป๋อง และคุกกี้หรือเค้ก กลุ่มเพศชายจะนิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถั่ว และผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่ม กลุ่มนักศึกษาที่เกิดหลังปี 2000 ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชายนิยมดื่มน้ำผลไม้และชานม ขณะที่

ชาวญี่ปุ่นมีความต้องการสินค้าใหม่ ๆ รองรับสังคมผู้สูงอายุ เช่น ขนมที่มีการพัฒนาเป็น Functional food ที่มีคุณสมบัติการให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เยลลี่เหลวแบบสำหรับดื่มที่ให้พลังงานและเส้นใย หรือขนมที่มีนวัตกรรม เช่น ลูกอมดับกลิ่นปากที่ลดความแรงของมินท์ เพื่อให้เหมาะกับเวลาใส่หน้ากากอนามัย และขนมเคี้ยวหนึบ ที่มีการใช้นวัตกรรมในการผลิต เพื่อสร้างความแปลกใหม่ รวมถึงให้ความสำคัญกับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิตเปลี่ยนจากการใช้พลาสติกมาเป็นกระดาษมากขึ้น และลดปริมาณบรรจุภัณฑ์มากเกินจำเป็นลงมา เช่น ใช้พลาสติกที่บางลง หรือยกเลิกการใช้ถาดพลาสติก เป็นต้น

สินค้าขนมของไทยมีโอกาสเติบโตในหลายประเทศ ซึ่งในการผลิตต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย โดยเป็นปัจจัยที่ผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก นอกจากนั้น จะต้องพิจารณาใช้บรรจุภัณฑ์และขนาดบรรจุที่เหมาะสมกับแนวโน้มของตลาด รวมทั้งควรติดตามศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมในช่วงนั้น ๆ สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ http://ไปที่..link.. หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169 นางสาวรัชดา กล่าว


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ปมรุมเร้าลำไย 4 แสนตัน ตะวันออก เพลี้ยแป้ง ขาดแรงงาน 2 หมื่นยังวุ่น
ปมรุมเร้าลำไย 4 แสนตัน ตะวันออก เพลี้ยแป้ง ขาดแรงงาน 2 หมื่นยังวุ่น
ช่วงเดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่ผลผลิตลำไยของภาคตะวันออกกำลังทยอยออกมามากขึ้น ขณะที่ปัญหาต่าง ๆ ในการส่งออกไปตลาดจีนกำลังประดังกันเข้ามา

ตั้งแต่เรื่องที่สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ตรวจพบเพลี้ยแป้งในลำไยจากไทย และได้สั่งระงับชั่วคราวโรงคัดบรรจุ 66 บริษัท แต่ล่าสุดทางกรมวิชาการเกษตร

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เจรจากับรัฐบาลจีนอนุญาตให้โรงคัดบรรจุ 56 บริษัทที่ตรวจพบเพลี้ยแป้งน้อยครั้งที่สุดสามารถส่งออกลำไยได้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ส่วนรายที่พบมากครั้งให้มีการปรับปรุงให้เป็นไปตามขั้นตอนต่อไปนั้น

หวั่นกระทบลำไย 4 แสนตัน
ภาคตะวันออก จันทบุรี สระแก้ว ที่มีผลผลิตลำไยจำนวนมากเกือบ 400_000 ตัน และผลผลิตออกมากเดือนกันยายน-ธันวาคม และตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ถึง 80%

ซึ่งบริษัทส่งออกภาคตะวันออกที่ถูกแบน 29 บริษัท อยู่ในจันทบุรี 28 บริษัทและ จ.สระแก้ว 1 บริษัท ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ที่รับซื้อ 80-85%

หากมีการหยุดรับซื้อหวั่นปัญหาด้านการตลาดมีผลกระทบต่อเกษตรกรที่ต้องรับภาระราคาตกต่ำ ในขณะที่ล้งยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานถึง 20_000 คน เตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ผ่อนปรน

นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสถานีวิจัยพัฒนาการเกษตร จ.จันทบุรี (สวพ.6) เปิดเผยว่า ได้ประชุมผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุใน จ.จันทบุรี รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมชาวสวนลำไย สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี

และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมา 2 ครั้งแล้ว เพื่อหารือเร่งด่วนกรณีการแจ้งเตือนและชะลอการส่งออกชั่วคราวโรงคัดบรรจุลำไยที่มีเพลี้ยแป้งไม่ได้ห้ามโดยเด็ดขาด กรมวิชาการเกษตร

และ สวพ.6 ได้กำหนดมาตรการควบคุมเพลี้ยแป้งอย่างเข้มงวด ให้โรงคัดบรรจุใน จ.จันทบุรี 28 โรงที่ถูกระงับได้ปฏิบัติ ส่งให้จีนพิจารณาผ่อนปรนระงับการนำเข้าเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนถึงฤดูกาลลำไยภาคตะวันออกเดือนกันยายน-ธันวาคม

ภายหลังอธิบดีกรมวิชาการเกษตรได้ประชุมครั้งที่ 1 และการเจรจากับจีนเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม จีนยังคงยืนยันให้ระงับโรงคัดบรรจุที่ตรวจพบเพลี้ยแป้งซึ่งอยู่ในภาคตะวันออก 29 โรง จันทบุรี 28 โรง สระแก้ว 1 โรง

แนวทางที่กรมวิชาการเกษตรเสนอขอผ่อนปรนจากจีนคือ กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากคือพบเพลี้ยแป้งมากจำนวน 4 โรง ซึ่งรายชื่อซ้ำกับการแจ้งทั้ง 2 ครั้ง อาจจะระงับระยะยาวกว่า

ส่วนที่เหลือกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยคือ พบเพลี้ยแป้งจำนวนน้อยกว่าจำนวน 23 โรง (ยกเลิกการขึ้นทะเบียน 1 บริษัท) ผ่อนผันให้มีการระงับการนำเข้าระยะเวลาไม่นาน โดยส่งแผนการกำจัดเพลี้ยแป้งอย่างเข้มงวด และการป้องกันโควิด-19

“โรงคัดบรรจุลำไยภาคตะวันออกที่ได้มาตรฐาน GMP และขึ้นทะเบียน DOA กับทางการจีนมี 93 โรง จ.จันทบุรี 89 โรง สระแก้ว 2 โรง ระยอง 2 โรง ถูกระงับการส่งออกชั่วคราวรอบเดือนมีนาคม 8 โรง

และรอบ 2 เดือนกรกฎาคม 29 โรง ซึ่งในจำนวนนี้มีรายชื่อซ้ำกับรอบแรกอยู่ 6 โรง สวพ.6 ได้เตรียมพร้อมโรงคัดบรรจุที่ยังส่งออกได้ปกติอีก 62 โรงเพื่อรับซื้อผลผลิต จำนวนโรงคัดบรรจุ 29 โรงที่ถูกระงับมีล้งที่มีความเสี่ยงสูง

หรือถูกแจ้งเตือนบ่อย 4 โรง ที่เหลืออีก 25 โรงมีความเสี่ยงต่ำแต่เป็นโรงคัดบรรจุขนาดใหญ่ที่รับซื้อลำไยถึง 80%” นายชลธีกล่าว

ตรวจเข้มสวนถึงโรงคัดบรรจุ
นายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน หัวหน้าด่านตรวจพืชแหลมฉบัง ชี้แจงมาตรการกรมวิชาการเกษตรที่เกษตรกรและโรงคัดบรรจุต้องปฏิบัติ โดยดูแลติดตามใน 3 ส่วนอย่างเข้มงวดคือ ในสวน

โรงคัดบรรจุและการตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate : PC ) โดยเพิ่มผู้ตรวจสอบศัตรูพืชในกระบวนการผลิต คือ สายเก็บจากสวน โรงคัดบรรจุเพิ่ม

การสุ่มตรวจเมื่อคัดแยกเกรดบรรจุตะกร้าก่อนเข้าตู้รมซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และระบายแก๊สที่อบเสร็จสุ่มตรวจอีกครั้ง อัตราการสุ่มตรวจ 5% (ยกเว้นโรงคัดที่ถูกระงับสุ่ม 10%) ศัตรูพืชต้องไม่เกิน 3%

เพื่อตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืชในโรงคัดบรรจุก่อนที่จะตรวจที่ด่านตรวจอีกครั้ง นอกจากนี้ ข้อกำหนดเพิ่มเติมต่าง ๆ ให้เหมาะสมต่อการตรวจศัตรูพืชและลดความเสี่ยงเช่น พื้นที่คัดแยกวางสินค้าปนเปื้อน แสงสว่างจุดเสี่ยง

ขาดแรงงานเก็บลำไย 2 หมื่นคน
นอกจากปัญหาศัตรูพืชแล้ว ผู้ส่งออกยังมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานเก็บลำไย เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถนำเข้าแรงงานกัมพูชามาเก็บลำไยได้สะดวกเหมือนในอดีตก่อนเกิดโควิด

นายเกียรติศักดิ์ พูนเพิ่ม เลขาธิการสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี กล่าวว่า ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมได้ทำมาตรฐานศัตรูพืชควบคู่ไปกับการป้องกันโควิด-19

มีการสุ่มตรวจแรงงานในโรงคัดบรรจุได้มากกว่า 10% โดยประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.โป่งน้ำร้อน เบื้องต้นใช้ Rapid Antigen Test และเมื่อผลเป็นบวกจะตรวจยืนยันด้วย RT-PCR อีกครั้ง

โดยเป้าสุ่มตรวจระยะแรก 2_500 คน ตรวจไปแล้ว 2_000 คน โดยจะได้รับบัตรรับรองจากสมาคม ค่าใช้จ่ายให้คนละ 1_000 บาท ผู้ประกอบการจะรับผิดชอบ

เป็นกลุ่มแรงงานเดิมที่อยู่ในพื้นที่ประมาณ 12_000 คน จำกัดให้อยู่ใน 2 อำเภอเท่านั้น คือ อ.โป่งน้ำร้อน และ อ.สอยดาว เพื่อให้ควบคุมได้ และแรงงานกลุ่มที่เข้ามาใหม่ที่จะขออนุญาตศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) นำเข้าจากเพื่อนบ้านประมาณ 20_000 คน

ด้านนายศิริไพบูลย์ วัฒณวงศ์ชัย สมาชิกสภาเทศบาล ต.คลองหาด อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว และตัวแทนเกษตรกรและผู้รับซื้อลำไยเพื่อการส่งออกกล่าวว่า พื้นที่ จ.สระแก้วจะเริ่มเก็บผลผลิตเดือนสิงหาคมและมีผลผลิตออกมากตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม

เดิมใช้แรงงานกัมพูชา แต่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องใช้แรงงานที่อยู่ในพื้นที่ จ.จันทบุรี ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเดินทางเข้าจังหวัดมาเก็บลำไยใน จ.สระแก้วได้หรือไม่ หาก จ.สระแก้วอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่มีแรงงานอยู่ จ.จันทบุรีเข้ามาเก็บลำไยได้ และอนุญาตให้พักค้างได้ หรือทำในรูปแบบของ จ.จันทบุรีจะแก้ไขปัญหาได้

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

สินค้าจากเรา
มาคา สารอินทรีย์ป้องกันและกำจัดเพลี้ย รายละเอียดด้านล่างนะคะ
จริงหรือ? โควิด-19 แพร่เชื้อทางอากาศ (Airborne) ได้
จริงหรือ? โควิด-19 แพร่เชื้อทางอากาศ (Airborne) ได้
Airborne คือละอองที่มีขนาดเล็กมาก (น้อยกว่า 5 ไมครอน) หรือละอองเสมหะที่ระเหยไปจนมีขนาดเล็กและมีเชื้อโรคที่มีชีวิตเกาะอยู่ ละอองนี้จะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและไกล เชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้แบบนี้ที่แพทย์รู้จักมีเพียง 3 ชนิด ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด โรคสุกใสหรืองูสวัด และแบคทีเรียวัณโรค

“WHO ประกาศโควิด-19 เป็น Airborne” เป็นข่าวจริงเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 แต่ถ้าเข้าไปอ่านรายละเอียดจะพบว่าองค์การอนามัยโลกเตือนเฉพาะ บุคลากรทางการแพทย์ ภายหลังจากมีการศึกษาใหม่พบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีชีวิตรอดในอากาศได้ใน บางสถานการณ์ ซึ่งจริงๆ แล้วแทบไม่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวันได้เลย

สาเหตุที่องค์การอนามัยโลกต้องออกมาเตือนบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์ พยาบาล ก็เพราะว่าขั้นตอนการดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลบางขั้นตอนสามารถเปลี่ยน Droplet ให้กลายเป็น Airborne ได้ โดยขั้นตอนนั้นเรียกว่า Aerosol-generating procedure หรือหัตถการที่ทำให้เกิดละอองลอย (Aerosol) ซึ่งสามารถฟุ้งอยู่ในอากาศได้นาน

Contact_ Droplet และ Airborne ต่างกันอย่างไร

คำว่า Airborne มีความหมายที่เหลื่อมกันอยู่ระหว่างคนทั่วไปกับแพทย์ เพราะถ้าเปิดพจนานุกรมคำนี้จะแปลว่า [adj.] (ทหาร_ สินค้า) ขนมาทางอากาศ หรือ Airborne transmission จะแปลว่า การแพร่เชื้อทางอากาศ ทำให้เรานึกภาพว่าเชื้อโรคลอยอยู่ในอากาศเหมือนละอองเกสรที่ลอยไปตามทิศทางลม เมื่อสูดหายใจเข้าไปก็จะติดเชื้อ

แต่ในทางการแพทย์จะแบ่งระดับของการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลตามการแพร่เชื้อ (Transmission-based precautions) ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ Contact_ Droplet และ Airborne นอกเหนือจากการป้องกันตัวตามมาตรฐาน (Standard Precaution) ซึ่งต้องปฏิบัติกับผู้ป่วยทุกรายเหมือนกันคล้ายกับการรักษาสุขอนามัยของคนทั่วไป

Contact:

หมายถึงการสัมผัสเชื้อโรคอยู่ในของเหลวที่หลั่งออกมาจากตัวผู้ป่วย เช่น หนอง เลือด หากสัมผัสผ่านผิวหนังที่มีแผลจะเป็นช่องทางเข้าของเชื้อได้ เราจึงมักเห็นแพทย์สวมถุงมือทุกครั้งที่สัมผัสผู้ป่วย

การสัมผัสนี้ยังรวมถึงการสัมผัสน้ำมูกและน้ำลายของผู้ป่วยที่อาจตกอยู่ตามสิ่งของ การป้องกันที่สำคัญอีกอย่างจึงเป็นการล้างมือ

Droplet:

คือละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะที่ผู้ป่วยไอจามออกมา ซึ่งทุกคนน่าจะเคยเห็นภาพกราฟิกว่าละอองเหล่านี้จะกระเด็นออกไปได้ไม่เกิน 1-2 เมตร แล้วจะตกลงที่พื้นหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้

แพทย์จะป้องกันตัวด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) หรือหน้ากากสีเขียวสีฟ้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

การแพร่เชื้อแบบนี้เป็นช่องทางการติดต่อหลักของโควิด-19 เพราะเป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไอ ซึ่งไม่ว่าไอแห้งหรือไอมีเสมหะก็จะมีละอองน้ำมูกน้ำลายออกมาด้วยทุกครั้ง เป็นที่มาของคำแนะนำให้ผู้มีอาการป่วยต้องสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างจากผู้อื่น (Social Distancing)

Airborne:

คือละอองที่มีขนาดเล็กมาก (น้อยกว่า 5 ไมครอน) หรือละอองเสมหะที่ระเหยไปจนมีขนาดเล็กและมีเชื้อโรคที่มีชีวิตเกาะอยู่ ละอองนี้จะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานและไกล เชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้แบบนี้ที่เรา (แพทย์) รู้จักมีเพียง 3 ชนิด ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด โรคสุกใสหรืองูสวัด และแบคทีเรียวัณโรค

จะสังเกตว่าทั้ง Droplet และ Airborne เป็นการแพร่เชื้อผ่านทาง ‘อากาศ’ แต่ Droplet จะต้องสูดหายใจเอาละอองขนาดใหญ่ซึ่งลอยอยู่ในอากาศได้ไม่นานเข้าไป ส่วน Airborne เป็นการหายใจเอาเชื้อโรคหรือละอองขนาดเล็กเข้าไป แพทย์จะป้องกันด้วยการสวมหน้ากากชนิด N95 และแยกผู้ป่วยอยู่ในห้องที่ควบคุมทิศทางการไหลของอากาศได้

ขอบคุณที่มา:

1. http://www.farmkaset..link..
2. http://www.farmkaset..link..
วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA คืออะไร
วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA คืออะไร
mRNA คืออะไร - mRNA (messenger Ribonucleic Acid) เป็นสารพันธุกรรมที่อยู่ในเซลล์ของร่างกายทำหน้าที่ออกคำสั่งให้เซลล์ผลิตโปรตีนขึ้นตามรหัสคำสั่งนั้น ๆ เป็นกลไกปกติของร่างกาย

การทำงานของวัคซีนชนิด mRNA ในร่างกาย

หลักการทำงานของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA คือการเอาชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด- 19 (mRNA) ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนส่วนที่เป็นปุ่มหนามของเชื้อไวรัส (Spike protein) นำมาสังเคราะห์เป็นรหัสคำสั่งที่เรียกว่า S-spike mRNA

เมื่อฉีดวัคซีนชนิด mRNA เข้าสู่ร่างกายจะทำให้เซลล์ในร่างกายผลิตโปรตีนส่วนที่เป็นปุ่มหนามของไวรัสขึ้น และโปรตีนที่ผลิตในส่วนนี้เองจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Antigen) ให้ร่างกายรู้จักกับเชื้อโรคโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกัน (Antibody)เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19

โดยธรรมชาติ สารพันธุกรรม mRNA เหล่านี้จะถูกขจัดออกจากร่างกายภายในระยะเวลาไม่นาน จึงไม่สะสมหรือฝังตัวอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ในร่างกายตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์

การใช้วัคซีนชนิด mRNA ป้องกันโรคโควิด-19

ปัจจุบันทั่วโลกฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA มากกว่า 500_000_000 โดส จากการศึกษาพบว่ามีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำประมาณ 3-5 : 1_000_000 โดส ซึ่งใกล้เคียงกับวัคซีนอื่น ๆ ที่กำลังฉีดทั่วโลก โดยภาพรวมถือว่าวัคซีนชนิดนี้มีความปลอดภัยสูง และเป็นวัคซีนที่ได้ผลในการป้องกันการติด
เชื้อโรคโควิด-19 สูงถึงร้อยละ 95

คำแนะนำจากแพทย์

วัคซีนป้องกันโรคโควิด- 19 ที่ดีที่สุดคือ วัคซีนที่เราได้ฉีดเร็วที่สุด จึงควรลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน และติดตามข้อมูลข่าวสารทางวิชาการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโรคโควิด-19 ไปด้วยกัน

ข้อมูล ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2564
ที่มา : ศ. นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม
6 สมุนไพรไทย สมุนไพรพื้นที่บ้านช่วยต้านโควิด 19
6 สมุนไพรไทย สมุนไพรพื้นที่บ้านช่วยต้านโควิด 19
ซึ่งจากการศึกษาวิจัย พบว่า ฟ้าทะลายโจร มีกลไกต้านไวรัส ป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์_ ลดการแบ่งตัวไวรัสภายในเซลล์_ เพิ่มภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัส_ ลดการอักเสบที่ปอดจากการติดเชื้อไวรัส

กระชายขาว สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรอย่างที่ 2 ที่แพทย์แนะนำคือ กระชายขาว โดยจากการศึกษาพบกว่า สาร panduratin ของกระชายขาวมีฤทธิ์ในการต้านไวรัสทั้งในระยะก่อนและหลังการติดเชื้อ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเชื้อเอดส์ ต้านไวรัสไข้เลือดออกในกลุ่ม Flaviviridae family และยับยั้งเชื้อไวรัส picornavirus ซึ่งก่อโรคมือเท้าปาก นอกจากนี้ยังพบว่า ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อีกด้วย

ขิง สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 3 คือ ขิง ซึ่งมีรสเผ็ดร้อนเป็นสมุนไพรพื้นบ้านมักนำมารับประทานแก้หวัด แต่จากการศึกษาพลว่า สารสำคัญ Zingerol และ Gingerol สามารถแย่งจับกับตำแหน่ง main protease ที่ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ได้

มะขามป้อม สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 4 คือ มะขามป้อม ซึ่งเป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ โดยพื้นบ้านใช้รักษาหลอดลมอักเสบ วัณโรคปอด หอบหืด ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยสารสำคัญในมะขามป้อมสามารถจับกับขาโปรตีนของไวรัสโควิด-19 และตัวรับ ACE2 ซึ่งมีบทบาทการผ่านเข้าเซลล์ปอด และยังเข้าจับกับเชื้อในหลายตำแหน่งที่มีผลต่อการยับยั้งการสร้างและการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสได้

กระเทียม สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 5 คือ กระเทียม ซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน เพราะสาร allicin ในกระเทียม มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ป้องกันการหลั่งสาร cytokine ที่ทำให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มแอนติบอดี้ ชนิด immunoglobulin A (IgA) ซึ่งเป็นด่านแรกของภูมิคุ้มกันในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของ B-cell lymphocyte รวมทั้งกระตุ้นการหลั่งของสาร interferon ซึ่งเป็นสารที่สร้างในระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต้านไวรัส

ขมิ้นชัน สมุนไพรต้านโควิด

สมุนไพรตัวที่ 6 คือ ขมิ้นชัน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสารสำคัญของขมิ้นชัน และdemethoxycurcumine สามารถแย่งจับกับตำแหน่งของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ที่จะเข้าสู่เซลล์ปอด และตำแหน่งที่มีผลยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้

และนี่เป็นเพียงตัวอย่างสมุนไพรพื้นบ้านซึ่งเป็นภูมิปัญญารุ่นต่อรุ่นที่มีการส่งต่อมาถึงปัจจุบัน และยิ่งมีการศึกษาวิจัยก็ยิ่งทำให้เห็นชัดว่าสมุนไพรไทย ก็สามารถต่อยอดจนเป็นที่ยอมรับได้อย่างกว้างขวาง

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..
การปลูกกระชายขาว
การปลูกกระชายขาว
การขยายพันธุ์กระชายขาว: ปลูกด้วยเหง้าที่มีอายุ 8 เดือนขึ้นไป และต้องมีรากกระชายอยู่ 2 – 3 ราก/เหง้า

การเพาะปลูกกระชายขาว – ปลูกในดินร่วนที่อุดมสมบูรณ์สูง ที่มีร่มเงารำไรโดยมากจะเป็นการปลูกในที่ดอน หรือปลูกกลางแจ้งในเขตพื้นที่ลาดเอียงที่มีความชื้นสูง โดยไถพรวนและขุดหลุมปลูกเป็นแถว ระยะระหว่างแถวและต้น 30 ซม. ส่วนการปลูกเป็นการค้าจะปลูกกลางแจ้งในเขตชลประทานหรือสามารถให้น้ำได้ ไถพรวนดินและยกร่องปลูกกว้าง 80 – 120 ซม. ใช้ระยะปลูกระหว่างแถวและต้น 25 – 30 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน ปลูกแล้วใช้ฟางคลุมรักษาความชื้นของดิน รดน้ำทุก 2 – 3 วัน/ครั้ง กำจัดวัชพืชให้แปลงสะอาด และใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ อัตรา 30 กก./ไร่ เมื่ออายุประมาณ 3 เดือนหลังปลูกและเก็บเกี่ยวเมื่ออายุ 8 เดือนขึ้นไป ถ้าต้องการขยายช่วงเวลาเก็บเกี่ยวให้นานขึ้นหรือไว้ทำพันธุ์จะต้องคลุมฟางและรดน้ำเป็นครั้งคราวเพื่อรักษาความชื้นของดินให้เหง้าและรากกระชายไม่ฝ่อในช่วงแล้ง

ที่มา : กรมวิชาการเกษตร
22 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 2 หน้า, หน้าที่ 3 มี 2 รายการ
|-Page 1 of 3-|
1 | 2 | 3 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคพืชที่เกิดในหน้าร้อน โรคแอนแทรคโนส โรคเน่า เชื้อราต่างๆ ฯลฯ ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัย
Update: 2566/07/14 11:54:00 - Views: 3411
ป้องกัน กำจัด เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดดหลังขาว เพลี้ยต่างๆ และ แมลงจำพวกปากดูดต่างๆ ใช้ได้กับพืชทุกชนิด (1ลิตร ผสมน้ำได้ 400ลิตร)
Update: 2564/08/16 01:35:22 - Views: 3433
ป้องกัน กำจัด เพลี้ยอ่อน เพลี้ยต่างๆ และ แมลงจำพวกปากดูดต่างๆ ใช้ได้กับพืชทุกชนิด (1ลิตร ผสมน้ำได้ 400ลิตร)
Update: 2564/08/16 01:33:58 - Views: 3486
กำจัดเชื้อรา มังคุด ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/09/13 10:27:13 - Views: 3411
โรคราแป้งมะเขือ ราแป้งพริก ราแป้งมะเขือม่วง แก้ด้วย ไอเอส
Update: 2562/08/19 21:46:55 - Views: 3732
ปุ๋ยสำหรับข้าว ปุ๋ยเพิ่มผลผลิตข้าว ยาแก้โรคใบไหม้ เน่าคอรวง ยากำจัดเพลี้ยในนาข้าว
Update: 2563/06/18 17:22:27 - Views: 3445
ประโยชน์ของปุ๋ย FK-1 สำหรับพืชทุกชนิด
Update: 2566/02/08 06:22:15 - Views: 3400
น้อยหน่า โตไว ใบเขียว เร่งราก เร่งดอก ขยายขนาด ผลใหญ่ ผลดก เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ย สตาร์เฟอร์
Update: 2567/03/29 15:41:56 - Views: 3433
การดูแลรักษาในระยะก่อนให้ผล การให้ปุ๋ยทุเรียน
Update: 2564/09/02 12:12:45 - Views: 3419
การป้องกันกำจัดโรคเชื้อราในพืชผักชี
Update: 2566/05/06 10:20:58 - Views: 3465
ดอกกุหลาบ ใบไหม้ ใบจุด ราแป้ง ราน้ำค้าง ราสีเทา โรคราต่างๆ กำจัดด้วย ไอเอส และเร่งฟื้นฟูด้วย ปุ๋ย FK-T
Update: 2567/03/27 11:56:12 - Views: 3436
แนวทางการจัดการและป้องกันการทำลายของหนอนในต้นน้อยหน่า
Update: 2566/11/24 09:44:04 - Views: 3385
หนอนศัตรูพืช กำจัดด้วย ไอกี้บีที ตายใน 24-48 ชั่วโมง ปลอดสารพิษ ปลอดภัย กำจัดหนอนต่างๆ ใช้ได้กับทุกพืช
Update: 2563/04/18 11:07:08 - Views: 3397
แนวทางการรักษาและป้องกันโรคเชื้อราในต้นมะกรูด
Update: 2566/11/23 09:32:40 - Views: 3473
ฆ่าหนอน เยอบีร่า หนอนทุกชนิด ปลอดสารพิษ ไอกี้ และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช) โดย FK
Update: 2565/08/09 17:09:50 - Views: 3423
ยาแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง กู๊ดโซค
Update: 2564/08/27 23:31:07 - Views: 3454
กำจัดเพลี้ย ใน ดอกดาวเรือง เร่งฟื้นฟูจากการเข้าทำลายของเพลี้ย บิวทาเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำอะมิโน โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/05/09 15:12:16 - Views: 3402
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - ฟื้นฟูระบบรากและดินให้เผือกเติบโตแข็งแรง
Update: 2567/02/13 09:26:36 - Views: 3442
แตงโม เถาว์เหี่ยว ราน้ำค้างแตงโม กำจัดโรคแตงโม จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/10/25 10:34:45 - Views: 3416
ปุ๋ยสำหรับมะพร้าว
Update: 2564/05/07 08:10:37 - Views: 3680
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022