ปุ๋ย FK-1 เป็นปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพสูงในการเร่งโตและเร่งเขียวของพืช ด้วยส่วนประกอบที่ครบถ้วน เป็นที่ต้องการสำหรับพืชที่ขาดธาตุอาหาร ปุ๋ยชนิดนี้ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ได้แก่ ไนโตรเจน (N) สำหรับการเร่งโตและสร้างกิ่งใหม่ ฟอสฟอรัส (P) เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและการออกดอก และโปแทสเซียม (K) ที่ส่งเสริมการพัฒนาของผล นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียม (Mg) และสังกะสี (Zn) ที่เป็นประโยชน์ในกระบวนการสร้างและการย่อยอาหาร ทำให้พืชเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และมีสีเขียวสดใส

นอกจากธาตุอาหารหลักแล้ว ปุ๋ย FK-1 ยังมีสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากในกรณีที่พืชมีปัญหาในการดูดซึมธาตุอาหารจากดิน ด้วยปุ๋ย FK-1 พืชสามารถให้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งนี้ยังช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการเติบโตของพืช ทำให้การเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ปุ๋ย FK-1 เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเกษตรกรที่ต้องการให้พืชของตนเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีผลผลิตที่มีคุณภาพ และสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนและประสิทธิภาพที่สูง ปุ๋ย FK-1 จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ไขปัญหาของพืชที่ขาดธาตุอาหารในดิน ทำให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพและมีความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ยังสร้างประโยชน์ในด้านการอนุรักษ์และประหยัดทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย และเป็นการนำเทคโนโลยีทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ในทางที่ดีที่สุด ในการเพิ่มผลผลิตและลดการใช้สารเคมีในการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว ทำให้เกษตรกรสามารถทำกาญจนาถวายให้สังคมได้มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นต่อไป

.
🫗ใช้ได้ 2 วีธี ฉีดพ่นทางใบ หรือราดลงโคน เพื่อเร่งการเจริญเติบโต เสริมสร้างภูมิต้านทาน
.
💦อัตราผสมใช้ FK-1
» เมื่อแกะกล่อง FK-1 จะพบ 2 ถุง บรรจุถุงละ 1กิโลกรัม
» ต้องผสมทั้งสองถุงใช้พร้อมกัน (ถุงแรกเป็นธาตุหลัก ถุงที่สองเป็นธาตุเสริม)
» ตักถุงแรก 25-50กรัม ถุงที่สอง 25-50กรัม ผสมลงในน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นพืช
» (25กรัม เท่ากับประมาณ 2ช้อนโต๊ะ)
.
💲ราคาสินค้า
FK-1 ราคา 890บ. เร่งโต เร่งราก เร่งดอก พืชทุกชนิด
✈จัดส่งฟรี kerry ด่วน เก็บเงินปลายทาง
.
📌สั่งซื้อ สอบถาม

» Line@ ID: @FarmKaset หรือคลิกแอดไลน์ http://ไปที่..link.. .
» โทร 090-592-8614
.
🔎ซื้อกับลาซาด้า ช้อปปี้ TikTok
.
» ซื้อFK-1 ที่ช้อปปี้: http://ไปที่..link.. .
» ซื้อFK-1 ที่ลาซาด้า: http://ไปที่..link.. .
» ซื้อFK-1 ที่TikTok: http://ไปที่..link..

ในการแสวงหาเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและตอบสนองความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น เกษตรกรและนักวิจัยต่างค้นหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตพืชอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในความก้าวหน้าในด้านการปลูกข้าวคือปุ๋ยน้ำ FK-3R ที่ออกแบบมาเพื่อบำรุงต้นข้าวโดยเฉพาะ ด้วยส่วนประกอบที่เป็นเอกลักษณ์และคุณประโยชน์ตรงเป้าหมาย FK-3R จึงกลายเป็นผู้เปลี่ยนเกมในการเร่งผลผลิตข้าว ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี และรับประกันคุณภาพของเมล็ดข้าวที่เหนือกว่า

พลังของ FK-3R: ที่อุดมด้วยสารอาหาร

FK-3R ได้รับการคิดค้นขึ้นเพื่อให้ต้นข้าวได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน มันมีโพแทสเซียมในปริมาณสูงถึง 40% ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและการพัฒนาโดยรวมของพืชผล โพแทสเซียมเป็นที่รู้จักกันเพื่อเพิ่มการใช้น้ำของพืช ควบคุมเมแทบอลิซึม และเพิ่มความต้านทานโรค นอกจากนี้ FK-3R ยังมีไนโตรเจนและฟอสฟอรัสจำนวนมาก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญต่อต้นข้าวในช่วงการผลิตน้ำนมที่สำคัญ ไนโตรเจนช่วยให้พืชเจริญเติบโตแข็งแรง ในขณะที่ฟอสฟอรัสสนับสนุนการสร้างและการสุกแก่ของเมล็ดข้าว

ข้อมูลสารอาหารที่ครอบคลุมเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม

FK-3R เป็นมากกว่าธาตุอาหารหลักพื้นฐาน โดยให้ธาตุอาหารรองและธาตุเสริมที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืชอย่างแข็งแรง องค์ประกอบเพิ่มเติมเหล่านี้รวมถึงธาตุอาหารรอง เช่น เหล็ก สังกะสี แมงกานีส และทองแดง ซึ่งมีความสำคัญต่อกิจกรรมของเอนไซม์ต่างๆ และมีส่วนช่วยให้พืชมีสุขภาพที่ดีโดยรวม FK-3R ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของต้นข้าว และทำให้ต้นข้าวต้านทานต่อโรคและแมลงได้ดีขึ้น โดยการแก้ไขการขาดธาตุอาหารและให้สารอาหารที่สมดุล

การเร่งผลผลิตข้าวและการปรับปรุงคุณภาพเมล็ดข้าว

การใช้ FK-3R แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นในการเพิ่มผลผลิตข้าวและปรับปรุงคุณภาพของเมล็ดพืช ส่วนประกอบของสารอาหารที่สมดุลของ FK-3R ช่วยให้ต้นข้าวได้รับการบำรุงที่เหมาะสมตลอดวงจรการเจริญเติบโต สิ่งนี้นำไปสู่การแตกกอที่ดีขึ้น การพัฒนารวงที่เพิ่มขึ้น และการเติมเมล็ดพืชที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตสูงขึ้นในที่สุด

นอกจากนี้ สูตรเฉพาะของ FK-3R ยังส่งเสริมการพัฒนาเมล็ดยาวที่มีน้ำหนักดี ปริมาณโพแทสเซียมช่วยในการเติมเมล็ดข้าว ทำให้ได้เมล็ดข้าวที่อวบอิ่มและมีรูปทรงที่ดี นอกจากนี้ ปริมาณไนโตรเจนและฟอสฟอรัสยังสนับสนุนต้นข้าวในระหว่างการผลิตน้ำนม ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับการพัฒนาเมล็ดข้าว ด้วยการให้สารอาหารที่จำเป็นในช่วงนี้ FK-3R มีส่วนช่วยในการผลิตเมล็ดข้าวคุณภาพสูง

ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

นอกเหนือจากประโยชน์โดยตรงต่อต้นข้าวแล้ว FK-3R ยังมีข้อดีด้านสิ่งแวดล้อมและมีส่วนช่วยในแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรแบบยั่งยืน ปุ๋ยน้ำเช่น FK-3R มีประสิทธิภาพการใช้ธาตุอาหารสูงกว่าเมื่อเทียบกับปุ๋ยเม็ดทั่วไป ซึ่งหมายความว่าปุ๋ยน้ำในปริมาณที่น้อยลงสามารถให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันหรือดียิ่งขึ้น ลดการใช้ปุ๋ยโดยรวมและลดความเสี่ยงของการไหลบ่าของธาตุอาหารลงสู่แหล่งน้ำ

บทสรุป

การเปิดตัวปุ๋ยน้ำ FK-3R ได้ปฏิวัติการปลูกข้าวด้วยการจัดหายาอายุวัฒนะที่อุดมด้วยสารอาหารที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของต้นข้าวโดยเฉพาะ ด้วยองค์ประกอบที่สมดุลของธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม FK-3R เร่งผลผลิตข้าว ปรับปรุงคุณภาพเมล็ดพืช และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของพืชต่อโรคและแมลง ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและศักยภาพในการทำการเกษตรแบบยั่งยืนทำให้ FK-3R เป็นตัวเลือกที่สดใสสำหรับเกษตรกรทั่วโลก ในขณะที่เรายังคงสำรวจแนวทางใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงการผลิตพืชผล FK-3R โดดเด่นในฐานะความก้าวหน้าที่สำคัญในการแสวงหาความมั่นคงด้านอาหารของโลก

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ในการแสวงหาเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดในด้านการเกษตรและพืชสวน เกษตรกรและชาวสวนต่างแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ และปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง แนวทางปฏิบัติในการเพาะปลูก ผสมผสานกับการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม มีบทบาทสำคัญในการให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พืชเพื่อการเจริญเติบโตที่เหมาะสม ในบรรดาปุ๋ยต่างๆ ที่มีอยู่ FK-1 ฉีดพ่นทางใบและ FK-T ได้กลายเป็นโซลูชันที่มีแนวโน้ม โดยนำเสนอส่วนผสมที่จำเป็นอย่างครอบคลุมเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของพืชและผลผลิต

FK-1 ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ: เพิ่มการดูดซึมธาตุอาหารของพืช
ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นสูตรที่อุดมด้วยสารอาหารซึ่งประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว การผสมผสานของสารอาหารที่จำเป็นนี้มุ่งเป้าไปที่การขาดของพืชและช่วยในการดูดซึม เมื่อใช้เป็นสเปรย์ทางใบ สารอาหารจะผ่านช่องทางการดูดซึมของรากและถูกดูดซึมโดยตรงทางใบ จึงมั่นใจได้ว่าสารอาหารจะจัดส่งได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีการที่ตรงเป้าหมายนี้ช่วยแก้ไขความไม่สมดุลของสารอาหารและการขาดธาตุอาหารในพืช ซึ่งนำไปสู่การเจริญเติบโตที่ดีขึ้น การออกดอกที่ดีขึ้น และผลผลิตที่สูงขึ้นในที่สุด

FK-T: ปุ๋ยเอนกประสงค์สำหรับพืชทุกชนิด
ปุ๋ยที่โดดเด่นอีกตัวในท้องตลาดคือ FK-T ซึ่งเป็นสูตรธรรมชาติและฟื้นฟูที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว พืชแข็งแรง และออกดอกและติดผลดก FK-T สามารถใช้กับการตั้งค่าพืชได้หลากหลาย รวมถึงเพิงพัก ไม้ดอก ไม้ประดับ ผักสวนครัว พืชไร่ และพืชสวน ความสามารถรอบด้านนี้ทำให้เป็นปุ๋ยที่ใช้ได้สำหรับสถานการณ์การเพาะปลูกต่างๆ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตตลอด

ปลดล็อกศักยภาพธาตุอาหารพืชที่ซ่อนอยู่
พืชมักประสบปัญหาการขาดธาตุอาหาร แม้ว่าจะมีธาตุบางชนิดอยู่ในดินมากก็ตาม เนื่องจากพืชอาจไม่สามารถดูดซึมสารอาหารบางชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือธาตุบางชนิดทำหน้าที่เป็นพาหะนำธาตุอื่นๆ ตัวอย่างเช่น การขาดแคลเซียมอาจขัดขวางการดูดซึมแมกนีเซียมและสังกะสีของพืช ในกรณีเช่นนี้ FK-1 ฉีดพ่นทางใบและ FK-T จะเข้ามาช่วยเหลือด้วยการให้ธาตุอาหารผสมที่สมดุลซึ่งพืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที ด้วยการเสริมองค์ประกอบที่สำคัญเหล่านี้ให้กับพืช ผู้เพาะปลูกสามารถปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของพืชผลของพวกเขาและบรรลุการเจริญเติบโตและผลผลิตที่เหมาะสม

บทสรุป:
การเพาะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดต้องใช้วิธีแบบองค์รวมซึ่งครอบคลุมทั้งแนวทางปฏิบัติในการเพาะปลูกที่เหมาะสมและการใช้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพ ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 และ FK-T นำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลในการเสริมสร้างสุขภาพของพืช จัดการกับการขาดธาตุอาหาร และปลดล็อกศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของพืชผล ด้วยการใช้ปุ๋ยเหล่านี้ร่วมกับเทคนิคการเพาะปลูกที่ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี เกษตรกรและชาวสวนสามารถเพิ่มผลผลิตของตน ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต และปูทางไปสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ประสบความสำเร็จและคุ้มค่า

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ในโลกของเกษตรกรรมที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เกษตรกรและผู้เพาะปลูกต่างแสวงหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตพืชของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง วิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือการใช้ปุ๋ยพิเศษ เช่น ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 บทความนี้เจาะลึกถึงประโยชน์ของ FK-1 และให้คำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืช

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1:

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นส่วนผสมที่มีศักยภาพที่รวมสารอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แมกนีเซียม (Mg) สังกะสี (Zn) และสารลดแรงตึงผิว สารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน เอนไซม์ และคลอโรฟิลล์ ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์แสงและความแข็งแรงของพืชโดยรวม

ประโยชน์ของปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1:

เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร: การฉีดพ่นทางใบช่วยให้สามารถดูดซึมสารอาหารโดยตรงผ่านทางใบ โดยผ่านกระบวนการดูดซึมของรากแบบดั้งเดิม วิธีนี้ทำให้พืชสามารถดูดซึมธาตุที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มั่นใจว่ามีการใช้สารอาหารอย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตเร็วขึ้น

ปรับปรุงสุขภาพและความมีชีวิตชีวาของพืช: องค์ประกอบที่สมดุลของ FK-1 ทำให้พืชมีธาตุอาหารหลัก (N_ P_ K) และธาตุอาหารรอง (Mg_ Zn) ที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตที่เหมาะสม สารอาหารเหล่านี้เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของพืช เพิ่มความต้านทานต่อโรค แมลงศัตรูพืช และความเครียดจากสิ่งแวดล้อม

ปรับปรุงชุดดอกและผล: การให้ปุ๋ยทางใบ FK-1 แก่พืชด้วยการให้ธาตุอาหารที่เหมาะสม ส่งเสริมการออกดอกที่แข็งแรงและปรับปรุงชุดผล สิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มผลผลิตและผลผลิตที่มีคุณภาพดีขึ้น

ใช้งานง่ายและสะดวก: ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีวิธีการใช้ที่ใช้งานง่าย เมื่อใช้เครื่องพ่นสารเคมี ปุ๋ยจะกระจายทั่วใบได้ทั่วถึง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึงและดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด:

เตรียมวิธีแก้ปัญหา: เมื่อแกะกล่อง FK-1 ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ คุณจะพบถุง 2 ใบ ถุงละ 1 กก. ในการเตรียมสารละลาย ให้ผสมเนื้อหาของถุง 50 กรัมแรกกับถุง 50 กรัมที่สอง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทั้งสองถุงร่วมกันเพื่อความสมดุลของสารอาหารที่เหมาะสม

เจือจางในน้ำ: ใช้น้ำ 20 ลิตรแล้วเติมปุ๋ย FK-1 ที่ผสมแล้วลงไป คนสารละลายให้ทั่วเพื่อให้แน่ใจว่ามีการละลายที่เหมาะสม

การใช้สเปรย์: ใช้เครื่องพ่นสารเคมีเพื่อฉีดสารละลาย FK-1 ให้ทั่วใบพืช ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้คลุมทั้งด้านบนและด้านล่างของใบ รวมทั้งลำต้นด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรฉีดพ่นทางใบในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นเพื่อป้องกันการระเหยมากเกินไป

การใส่ซ้ำ: เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุด แนะนำให้ใส่ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นระยะๆ ตลอดฤดูปลูก ปฏิบัติตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรเพื่อกำหนดความถี่และระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้งานสำหรับพืชผลเฉพาะของคุณ

บทสรุป:

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มอบเครื่องมืออันมีค่าให้กับผู้เพาะปลูกเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตโดยรวม เมื่อเข้าใจคุณประโยชน์ของมันและปฏิบัติตามแนวทางการใช้งานที่เหมาะสม เกษตรกรจะสามารถควบคุมพลังของ FK-1 เพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของพืชผลของตนได้ อย่าลืมว่าพืชที่แข็งแรงและอุดมด้วยสารอาหารเป็นรากฐานของการเพาะปลูกที่ประสบความสำเร็จ และปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สามารถช่วยได้


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ปลดล็อกผลผลิตสูงสุด: การปลูกมะนาวด้วยปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

การปลูกมะนาวเป็นวิธีปฏิบัติทางการเกษตรที่ได้รับความนิยมและให้ผลกำไรสูงสุด และการเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชาวสวนมะนาว วิธีหนึ่งที่ได้ผลในการเพิ่มผลผลิตมะนาวคือการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้กับใบของต้นมะนาวโดยตรงเพื่อให้ดูดซึมและใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ในบรรดาปุ๋ยทางใบที่มีอยู่หลายชนิด ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ได้รับการยอมรับจากสูตรเฉพาะที่ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตและผลผลิตมะนาวที่เหมาะสม

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง บรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่น

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ที่ผสมสูตรอย่างพิถีพิถันได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมะนาว ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นที่รู้จักกันในชื่อธาตุอาหารหลัก และมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญอาหารของพืช การผลิตพลังงาน และการพัฒนาผลไม้ แมกนีเซียมและสังกะสีเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเอนไซม์ การสังเคราะห์ด้วยแสง และสุขภาพโดยรวมของพืช สารลดแรงตึงผิวใน FK-1 ช่วยปรับปรุงการแพร่กระจายและการยึดเกาะของสเปรย์บนพื้นผิวใบ ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุอาหารและการใช้ประโยชน์

ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 คือวิธีการฉีดพ่นทางใบ ซึ่งช่วยให้ต้นมะนาวดูดซึมสารอาหารได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การฉีดพ่นทางใบสามารถข้ามข้อจำกัดของการดูดซึมธาตุอาหารทางราก เช่น ค่า pH ของดิน อุณหภูมิ และสภาพความชื้น และส่งธาตุอาหารที่จำเป็นไปยังใบได้โดยตรง ซึ่งสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ทันที สิ่งนี้สามารถส่งผลให้ได้รับสารอาหารเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของมะนาว การออกดอกและผลที่ดีขึ้น

ในการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สำหรับการปลูกมะนาว เกษตรกรควรปฏิบัติตามอัตราการใช้ที่แนะนำและคำแนะนำในการผสมอย่างระมัดระวัง การผสม FK-1 ถุงแรกและถุงที่สองเข้าด้วยกันในน้ำ 20 ลิตร ทำให้แน่ใจว่ามีการเจือจางและกระจายสารอาหารอย่างเหมาะสม ควรฉีดพ่นทางใบในช่วงระยะการเจริญเติบโตที่เหมาะสมของต้นมะนาว เช่น ในช่วงที่พืชกำลังเจริญเติบโตหรือกำลังออกดอก เพื่อให้ปุ๋ยได้ประโยชน์สูงสุด การตรวจสอบต้นมะนาวเป็นประจำและปรับอัตราการใช้ให้เหมาะสมจะช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดีที่สุด

สรุปได้ว่าปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับชาวสวนมะนาวที่ต้องการเพิ่มผลผลิต สูตรเฉพาะที่มีสารอาหารมาโครและจุลธาตุที่จำเป็น พร้อมด้วยสารลดแรงตึงผิวเพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น ทำให้มะนาวเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและการติดผลมะนาวที่เหมาะสม เมื่อใช้ตามอัตราการใช้ที่แนะนำและคำแนะนำในการผสม ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สามารถช่วยชาวสวนมะนาวปลดล็อกศักยภาพในการให้ผลผลิตสูงสุดของต้นมะนาวและได้ผลผลิตที่สูงขึ้น

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. และ ติ๊กต็อก ช้อป http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

เพิ่มผลผลิตมะม่วงสูงสุดด้วยปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1

มะม่วงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกด้วยรสชาติที่หวานฉ่ำและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การปลูกมะม่วงสามารถทำกำไรได้สำหรับเกษตรกร แต่จำเป็นต้องเอาใจใส่อย่างรอบคอบต่อความต้องการธาตุอาหารของพืช ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของมะม่วง ด้วยส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว

ก่อนที่เราจะเจาะลึกเฉพาะเจาะจงของ FK-1 เรามาคุยกันว่าทำไมปุ๋ยจึงมีความสำคัญต่อต้นมะม่วง มะม่วงเป็นอาหารที่มีน้ำหนักมาก ต้องการไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมในปริมาณมาก รวมทั้งธาตุอาหารรอง เช่น แมกนีเซียมและสังกะสี ถ้าธาตุอาหารเหล่านี้ไม่มีอยู่ในดินในปริมาณที่เพียงพอ ต้นไม้จะไม่ออกผลมากหรืออาจออกผลที่มีคุณภาพด้อยลง ปุ๋ยสามารถช่วยเสริมสารอาหารในดินและทำให้ต้นไม้มีทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต

อะไรทำให้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปลูกมะม่วง ประการแรก สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการฉีดพ่นทางใบเป็นวิธีการให้ปุ๋ยที่เกี่ยวข้องกับการฉีดพ่นทางใบโดยตรงด้วยสารละลายปุ๋ยน้ำ วิธีนี้มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษเพราะช่วยให้ใบดูดซึมสารอาหารและพืชนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การเจริญเติบโตและการพัฒนาของผลไม้เร็วขึ้น

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมอย่างสมดุล ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลัก 3 ชนิดที่มะม่วงต้องการในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียมและสังกะสี ซึ่งเป็นธาตุอาหารรองสองชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของผลไม้อย่างเหมาะสม สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยช่วยให้สารละลายกระจายทั่วใบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนของพืชได้รับสารอาหารที่ต้องการ

การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 สามารถทำได้ง่ายๆ FK-1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง บรรจุถุงละ 1 กก. ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ผสมถุงแรก 50 กรัมกับถุงที่สอง 50 กรัมในน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่น

ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 คือสามารถเพิ่มผลผลิตมะม่วงได้อย่างมาก จากการศึกษาพบว่าต้นมะม่วงที่ได้รับปุ๋ยทางใบให้ผลผลิตมากกว่าต้นมะม่วงที่ไม่ได้ใส่ปุ๋ยทางใบ นอกจากนี้ ผลไม้ที่ผลิตโดยต้นไม้ที่ผ่านการบำบัดมักจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีคุณภาพดีกว่า โดยมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าและมีสีที่ดีกว่า

สรุปแล้ว หากคุณต้องการเพิ่มผลผลิตมะม่วงให้ได้สูงสุด ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ส่วนผสมที่สมดุลของธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรอง พร้อมด้วยสารลดแรงตึงผิว ทำให้เป็นปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย ซึ่งสามารถช่วยให้ต้นมะม่วงของคุณออกผลที่อุดมสมบูรณ์และมีคุณภาพสูง ด้วยความเอาใจใส่อย่างระมัดระวังต่อการใส่ปุ๋ยและด้านอื่นๆ ของการปลูกมะม่วง คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ได้ปีแล้วปีเล่า

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ทุเรียนเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีชื่อเสียงในด้านกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อครีม และรสชาติที่โดดเด่น เป็นผลไม้มูลค่าสูงที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม การปลูกทุเรียนอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากต้องมีสภาพการปลูกที่เฉพาะเจาะจงและการดูแลที่เหมาะสม วิธีหนึ่งในการเพิ่มผลผลิตของต้นทุเรียนคือการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ที่มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว

ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับชาวสวนทุเรียนที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพของผล ปุ๋ยนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นทุเรียน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารหลัก 3 ชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นทุเรียน สารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีหน้าที่สร้างสีเขียวของใบไม้และการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน

แมกนีเซียมและสังกะสีเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็น 2 ชนิดซึ่งรวมอยู่ในปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 แมกนีเซียมจำเป็นต่อการสร้างคลอโรฟิลล์ และช่วยควบคุมเมแทบอลิซึมของพืช สังกะสีมีความสำคัญต่อการผลิตเอนไซม์และโปรตีน และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ช่วยเพิ่มการดูดซึมและการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารของพืช ซึ่งหมายความว่าปุ๋ยมีประสิทธิภาพมากกว่าในการส่งสารอาหารที่จำเป็นไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืชที่พืชต้องการมากที่สุด การใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 ชาวสวนทุเรียนสามารถมั่นใจได้ว่าต้นของพวกเขาได้รับสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่ผลผลิตสูงสุด

เมื่อใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวัง FK-1 หนึ่งกล่องหนัก 2 กก. และบรรจุสองถุง แต่ละถุงหนัก 1 กก. ต้องผสมทั้งสองถุงเข้าด้วยกันก่อนใช้ อัตราการผสมถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร คนส่วนผสมจนปุ๋ยละลายในน้ำจนหมด จากนั้นสามารถฉีดพ่นสารละลายบนใบของต้นทุเรียนโดยใช้เครื่องพ่นสารเคมี แนะนำให้ฉีดพ่นต้นไม้ในช่วงเช้าตรู่หรือบ่ายแก่ๆ เมื่ออากาศเย็นลงและแดดไม่แรง

สรุปได้ว่าปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK-1 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับชาวสวนทุเรียนที่ต้องการเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพของผล การให้สารอาหารที่จำเป็นแก่ต้นทุเรียนในการเจริญเติบโตและพัฒนา เกษตรกรสามารถรับประกันผลผลิตและผลกำไรสูงสุด อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างระมัดระวังและใช้ปุ๋ยอย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ด้วยการดูแลเอาใจใส่ที่ถูกต้อง ชาวสวนทุเรียนจะได้ผลผลิตที่ดีที่สุดและผลิตผลทุเรียนคุณภาพสูง


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

อ้อยเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อหลายประเทศทั่วโลก โดยเป็นแหล่งสำคัญของน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ที่สำคัญอื่นๆ การดูแลให้ต้นอ้อยมีความสมบูรณ์แข็งแรงและสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผลผลิตที่ประสบความสำเร็จ

วิธีหนึ่งในการเพิ่มการเจริญเติบโตของอ้อยคือการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งสามารถให้สารอาหารที่พืชต้องการในการเจริญเติบโต หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คือ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สูตร 16-3-3 (เพอร์เฟค เอส) ตรานกอินทรีคู่

ปุ๋ยนี้ทำขึ้นจากส่วนผสมของธาตุอาหารหลัก (ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม) รวมทั้งอินทรียวัตถุ 10% ซึ่งช่วยปรับปรุงสุขภาพและโครงสร้างของดิน อินทรียวัตถุยังช่วยในการปลดปล่อยธาตุอาหารในดิน ทำให้พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่ายขึ้น

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สูตร 16-3-3 ตรานกอินทรีคู่ คือเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในดินทราย ดินทรายอาจเป็นเรื่องยากสำหรับพืชที่จะเติบโต เนื่องจากมีสารอาหารต่ำและบดอัดได้ง่าย อย่างไรก็ตามอินทรียวัตถุในปุ๋ยนี้ช่วยปรับโครงสร้างของดินทรายให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช

นอกจากนี้ธาตุอาหารหลักในปุ๋ยนี้ยังเป็นสูตรเฉพาะเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของต้นอ้อย ไนโตรเจนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการเจริญเติบโตของใบในขณะที่ฟอสฟอรัสช่วยในการเจริญเติบโตของรากและการผลิตผลไม้ ในขณะเดียวกันโพแทสเซียมก็ส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของพืชและช่วยป้องกันความเครียดและโรค

โดยรวมแล้ว การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สูตร 16-3-3 (เพอร์เฟค เอส) ตรานกอินทรีคู่ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเร่งการเจริญเติบโตและผลผลิตของต้นอ้อย การผสมผสานระหว่างธาตุอาหารหลักและอินทรียวัตถุทำให้มันเหมาะสมกับสภาพดินทราย และสามารถช่วยให้แน่ใจว่าพืชจะสามารถเข้าถึงศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตอ้อย

สนใจสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset

ต้นข้าวต้องการสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิดเพื่อให้เจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นสารอาหารหลัก 3 ชนิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าวในนาข้าว

ไนโตรเจนเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืชทุกชนิด และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโตของต้นข้าว ไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเนื้อเยื่อใหม่ในพืช นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการผลิตคลอโรฟิลล์ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง หากไม่มีธาตุไนโตรเจนเพียงพอ ต้นข้าวจะไม่สามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ผลผลิตตกต่ำและคุณภาพผลผลิตลดลง

ฟอสฟอรัส เป็นธาตุอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นข้าวในนา เช่นเดียวกับไนโตรเจน ฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีนและโมเลกุลอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนพลังงานภายในเซลล์พืช เช่นเดียวกับในการผลิต DNA และ RNA หากไม่มีฟอสฟอรัสเพียงพอ ต้นข้าวอาจชะงักการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพของพืชลดลง

โพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นอันดับสามสำหรับต้นข้าวในนาข้าว โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญหลายประการในพืช รวมถึงการควบคุมการดูดซึมน้ำและการรักษาระดับ pH ที่เหมาะสมภายในเซลล์พืช นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการผลิตแป้งและน้ำตาลซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของพืช หากไม่มีโพแทสเซียมที่เพียงพอ ต้นข้าวอาจทนต่อความเครียดและโรคได้น้อยลง ส่งผลให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพของพืชลดลง

โดยรวมแล้ว ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าวในนาข้าว การให้สารอาหารเหล่านี้แก่ต้นข้าว เกษตรกรสามารถช่วยให้แน่ใจว่าพืชของพวกเขาแข็งแรงและให้ผลผลิต ซึ่งจะนำไปสู่ผลผลิตที่สูงขึ้นและคุณภาพของพืชที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การใช้สารอาหารเหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์และผลผลิตโดยรวมของนาข้าว ทำให้มีความยั่งยืนและให้ผลผลิตมากขึ้นในระยะยาว

แมกนีเซียมและสังกะสีเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เมื่อนำไปใช้กับนาข้าว แร่ธาตุเหล่านี้สามารถเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืชได้

แมกนีเซียมเป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารสีที่ช่วยให้พืชสังเคราะห์แสงและเปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงาน หากไม่มีแมกนีเซียมเพียงพอ พืชจะไม่สามารถผลิตพลังงานที่จำเป็นต่อการเติบโตและพัฒนาได้ ในนาข้าว การขาดแมกนีเซียมอาจทำให้พืชเจริญเติบโตช้าและให้ผลผลิตลดลง

สังกะสีมีบทบาทสำคัญหลายประการในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช ช่วยให้พืชผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์เอนไซม์และโปรตีนอื่นๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการเมแทบอลิซึมที่หลากหลาย ในนาข้าว การขาดธาตุสังกะสีอาจทำให้ผลผลิตพืชลดลงและคุณภาพของเมล็ดข้าวไม่ดี

การใช้แมกนีเซียมและสังกะสีในนาข้าวสามารถช่วยแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้และปรับปรุงความสมบูรณ์ของพืชผล แร่ธาตุเหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้หลายวิธี รวมถึงการใช้ปุ๋ยและสารปรับปรุงดิน

นอกจากการปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชแล้ว แมกนีเซียมและสังกะสียังช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของนาข้าวอีกด้วย แร่ธาตุเหล่านี้สามารถช่วยรักษาโครงสร้างและความอุดมสมบูรณ์ของดิน ซึ่งจำเป็นต่อการเพิ่มผลผลิตของพืชในระยะยาว นอกจากนี้ยังสามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ซึ่งสามารถปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของระบบนิเวศ

สรุปได้ว่าประโยชน์ของแมกนีเซียมและสังกะสีต่อนาข้าวมีมากมาย ธาตุอาหารรองที่จำเป็นเหล่านี้สามารถปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืช รักษาสุขภาพของดิน และส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ การนำแร่ธาตุเหล่านี้ไปใช้ในนาข้าว เกษตรกรสามารถช่วยรับประกันผลผลิตในระยะยาวและความยั่งยืนของพืชผล

ธาตุโบรอน มีบทบาทเกี่ยวข้องต่อการดูดดึงธาตุอาหารพืช ช่วยให้พืชดูดเอาธาตุแคลเซียมและไนโตรเจนไปใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้พืชใช้ธาตุโปแตสเซียมได้มากขึ้น มีบทบาทในการสังเคราะห์แสง การย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเพิ่มคุณภาพทั้งรสชาติ ขนาด และน้ำหนักของผล เพิ่มความสามารถในการเจริญเติบโต เพราะโบรอนจะควบคุมการดูดและคายน้ำของพืชในขบวนการปรุงอาหารอีกทางหนึ่ง

หากขาดธาตุโบรอน ส่วนที่จะแสดงอาการเริ่มแรกคืนยอดและใบอ่อน ส่วนที่ยอดและตายอดจะบิดงอ ใบอ่อนบางและโปร่งใสผิดปกติ เส้นกลางใบหนากร้าน และตกกระ มีสารเหนียว ๆ ออกมาตามเปลือกของลำต้น กิ่งก้านจะแลดูเหี่ยว ผลเล็กและแข็งผิดปกติ มีเปลือกหน้า บางทีผลแตกเป็นแผลได้

อาการขาดธาตุนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่อต้นพืชกระทบแล้งหรือขาดน้ำมากๆ ควรทำการปรับปรุงดิน หรือน้ำอย่าให้เป็นกรด-ด่างมาก ให้ค่า pH อยู่ที่ประมาณ 6.0 และควรฉีดพ่นอาหารเสริมทางใบที่มีองค์ประกอบของโบรอนด้วย โดยผักที่มักขาดธาตุอาหารดังกว่าได้แก่ผักในกลุ่มสลัด เช่น สลัดคอส_ บัตเตอร์เฮด ฯลฯ

ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช

พืชมีความต้องการธาตุอาหารต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเจริญเติบโต ซึ่งธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชจะมีอยู่ด้วยกัน 16 ธาตุ คือ คาร์บอน_ ไฮโดรเจน_ ออกซิเจน_ ไนโตรเจน_ ฟอสฟอรัส_ โปแตสเซียม_ แมกนีเซียม_ กำมะถัน_ แคลเซียม_ เหล็ก_ แมงกานีส_ สังกะสี_ ทองแดง_ โบรอน_ โมลิบดีนัม และคลอรีน โดยธาตุคาร์บอน_ ไฮโดรเจน และออกซิเจน พืชได้จากน้ำและอากาศ ส่วนที่เหลืออีก 13 ธาตุ แบ่งออกเป็นธาตุหลัก 6 ธาตุ และธาตุอาหารเสริม 7 ธาตุ ดังนี้

ธาตุอาหารหลัก มีอยู่ 3 ธาตุ และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต และพืชต้องการใช้ในปริมาณที่มากคือ ไนโตรเจน_ ฟอสฟอรัส_ โปแตสเซียม

ธาตุอาหารรอง มีอยู่ 3 ธาตุ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชรองลงมาจากธาตุหลัก ได้แก่ แมกนีเซียม_ กำมะถัน_ แคลเซียม (สำหรับมะนาว ต้องการแมกนีเซียมมากพอๆกับต้องการโปแตสเซียมเลย)

ธาตุอาหารเสริม มีอยู่ 7 ธาตุ พืชต้องการใช้ในปริมาณที่น้อย แต่พืชจะขาดธาตุเหล่านี้ไม่ได้เช่นกันเนื่องจากมีความสัมพันธ์ในการใช้ธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองของพืช คือ เหล็ก_ แมงกานีส_ สังกะสี_ ทองแดง_ โบรอน_ โมลิบดีนัม และคลอรีน

* หมายเหตุ : ปัจจุบันมีการค้นพบว่าธาตุอาหารรองของพืชเพิ่มขึ้นมาอีกชนิดหนึ่งคือ นิเกิ้ล ซึ่งเป็นธาตุใหม่ที่มีผลการวิจัยจากสถาบัน Agricultural Research Service Plant_ Soil and Nutrition Laboratory in Ithaca ในนิวยอร์ค ว่า นิเกิ้ล เป็นธาตุที่มีความสำคัญต่อระบบเอนไซม์ ที่มีผลต่อการปลดปล่อยไนโตรเจนให้อยู่ในรูปที่พืชดูดซึมไปใช้ได้ โดยนิเกิ้ลยังช่วยส่งเสริมการดูดซึมธาตุเหล็กของพืชให้มีประสิทธิภาพ โดยพืชจะมีการสะสมนิเกิ้ลไว้ในเมล็ดเพื่อประโยชน์ในการงอก หากพืชมีการสะสมของปริมาณนิเกิ้ลไว้อย่างเพียงพอจะทำให้เปอร์เซ็นต์การงอกของเมล็ดในพืชนั้นๆ สูงขึ้นด้วย

ข้อมุลจาก http://www.farmkaset..link..