[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - เร่งการเจริญเติบโต
436 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 43 หน้า, หน้าที่ 44 มี 6 รายการ

โรคราแป้งมะเขือเทศ : POWDERY MILDEW DISEASE [ ไอเอส + FK-1 ]
โรคราแป้งมะเขือเทศ : POWDERY MILDEW DISEASE [ ไอเอส + FK-1 ]
เชื้อสาเหตุของ โรคราแป้งมะเขือเทศ : รา Oidiopsis sp. ชีววิทยาของเชื้อ : เชื้อราสาเหตุโรคราแป้งเป็นปรสิตถาวรคือ ตลอดวงจรชีวิตจะต้องอาศัยเจริญเติบโต บนสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์ได้ ราสร้างเส้นใยและกลุ่มของสปอร์บนผิวใบพืช ที่มันเข้าทำลาย แล้วส่งเส้นใยพิเศษเข้าไปอยู่ในเซลล์ใต้ผิวใบ เกิดขึ้นได้ทั้งบนใบและใต้ใบ ราพวกนี้เข้า ทำลายพืชเพียงผิวตื้นๆ แค่ใต้ผิวใบ หลังจากนั้นสปอร์เมื่อแก่จะถูกปล่อยสู่สภาพแวดล้อมในอากาศ ในน้ำ ในดินต่อไป

ลักษณะอาการ : มองเห็นเป็นปุยของกลุ่มสปอร์และเส้นใยสีขาว-เทาที่เชื้อราสร้างขึ้น บนผิวใบ มี ลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายแป้งฝุ่นหรือผงชอล์กปกคลุมทั่วไป อาการเริ่มแรกมักเป็นหย่อมๆ แล้วขยาย จนเต็มใบ ถ้าเป็นรุนแรงจะทำให้ใบแห้งตาย อาการส่วนใหญ่มักเกิดกับใบอ่อนและยอดอ่อน ทำให้ได้รับ ความเสียหายมากกว่าส่วนที่เจริญเต็มที่แล้ว ในสภาพอากาศเย็นจะลุกลามไปที่กิ่งได้

การแพร่ระบาด : มักเข้าทำลายพืชที่มีอายุค่อนข้างมากหรือใกล้เก็บเกี่ยว เนื่องจากราสาเหตุมีพืชอาศัย ค่อนข้างมาก และมีการปลูกอยู่ตลอดฤดู หรือมีการปลูกเกือบตลอดทั้งปี ดังนั้นแหล่งกำเนิดของราเพื่อ การแพร่ระบาดจึงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สปอร์แพร่กระจายโดยลม ไปทางอากาศ ติดไปกับแมลง ในฤดูหนาว ช่วงกลางคืนเย็นและมีความชื้นสูง ตอนเช้ามีหมอก เวลากลางวันอุ่นถึงร้อน เป็นสภาพที่เหมาะสม ราเข้า ทำลายมะเขือเทศได้รุนแรงในสภาพอากาศแห้ง อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกของสปอร์ 15-25 องศาเซลเซียส ระยะฟักตัวอยู่ระหว่าง 10-12 วัน

การป้องกันกำจัด :

ควบคุมโรคราแป้งโดยตัดแต่งกิ่ง ใบ ให้ทรงต้นโปร่ง เก็บรวบรวมเศษซากพืชที่เป็นโรคเผาทำลาย เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกครั้งที่ตัดแต่ง หรือใช้สารป้องกันกำจัดโรคพืช ผสมน้ำพ่นในระยะที่มีการระบาดของราอย่างสม่ำเสมอ

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคราแป้ง โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราไฟทอปโธร่า โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
โรคแอนแทรคโนสพริก : ANTRACNOSE DISEASE
โรคแอนแทรคโนสพริก : ANTRACNOSE DISEASE
เชื้อสาเหตุของ โรคแอนแทรคโนสพริก : เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides Penz. และ C capsici (Syd.) E.J. Butler

ชีววิทยาของเชื้อ : C. gloeosporioides สปอร์มีรูปร่างทรงกระบอก ปลายโค้งถึงรูปไข่ ไม่มีสี มีเซลล์เดียว เกิดบน conidiophore ใน fruiting body เรียกว่า acervulus สำหรับรา C. capsici สปอร์มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ไม่มีสี มีเซลล์เดียว เกิดบน conidiophore ใน fruiting body เรียกว่า acervulus พบราชนิดนี้สร้าง setae จำนวนมาก

ลักษณะอาการ : อาการของโรคมักพบบนผลพริกที่เริ่มสุก หรือระยะก่อนที่ผลพริกจะเปลี่ยนสี อาการ เริ่มแรกจะปรากฏเป็นวงกลมช้ำสีน้ำตาล เนื้อเยื่อบุ๋มลึกลงไปจากระดับเดิมเล็กน้อย และจะค่อยๆ ขยาย กว้างออกไปเป็นวงกลมหรือวงรีรูปไข่ ซึ่งมองเห็นลักษณะของราที่เจริญภายใต้เนื้อเยื่อของพืชขยายออก ไปในลักษณะที่เป็นวงกลมสีดำซ้อนกันเป็นชั้น เมื่อมีความชื้นจะเห็นเป็นเมือกเยิ้มสีส้มอ่อนๆ บริเวณแผล บนผลพริก ทำให้แผลขยายตัวและผลพริกจะเน่าและร่วงก่อนเก็บเกี่ยว ผลพริกที่เป็นโรคนี้เมื่อนำไป ตากแห้งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด

การแพร่ระบาด : พบระบาดมากในสภาพที่มีความชื้นสูงหรือมีฝนตก โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังให้ ผลผลิต และโรคจะระบาดรุนแรงในพื้นที่ปลูกที่ขาดความเอาใจใส่และดูแล ความเสียหายในแต่ละท้องที่ มีความแตกต่างกันตามชนิดของเชื้อสาเหตุ และเชื้อราสามารถติดไปกับเมล็ดพริกได้

การป้องกันกำจัด :

1. คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์จากผลพริกที่ไม่เป็นโรคมาปลูก

2. การปลูกไม่ควรปลูกระยะชิดมากเกินไปจะทำให้ต้นแน่น การถ่ายเทอากาศไม่สะดวก และมี ความชื้นสะสมในแปลงปลูก โรคจะระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว

3. กำจัดและเก็บผลพริกที่เป็นโรคแอนแทรคโนสจากแปลงทิ้งให้หมด สามารถลดปริมาณของ เชื้อสาเหตุ ซึ่งจะทำให้เป็นต้นกำเนิดของการเกิดโรคในฤดูปลูกต่อๆ ไป

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราไฟทอปโธร่า โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
โรคใบไหม้มะเขือเทศ มะเขือเทศใบไหม้ [ ไอเอส + FK-1 ]
โรคใบไหม้มะเขือเทศ มะเขือเทศใบไหม้ [ ไอเอส + FK-1 ]
จากสภาพอากาศเย็น มีหมอกในตอนเช้า และมีความชื้นสูงระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศเฝ้าระวังโรคใบไหม้ ที่สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของมะเขือเทศ

เริ่มแรกจะพบอาการของโรคที่ใบล่างก่อน และด้านบนใบพบแผลฉ่ำน้ำสีเขียวหม่นคล้ายถูกน้ำร้อนลวก ต่อมาแผลจะขยายใหญ่ตรงกลางแผลแห้งเป็นสีน้ำตาล บริเวณขอบแผลฉ่ำน้ำมีสีดำ เมื่อพลิกดูด้านใต้ใบบริเวณตรงกันจะพบส่วนของเชื้อราสาเหตุโรคสีขาว และแผลจะลุกลามออกไปทำให้ใบไหม้แห้งเป็นสีน้ำตาลในที่สุด หากสภาพแวดล้อมเหมาะสมมีความชื้นสูง หรือในสภาพที่มีหมอกลงจัด โรคจะลุกลามอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้จะพบอาการโรคที่ส่วนของลำต้น กิ่ง และผล หากเกิดแผลที่ลำต้นหรือโคนกิ่ง จะทำให้ส่วนยอดแสดงอาการเหี่ยวเฉา

เนื่องจากพืชไม่สามารถลำเลียงน้ำและอาหารได้ ต่อมากิ่งหรือต้นจะแห้งตาย หากโรคเข้าทำลายที่ผลจะทำให้ผลเน่า เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
โรคใบไหม้มันฝรั่ง (Leaf blight) มันฝรั่งใบไหม้ [ ไอเอส + FK-1 ]
โรคใบไหม้มันฝรั่ง (Leaf blight) มันฝรั่งใบไหม้ [ ไอเอส + FK-1 ]
เกิดเป็นจุดช้ำคล้ายถูกน้ำร้อนลวก บริเวณแผลเป็นสีเขียวหม่น ด้านใต้ใบตรงที่แสดงอาการคล้ายน้ำร้อนลวกนี้จะมองเห็นคล้ายเป็นละอองน้ำเล็กๆสีขาวติดใสอยู่ โดยเฉพาะบริเวณขอบแผล บริเวณที่แสดงอาการคล้ายถูกน้ำร้อนลวกนี้จะค่อยๆแห้งกลายเป็นสีน้ำตาล ในขณะเดียวกันขนาดของแผลจะขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆจนเกือบจะทั่วใบ และใบนั้นจะแห้งไหม้เป็นสีน้ำตาลในที่สุด

เชื้อสาเหตุ :เกิดจากเชื้อรา Phytophthora infestans

ลักษณะอาการ :เกิดเป็นจุดช้ำคล้ายถูกน้ำร้อนลวก บริเวณแผลเป็นสีเขียวหม่น ด้านใต้ใบตรงที่แสดงอาการคล้ายน้ำร้อนลวกนี้จะมองเห็นคล้ายเป็นละอองน้ำเล็กๆสีขาวติดใสอยู่ โดยเฉพาะบริเวณขอบแผล บริเวณที่แสดงอาการคล้ายถูกน้ำร้อนลวกนี้จะค่อยๆแห้งกลายเป็นสีน้ำตาล ในขณะเดียวกันขนาดของแผลจะขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆจนเกือบจะทั่วใบ และใบนั้นจะแห้งไหม้เป็นสีน้ำตาลในที่สุด อาการของโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็วจากใบหนึ่งไปยังอีกใบหนึ่ง และจากต้นที่เป็นโรคไปยังต้นที่อยู่ใกล้เคียง จึงมักจะมองเห็นการเกิดโรคกระจายเป็นหย่อมๆ ในบางครั้งโรคนี้แสดงอาการที่ส่วนของลำต้น ซึ่งจะแสดงอาการใกล้เคียงกับอาการบนใบ ทำให้ลำต้นหรือกิ่งแห้งตายอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เชื้อของสาเหตุของโรคนี้ยังสามารถเข้าทำลายที่หัว ทำให้เกิดอาการหัวเน่าได้ด้วย

โรคนี้เกิดระบาดได้รวดเร็วและรุนแรงในสภาพอากาศเย็น อุณหภูมิประมาณ 18 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสูงมาก เชื้อราสามารถยังชีพอยู่ในเศษซากพืชที่ตกค้างอยู่ในดิน นอกจากนั้นเชื้อราสาเหตุยังสามารถอยู่อาศัยและขยายพันธุ์ได้ในดินตลอดจนสามารถแพร่กระจายได้โดยน้ำ

การป้องกันและกำจัด

1. พยายามลดความชื้นในแปลงปลูกเมื่ออุณหภูมิเหมาะสม

2. เมื่อพบต้นที่แสดงอาการโรคควรรีบถอนออกเผาทำลาย

3. ถ้าสามารถปฏิบัติได้ควรหลีกเลี่ยงการปลูกมันฝรั่งในบริเวณที่เคยมีโรคระบาด

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
โรคใบไหม้ (โรคใบจุดตาเสือ) : LEAF BLIGHT DISEASE
โรคใบไหม้ (โรคใบจุดตาเสือ) : LEAF BLIGHT DISEASE
เชื้อสาเหตุ : รา Phythopthora colocasiae Rac ชีววิทยาของเชื้อ : เชื้อสร้างเส้นใยบนอาหารแข็ง CA เป็นเส้นตรง กิ่งก้านแยกออกไปไม่สม่ำเสมอ เส้นใยใสไม่มีสี ไม่มีผนังกั้น ผิวผนังเรียบ ลักษณะโคโลนีคล้ายเส้นใยแมงมุม เชื้อเจริญเต็มจานเลี้ยงเชื้อเมื่ออายุ 3-5 วัน สร้าง sporangia รูปยาว หรือรูปไข่ มีปุมนูนไม่เด่นชัด (semipapillate) บนสปอร์ L:B = 1.6:1 เมื่อสปอร์มีอายุจะหลุดง่าย แพร่กระจายโดยลมและฝน ภายในสปอร์ยังสามารถสร้างสปอร์มีหางจำนวนมาก แล้วปล่อยออกมา เข้าทำลายพืชได้อีกด้วย

ลักษณะอาการ : อาการบนใบเกิดจุดสีน้ำตาลฉ่ำน้ำ ต่อมาจุดแผลเหล่านั้นขยายใหญ่ขึ้น เกิดอาการ ใบไหม้เป็นวงๆ ซ้อนๆ กัน เป็นชั้นๆ ลักษณะคล้ายดวงตา บริเวณขอบแผลที่เกิดจากการเชื่อมต่อกันจะพบ เนื้อเยื่อสีเหลืองล้อมรอบ ในระยะที่รุนแรงแผลขยายติดต่อกัน และทำให้ใบม้วนพับเข้าและแห้งเหี่ยว หรืออาจเน่าเละถ้าอากาศชื้นมีฝนพรำ หากเกิดโรครุนแรง พบอาการบนก้านใบ เกิดแผลฉ่ำน้ำสีน้ำตาลอ่อน แผลขยายใหญ่ขึ้นเป็นวงๆ เช่นกัน ต่อมาจะเน่า แห้ง เป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ ก้านต้านทานน้ำหนักใบไม่ได้ จึงหักพับ ทำให้ใบแห้ง ผลผลิตลดลง และเชื้ออาจเข้าทำลายหัวเผือก ทำให้หัวเผือกเน่าเสียหายได้

การแพร่ระบาด : ความชื้นสูงและอุณหภูมิต่ำมีผลต่อการเกิดโรค ทำให้โรคมีการระบาดรุนแรง หากช่วงที่ได้รับเชื้อ มีฝนตกพรำตอนใกล้รุ่ง และตอนเช้าติดต่อกัน มีฝนพรำทั้งวัน และมีลมอ่อนๆ เนื่องจาก สภาพดังกล่าวเหมาะสมต่อการสร้างสปอร์เชื้อรา ซึ่งเชื้อสร้างสปอร์บนใบเผือกได้ดีหากมีความชื้นสูง (90-100%) และอุณหภูมิต่ำ (20-25%) เกษตรกรมักนิยมปลูกเผือกตามคันสวนผักหรือปลูกในที่ลุ่มมีน้ำขังแฉะ ทำให้มี ความชื้นสูง การระบาดของโรคจึงเกิดง่ายตลอดปี

การป้องกันกำจัด :

เก็บเศษซากพืชหรือส่วนที่เป็นโรคออกไปเผาทำลาย ปลูกพืชในพื้นที่ดินที่มีการ ระบายน้ำได้ดี ไม่เป็น ที่น้ำขังและไม่ปลูกแน่นจนเกินไป

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
โรคใบไหม้มันสำปะหลัง มันสำปะหลังใบไหม้ (Cassava Bacterial Blight : CBB)
โรคใบไหม้มันสำปะหลัง มันสำปะหลังใบไหม้ (Cassava Bacterial Blight : CBB)
เกิดจากเชื้อ Xanthomonas campestris pv. manihotis มีรายงานการพบครั้งแรกในประเทศบราซิลในปี 2455 หลังจากนั้นมีรายงานการแพร่ระบาดเกือบทุกประเทศที่มีการปลูกมันสำปะหลังทั้งทวีปเอเชียและลาตินอเมริกา ในประเทศไทยพบครั้งแรกที่จังหวัดระยอง เมื่อปี 2518 และต่อมาพบทั่วทุกภาค ระดับความเสียหายเนื่องจากโรคนี้มีตั้งแต่ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อใช้ท่อนพันธุ์จากต้นที่เป็นโรคถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการเกิดโรคและใช้ต้นพันธุ์ที่เป็นโรคติดต่อกัน 3 ถึง 4 ปี โดยไม่มีการป้องกันกำจัด อาจมีความเสียหายถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ระดับความเสียหายจะขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์การใช้ท่อนพันธุ์ที่มีเชื้อปะปนมา (Contaminated cutting) ปลูกในแปลงและความเสียหายอาจรุนแรงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อมีเชื้อโรค เช่น เชื้อ Colletrotrichum spp. และ Choanephora cucurbitarum ร่วมเข้าทำลาย นอกจากจะทำความเสียหายกับผลผลิตโดยตรงแล้วยังทำให้ขาดแหล่งโปรตีนและไวตามินที่สำคัญสำหรับประชากรในบางประเทศ เนื่องจากคนเหล่านั้นรับประทานใบมันสำปะหลังแทนผัก ฉะนั้น โรคใบไหม้จึงมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ในแถบอัฟริกา และลาตินอเมริกา สำหรับประเทศทางแถบเอเชีย เช่น ประเทศจีน และประเทศไทย ความเสียหายจัดอยู่ในระดับปานกลาง

ลักษณะอาการเริ่มแรก

แสดงอาการใบจุดเหลี่ยมฉํ่านํ้า ใบไหม้ ใบเหี่ยว ยางไหลจนถึงอากยอดเหี่ยวและแห้งตายลงมา นอกจากนี้ยังทำให้ระบบท่อนํ้าอาหารของลำต้นและรากเน่า

ท่อนพันธุ์ที่เป็นโรค

แสดงอาการ คือ ยอดที่ผลิตใหม่ เหี่ยว มียางไหล และมีอาการแห้งตายจากยอดอย่างรวดเร็ว และแพร่ระบาดไปยังต้นข้างเคียง ซึ่งมักจะแสดงอาการเป็นจุดชํ้าเล็กที่ต้นแล้วแผลขยายใหญ่เปลี่ยนเป็นสีนํ้าตาลเข้มลุกลามเป็นแผลใหญ่ บางครั้งจะพบวงสีเหลือง (yellow halo) ลามเป็นใบไหม้ และใบร่วง ลำต้นแห้งตาย เมื่อผ่าดูระบบท่อนํ้าและอาหารทั้งของลำต้น และรากจะมีสีคลํ้า เนื่องจากเนื้อเยื่อของส่วนนี้ถูกทำลาย ในบางครั้งจะพบอาการยางไหลบนส่วนลำต้นที่ยังอ่อนหรือก้านใบ และแผลจุดบนใบ พบระบาดมากได้ในช่วงฤดูฝน

การแพร่ระบาดของโรคที่สำคัญ

คือ ติดไปกับท่อนพันธุ์ที่เป็นโรค แพร่กระจายไปโดยฝนหรือกับดิน หรือกับเครื่องมือที่ใช้ในการเกษตร เช่น มีดที่ใช้ในการตัดท่อนพันธุ์ ในบางประเทศมีรายงานว่า แมลงเป็นตัวการในการแพร่ระบาด เชื้อสาเหตุของโรคสามารถอยู่รอดในดินบนเศษซากพืชได้นานกว่า 2 ปี

การป้องกันกำจัด

1. ใช้พันธุ์ต้านทาน พันธุ์ที่แนะนำในปัจจุบัน มีความต้านทานต่อโรคปานกลาง

2. ใช้ท่อนพันธุ์ที่ปราศจากเชื้อ

3. ปลูกพืชอายุสั้นเป็นพืชหมุนเวียน หรือหลีกเลี่ยงการปลูกมันสำปะหลังในแปลงที่ระบาดรุนแรงนาน 6 เดือน

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
การใช้ปูนขาว กำจัด โรคข้าวใบไหม้
การใช้ปูนขาว กำจัด โรคข้าวใบไหม้
กำจัดโดยนำปูนขาว1กก.+ น้ำ5ลิตร หมัก1คืน นำมาผสมกับน้ำ20ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วแปลงนาบริเวณที่มีการระบาดของโรค

ช่วงนี้เกษตรกรเริ่มปลูกข้าว ส่วนใหญ่ในทุกพื้นที่จะประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เกิดกับข้าวที่ปลูก โดยเฉพาะโรคใบไหม้ที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรเกือบทุกพื้นที่ เกษตรกรบางส่วนไม่ทราบถึงวิธีการป้องกันและกำจัดจึงนำสารเคมีมาใช้ในนาข้าวเพื่อกำจัดโรคซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่างๆมากมายตามมา จึงอยากแนะนำวิธีการป้องกันและกำจัดโรคใบไหม้ในข้าวด้วยวิธีการง่ายๆ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

กรณี คุณเลย อินต๊ะนางแล เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งนาปีและนาปรัง แต่มักประสบปัญหาเรื่องโรคใบไหม้ในข้าวอยู่เป็นประจำทุกปี จึงได้สอบถามมายังรายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกันจังหวัดเชียงรายถึงสาเหตุของการเกิดโรคและวิธีป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ในข้าว

ทีมงานประสานไปยัง คุณหวัน เรืองเตื้อ เครือข่ายเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด กิ่ง อ.ภูเพียง จ.น่าน กล่าวว่าลักษณะของโรคนี้ในระยะกล้าจะมีแผลที่ใบข้าวเป็นสีน้ำตาลรูปวงรีคล้ายตา และมีสีเทาอยู่กลางแผล เชื้อของโรคนี้สามารถกระจายไปได้โดยลมและน้ำ นอกจากนี้ยังระบาดทำความเสียหายแก่ต้นข้าวได้ทุกระยะตั้งแต่ระยะกล้า ระยะแตกกอจนถึงระยะออกรวง เชื้อจะระบาดได้รวดเร็วมาก

สาเหตุของโรคใบไหม้ในข้าวมีดังนี้คือ

1.สภาพอากาศโดยทั่วไปมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ความชื้นในอากาศสูงเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อราและไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไหม้ข้าว

2.มีสาเหตุมาจากเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ต้านทานโรค เพราะฉะนั้นเกษตรกรควรเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรหรือเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มาจากแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่เชื่อถือได้

3.สาเหตุมาจากเกษตรใส่ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจน (ยูเรีย) มากเกินกว่าที่พืชต้องการ

การใช้ปูนขาวกำจัดโรคข้าวใบไหม้

วิธีการป้องกันและกำจัดโรค

ให้นำปูนขาว 1 กิโลกรัมผสมน้ำ 5 ลิตร หมักไว้ 1 คืน หลังจากนั้นนำมาผสมกับน้ำ 20 ลิตร ใช้ฉีดพ่นในนาข้าวให้ทั่วในบริเวณที่โรคระบาด (ปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับการระบาดของโรค)

ในกรณีที่แปลงโรคใบไหม้ระบาดจนทั่วทั้งแปลงนาให้ใช้ปูนขาว 50 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ไร่ หว่านให้ทั่วก่อนปลูกข้าว จึงขอเตือนเกษตรกรให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยหมั่นสำรวจแปลงกล้า หากพบลักษณะของโรคไหม้เกินร้อยละ 5 ของพื้นที่แปลงกล้า ควรลดปริมาณน้ำในแปลงกล้าจนแห้ง และงดการใส่ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนทันที

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
โรคราน้ำค้างข้าวโพดฝักอ่อน : DOWNY MILDEW DISEASE
โรคราน้ำค้างข้าวโพดฝักอ่อน : DOWNY MILDEW DISEASE
เชื้อสาเหตุ : รา Peronosclerospora sorghi ชีววิทยาของเชื้อ : เชื้อราชนิดนี้มีก้านชูสปอร์ตรงแผ่ขยายออกที่ปลาย สีใส มักแตกแขนงแบบสองแฉก แทงทะลุออกจากใบข้าวโพดแบบเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มจากใต้ใบบางครั้งแทงทะลุขึ้นบนใบ สปอร์ใสรูปไข่หรือ ยาวรีติดอยู่บนก้านชูเรียวแหลม

ลักษณะอาการ : โรคราน้ำค้างหรือเรียกอีกอย่างว่าโรคใบลาย ใบข้าวโพดจะมีสีเขียวอ่อนหรือ สีเหลืองอ่อนสลับสีเขียวแก่เป็นทางๆ ตามความยาวของใบจากฐานใบถึงปลายใบ ทางดังกล่าวอาจยาวติดต่อ กันไปหรือขาดเป็นช่วง ในเวลาเช้าที่มีอากาศค่อนข้างเย็นความชื้นสูงจะพบผงสปอร์สีขาวๆ เป็นจำนวนมาก บริเวณใต้ใบ ลักษณะอาการอื่นๆ ของโรคที่อาจพบได้คือดอกตัวผู้จะหงิกงอไม่เจริญเต็มที่ ส่วนดอกตัวเมีย อาจไม่เจริญเติบโตหรือเจริญมากเกินไป บางครั้งพบ 5-6 ฝักต่อต้น การผสมเกสรไม่สมบูรณ์หรือไม่ผสมเลย

การแพร่ระบาด : โรคจะเริ่มระบาดในฤดูฝน เชื้อราสามารถแพร่ระบาดได้โดยลมและฝน นอกจากนี้ เชื้อสามารถติดไปกับเมล็ดพันธุ์

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคราน้ำค้างข้าวโพดฝักอ่อน โรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา โรคราแป้ง โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราไฟทอปโธร่า โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
เทคนิค การปลูกฟักทอง ง่าย ๆ ได้ผลผลิตดีงาม
เทคนิค การปลูกฟักทอง ง่าย ๆ ได้ผลผลิตดีงาม
ฟักทอง ผักสวนครัวพื้นบ้านที่เราทุกคนต่างรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีการใช้ฟักทองในการทำอาหารมากมาย ทั้งของคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม หรือจะต้มกินเล่น ๆ เป็นอาหารว่าง อาหารลดน้ำหนักก็เยี่ยมไปเลย ปัจจุบันนี้เริ่มมีคนนิยมหันมาปลูกฟักทองไว้กินเองที่บ้าน วันนี้เราเลยจะพามือใหม่หัดปลูกฟักทองมาเตรียมตัวกัน เริ่มตั้งแต่พันธุ์ฟักทองมีอะไรบ้าง การเตรียมตัวก่อนปลูก ขั้นตอนการปลูก ไปจนถึงวิธีการดูแลรักษาต้องทำอย่างไรบ้าง กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาไว้ให้คุณแล้ว ตามไปดูพร้อมกันค่ะ

ฟักทอง จัดอยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง (Cucurbitaceae) เช่นเดียวกับแตงกวา ฟักแฟง มะระ บวบ และแตงโม เป็นต้น ฟักทองเป็นพืชผักสวนครัว ที่ปลูกได้ง่าย เจริญเติบโตดีในดินทุกชนิด จึงสามารถพบเห็นการปลูกฟักทองอยู่ทั่วประเทศไทย

ถิ่นกำเนิดของฟักทอง
ฟักทองมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาเหนือ ถูกนำมาใช้ปรุงอาหารตั้งแต่ 7_500-5_000 ปี ก่อนคริสตกาลแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกมีการปลูกฟักทองกันอย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์ ใช้เป็นอาหาร เพื่อความสวยงาม และปลูกเพื่อเป็นงานอดิเรก ได้รับความนิยมต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ และเป็นตัวแทนในวันสำคัญต่าง ๆ มากมาย เช่น

ประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา นิยมเอาฟักทองมาทำเป็นพายฟักทองในวันขอบคุณพระเจ้า

ช่วงฮาโลวีน จะถูกนำมาแกะสลักเป็นโคมไฟสำหรับประดับตกแต่งบ้าน

ชาวจีนมีความเชื่อว่า ฟักทองเป็นตัวแทนแห่งความเจริญรุ่งเรือง เหลือกินเหลือใช้ นิยมประดับตกแต่งฟักทองทั้งแบบสดและแบบโมเดลตามโต๊ะหรือหิ้งต่าง ๆ

ประเทศไทย เกษตรกรชาวไทยแทบทุกภาคทั่วประเทศปลูกฟักทองเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของฟักทอง

ฟักทอง เป็นพืชล้มลุกปีเดียว (มีอายุไม่เกิน 1 ปี) ลำต้นเป็นเถาเลื้อย ยาวตั้งแต่ 3-6 เมตร ลำต้นอ่อนเป็นห้าเหลี่ยมหรือกลม ข้อปลายมีหนวดแยก 3-4 แฉก ใบนิ่ม รูปร่างห้าถึงเจ็ดเหลี่ยม หรือเกือบกลม กว้าง 10-20 เซนติเมตร ยาว 15-30 เซนติเมตร มีขนสาก ๆ ระคายมือ ริมใบมีรอยหยักเว้าลึก 5-7 หยัก ดอกมีเพศผู้และเพศเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ผลในแต่ละสายพันธุ์จะมีรูปร่าง ขนาด และรอยหยักของผิวที่แตกต่างกัน มีทั้งแบบกลม แบบแป้น และเนื้อในส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง เหลืองอมส้ม สีเหลืองอมเขียว และสีส้ม เป็นต้น มีเมล็ดรูปร่างคล้ายไข่แบนอยู่ด้านในสุดจำนวนมาก

สายพันธุ์ของฟักทองยอดนิยม

พันธุ์ฟักทองที่นิยมปลูกจะแบ่งตามขนาดและน้ำหนัก ได้แก่

ฟักทองพันธุ์หนัก

มีขนาดใหญ่ที่สุด ลักษณะผิวด้านนอกขรุขระตะปุ่มตะป่ำ สีเขียวเข้มจนเกือบดำ บางพันธุ์อาจจะมีลวดลายสีเหลือง สีเขียวอ่อน หรือสีขาว แซมอยู่บ้าง ผลใหญ่ น้ำหนักประมาณ 5-8 กิโลกรัม ผลแป้น เป็นพู เนื้อหนาสีเหลือง และสีเหลืองอมเขียว รสชาติหวาน มัน และเหนียว ได้แก่

1. ฟักทองทองอำไพ 342 (เจียไต๋) และฟักทองทองอำไพ 426 (เจียไต๋)

2. ฟักทองทองอำพัน 346 (เจียไต๋)

3. ฟักทองประกายเพชร (ศรแดง)

4. ฟักทองลายข้าวตอกลูกใหญ่ ได้แก่ ฟักทองประกายเงิน (ศรแดง)

5. ฟักทองคางคก ได้แก่ ฟักทองทองเนื้อ 4 (เสือดาว) ฟักทองทองเนื้อ 9 (เสือดาว)

ฟักทองพันธุ์เบา

ผลขนาดกลาง น้ำหนักต่อผลประมาณ 2-3 กิโลกรัม รูปทรงของผลมีลักษณะแป้น เป็นพู เนื้อหนาสีเหลือง และสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวาน มัน และเหนียว ได้แก่

1. ฟักทองอัสนี (ศรแดง)

2. ฟักทองศรีเมือง 016 (เจียไต๋)

3. ฟักทองลายข้าวตอกลูกกลาง ได้แก่ ฟักทองทองคำ 443 (เจียไต๋) ฟักทองข้าวตอก 573 (ศรแดง) และฟักทองบัตเตอร์นัท

ฟักทองพันธุ์เล็ก

ขนาดจะเล็กกะทัดรัด น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 0.8-1.5 กิโลกรัม รูปทรงของผลมีลักษณะแป้น เป็นพู เนื้อหนาสีเหลือง

1. ฟักทองบึงกาฬ 021 (เจียไต๋)

2. ฟักทองญี่ปุ่น

ปลูกฟักทอง เตรียมอะไรบ้าง

1. การเตรียมพื้นที่และแปลงปลูกฟักทอง
ฟักทอง มีลำต้นเลื้อยไปตามพื้น มีหนวดเกี่ยวพันไปตามพื้นดิน จึงต้องการพื้นที่ในการปลูกเยอะ โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 0.75-1.5 เมตร โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกเป็นสำคัญ เช่น

พื้นที่ขนาดเล็ก สามารถปลูกระยะ 1.5x1.5 เมตร ข้อดีคือ ได้ผลผลิตต่อพื้นที่เยอะกว่าแบบอื่น แต่อาจจะลำบากต่อการจัดการ เพราะเถาของฟักทองจะกระจายเต็มพื้นที่

การปลูกแถวเดี่ยว ทำแปลงเดี่ยว ความกว้างของแปลงประมาณ 1.8-2 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร จะสามารถจัดการเถาฟักทองให้เลื้อยไปตามแนวแปลงได้ง่าย

การปลูกแถวคู่ ยกร่องแปลงเป็น 2 ด้าน ความกว้างของแปลงประมาณ 3.5-5 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างต้น 1.5 เมตร จะสามารถจัดการเถาฟักทองให้เลื้อยจรดกันสองด้านพอดี มีร่องทางเดิน ทำให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น

2. การเตรียมดินปลูกฟักทอง

ฟักทองเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นในดินที่พอเหมาะ จึงควรใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วในการย่อยดิน เพื่อให้ดินมีความร่วนซุย สามารถระบายน้ำได้ดี หากที่ดินนั้นเคยใช้เพาะปลูกมานาน ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพความเป็นกรดด้วย และควรไถดินให้ลึกประมาณ 25-30 เซนติเมตร เพราะฟักทองเป็นพืชที่มีระบบรากแบบฝังลึก

3. เลือกช่วงเวลาในการปลูกฟักทอง

ฟักทองชอบอากาศร้อนและแห้ง ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดทั้งวัน แต่ต้องมีความชื้นในดินที่เพียงพอด้วย อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ในประเทศไทยสามารถปลูกฟักทองได้ดีที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์

วิธีเลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทอง

โดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบที่นิยมใช้ปลูก คือ “เมล็ดพันธุ์แบบผสมเปิด” สามารถเก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อได้เอง แต่ในปัจจุบันหาได้ยาก เนื่องจากบริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์จะเลือกผลิต “เมล็ดพันธุ์แบบลูกผสม” แทน เพราะให้ผลผลิตสูง ขนาดของต้น ผล และการเจริญเติบโตดี แต่ไม่สามารถนำเมล็ดไปปลูกต่อได้ เกษตรกรจึงต้องมีค่าใช้จ่ายกับเมล็ดพันธุ์ฟักทองในราคาที่สูงขึ้น ดังนั้น จึงควรพิจารณาวิธีการปลูกแทนเพื่อลดต้นทุนในส่วนนี้ลง
วิธีการปลูกฟักทอง

วิธีการปลูกที่นิยมมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่

1. การปลูกฟักทองแบบหยอดเมล็ด

ขุดหลุมเล็ก ๆ ลงไปในดินประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว

หยอดเมล็ดฟักทองลงไปหลุมละ 3-5 เมล็ด

กลบด้วยดินผสมละเอียด หรือขี้เถ้าแกลบดำ

รดน้ำให้ชุ่ม คลุมด้วยฟางเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าดิน

ภายใน 3-4 วัน ต้นกล้าจะงอกพ้นพื้นดิน มีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนต้นกล้าที่อ่อนแอทิ้งไป ให้เหลือหลุมละ 1 ต้นเท่านั้น

2. การปลูกฟักทองแบบเพาะกล้า

นำเมล็ดฟักทองล้างน้ำ 1-2 รอบ แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที และห่อด้วยผ้าขาวบาง

นำเมล็ดไปบ่มไว้ในกล่องพลาสติกใส 3-5 วัน

เมื่อเมล็ดแตกรากออกมา จึงค่อยย้ายไปเพาะในถาดเพาะกล้า

รดน้ำเป็นประจำ จนต้นกล้ามีใบจริง 1-2 ใบ จึงย้ายไปปลูกในแปลง

ที่มา http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคฟักทอง โรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา โรคราแป้ง โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราไฟทอปโธร่า โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
 โรคใบจุดสีม่วงหอมใหญ่ โรคใบจุดสีม่วงกระเทียม : PURPLE BLOTCH DISEASE [ ไอเอส + FK-1 ]
โรคใบจุดสีม่วงหอมใหญ่ โรคใบจุดสีม่วงกระเทียม : PURPLE BLOTCH DISEASE [ ไอเอส + FK-1 ]
เชื้อสาเหตุ : รา Alternaria porri (Ell.) Cif ชีววิทยาของเชื้อ : เมื่อราเข้าทำลายพืชจะสร้างสปอร์หรือ conidia สีน้ำตาลทองรูปร่าง clubshape หรือ obclavate คือส่วนโคนใหญ่แล้วค่อยๆ เรียวไปทางปลาย ขนาด 100-300 x 15-20 ไมครอน มีผนังกั้นตามขวาง 8-12 ผนัง ผนังกั้นตามยาวอาจมีหลายผนังหรืออาจไม่มี สปอร์เกิดที่ปลายก้าน ซึ่งชูตั้งมาจากเส้นใยบริเวณ แผลสีม่วงบนใบ เมื่อสปอร์เจริญเต็มที่จะหลุดออกจากก้าน ปลิวไปตกลงบนพืช และสภาพแวดล้อมเหมาะสม จะงอกเส้นใยแทงทะลุผ่านผิวพืชเข้าไปภายในได้ทั้งโดยตรง เข้าทางปากใบหรือรอยแผลจากแมลง แล้วสร้าง สปอร์พร้อมที่จะระบาดต่อไป

ลักษณะอาการ : เริ่มแรกเป็นจุดฉ่ำน้ำ ขนาดเล็ก เมื่อแห้งเปลี่ยนเป็นจุดแผลสีขาว ต่อมาแผลขยายออก รูปกลมรีหรือยาวไปตามใบ ขนาดไม่แน่นอน เนื้อเยื่อยุบตัวลง แผลมีสีม่วงเข้มหรือสีน้ำตาลอมม่วง ตรงกลาง ซีดจางกว่าเล็กน้อย ส่วนรอบนอกมีแถบเซลล์ตายสีขาวหรือสีเหลืองส้มล้อมรอบ เมื่ออากาศชื้น ราจะสร้าง สปอร์สีดำที่บริเวณแผล ใบที่มีแผลขนาดใหญ่หลายแผลติดกัน จะหักพับลงทำให้ใบแห้งตาย เมื่อโรคระบาด รุนแรงใบจะแห้งหมด ต้นตาย เก็บผลผลิตไม่ได้ บางครั้งถ้าสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม พบแผลจุดสีขาว ขนาดเล็กจำนวนมากกระจายทั่วใบ แผลไม่พัฒนาขยายใหญ่เป็นแผลสีม่วง มองเห็นเป็นอาการใบลายใน หอมหัวใหญ่ อาจพบราเข้าทำลายที่ส่วนหัวเมื่อใกล้เก็บเกี่ยว โดยเข้าทำลายที่คอหรือกาบนอกของหัวหอม

การแพร่ระบาด : โรคระบาดโดย สปอร์ของเชื้อแพร่กระจายไปตามลม น้ำ แมลง เครื่องมือการเกษตร และเมล็ดพันธุ์ ราอยู่ข้ามฤดู โดยสปอร์ปนอยู่กับเศษซากพืชในดิน โรคระบาดได้ดีในสภาพอากาศเย็น มีความชื้น สูง จึงพบโรคระบาดในฤดูหนาวที่มีน้ำค้างลงจัดหรือปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาว โดยปกติจะพบโรคระบาดในระยะ หอมกระเทียมโตหรือลงหัวแล้ว แต่บางครั้งอาจพบเมื่อต้นยังเล็ก ถ้าปลูกพืชล่าช้า ในขณะที่แปลงข้างเคียง มีโรคระบาดอยู่แล้ว โรคจะระบาดรุนแรงมากถ้ามีเพลี้ยไฟร่วมเข้าทำลาย

การป้องกันกำจัด :

1. ก่อนปลูกพืชควรใส่ปูนขาว ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อปรับสภาพดิน โดยค่า pH ของดินที่เหมาะแก่ การปลูกพืชสกุลหอมกระเทียม คือ 6.5-7.0

2. ใช้ส่วนขยายพันธุ์ที่ปราศจากโรค ก่อนปลูกควรแช่หัวพันธุ์ หรือต้นกล้าด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช

3. ดูแลแปลงปลูกให้สะอาด ทำลายเศษซากพืชที่เป็นโรค

4. ตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบโรคพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรค

5. ป้องกันกำจัดแมลง โดยเฉพาะเพลี้ยไฟ

6. ปลูกพืชชนิดอื่นที่ไม่ใช่สกุลหอมกระเทียมหมุนเวียน เพื่อลดการระบาดของโรค

อ้างอิง http://www.farmkaset..link..

ป้องกันกำจัด โรคใบจุดสีม่วงหอมหัวใหญ่ โรคใบจุดสีม่วงกระเทียม โรคหอมเลื้อย โรคแอนแทรคโนสหอมแดง โรคแอนแทรคโนสหอมหัวใหญ่ และพืชตระกูลหอม กระเทียม ต่างๆ โรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา โรคราแป้ง โรคไหม้ โรคใบไหม้ โรคแอนแทรคโนส โรคเชื้อราไฟทอปโธร่า โรคราต่างๆ ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งโรคพืชจากเชื้อรา

เร่งการเจริญเติบโต สร้างภูมิต้านทาน เพิ่มผลผลิต ฉีดพ่น FK-1 ที่ประกอบด้วย ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ครบถ้วน

สามารถผสม ฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
436 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 43 หน้า, หน้าที่ 44 มี 6 รายการ
|-Page 38 of 44-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - ฟื้นฟูระบบรากและสร้างดินอุดม สำหรับต้นดอกลีลาวดี
Update: 2567/02/13 09:32:54 - Views: 3468
พืชใบเหลือง โตช้า ต้นโทรม ผลผลิตต่ำ ลอง ปุ๋ยทางใบ FK-1
Update: 2567/06/11 11:46:04 - Views: 318
การป้องกันและจัดการโรคผลเน่าในทุเรียน: วิธีการปรับปรุงดูแลและลดความเสี่ยง
Update: 2566/11/11 09:22:37 - Views: 3425
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร: ปุ๋ยที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุของถั่วเหลือง
Update: 2567/02/12 14:44:54 - Views: 3414
การป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในต้นละมุดอย่างได้ผล
Update: 2566/05/09 11:59:36 - Views: 3429
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร: เพิ่มประสิทธิภาพในทุกช่วงอายุของต้นพุทรา
Update: 2567/02/12 14:55:27 - Views: 3424
แตงโม ผลใหญ่ ด้วย ปุ๋ย สตาร์เฟอร์ 0-0-60 โพแทสเซี่ยม สูตรเร่งผล เพิ่มผลผลิต ขยายขนาด เพิ่มน้ำหนัก และคุณภาพ
Update: 2567/04/22 11:37:29 - Views: 3565
การป้องกันและกำจัดโรคพืชจากเชื้อราอย่างได้ผล: โรคราสนิมในผักบุ้ง
Update: 2566/05/17 09:40:22 - Views: 3430
ทุเรียนใบไหม้ มีสาเหตุมาจากโรคเชื้อรา แก้ด้วย ไอเอส ราฝ่อ หยุดลุกลาม
Update: 2563/10/28 14:21:37 - Views: 3753
การจัดการเพลี้ยในต้นถั่วพู: วิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและลดความเสียหาย
Update: 2566/11/20 12:54:43 - Views: 3605
มนุษย์รู้ว่าโลกกลม เมื่อปีใด?
Update: 2567/01/01 14:00:54 - Views: 3443
อินทผาลัม อินทผลัม ใบเหลือง ใบจุด ใบไหม้ โรคราเขม่า เชื้อราเขม่าผง รากเน่า โรคราสนิม ใบแห้ง ใช้ ไอเอส
Update: 2564/09/07 01:23:21 - Views: 3569
เตือน!! ระวังหนอนระบาด หนอนมะม่วง หนอนเจาะผล ทำลาย ต้นมะม่วง ของคุณ ...สร้างเสียหายได้มาก
Update: 2566/11/02 10:47:31 - Views: 3453
ความรู้เกี่ยวกับโรคที่เกิดจากเชื้อราในบล็อคโคลี่: การรับรู้และการจัดการเพื่อผลผลิตที่สุขภาพดี
Update: 2566/11/15 12:54:47 - Views: 3431
ปุ๋ยสำหรับแครอท
Update: 2564/05/08 09:26:27 - Views: 3755
โรคราแป้ง ราน้ำค้าง โรคใบไหม้ เกิดได้กับหลายพืช เร่งควบคุม ป้องกัน กำจัด ลดความเสียหายต่อพืช
Update: 2566/11/04 09:41:04 - Views: 9223
โรคไหม้ข้าว โรคข้าวใบไหม้
Update: 2564/08/09 10:20:20 - Views: 3736
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร: ช่วยให้ต้นฝรั่งของคุณเติบโตอย่างสมบูรณ์ในทุกช่วงอายุ
Update: 2567/02/12 15:00:00 - Views: 3439
ยอดพุ่งต่อเนื่อง ไทยส่งออกสินค้าปศุสัตว์
Update: 2565/11/17 12:36:05 - Views: 3392
คู่มือเบื้องต้นสำหรับการ ป้องกันและกำจัดโรคในสวนยางพารา ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ
Update: 2566/04/29 14:56:01 - Views: 8250
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022