[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - เร่งการเจริญเติบโต
436 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 43 หน้า, หน้าที่ 44 มี 6 รายการ

ปุ๋ยแตงโม ตรา FK กับการเพิ่มผลผลิต และคุณภาพ ด้วยธาตุอาหารที่แตงโมต้องการอย่างครบถ้วน
ปุ๋ยแตงโม ตรา FK กับการเพิ่มผลผลิต และคุณภาพ ด้วยธาตุอาหารที่แตงโมต้องการอย่างครบถ้วน
ปุ๋ยแตงโม ตรา FK กับการเพิ่มผลผลิต และคุณภาพ ด้วยธาตุอาหารที่แตงโมต้องการอย่างครบถ้วน
เร่งการเจริญเติบโตแตงโม ฉีดพ่น FK-1 เมื่อแตงโมเริ่มติดผล ฉีดพ่น FK-3 เพื่อเร่งผล ทำให้แตงโมผลโต น้ำหนักดี เนื้อดี มีรสชาติดี
ทั้ง FK-1 และ FK-3 ประกอบด้วย แมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และ สารลดแรงตึงผิว ซึ่งมีรายละเอียดกลไกการทำงาน เพื่อส่งเสริมผลผลิตแตงโมตลอดช่วงอายุ ดังต่อไปนี้

แตงโมเป็นผลไม้ฤดูร้อนที่อร่อยและสดชื่นที่สามารถปลูกได้ในสภาพอากาศที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับพืชทุกชนิด แตงโมมีความต้องการเฉพาะเพื่อที่จะเจริญเติบโต ในบทความนี้ เราจะพูดถึงความสำคัญของแมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิวในการเจริญเติบโตของแตงโม

แมกนีเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช รวมทั้งแตงโม มีบทบาทในการสังเคราะห์แสงและการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ และยังมีส่วนร่วมในการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช การขาดแมกนีเซียมอาจทำให้การเจริญเติบโตแคระแกร็นและใบเหลืองได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าต้นแตงโมของคุณได้รับสารอาหารนี้อย่างเพียงพอ คุณสามารถเพิ่มแมกนีเซียมลงในดินได้โดยใช้ปูนขาวโดโลไมติกหรือดีเกลือฝรั่ง (แมกนีเซียมซัลเฟต)

สังกะสีเป็นสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นแตงโม เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ฮอร์โมนและเอ็นไซม์ ตลอดจนควบคุมการแสดงออกของยีน การขาดธาตุสังกะสีสามารถนำไปสู่การเติบโตแคระแกรน ผลผลิตผลไม้ลดลง และผลไม้มีคุณภาพต่ำ คุณสามารถเพิ่มสังกะสีลงในดินได้โดยใช้ซิงค์ซัลเฟตหรือซิงค์ออกไซด์

ไนโตรเจนเป็นสารอาหารหลักสำหรับการเจริญเติบโตของพืช และมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแตงโม เนื่องจากช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของใบ ลำต้น และเถา การขาดไนโตรเจนอาจทำให้ใบเหลืองและผลผลิตผลไม้ลดลง คุณสามารถเพิ่มไนโตรเจนลงในดินได้โดยใช้อินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผุพัง หรือใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง

ฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับแตงโมอีกชนิดหนึ่ง ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก การผลิตดอก และการพัฒนาของเมล็ด การขาดฟอสฟอรัสสามารถนำไปสู่การเติบโตที่แคระแกรนและผลผลิตผลไม้ลดลง คุณสามารถเพิ่มฟอสฟอรัสลงในดินได้โดยใช้กระดูกป่นหรือหินฟอสเฟต

โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับแตงโม และมีบทบาทในการควบคุมการดูดซึมน้ำและสารอาหาร เช่นเดียวกับการสังเคราะห์โปรตีนและน้ำตาล การขาดโพแทสเซียมสามารถนำไปสู่การเติบโตที่แคระแกรนและผลผลิตผลไม้ลดลง คุณสามารถเพิ่มโพแทสเซียมลงในดินได้โดยการใส่ปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น โพแทสเซียมซัลเฟตหรือโพแทสเซียมคลอไรด์

สารลดแรงตึงผิวเป็นสารเคมีที่ใช้ในการลดแรงตึงผิวของของเหลว มักใช้ในการเกษตรเพื่อปรับปรุงการดูดซึมและประสิทธิภาพของยาฆ่าแมลงและปุ๋ย ในกรณีของแตงโม สามารถใช้สารลดแรงตึงผิวเพื่อปรับปรุงการดูดซับสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแห้งหรือดินอัดแน่น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยปรับปรุงการครอบคลุมและการแทรกซึมของสารกำจัดศัตรูพืชซึ่งอาจมีความสำคัญต่อการควบคุมศัตรูพืช

โดยสรุปแล้ว แมกนีเซียม สังกะสี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และสารลดแรงตึงผิวล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นแตงโม การดูแลให้ต้นแตงโมได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างเพียงพอจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงและเพิ่มผลผลิตผลไม้ได้สูงสุด

สนใจปุ๋ย FK1 และ FK-3 ช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3429
ปุ๋ยมะนาว ตรา FK คุณภาพสูง มะนาวโตไว ผลดก น้ำหนักดี มีคุณภาพ ขายได้ราคา
ปุ๋ยมะนาว ตรา FK คุณภาพสูง มะนาวโตไว ผลดก น้ำหนักดี มีคุณภาพ ขายได้ราคา
ปุ๋ยมะนาว ตรา FK คุณภาพสูง มะนาวโตไว ผลดก น้ำหนักดี มีคุณภาพ ขายได้ราคา
เร่งการเจริญเติบโตของมะนาว ฉีดพ่น FK-1 ฉีดพ่นได้ตลอดทุกช่วงอายุของมะนาว เพื่อเร่งโต สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมออกผล

เร่งผลผลิตมะนาว ฉีดพ่น FK-3 เมื่อมะนาวเริ่มติดผล ส่งเสริมให้ผลโต น้ำหนักดี คุณภาพดี ผิวผลสวย

ปุ๋ยมะนาว FK-1 และ FK-3 ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี สารลดแรงตึงผิว ซึ่งมีรายละเอียดการทำงานดังต่อไปนี้

การเพาะปลูกต้นมะนาวต้องการสารอาหารหลายชนิดเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเจริญเติบโตที่ดีและให้ผลผลิตที่เหมาะสม สารอาหารที่สำคัญที่สุด ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว

ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และเป็นส่วนประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารสีที่ช่วยให้พืชเปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงานผ่านการสังเคราะห์ด้วยแสง ในต้นมะนาว ไนโตรเจนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาลำต้นและใบที่สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์แสงอย่างมีประสิทธิภาพและสุขภาพโดยรวมของพืช

ฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารหลักอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นมะนาว และมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ของพืชที่สำคัญ รวมถึงการผลิตพลังงาน การสังเคราะห์ DNA และ RNA และการพัฒนาระบบรากที่แข็งแรง ในต้นมะนาว ฟอสฟอรัสมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาของดอกที่แข็งแรงและสมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตผลที่ประสบความสำเร็จ

โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับต้นมะนาว และมีบทบาทสำคัญหลายประการต่อสุขภาพและพัฒนาการของพืช โพแทสเซียมเกี่ยวข้องกับการควบคุมการดูดซึมน้ำและสารอาหาร การสังเคราะห์โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และการควบคุมการสังเคราะห์ด้วยแสงและกระบวนการเมตาบอลิซึมอื่นๆ ในต้นมะนาว โพแทสเซียมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาของผลไม้ที่แข็งแรงและดีต่อสุขภาพ ตลอดจนสุขภาพโดยรวมและความกระฉับกระเฉงของพืช

แมกนีเซียมเป็นธาตุอาหารหลักอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นมะนาว และเป็นส่วนประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารสีที่ช่วยให้พืชสังเคราะห์แสงได้ ในต้นมะนาว แมกนีเซียมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาของใบที่แข็งแรงและสมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์แสงอย่างมีประสิทธิภาพและสุขภาพโดยรวมของพืช

สังกะสีเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นมะนาว สังกะสีมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ของพืช รวมถึงการสังเคราะห์ฮอร์โมน การควบคุมการแสดงออกของยีน และการพัฒนาระบบรากที่แข็งแรง ในต้นมะนาว ธาตุสังกะสีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของดอกที่แข็งแรง ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลิตผลที่ประสบความสำเร็จ

สารลดแรงตึงผิวเป็นสารประกอบทางเคมีชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของสารอาหารอื่นๆ เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม สารลดแรงตึงผิวทำงานโดยการลดแรงตึงผิวของน้ำ ซึ่งช่วยให้รากของพืชดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้นและขนส่งไปทั่วโรงงาน ในพืชเลมอน สารลดแรงตึงผิวสามารถช่วยปรับปรุงการดูดซับและการใช้สารอาหารอื่นๆ ทำให้พืชมีสุขภาพดีขึ้นและให้ผลผลิตสูงขึ้น

โดยรวมแล้ว ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวล้วนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของต้นมะนาว การดูแลให้ต้นมะนาวได้รับสารอาหารเหล่านี้ในระดับที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จของการปลูกมะนาว

สนใจปุ๋ย FK1 และ FK-3 ช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3429
ปุ๋ยมะพร้าว FK-1 มะพร้าวโตไวใบเขียว ปุ๋ย FK-3 มะพร้าวผลโต น้ำหนักดี ประกอบด้วยธาตุอาหารพืชครบถ้วน
ปุ๋ยมะพร้าว FK-1 มะพร้าวโตไวใบเขียว ปุ๋ย FK-3 มะพร้าวผลโต น้ำหนักดี ประกอบด้วยธาตุอาหารพืชครบถ้วน
ปุ๋ยมะพร้าว FK-1 มะพร้าวโตไวใบเขียว ปุ๋ย FK-3 มะพร้าวผลโต น้ำหนักดี ประกอบด้วยธาตุอาหารพืชครบถ้วน
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่นได้ทุกระยะการเติบโตของมะพร้าว เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ใบเขียวสมบูรณ์ แข็งแรงทนต่อโรค

ปุุ๋ย FK-3 ฉีดพ่นเมื่อมะพร้าวเริ่มติดผล ช่วยให้ผลโต น้ำหนักดี มีคุณภาพ มีรสชาติที่ดี

ทั้ง FK-1 และ FK-3 ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และ สารลดแรงตึงผิว ธาตุแต่ละตัว มีบทบาทต่อการเจริญเติบโตของมะพร้าว ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

องค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อปลูกต้นมะพร้าวคือบทบาทของแมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อความสมบูรณ์ของสวนมะพร้าว

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เป็นส่วนประกอบของคลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้พืชมีสีเขียวและช่วยให้พืชสังเคราะห์แสงได้ แมกนีเซียมยังมีส่วนร่วมในการสังเคราะห์เอนไซม์และฮอร์โมนต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เมื่อระดับแมกนีเซียมต่ำ พืชอาจประสบกับการเจริญเติบโตที่แคระแกรน ใบเหลือง และผลผลิตไม่ดี

สังกะสีเป็นธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อสุขภาพของต้นมะพร้าว เช่นเดียวกับแมกนีเซียม สังกะสีมีส่วนในปฏิกิริยาของเอนไซม์ต่างๆ และจำเป็นต่อการสังเคราะห์ฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช สังกะสียังเกี่ยวข้องกับการสร้างคลอโรฟิลล์และช่วยในการทำงานที่เหมาะสมของระบบภูมิคุ้มกันของพืช การขาดธาตุสังกะสีอาจทำให้การเจริญเติบโตแคระแกรน ใบเหลือง และผลผลิตไม่ดี

สารลดแรงตึงผิวเป็นโมเลกุลชนิดพิเศษที่ใช้ในการเกษตรเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของปุ๋ยที่ประกอบด้วยธาตุอาหารพืชต่างๆ สารลดแรงตึงผิวทำงานโดยการลดแรงตึงผิวของน้ำ ซึ่งช่วยให้ ปุ๋ย รวมถึงสารกำจัดศัตรูพืชและสารกำจัดวัชพืชกระจายไปทั่วพื้นผิวของพืชได้ง่ายขึ้นและซึมผ่านใบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สารลดแรงตึงผิวยังสามารถช่วยปรับปรุงการเปียกของดินและการดูดซึมสารอาหารของพืช สิ่งนี้สามารถเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับต้นมะพร้าว เนื่องจากมีใบคล้ายขี้ผึ้งหนา ซึ่งปุ๋ย รวมถึงยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืชเจาะทะลุได้ยาก

โดยสรุปแล้ว แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อปลูกต้นมะพร้าว สารอาหารและสารเคมีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นมะพร้าว และสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและผลผลิตของสวนมะพร้าว การดูแลให้ต้นมะพร้าวสามารถเข้าถึงสารอาหารและสารเคมีเหล่านี้ในระดับที่เพียงพอจะช่วยเพิ่มศักยภาพของต้นมะพร้าวและรับประกันการเก็บเกี่ยวที่ประสบความสำเร็จ

สวนมะพร้าวอาศัยความสมดุลที่เหมาะสมของธาตุอาหารที่จำเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นมะพร้าวที่แข็งแรงและการผลิตมะพร้าวคุณภาพสูง

ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ช่วยให้พืชสังเคราะห์แสงและเปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของกรดอะมิโน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเนื้อเยื่อใหม่และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย หากไม่มีธาตุไนโตรเจนเพียงพอ ต้นมะพร้าวจะแคระแกร็น ใบเหลือง ผลจะมีขนาดเล็กและคุณภาพต่ำ

ฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นมะพร้าว มีบทบาทสำคัญในการถ่ายโอนพลังงานภายในพืช และมีส่วนร่วมในการสังเคราะห์กรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการแบ่งเซลล์และการเจริญเติบโต ฟอสฟอรัสยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาของรากที่แข็งแรงและการผลิตดอกไม้และผลไม้ที่แข็งแรง หากไม่มีฟอสฟอรัสเพียงพอ ต้นมะพร้าวอาจอ่อนแอ แคระแกร็น การเจริญเติบโตและผลผลิตลดลง

โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นอันดับสามสำหรับต้นมะพร้าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่สำคัญหลายอย่างของพืช รวมถึงการควบคุมการดูดซึมน้ำและสารอาหาร การสังเคราะห์โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และการควบคุมปฏิกิริยาของเอนไซม์ โพแทสเซียมยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาลำต้นที่แข็งแรงและการผลิตผลไม้คุณภาพสูง หากไม่มีโปแตสเซียมเพียงพอ ต้นมะพร้าวอาจมีลำต้นอ่อนแอและให้ผลผลิตลดลง

โดยสรุปแล้ว ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นมะพร้าวที่แข็งแรงและการผลิตมะพร้าวคุณภาพสูง การดูแลให้สวนมะพร้าวสามารถเข้าถึงสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จของการปลูก

สนใจปุ๋ย FK1 และ FK-3 ช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3434
ปุ๋ยกล้วย FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิตกล้วย ด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นที่สุด อย่างครบถ้วน
ปุ๋ยกล้วย FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิตกล้วย ด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นที่สุด อย่างครบถ้วน
ปุ๋ยกล้วย FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิตกล้วย ด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นที่สุด อย่างครบถ้วน
ปุ๋ย FK-1 เร่งการเจริญเติบโตของต้นกล้วย และ FK-3 ฉีดพ่นเมื่อกล้วยเริ่มติดผล ทำให้ผลโต สมบูรณ์ คุณภาพดี ทั้ง FK-1 และ FK-3 ประกอบด้วย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแตสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี พร้อมสารลดแรงตึงผิว มีหลักการทำงานโดยละเอียด เพื่อส่งเสริมผลผลิตกล้วย ดังนี้

แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของต้นกล้วย

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืชและมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งเป็นกระบวนการที่พืชเปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงาน นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้พืชมีสีเขียวและช่วยให้พืชดูดซับแสงได้ หากไม่มีแมกนีเซียมเพียงพอ ต้นกล้วยอาจมีการเจริญเติบโตแคระแกร็น ใบเหลือง และผลผลิตลดลง

สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นกล้วย มีบทบาทในกระบวนการที่สำคัญหลายอย่างของพืช รวมถึงการสังเคราะห์เอนไซม์ ฮอร์โมน และโมเลกุลอื่นๆ สังกะสียังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเซลล์พืชและการก่อตัวของคลอโรพลาสต์ ซึ่งเป็นโครงสร้างในเซลล์พืชที่มีการสังเคราะห์ด้วยแสง หากไม่มีธาตุสังกะสีเพียงพอ ต้นกล้วยอาจมีใบที่เล็กลง การเจริญเติบโตของรากลดลง และการเจริญเติบโตของผลไม่ดี

สารลดแรงตึงผิวคือสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดแรงตึงผิวของของเหลว จะช่วยให้ปุ๋ยหรือยาที่ผสมสารนี้ฉีดพ่นไป เกาะติดใบ และต้นกล้วยจะดูดซึมธาตุอาหากได้ดีขึ้น ลดการสูญเสีย สารลดแรงตึงผิวมักใช้ในรูปของสเปรย์หรือหมอกเพื่อปรับปรุงการดูดซับน้ำและสารอาหารของพืช สิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของผลไม้ ตลอดจนปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของพืช

โดยสรุปแล้ว แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิวล้วนมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของต้นกล้วย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในปริมาณที่เพียงพอสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของผลไม้และปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของสวน

เพื่อให้พืชผลกล้วยแข็งแรงและอุดมสมบูรณ์ สิ่งสำคัญคือต้องให้สารอาหารที่จำเป็นแก่พืช รวมทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม

ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับพืช เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารสีที่ช่วยให้พืชสามารถจับพลังงานจากแสงแดดได้ หากไม่มีไนโตรเจนเพียงพอ ต้นกล้วยจะไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นแคระแกร็นและใบเหลือง

ฟอสฟอรัสเป็นสารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นกล้วย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการพัฒนารากและการผลิตผล หากไม่มีฟอสฟอรัสเพียงพอ ต้นกล้วยจะมีระบบรากที่อ่อนแอและอาจอ่อนแอต่อโรคได้

โพแทสเซียมยังจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้วยอีกด้วย ช่วยให้พืชขนส่งน้ำและสารอาหารไปทั่วทั้งต้น และยังมีบทบาทในการควบคุมปากใบ ซึ่งเป็นช่องเล็กๆ บนใบที่ช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ หากไม่มีโปแตสเซียมเพียงพอ ต้นกล้วยอาจพัฒนาผลได้ไม่ดีและให้ผลผลิตลดลง

นอกจากสารอาหารทั้งสามชนิดนี้แล้ว ต้นกล้วยยังต้องการธาตุอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถัน การให้ต้นกล้วยมีสารอาหารที่สมดุล เกษตรกรสามารถช่วยให้มั่นใจได้ถึงการเจริญเติบโตที่ดีและผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์

โดยสรุปแล้ว ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมล้วนเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้วย การให้สารอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม เกษตรกรสามารถช่วยให้ต้นกล้วยของพวกเขาเจริญเติบโตและให้ผลผลิตสูงด้วยผลไม้รสอร่อย

สนใจช่องทางสั่งซื้อ

ลาซาด้า

FK-1 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

FK-3 บนลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้

FK-1 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

FK-3 บนช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3407
ปุ๋ยมังคุด FK-1 และ FK-3 เร่งการเจริญเติบโต เร่งผลผลิตมังคุด ด้วยธาตุอาหารที่ครบถ้วน
ปุ๋ยมังคุด FK-1 และ FK-3 เร่งการเจริญเติบโต เร่งผลผลิตมังคุด ด้วยธาตุอาหารที่ครบถ้วน
ปุ๋ยมังคุด FK-1 และ FK-3 เร่งการเจริญเติบโต เร่งผลผลิตมังคุด ด้วยธาตุอาหารที่ครบถ้วน
ประโยชน์ของไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ต่อต้นมังคุดมีมากมาย สารอาหารที่จำเป็นเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ดี ปรับปรุงการผลิตผลไม้ และเพิ่มคุณภาพโดยรวมของผลมังคุด

ไนโตรเจนเป็นธาตุอาหารหลักที่ช่วยให้ต้นมังคุดเจริญเติบโตทางใบและลำต้นได้มากขึ้น สิ่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากพืชที่แข็งแรงและแข็งแรงสามารถทนต่อความเครียดและโรคได้ดีกว่า และมีแนวโน้มที่จะผลิตพืชผลขนาดใหญ่และอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ไนโตรเจนยังจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้พืชมีสีเขียวและทำให้พืชสังเคราะห์แสงได้

ฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นมังคุด มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาของรากและช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตที่แข็งแรงและแข็งแรง ฟอสฟอรัสยังมีความสำคัญต่อการผลิตดอกไม้และผลไม้ และมีส่วนในกระบวนการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานที่พืชนำไปใช้ได้

โพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับต้นมังคุด ช่วยควบคุมสมดุลน้ำของพืชและจำเป็นสำหรับการผลิตเอนไซม์และโปรตีน โพแทสเซียมยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาของลำต้นที่แข็งแรง สุขภาพโดยรวมและความแข็งแกร่งของพืช

นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ปุ๋ย N-P-K ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลมังคุดได้อีกด้วย พวกเขาสามารถเพิ่มขนาดของผลไม้ ความหวาน และคุณค่าทางโภชนาการโดยรวม สิ่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากผลไม้คุณภาพสูงมีแนวโน้มที่จะดึงดูดผู้บริโภคและควบคุมราคาในตลาดได้สูงกว่า

โดยสรุป การใช้ปุ๋ย N-P-K สามารถให้ประโยชน์มากมายแก่ต้นมังคุด รวมถึงการเจริญเติบโตของพืชที่ดีขึ้น การเพิ่มผลผลิตของผลไม้ และคุณภาพของผลไม้ที่ดีขึ้น ประโยชน์เหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและผลผลิตของต้นมังคุด และท้ายที่สุดสามารถนำไปสู่ผลผลิตที่ทำกำไรได้มากขึ้นและยั่งยืน

แมกนีเซียม (Mg) และสังกะสี (Zn) เป็นธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช แมกนีเซียมมีส่วนในการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้พืชมีสีเขียวและจำเป็นต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง สังกะสีมีบทบาทในการสังเคราะห์ฮอร์โมนและเอ็นไซม์ของพืช และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของใบและรากพืชอย่างเหมาะสม

ในการปลูกมังคุด แมกนีเซียมและสังกะสีสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพโดยรวมและผลผลิตของพืช แมกนีเซียมสามารถช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ทำให้พืชแข็งแรงและให้ผลผลิตมากขึ้น สังกะสีสามารถช่วยปรับปรุงระบบราก ซึ่งช่วยให้พืชดูดซับน้ำและสารอาหารจากดินได้ดีขึ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่พืชที่แข็งแรงขึ้นซึ่งมีความทนทานต่อความเครียดและโรค

โดยทั่วไปแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องให้สารอาหารที่สมดุลแก่พืช รวมทั้งแมกนีเซียมและสังกะสี เพื่อให้พืชเติบโตอย่างแข็งแรงและให้ผลผลิตสูงสุด ซึ่งทำได้โดยการใช้ปุ๋ยที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการปลูกมังคุด หรือโดยการใส่อาหารเสริมแมกนีเซียมและสังกะสีลงในดินโดยตรง

สั่งซื้อ

ลาซาด้า http://ไปที่..link..

ช้อปปี้ http://ไปที่..link..

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี @FarmKaset
อ่าน:3430
ปลูกมังคุดให้ถูกวิธี ใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด ฉีดพ่น FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิต ได้คุณภาพ
ปลูกมังคุดให้ถูกวิธี ใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด ฉีดพ่น FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิต ได้คุณภาพ
ปลูกมังคุดให้ถูกวิธี ใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด ฉีดพ่น FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิต ได้คุณภาพ
ข้อมูลทางด้านล่างนี้ เป็นการปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตทีดี FK-1 และ FK-3 เป็นปุ๋ยทางใบประสิทธิภาพสูง ใช้เพิ่มผลผลิต และคุณภาพของผลมังคุดได้ดี

ฉีดพ่น FK-1 ในช่วงที่ต้องการเร่งการเจริญเติบโตของมังคุด ปุ๋ยน้ำ FK-1 จะส่งเสริมการเจริญเติบโต ขยายทรงพุ่ม สร้างความเขียวของใบ ทำให้ระบบรากแข็งแรงดูดกินอาหารได้ดีขึ้น มีสารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ประกอบอยู่ใน FK-1 ส่งเสริมกระบวนการสร้างอาหารให้กับต้นมังคุด มังคุดจึงโตใบ เขียวสมบูรณ์ แข็งแรง ต้านทานต่อโรคพืชได้ดีขึ้น

ฉีดพ่น FK-3 เมื่อมังคุดเริ่มติดผล ทำให้มังคุดผลโต น้ำหนักดี มีคุณภาพดี FK-3 ประกอบด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการส่งเสริมผลผลิตมังคุดอย่างครบถ้วน เน้นให้ ธาตุ โพแตสเซียม (K) สูงมาเป็นพิเศษถึง 40% จึงเน้นไปที่การส่งเสริมกระบวนการสะสมอาหารไปที่ผลมังคุดโดยตรง ทำให้มังคุดผลโต คุณภาพดี มีน้ำหนัก จึงได้ผลผลิตที่สูงขึ้น

การปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตดี

การวางผังปลูก มี 2 ระบบ คือ ระบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะระหว่างแถวและต้น 8×8 เมตร หรือ 10×10 และระบบแถวกว้างต้นชิด ระยะปลูกระหว่างแถว 8×3 เมตร หรือ 10×5 เมตร

วิธีการปลูก มี 2 แบบ คือ การปลูกแบบเตรียมหลุมปลูก เหมาะกับพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และการปลูกแบบนั่นแท่นหรือยกโคก เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก ช่วยให้ดินระบายน้ำได้ดีขึ้น

การลดต้นทุน
ใช้ระยะปลูกและวิธีปลูกที่เหมาะสม สะดวกต่อการจัดการแปลงและการดูแลรักษา ทำให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ

5. การใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด
เก็บตัวอย่างดินและตัวอย่างพืชส่งวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารและใส่ปุ๋ยให้สอดคล้องกับค่าวิเคราะห์ดินและใบ หรือ

การใส่ปุ๋ยหลังการเก็บเกี่ยว: ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ อัตรา 20-30 กิโลกรัม/ต้น ร่วมกับใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา (กิโลกรัม/ต้น) 1/3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม

การใส่ปุ๋ยในช่วงพัฒนาของผล: ใส่ปุ๋ยสัดส่วน 3:1:4 เช่นปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา(กิโลกรัม/ต้น) 1 ใน 3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม หรือตามค่าวิเคราะห์ดินหลังการติดผลทันที ร่วมกับพ่นปุ๋ยทางใบสัดส่วน 4:1:6 อัตรา 100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

การลดต้นทุน
ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช และใส่ 3 ครั้ง หลังเก็บเกี่ยว ก่อนออกดอก และเมื่อติดผลผสมปุ๋ยใช้เองลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 30-50ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพให้ปุ๋ยในระบบน้ำ ลดต้นทุนการใช้แรงงาน 15-20%

การให้น้ำ
ให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของมังคุดในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต
ระยะติดผล อายุผลประมาณ 5 สัปดาห์ ให้น้ำทุก 3 วัน อัตรา 80% ของการให้น้ำปกติ
ระยะอายุผล 5 สัปดาห์ถึงก่อน 10 สัปดาห์ ให้น้ำอัตรา 90% ของการให้น้ำปกติ
ระยะอายุผลประมาณ 10-12 สัปดาห์ถึงเก็บเกี่ยว ให้น้ำอัตรา 80% ของการให้น้ำปกติ

7. การดูแลรักษา
การพรางแสง เพื่อให้ร่มเงาในช่วงแรกของการเจริญเติบโต อาจใช้วัสดุธรรมชาติช่วยพรางแสง หรืออาจปลูกต้นไม้โตเร็วระหว่างแถวมังคุด เช่น กล้วย ทองหลาง

การตัดแต่งและควบคุมทรงพุ่ม
มังคุดต้นเล็ก ตัดแต่งเฉพาะกิ่งด้านล่างให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร และกิ่งที่ซ้อนทับกันจนแน่นทึบออก

มังคุดที่ให้ผลผลิตแล้ว ตัดแต่งกิ่งที่อยู่ด้านข้างของทรงพุ่มที่ประสานกันออก ให้มีช่องว่างระหว่างชายพุ่มโดยรอบกับต้นข้างเคียงประมาณ 50-70 เซนติเมตร ตัดยอดที่สูงเกินต้องการออก ตัดกิ่งประธานหรือกิ่งรองออกด้านละ 1-5 กิ่ง ให้เลี้ยงกิ่งแขนงที่อยู่ในทรงพุ่มไว้เพื่อได้ผลผลิตเพิ่ม

อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการ จาก กรมวิชาการเกษตร
อ่าน:3405
ขั้นตอนการให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ย FK คุณภาพสูง ในเวลาที่เหมาะสม
ขั้นตอนการให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ย FK คุณภาพสูง ในเวลาที่เหมาะสม
ขั้นตอนการให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ย FK คุณภาพสูง ในเวลาที่เหมาะสม
มันสำปะหลังต้องการธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการสร้างหัว สร้างแป้ง ใช้ปุ๋ย FK-1 ให้ถูกสูตร ในอัตราส่วนผสมที่ถูกต้อง ในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้ต้นมันสำปะหลังเติบโตสมบูรณ์ โดยแนะน้ำให้ใช้ปุ๋ย FK-1 และ ปุ๋ย FK-3C ฉีดพ่นดังนี้

ระยะแรกปลูกจนถึงมันสำปะหลังอายุไม่เกิน 3 เดือน หากมีการใช้ปุ๋ยเคมีแบบเม็ดเพื่อเร่งการเจริญเติบโตแล้วในระยะนี้ ฉีดพ่น ปุ๋ยทางใบ FK-1 หนึ่งครั้ง ในช่วงมันสำปะหลังอายุ 2-3 เดือน กรณีไม่ได้ใช้ปุ๋ยเม็ดเลย ให้ฉีดพ่น FK-1 เดือนละหนึ่งครั้งต่อเดือน ในเดือนที่ 1 เดือนที่ 2 และเดือนที่ 3

ระยะมันสำปะหลังลงหัวสะสมอาหาร มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป หากมีการใช้ปุ๋ยเม็ดสูตรเร่งหัว (สูตรที่มีโพแตสเซียมสูง เช่น 13-13-21 หรือ 0-0-60) ให้ฉีดพ่น ปุ๋ยทางใบ FK-3C ที่เป็นสูตรสำหรับเร่งหัว เพิ่มเปอร์เซ็นต์แป้งในมันสำปะหลัง 1 ครั้ง ในช่วงเดือนที่ 4-6 ช่วงเดือนใดก็ได้ สำหรับกรณีที่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเม็ดเพื่อบำรุงหัวมันสำปะหลังเลย ให้ฉีดพ่น FK-3C ปุ๋ยเร่งหัวมันสำปะหลัง เพิ่มเปอร์เซ็นแป้ง ในเดือนที่ 4 หนึ่งครั้ง เดือนที่ 5 หนึ่งครั้ง และเดือนที่ 6 อีกหนึ่งครั้ง เพื่อช่วนส่งเสริมกระบวนการสะสมแป้งและน้ำตาล มันสำปะหลังจะมีหัวใหญ่ น้ำหนักดี มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง
อ่าน:3460
กรมปศุสัตว์ เดินหน้า Animal Welfare สู่สินค้าปศุสัตว์มาตรฐานอาหารปลอดภัย
กรมปศุสัตว์ เดินหน้า Animal Welfare สู่สินค้าปศุสัตว์มาตรฐานอาหารปลอดภัย
ไทยตั้งเป้าหมายในการเป็น ครัวของโลก กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังการเดินหน้าผลักดันเป้าหมายนี้สู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมายังคงมีคำถามเกี่ยวกับสินค้าเกษตรปศุสัตว์ วันนี้ นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดคำตอบทุกประเด็นคำถาม โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ที่กรมปศุสัตว์มีกฎหมายควบคุมทั้งในสัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่ใช้เป็นอาหารของมนุษย์

ยกตัวอย่างในการเลี้ยงไก่ไข่ ที่มีมาตรฐานฟาร์ม GAP เป็นหลักปฏิบัติสำหรับเกษตรกร ซึ่งโดยปกติแม้จะเลี้ยงไก่ในกรง แต่ก็มีข้อกำหนดว่าต้องเลี้ยงได้กี่ตัวต่อกรง เพื่อให้ไก่อยู่สบายไม่แออัด ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์เดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ในการเลี้ยงไก่ไข่แบบไม่ใช้กรงหรือ Cage Free ซึ่งเป็นรูปแบบการเลี้ยงที่กำลังเป็นที่นิยมและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเลี้ยงไก่นอกกรงตับ ภายใต้ระบบการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตรสำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ 5 ประการ ได้แก่ อิสระจากความหิวกระหาย อิสระจากความไม่สบายกาย อิสระจากความเจ็บปวดและโรคภัย อิสระจากความกลัวและไม่พึงพอใจ และอิสระในการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ นับเป็นการยกระดับมาตรฐานที่นำไปสู่มาตรฐานอาหารปลอดภัยให้กับคนไทย และผลักดันการพัฒนาสินค้าปศุสัตว์ทำให้ Cage Free egg เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภค

ที่ผ่านมาพบว่ามี NGOs บางกลุ่ม ที่พยายามบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ไข่ ด้วยการผลิตคลิปวีดีโอโดยใช้ภาพประกอบเป็น ภาพไก่ไข่ที่แออัดในกรงแคบๆ มีภาพไก่ที่อ่อนแอหรือมีปัญหาสุขภาพ รวมทั้งกระบวนการเลี้ยงที่โบราณไม่ต่ำกว่า 20-30 ปี แล้วนำมาแชร์ต่อๆกัน สร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม และส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมไก่ไข่ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าการเลี้ยงไก่ไข่ในปัจจุบันนั้นมุ่งเน้นมาตรฐานฟาร์มและความปลอดภัยในอาหารเป็นสำคัญ

ขณะที่การเลี้ยงไก่เนื้อมีมาตรฐานฟาร์มและการดูแลสวัสดิภาพสัตว์กำกับอยู่ โดยมีข้อกำหนดว่าต้องเลี้ยงกี่ตารางเมตรต่อตัว เพื่อให้มีพื้นที่ให้ไก่ได้อยู่อาศัยกว้างขวาง มีระบบการจัดการแสงสว่างและชั่วโมงการพักผ่อนที่เหมาะสมประมาณ 6-8 ชั่วโมง เหมือนกับคน และมีเวลากิน เวลานอน มีเวลาเล่นคุ้ยเขี่ย ภายใต้การเลี้ยงในโรงเรือนปิดเพื่อป้องกันโรค ซึ่งเป็นหนึ่งในการคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์ และการที่ไก่อยู่ในโรงเรือนปรับอากาศได้ หรือที่เรียกว่าโรงเรือนอีแวป ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับไก่ในแต่ละช่วงวัย ทำให้อยู่สบาย กินอาหารได้ดี เติบโตได้ตามความสามารถของสายพันธุ์ เมื่อไก่ไม่เครียด ไม่ป่วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา เมื่อได้อายุไก่จะถูกขนส่งด้วยระบบรถที่ดูแลเป็นพิเศษ ไก่ต้องไม่ร้อน ไม่มีการทารุณสัตว์ การเข้าเชือดต้องทำให้สลบแบบนุ่มนวล เนื้อไก่ที่บริโภคต้องมาจากการฆ่าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

ส่วนเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนในสัตว์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ย้ำว่าในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อ ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต มานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีกฎหมายควบคุม และกรมปศุสัตว์มีการตรวจมาโดยตลอด ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าถ้ากินไก่แล้วจะทำให้มีฮอร์โมนเอสโตรเจนมาก ทำให้หน้าอกโต เรื่องนี้ขอย้ำว่า ไม่มีจริง และปัญหาส่วนใหญ่เกิดจาก Junk Food จำพวกอาหารทานด่วน อาหารทอด ที่เป็นตัวเพิ่มไขมันในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะอ้วน

สำหรับการเลี้ยงหมูก็อยู่ภายใต้มาตรฐานฟาร์มเช่นกัน โดยมีการคุ้มครองและดูแลสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ฒเลี้ยง และปัจจุบันผู้ประกอบการฟาร์มหมูรายใหญ่ของไทย ได้พัฒนาการเลี้ยงและยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ ด้วยการเปลี่ยนการเลี้ยงแม่หมูแบบยืนซอง เป็นการเลี้ยงแบบรวมกลุ่ม หรือคอกขังรวมแทน

เรื่องการควบคุมโรค นับว่าเป็นความสำเร็จที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการป้องกันโรคไข้หวัดนกที่ระบาดหนักในช่วงปี 2547 โดยไทยไม่พบการแพร่ระบาดของโรคนี้มาตั้งแต่ปี 2551 เท่ากับไม่เกิดโรคนี้ต่อเนื่องกันมากกว่า 12 ปี ถือว่าดีที่สุดระดับโลก จากมาตรการที่วางไว้ในด้านการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันอย่างดี มีปศุสัตว์อำเภอและเจ้าหน้าที่อาสาปศุสัตว์เข้าดูแลพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด

ที่สำคัญคือการป้องกันโรคในสุกร อย่างโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ หรือ ASF ในสุกร ที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เพราะอุตสาหกรรมหมูในประเทศหลายประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ต่างได้รับผลกระทบจากโรคนี้ แต่ไทยเรายังคงสถานะปลอดโรค แม้โรคนี้ไม่มีวัคซีน ไม่มียารักษา แต่ไทยก็สามารถป้องกัน ASF ได้ตั้งแต่ปี 2561 เรียกว่า "เอาอยู่" มาสองปีกว่า เพราะทุกภาคส่วนร่วมกันเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มแข็ง โดยกรมปศุสัตว์ร่วมกับภาคเอกชนในการดำเนินการด้านการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดมาตลอด เมื่อหมูไทยปลอดภัยปลอดเชื้อโรค ASF ทำให้เป็นที่ต้องการของหลายประเทศ แต่ไทยมีการดูแลเรื่องการผลิตหมูอย่างเพียงพอกับการบริโภค มีการจำกัดการส่งออก ไม่ให้มีผลกระทบต่อคนไทย

ความสามารถในการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ที่นำเงินตราเข้าประเทศถึงปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท และก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในอาเซียนในด้านการส่งออก เป็นภาพสะท้อนมาตรฐานการผลิตของไทยที่เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก โดยมีสินค้าสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ คือเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีคู่ค้าสำคัญคือสหภาพยุโรป (EU) กับญี่ปุ่น ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยทางอาหาร และสวัสดิภาพสัตว์ ภารกิจทั้งหมดของกรมปศุสัตว์ นอกจากจะเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้บริโภค ความอยู่รอดของผู้ผลิตแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจที่ดีของไทย จากการส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลก เพื่อเป้าหมาย ครัวของโลก ที่ยั่งยืน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ทานตะวัน:ไม้ดอกยอดนิยมปลูกได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมี
ทานตะวัน:ไม้ดอกยอดนิยมปลูกได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมี
ทานตะวันเป็นไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี ใบรูปกลมรี โคนใบโค้งเว้าเป็นรูปหัวใจปลายใบแหลมขอบใบหยักแบบฟันปลา หลังและใต้ท้องใบมีขนสาก ดอกออกเป็นช่อหรือกระจก กลีบดอกวงในมีสีเหลือง กลีบดอกวงนอกสีเหลืองอ่อนหรือเหลืองทอง ล้อมรอบเกสรขนาดใหญ่คล้ายจานเป็นไม้ดอกที่มีลักษณะพิเศษคือ ดอกจะหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เสมอ

พันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก เช่น พันธุ์คัลเลอร์ แฟชั่น (Color Fashion) อิตาเลี่ยน ไวท์ (Italian White) ซึ่งเป็นชนิดที่แตกกิ่งก้านสาขา มีลำต้นสูงประมาณ 4-5 ฟุต ขนาดดอกประมาณ 3-4 นิ้ว

การขยายพันธุ์

ทานตะวันขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ซึ่งนิยมเพาะเมล็ดในแปลงปลูกโดยตรง ทานตะวันสามารถปลูกได้ดีในดินทุกชนิด ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี และชอบแสงแดดจัด

การเลือกสถานที่ปลูก

สถานที่ปลูกทานตะวันควรเป็นที่โล่งแจ้ง ได้รับแสงอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าวันละ 8-10 ชั่วโมง หากปลูกในที่ที่ได้รับแสงน้อยจะให้ผลผลิตต่ำ ขนาดดอกเล็ก และมักพบว่าต้นอ่อนแอต่อโรคได้ง่าย

การเตรียมแปลงปลูก

ก่อนปลูกควรมีการเตรียมดินหรือปรับปรุงดินให้มีคุณภาพ มีธาตุอาหารเพียงพอต่อการเจริญเติบโต โดยขุดดินให้ลึกประมาณ 1 ฟุต แล้วตากดินเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแมลงประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ย่อยดินให้ละเอียดใส่อินทรีย์วัตถุที่สลายตัวแล้วอย่างเช่น เศษฟาง เปลือกถั่วลิสง ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยพืชสด เพื่อให้ดินมีความร่วนซุย สามารถเก็บความชื้นและมีการระบายน้ำดี

ก่อนเพาะเมล็ดให้นำเมล็ดไปแช่ในน้ำสกัดชีวภาพก่อนนำไปปลูก จะช่วยให้เมล็ดงอกเร็วและมีความแข็งแรงขึ้น การเพาะเมล็ดทานตะวันให้หยอดเมล็ดหลุมละ 2 เมล็ด ฝังลึกประมาณ 2 นิ้ว ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 25×30 ซม. ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 70-75 ซม. ก่อนปลูกควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยชีวภาพที่ให้ธาตุอาหารหลักได้แก่ ไนโตรเจน โปแตสเซียมและฟอสฟอรัสครบถ้วน หลังจากกลบดินเรียบร้อยแล้วควรคลุมแปลงปลูกและรดน้ำให้ชุ่ม การคลุมแปลงจะช่วยรักษาความชื้นรักษาอุณหภูมิและช่วยป้องกันวัชพืช วัสดุที่ใช้คลุมแปลง เช่น ฟางข้าว เศษหญ้าแห้ง เปลือกถั่ว หรือวัสดุอื่นที่มี หลังจากเมล็ดงอกแล้วประมาณ 10 วัน ให้ถอนต้นกล้าออกเหลือเพียงหลุมละ 1 ต้น เพื่อให้ทานตะวันผลิตดอกที่มีคุณภาพต่อไป

การให้น้ำ

ระยะแรกควรให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อรักษาความชื้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญให้เมล็ดงอก และเจริญเติบโตได้สมบูรณ์ หลังจากต้นตั้งตัวได้แล้วหรือมีความแข็งแรงเพียงพออาจให้น้ำได้ 1-2 วันต่อครั้งก็ได้

การให้ปุ๋ย

หลังจากปลูกประมาณ 30 วัน ให้ใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้น กิ่ง และใบ ในระยะนี้หากทานตะวันขาดไนโตรเจนจะโตช้า ใบมีสีเหลือง กิ่งก้านยาว เล็ก และอ่อนแอ เมื่อทานตะวันเริ่มเกิดตาดอกจึงใส่ปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสสูงเพื่อเร่งดอก หลังใส่ปุ๋ยทุกครั้งควรรดน้ำตามทันที หรือฉีดพ่นด้วยน้ำหวานหมักจากผลไม้ ใช้ฉีดพ่นแบบฮอร์โมนพืช ให้ผลในการบำรุงดีมากโดยเฉพาะในช่วงที่พืชกำลังออกดอก

การตัดดอก

การตัดดอกควรทำเมื่อดอกยังไม่บานเต็มที่หรือบานประมาณ 70%หรือสังเกตว่าส่วนใจกลางของดอกยังมีสีเขียวอยู่ วิธีตัดให้ตัดชิดโคนกิ่งหรือให้มีความยาวของก้านดอกประมาณ 10-12 นิ้ว การตัดดอกควรตัดในช่วงเช้า

โรค-แมลงและการป้องกันกำจัด

โรคทานตะวัน

โรคทานตะวันที่สำคัญได้แก่ โรคโคนเน่าหรือต้นเน่า โรคใบจุด ซึ่งโรคเหล่านี้ผู้ปลูกจะทราบก็ต่อเมื่อเชื้อได้เข้าทำลายต้นแล้ว ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ใช้เชื้อโรคเข้าทำลายต้นได้

1. โรคโคนเน่าหรือต้นเน่า

เกิดจากเชื้อราในดิน ระบาดมากในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีน้ำค้าง มีความชื้นสูง ๆ มักเกิดกับต้นแก่มากกว่าต้นอ่อน อาการเริ่มแรกจะพบใบมีสีเหลือง เหี่ยว และแห้งตายทั้งต้น เมื่อถอนต้นขึ้นมาดูจะพบว่าโคนต้นและรากเน่าเป็นสีน้ำตาลหรือดำ พบเส้นใยสีขาอยู่ตามโคนต้นและดิน

การป้องกัน

ไม่ปลูกทานตะวันให้ชิดกันเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบังแสงอันเป็นเหตุให้ต้นมีความชื้นง่ายต่อการเข้าทำลายของโรค เมื่อพบที่เป็นโรคให้ตัดทำลายต้นที่เป็นโรคทิ้งเสีย และอาจใช้วิธีปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียนกับทานตะวันเพื่อตัดวงจรของโรคให้หายไป โดยให้ปรับปรุงดินด้วยปูนขาวและปุ๋ยคอก สำหรับต้นที่เป็นโรคให้ถอนและขุดดินในหลุมไปเผา จากนั้นใช้ปูนขาวผสมน้ำราดลงไปในดินอีกครั้ง

2. โรคใบจุด

เกิดจากเชื้อรา เกิดได้ตั้งแต่ระยะต้นอ่อนจนถึงตัดดอก อาการเริ่มแรกจะมีจุดสีน้ำตาลเข้มและมีสีเหลืองล้อมรอบ มักเกิดกับใบแก่มากกว่าใบอ่อน ระบาดมากในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม หรือช่วงที่มีน้ำค้างมาก หากเป็นมากจะทำให้ทานตะวันไม่ให้ผลผลิตเลย

การป้องกัน

ให้หลีกเลี่ยงการเก็บเมล็ดพันธุ์ที่เป็นโรคไปปลูก และตัดทำลายต้นที่เป็นโรคทิ้งเสีย

แมลงศัตรูทานตะวัน

แมลงศัตรูทานตะวันที่สำคัญ ได้แก่ หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ผัก หนอนม้วนใบส้ม

การป้องกันกำจัด

วิธีที่ดีที่สุดคือดูแลรักษาต้นทานตะวันให้เจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรง หมั่นกำจัดวัชพืชทำความสะอาดต้นด้วยการ นำใบแก่ที่ร่วงหล่นออกไปให้พ้นบริเวณต้น กำจัดต้นที่เป็นโรคไปเผาทำลาย หรือฉีดพ่นน้ำหมักสะเดาหรือสมุนไพรอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์ในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช เช่น ตะไคร้หอม ข่า ฟ้าทะลายโจร พริกขี้หนู หรือน้ำหมักชีวภาพ เพื่อขับไล่แมลงศัตรูพืชทุก ๆ สัปดาห์ ก่อนที่จะมีโรคแมลงรบกวน โดยควรทำในช่วงเช้าหรือหลังฝนตกหนัก และควรมีการปลูกพืชหมุนเวียนบำรุงดินชนิดอื่น เพื่อตัดวงจรของโรคแมลง และให้มีการใช้ประโยชน์จากดินอย่างเต็มที่ เพราะพืชแต่ละชนิดมีรากลึกและต้องการธาตุอาหารแตกต่างกัน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ข้อมูลรูปภาพจาก http://ไปที่..link..
อ่าน:3459
หน่อไม้ฝรั่ง ลำต้นไหม้ เป็นจุด กำจัดโรคมันฝรั่ง จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
หน่อไม้ฝรั่ง ลำต้นไหม้ เป็นจุด กำจัดโรคมันฝรั่ง จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคลำต้นไหม้ เชื้อสาเหตุ : รา Phomopsis asparagi Sacc.
ลักษณะอาการ : ลำต้นเป็นแผลสีม่วง หรือสีน้ำตาล รูปรี ยาวเป็นแนวเดียวกับลำต้น เมื่อแผลกระจาย กว้างขึ้นจะทำให้ลำต้นไหม้แห้งเป็นทางยาว สามารถเข้าทำลายทุกระยะการเจริญเติบโต

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย การควบคุมประจุไฟฟ้า สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
436 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 43 หน้า, หน้าที่ 44 มี 6 รายการ
|-Page 29 of 44-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคราน้ำค้าง ในดอกดาวเรือง ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2565/12/28 14:13:17 - Views: 3435
การจัดการดินและระบบการปลูกมันสำปะหลัง
Update: 2553/02/20 10:47:38 - Views: 3704
แมลงศัตรูพืช ในมันสำปะหลัง เราป้องกันและกำจัดได้อย่างไรบ้าง?
Update: 2563/06/14 16:43:43 - Views: 3531
คู่มือการป้องกันกำจัดโรคทุเรียนจากเชื้อราต่างๆ
Update: 2566/04/29 14:37:12 - Views: 3596
วิธีปลูกทุเรียนอย่างละเอียด ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว
Update: 2564/05/31 08:12:06 - Views: 4784
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - เทคโนโลยีที่ทำให้ดินและพืชมีสุขภาพดี
Update: 2567/02/13 09:54:57 - Views: 3503
เทคนิค การปลูกฟักทอง ง่าย ๆ ได้ผลผลิตดีงาม
Update: 2564/08/09 05:04:41 - Views: 3722
การป้องกันและจัดการโรคผลเน่าในทุเรียน: วิธีการปรับปรุงดูแลและลดความเสี่ยง
Update: 2566/11/11 09:22:37 - Views: 3436
อาการขาดธาตุอาหารในต้นทุเรียน N, P, K, Mg, Zn
Update: 2566/11/04 11:39:40 - Views: 3481
การป้องกันและการจัดการโรคเน่าคอดินในผักกาดขาว
Update: 2566/11/14 09:31:38 - Views: 3435
กำจัดเชื้อรา สาเหตุของโรคเส้นดำ ใน ยางพารา ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
Update: 2566/01/17 13:02:23 - Views: 3464
ยาแก้เพลี้ย ใน ผักกวางตุ้ง ผักกวางตุ้งฮ่องเต้ กวางตุ้งดอกฮ่องกง ยากำจัดหนอน ยาแก้โรคใบไหม้ โรคราต่างๆ และ ปุ๋ย สำหรับ ผัก กวางตุ้ง
Update: 2563/06/25 08:51:38 - Views: 4479
แก้วมังกร เปลือกเน่า ราสนิม โรคเชื้อราในแก้วมังกร กำจัดด้วย ไอเอส
Update: 2562/08/12 20:29:17 - Views: 3543
การรับมือกับโรคราแป้งในต้นพริก: วิธีป้องกันและการจัดการ
Update: 2566/11/22 08:57:52 - Views: 3481
วันนี้อาชีพเลี้ยงหมูได้เปลี่ยนอดีตชาวนาให้สามารถจับเงินปีละล้าน
Update: 2558/07/17 17:07:14 - Views: 3438
โรคเชื้อราในฟักทอง คู่มือป้องกันและกำจัดโรคฟักทอง
Update: 2566/04/30 10:04:18 - Views: 3704
ฮิวมิค แอซิด ฟาร์มิค - เทคโนโลยีที่ยกระดับการเกษตร ปลดปล่อยธาตุอาหารไห้กับพืช ปรับปรุงโครงสร้างดิน ช่วยไห้ดินร่วยซุย ระบายน้ำดี สร้างระบบรากฝอย สำหรับฉีดพ่น ต้นหอม
Update: 2567/02/13 09:52:23 - Views: 3518
โรคราดำ (Black mildew)
Update: 2564/08/12 22:02:41 - Views: 3669
ป้องกันและ กำจัดราสนิม และโรคพืช ในนาข้าว ด้วยสารอินทรีย์ และธาตุอาหารพืช
Update: 2566/01/07 13:06:13 - Views: 3468
โรคไหม้ข้าว (ระยะออกรวง)
Update: 2564/05/03 08:21:45 - Views: 3667
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022