[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - ปุ๋ย
2168 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 216 หน้า, หน้าที่ 217 มี 8 รายการ

ขุมทรัพย์ใหม่ กัญชา-กัญชง ต่อยอดนวัตกรรมสินค้าธุรกิจไทยยุคโควิด
ขุมทรัพย์ใหม่ กัญชา-กัญชง ต่อยอดนวัตกรรมสินค้าธุรกิจไทยยุคโควิด
หลังจากพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 ที่ผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 62 โดยได้เปิดช่องให้กัญชา และพืชกระท่อม นำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และปลดล็อกให้นำส่วนต่างๆ ของกัญชาและกัญชง ยกเว้นช่อดอกและเมล็ดไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้โดยไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 นั้น

ได้สร้างความชุ่มฉ่ำใจให้ธุรกิจหลากหลาย ที่กำลังตระเตรียมนำสารสกัดจากกัญชาและกัญชงไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ คึกคัก ร้อนแรงถึงขนาดที่ว่าบริษัทไหน แบรนด์ใด โดยเฉพาะที่กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ออกข่าวการลงทุนพัฒนาสินค้าเกี่ยวกับกัญชา กัญชง ราคาหุ้นในตลาดฯ ก็จะปรับตัวขึ้นในทันที

ข้อมูลล่าสุดจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุ ขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงแล้ว 31 คำขอ แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 6 คำขอ_ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 4 คำขอ_ เวชภัณฑ์ที่มีสารสกัดเป็นสารออกฤทธิ์ 3 คำขอ_ เครื่องจักรและกรรมวิธีการสกัดจากกัญชา 11 คำขอ_ อุปกรณ์หรือชุดทดสอบสารสกัดจากกัญชา 3 คำขอ_ ผลิตภัณฑ์ปล่อยสารระเหยจากกัญขา 2 คำขอ และผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านที่มีกัญชงเป็นองค์ประกอบ 2 คำขอ โดยล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับจดทะเบียนและออกอนุสิทธิบัตรไปแล้ว 2 คำขอ คือ กระถางผ้าเพาะปลูก และชุดเครื่องจักรสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

อย่างไรก็ตาม นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลายราย เริ่มทยอยยื่นคำขอจดสิทธิบัตรอาหารและเครื่องดื่มต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว แต่กว่าจะผลิตอาหารและเครื่องดื่มออกขายได้จริง ต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ออกระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดปริมาณของสารในกัญชาและกัญชง ที่จะใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม เพราะผู้บริโภคแต่ละคน สามารถรับสารที่ให้ความเมาในกัญชาและกัญชงได้ไม่เท่านั้น บางคนรับได้นิดเดียวก็เมาแล้ว แต่บางคนรับได้มากกว่า อย.จึงต้องกำหนดปริมาณการใช้ให้ชัดเจน

แต่กัญชงน่าจะนำมาทำอาหารและเครื่องดื่มได้ง่ายกว่ากัญชา เพราะมีปริมาณสารที่ให้ความเมาน้อยกว่ากัญชา สำหรับการใช้ใบสด ขณะนี้ เริ่มเห็นร้านอาหาร ร้านเบเกอร์รี่ ร้านขนม นำใบกัญชามาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มบ้างแล้ว คาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะทำให้มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่มีพืช 2 ชนิดนี้เป็นส่วนผสม เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากมูลค่าตลาดรวมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ

ข้อมูลจากบริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (SNP) ผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ระบุ กัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะกัญชง ซึ่งปัจจุบันมีการปลดล็อกเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ครอบครองได้

สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ ให้ข้อมูลว่า กัญชง (Hemp) สามารถนำมาใช้ประโยชนได้ทุกส่วนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมายหลากหลาย เริ่มตั้งแต่อุตสาหกรรมสิ่งทอที่นำเส้นใยมาผลิตเป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และยังสามารถนำไปใช้ใน อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ผลิตเยื่อกระดาษ วัสดุหีบห่อ ไบโอพลาสติก ทำอิฐหรือคอนกรีตสำหรับงานก่อสร้าง ทำส่วนประกอบรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพและความงาม เป็นต้น

นอกจากนั้น น้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) ยังสามารถใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมความงาม บำรุงสุขภาพ เนื่องจากในน้ำมันเมล็ดกัญชง มีโอเมก้า 3_ 6 และ 9 ซึ่งช่วยซ่อมแซมผิวและเสริมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

โอเมก้าในน้ำมันกัญชงยังช่วยลดการอักเสบของผิวได้ ลดการเกิดของสิว ช่วยปรับการสร้างน้ำมันของผิว ช่วยลดร้ิวรอยเหี่ยวย่น ชะลอวัย โดยสามารถนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางกัญชง สบู่น้ำมันเมล็ดกัญชง แชมพูน้ำมันเมล็ดกัญชง โลชั่นบำรุงผิว ลิปบาล์ม เซรั่มลดเลือนริ้วรอย เจลแต้มสิว และครีมรักษาโรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น

นอกจากประโยชนด้านความงามแล้ว น้ำมันจากเมล็ดกัญชง ยังสามารถนำมาปรุงอาหาร และใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดกัญชง มีโอเมก้า - 6 สูงมาก เทียบได้กับ Chia Seed หรือ Flax Seed นอกจากนั้นยังมีโอเมก้า -3_ linoleic acid และ oleic acid รวมไปถึงสารในกลุ่มวิตามินที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามินอีและโอเมก้า รวมไปถึงโปรตีน จึงสามารถนำไปทำเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น คุกกี้ ขนมปัง เบียร์ ไวน์ ซอส น้ำมันพืช ชีส เนย นม ไอศกรีม น้ำมันสลัด เต้าหู้ โปรตีนเกษตร

ส่วนในอุตสาหกรรมการเกษตร สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ขณะที่แกนของต้นกัญชง มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น น้ำ หรือน้ำมัน จึงมีการปลูกต้นกัญชงเพื่อดูดซับกัมมันตภาพรังสีอีกด้วย

กัญชง(Hemp)ต่างจากกัญชา(Marijuana)ตรงที่กัญชงมีสาร CBD (Cannabidiol)สูง แต่มีสารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทหรือสารเสพติด(Tetrahydrocannabinol:THC)น้อยมาก ขณะที่ในช่อดอกกัญชามีค่า THC ประมาณ 1-10% แต่ในกัญชงมีค่า THCประมาณ 0.3%

CBD ไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มี CBD จึงไม่ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มและจิตใจเลื่อนลอย CBD ยังถูกนำมาใช้ในการรักษาโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วย ต่างๆ เช่น ทำให้ผู้ป่วยอยากอาหารมากขึ้น ลดความวิตกกังวล ทำให้หลับได้ดี บรรเทาอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบและระงับอาการคลื่นไส อ้าเจียน โดย CBD นั้น สกัดมาจากต้นกัญชงเพศเมีย

สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ เปิดเผยผลการวิจัยว่า CBD มีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์มากมาย สาร CBD จะมีฤทธิ์ในการต้านและลดอาการปวด ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่ง รวมถึงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จึงสามารถนำไปใช้กับผู้ที่มีอาการเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอน ผู้ที่มีอาการอักเสบในร่างกาย ไมเกรน รวมทั้งผู้มีปัญหาเรื่องผิวหนัง สามารถลดอาการแพ้ ผื่นแดง สะเก็ดเงิน นอกจากนั้นยังช่วยผู้ที่มีอาการลมชัก ผู้ที่ต้องการเลิกเหล้า

เครื่องสำอางแบรนด์ไทย-เทศคึกคัก
ในระดับโลก บิ๊กแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำหลากหลายแบรนด์ ต่างออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชา-กัญชง เร่ิมจากเอสเต ลอเดอร์ (Estee Lauder) ซึ่งเปิดตัวมาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดกัญชง ภายใต้แบรนด์ออริจินส์ (Origins) เมื่อปลายปี 2561 ขณะที่ลอรีอัล (Loreal) วางจำหน่ายโลชั่น ครีมนวดผม ลิปบาล์ม มอยส์เจอไรเซอร์ เช่นเดียวกับคีลส์ (Kiehl’s) วางจำหน่ายน้ำมันบำรุงผิวหน้า ด้วยสรรพคุณลดรอยแดงและรักษาความชุ่มชื้น

ส่วนในประเทศไทย น.ส.นันทวรรณ สุวรรณเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดู เดย์ ดรีม จำกัด(มหาชน)ผู้หรือ DDD ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สเนลไวท์ อุปกรณ์ตกแต่งทรงผมเลอซาช่าและยาสีฟันสปาร์คเคิล เปิดเผยว่า ดูเดย์ดรีมมองการเปิดตัวสินค้าจากน้ำมันเมล็ดกัญชงอย่างเร็วภายในกลางปีนี้ แต่ทั้งหมดทั้งปวง ต้องมีความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะดีที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง จึงจะไม่รีบร้อนหากยังไม่พร้อมเต็มที่ และจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติจากภาครัฐให้ถูกต้องครบถ้วน

โดยเบื้องต้นผลิตภัณฑ์ที่น่าจะเปิดตัวได้เป็นกลุ่มแรก ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะครอบคลุมทั่วร่างกายทั้งผิวหน้า ผิวตัว ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผม ครอบคลุมทุกโปรดักส์ไลน์ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยเชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้อย่างแน่นอน ด้วยสรรพคุณที่หลากหลายของน้ำมันเมล็ดกัญชง ซึ่งช่วยลดการอักเสบได้ดี

ด้านนายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า มีแผนจะพัฒนา 4 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากกัญชง คือ 1. Whitening Gel Cream : ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพื่อความขาวกระจ่างใส 2. Dietary Supplement for Sleep Well Plus Omega : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยในการนอนหลับและคลายเครียด 3. Organic Tea : ผลิตภัณฑ์ชากัญชงช่วยในการผ่อนคลายและลดความเครียดวิตกกังวล 4. Organic Tea Plus Detox ผลิตภัณฑ์ชาชงช่วยดีท็อกของเสียที่ตกค้างในระบบดูดซึมสารอาหาร เตรียมผลักดันออกจำหน่ายสู่ตลาดทั้งใน และ ต่างประเทศ ภายในช่วงครึ่งหลังปี 2564

ขณะที่ นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า กำลังพัฒนาแบรนด์สินค้าใหม่ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยนำกัญชงมาเป็นวัตถุดิบ วางเป้าหมายเปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชงหลากหลายรายการ ที่ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีความโดดเด่นและแตกต่าง ภายในปีนี้

ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งเซกเตอร์ที่มีความเคลื่อนไหวต่อการเปิดเสรีกัญชา-กัญชงอย่างมาก เริ่มจาก นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (TIPCO) เปิดเผยว่า คาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ ที่มีส่วนผสมของกัญชงได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้

ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างรอประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการให้อนุญาตให้นำส่วนผสมของกัญชงมาใส่ในอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นรูปแบบสำเร็จรูปหรือแบบปิดฝาก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนของส่วนผสมในเครื่องดื่ม ที่มีการจำหน่ายหน้าร้านสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากกฏหมายอนุญาตแล้ว ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะประเดิมเปิดสาขาแรก ที่ร้าน Squeeze สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล

บริษัทยังมีแผนดำเนินการธุรกิจกัญชงในส่วนต้นน้ำและกลางน้ำเพิ่มเติมในอนาคต โดยขออนุญาตในการปลูกและสร้างโรงสกัด ซึ่งมีพื้นที่รองรับในการปลูกกัญชงได้ประมาณ 5_000 ไร่ รวมถึงมีแผนที่จะจัดตั้งโรงสกัดเป็นของตนเอง หลังจากปัจจุบันเครื่องสกัดของบริษัทมีกำลังการผลิตเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นปริมาณการใช้ส่วนผสมของกัญชงยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ส่งผลให้บริษัทใช้วิธีการรับซื้อวัตถุดิบจากพันธมิตรมาเป็นส่วนผสมในการไปผลิตผลิตภัณฑ์แทนไปก่อน

ด้านบทวิเคราะห์ของบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ บริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน)หรือ OSP เจ้าตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 มีการศึกษาการใช้กัญชงตั้งแต่ปี 2562 ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มและสินค้าของใช้ส่วนบุคคล โดยมีหลายโครงการและมีความพร้อมในการผลิต แต่ยังรอข้อกฎหมายที่มีความชัดเจน ซึ่งอาจเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

นายชินวิทย์ เลิศบรรณพงษ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE กล่าวยอมรับว่ามีความสนใจเกี่ยวกับการปลดล็อกกัญชง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจในส่วนนี้ ทั้งในเรื่องของการสารสกัดซีบีดี (Cannabidiol :CBD) จากเมล็ดกัญชง_ และส่วนต่างๆ ที่ไม่ใช่ยาเสพติด แต่ต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนของเครื่องดื่มและไม่ใช่เครื่องดื่ม

ส่วนการจะเข้าไปขออนุญาตนั้น บริษัทยังอยู่ในการพิจารณา ทั้งนี้หากบริษัทมีซัพพลายกับผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตแล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีการขอใบอนุญาตอีก หากบริษัทดำเนินการในส่วนนี้สำเร็จ ก็จะเป็นส่วนมาช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทในอนาคต

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เจ้าของตู้เติมเงิน บุญเติม เปิดเผยว่า สนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาให้บริการด้านธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งอาจจะใส่วัตถุดิบดังกล่าวในเครื่องดื่มขายผ่านตู้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถึงการทำธุรกิจปลายน้ำก่อน

การเอาส่วนผสมกัญชงมาใส่ในเครื่องดื่มอัตโนมัติ ในทางปฎิบัติเราทำได้ทันทีอยู่แล้ว แต่เราต้องขอรอดูความชัดเจนของเงื่อนไข อย.ก่อน ซึ่งตอนนี้เรามาโฟกัสในเรื่องการขยายจุดติดตั้ง และขยายตลาดตู้อัตโนมัติก่อน

อาหาร-ซอสปรุงรสกัญชงเกาะขบวน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า  กำลังมองหาโอกาสการร่วมลงทุน ในธุรกิจส่วนประกอบโปรตีนทางเลือก (ingredient alternative protein) และอาหารทางการแพทย์ (Medical food) รวมทั้งศึกษาธุรกิจกัญชง ศึกษาน้ำมันจากกัญชง เมื่อกฎหมายมีความชัดเจน โดยอาจเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทูน่าในน้ำมันกัญชง

สำหรับปีนี้บริษัทวางงบลงทุน 6_000-6_500 ล้านบาท เป็นการลงทุนปกติ และลงทุนธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น โครงการโปรตีนจากพืช 800 ล้านบาท โรงงานอาหารสำเร็จรูป 1_000 ล้านบาท และโครงการห้องเย็น

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ผลิตซอสปรุงรสยี่ห้อ Exotic เปิดเผยว่า ได้ทำการศึกษาตลาดและพัฒนาสูตรนำกัญชงมาผลิตซอสปรุงรส จับกระแสตลาดโลก ปัจจุบันสูตรผสมแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ แต่อยู่ระหว่างรอข้อกฎหมายชัดเจน จึงคาดว่าซอสกัญชงจะเข้ามาผลักดันมาร์จิ้นของบริษัทฯ ให้สูงขึ้นได้ และเป็นโอกาสขยายตลาดไปทั่วโลก

ขณะที่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้จากการออกผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา เพิ่มเข้ามา โดยคาดว่าตั้งแต่เดือน มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป บริษัทจะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวกับกัญชง-กัญชา ประมาณ 8 สินค้า ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ในปีนี้ได้ประมาณ 600-800 ล้านบาท โดยกลุ่มกัญชง-กัญชา เป็นสินค้าใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนงาน ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ จาก 8 SKU ประมาณปีละ 2_000 ล้านบาท  

บริษัทร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำศึกษาและคิดค้นสูตรเพื่อนำกัญชงมาพัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทั้งในส่วนของสกินแคร์_เครื่องดื่ม และอาหารเสริม รวมถึงมีการพูดคุยกับพันธมิตรที่เป็นผู้ปลูกกัญชงเชิงพาณิชย์_โรงสกัด และผู้ผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว บริษัทมีความพร้อมทั้งการผลิตและการจำหน่ายในทันทีหลังจากกระทรวงสาธารณสุขประกาศปลดล็อคกัญชงให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด โดยจะจัดจำหน่ายผ่าน อาร์เอส มอลล์ แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า

ธุรกิจน้ำมัน-น้ำตาล-มือถือยังอดใจไม่ไหว
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทได้เจรจากับพันธมิตรที่ได้ยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว รวมถึงไปถึงขอความร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชงมารองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

โดยคาดว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์จากกัญชงเพื่อจัดจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 2 - 3 ของปีนี้ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกนำไปวางจำหน่ายในร้านค้าในเครือของบริษัท ทั้งร้านค้าปลีก ร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่ม เช่น MAX Mart _ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ เป็นต้น ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด(มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างหารือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อทำธุรกิจกัญชง ซึ่งบริษัทมีที่ดินอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนมาก สามารถใช้ปลูกกัญชงได้ โดยขณะนี้มีการศึกษาตั้งแต่ต้นทางเพาะเมล็ดพันธุ์ ปลูก และสกัดน้ำมันกัญชง แต่กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเท่านั้น

ส่วนบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมทุนกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักจังฟาร์ม ซึ่งเกี่ยวข้องการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและ/หรือกัญชาของรักจังฟาร์ม วังน้ำเขียว ซึ่งรายละเอียดของการร่วมทุน คือทางกลุ่มวิสาหกิจรักจังฟาร์มจะจัดตั้งบริษัท กัญช์ยารักษ์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและ/หรือกัญชา

โรงพยาบาลสบช่องเร่งต่อยอดธุรกิจ
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสนับสนุนการเพาะปลูก วิจัย สกัด และตรวจวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพระดับ Medical Grade สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์และจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษาพืชกัญชงและกัญชาเพิ่มมากขึ้น

โดยพร้อมสนับสนุนด้านการจัดหาเทคโนโลยีในการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่มีมาตรฐานในระดับการแพทย์ เพื่อนำไปสู่การออกใบรับรองมาตรฐานระดับ Medical Grade และการจัดหาเทคโนโลยีด้านการผสมสารสกัดจากพืชกัญชง กัญชา และการพัฒนาเวชภัณฑ์ยาเพื่อใช้ทางการแพทย์ รวมถึงดูแลด้านการตลาด และการจัดจำหน่าย

ขณะที่นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัทโรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการสกัดกัญชง-กัญชา ว่าจะมีส่วนไหนนำมาใช้ได้ หรือมีเหตุผลทางวิชาการ หรืองานวิจัยรองรับหากมีข้อมูลที่ชัดเจน และเชื่อถือได้ โรงพยาบาลก็มีความพร้อมแน่นอน


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
ปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ วางแผนการตลาด ทำผลผลิตออกตลอดทั้งปี ฟันรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
ปลูกฝรั่งกิมจู 30 ไร่ วางแผนการตลาด ทำผลผลิตออกตลอดทั้งปี ฟันรายได้หลายแสนบาทต่อเดือน
ฝรั่ง ผลไม้ยอดนิยมตลอดกาล อาจจะมีช่วงเวลาที่ถูกบ้าง เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ราคาฝรั่งก็เช่นกัน

คุณวราภรณ์ ขุนพิทักษ์ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์เมืองสมุทรสาคร อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ที่ 7 ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หญิงเก่งผู้ยึดมั่นอาชีพเป็นเกษตรกรทำสวนฝรั่งมานานกว่า 20 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทำมามีการสะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนสามารถคาดการณ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ แม้แต่สถานการณ์โควิด-19 ที่ธุรกิจทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยอดขายของเธอคนนี้ได้ คิดหาทางออกได้อย่างทันท่วงที สามารถสร้างรายได้จากการปลูกฝรั่งเดือนละกว่า 300_000 บาท

คุณวราภรณ์ เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ปลูกฝรั่งมานานกว่า 20 ปี ว่า ตนเริ่มต้นปลูกฝรั่งครั้งแรกบนพื้นที่เพียง 1 ไร่ และได้มีการขยายพื้นที่ปลูกมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกฝรั่ง จำนวน 30 ไร่ แบ่งปลูกเป็น 3 แปลง และกำลังที่จะขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอีกเป็นแปลงที่ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น โดยเลือกปลูกฝรั่งกิมจูเป็นหลัก เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ทานง่าย ถูกใจผู้บริโภคทุกระดับ สามารถส่งขายได้ทั้งตลาดโรงงาน ตลาดห้างโมเดิร์นเทรด และตลาดสดในชุมชนทั่วไป ด้วยจุดเด่นของฝรั่งกิมจูที่มีรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ประโยชน์สูง รวมไปถึงผลตอบแทนทางด้านรายได้ เพราะฝรั่งเป็นพืชที่ปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว เพียง 8 เดือน อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนสูง ได้เงินไว และถ้าหากมีการวางแผนการปลูกที่ดีแล้ว เกษตรกรสามารถทำผลผลิตให้ออกได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้ทุกวัน

เทคนิคการปลูก ให้มีผลผลิตออกตลอดทั้งปี
ก่อนที่จะไปถึงเทคนิคขั้นตอนการปลูก คุณวราภรณ์ บอกว่า ต้องอธิบายให้เกษตรกรเข้าใจตรงกันก่อนว่า พืชผักผลไม้ทุกชนิดมีราคาขึ้น-ลง แล้วแต่ช่วงฤดูกาลถือเป็นเรื่องปกติ มีช่วงราคาถูก-แพง ในรอบปี ฝรั่งก็เป็นเช่นเดียวกันกับผลไม้ชนิดอื่นที่พอถึงฤดูกาลที่ผลผลิตออกมามากมายพร้อมกัน ราคาก็จะถูกลงมา ซึ่งจากประสบการณ์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการฝรั่งมานานกว่า 20 ปี สามารถบอกได้เลยว่าช่วงไหนราคาฝรั่งจะถูกหรือแพง คือฝรั่งจะมีราคาถูกให้สังเกตง่ายๆ ก็ช่วงเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม หรือช่วงที่เงาะออก ส่วนช่วงที่ฝรั่งมักมีราคาแพง จะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีผลไม้ชนิดไหนออกสู่ตลาด อย่างช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ในช่วงนี้ผลผลิตจะมีราคาสูงถึง กิโลกรัมละ 30-40 บาท กับอีกช่วงคือเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับหลายเทศกาล ดังนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วตนจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้มีผลผลิตออกมาชนกับสวนอื่น ด้วยการวางแผนก่อนผลิตล่วงหน้าว่า จะให้ผลผลิตเก็บได้ในช่วงไหนก็ให้นับย้อนกลับไป 5 เดือน แล้วโน้มกิ่งให้ฝรั่งแตกยอดใหม่ เพื่อที่จะให้ผลผลิต หรือนับจากการห่อผล 3 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวได้ และฝรั่งจะเก็บผลผลิตได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ก็จะต้องโน้มกิ่งต้นเดือนมีนาคมนั่นเอง

เตรียมแปลงปลูก
เทคนิคการปลูก ฝรั่ง เป็นพืชที่ปลูกซ้ำที่แล้วจะไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นการเตรียมดินปลูกในแต่ละครั้งจำเป็นต้องเตรียมดินใหม่ทั้งหมด จะปลูกซ้ำหน้าดินเดิม หรือปลูกร่องเดิมไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราที่เป็นสาเหตุหลักทำให้ฝรั่งยืนต้นตายได้ ซึ่งข้อดีผู้ที่ปลูกฝรั่งจะรู้ดี เพราะฉะนั้นการเตรียมดินใหม่ที่ถูกต้องจำเป็นต้องมีการไถยกร่องปรับหน้าดิน ตากดินทิ้งไว้ 2-3 เดือน แล้วไถ นำรถตีดินเข้ามาตีหน้าดินอีกรอบเพื่อให้ดินละเอียดขึ้น แล้วเตรียมขุดหลุมปลูกด้วยกิ่งตอน เพื่อลดค่าใช้จ่าย เพราะถ้าปลูกโดยใช้กิ่งชำราคาจะสูงกว่า ที่สวนจะทำกิ่งพันธุ์เอง จึงเลือกใช้กิ่งตอน และประเด็นสำคัญที่สุดคือการปลูกด้วยกิ่งตอนจะช่วยลดปัญหาการเกิดเชื้อราจากแกลบดำได้ เพราะฉะนั้นหากใช้กิ่งตอนปลูกจะไม่ค่อยประสบกับปัญหายืนต้นตาย ที่นับเป็นปัญหาหลักที่เกษตรกรหลายคนถอดใจ

ระยะห่างระหว่างต้น ที่สวนจะใช้วิธีการปลูกแบบยกร่องสวน เนื่องจากเป็นเขตที่ลุ่ม ขนาดร่อง 2 เมตร บนร่องปลูก 2 แถว แบบสลับฟันปลา ระยะปลูก ประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งข้อดีของการปลูกแบบสลับฟันปลา คือ 1. จะได้จำนวนต้นเพิ่มขึ้น 2. หากมีอาการยืนต้นตายในต้นที่มีอายุ 2 ปีไปแล้ว เมื่อตัดต้นทิ้งไปจะทำให้แปลงดูไม่โล่งจนเกินไป

ระบบน้ำ ใช้เรือรดน้ำตามร่องสวน หากปลูกโดยใช้กิ่งตอนช่วงแรกจะรดน้ำทุกวัน หลังจากนั้นเมื่อพ้นเดือนแรกไปแล้ว ให้รดน้ำลงมาเหลือเป็นวันเว้นวัน หากวันไหนฝนตกก็ให้งดน้ำ

ผลผลิตเต็มต้น
ฝรั่งจะเริ่มเก็บได้เมื่ออายุ 8 เดือน หลังปลูก โดยในรอบ 1 ปี จะทำชุดใหญ่ 3 ชุด โดยชุดที่จะมีราคาแพงที่สุด จะเป็นชุดที่เก็บเกี่ยวเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นฝรั่งที่จะต้องโน้มกิ่งในช่วงต้นเดือนมีนาคม การโน้มกิ่งฝรั่งจะทำให้ฝรั่งแตกยอดพร้อมกับออกดอกบนกิ่งที่โน้ม โดยการปักไม้ไผ่รวกให้รอบทรงพุ่ม เลือกกิ่งที่ยาว โน้มลงมาแล้วใช้เชือกยึด ผูกติดกับไม้ไผ่รวก ตัดปลายกิ่งออก แล้วยอดใหม่จะแตกออกมา รอให้เก็บเกี่ยวผลผลิตอีกครั้ง

ปุ๋ย จะดูแลให้ฝรั่งต้นสมบูรณ์ตลอดทั้งปี โดยหลังจากโน้มกิ่งแล้ว จะใส่ปุ๋ย 25-7-7 เพื่อเร่งยอดบำรุงต้น หลังจากนั้น อีก 15 วัน ใส่ 16-16-16 เมื่อผลโตขนาดเท่าผลส้มจะเปลี่ยนมาใส่ปุ๋ยอินทรีย์เคมีอัดเม็ด ที่มีธาตุอาหารแคลเซียม แมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะทำให้ฝรั่งผิวสวย ฝรั่งผิวออกขาว ไม่เขียว และรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู ทางใบพ่นน้ำส้มควันไม้อย่างต่อเนื่องทุก 7-10 วัน เพื่อช่วยในด้านการเจริญเติบโต ความสมบูรณ์ของต้น และยังช่วยกันแมลงอีกด้วย แคลเซียม-โบรอน พ่นประจำไม่ให้ขาด จะช่วยทั้งเรื่องเพิ่มความสมบูรณ์ของดอก เพิ่มการติดผลดก ขั้วเหนียว ผลกรอบ รสชาติหวาน และช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเสริมน้ำตาลทางด่วนเพื่อเพิ่มรสชาติช่วยอีกแรง

ฝรั่ง 30 ไร่ สามารถทำผลผลิตให้ออกขายได้ทุกวัน วันละ 80-100 ลัง น้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ต่อลัง ถือว่าผลผลิตโดยรวมอยู่ในจำนวนที่เยอะ และในผลผลิตจำนวนนี้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งหมด เนื่องด้วยฝรั่งของที่สวนสามารถทำให้รสชาติคงที่สม่ำเสมอเท่ากันตลอดฤดูกาล คือ มีผิวสวย รสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู และที่สำคัญจะคัดแต่ของดีๆ ส่งเท่านั้น ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้รับซื้อ ใช้ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเป็นสำคัญ เนื่องจากที่สวนทำการตลาดเองทั้งหมดโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผลผลิตลูกไหน หรือลังไหนไม่ดีจะไม่ส่งให้ลูกค้าอย่างแน่นอน และอีกเรื่องที่สำคัญ คือความสม่ำเสมอ พยายามทำผลผลิตอย่าให้ขาด เพื่อไม่ให้เสียพ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำไป เพราะถ้าเมื่อใดที่ผลผลิตขาดไปแม้แต่ครั้งเดียว อาจทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อประจำหายไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นการวางแผนการผลิตถือเป็นเรื่องสำคัญมาก และที่สวนวราภรณ์ยึดมั่นสิ่งนี้มาตลอด ทำให้ทุกวันนี้ฝรั่งกิมจูของที่สวนมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยสามารถแบ่งเป็นตลาดหลักได้ ดังนี้

ตลาดโรงงาน จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะ กรอบ แข็ง กดไม่ลง ผิวอมเขียว เพื่อนำไปเข้ากระบวนการตัดแต่งต่อไป
ตลาดห้างแม็คโคร จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะรสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู พร้อมทาน
ตลาดสดทั่วไป จะรับซื้อฝรั่งที่มีลักษณะเหมือนกับตลาดห้าง คือ รสชาติหวาน กรอบ เนื้อฟู พร้อมทาน
ตลาดออนไลน์ เป็นตลาดที่เกิดขึ้นมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดขึ้นมา ทำให้การค้าขายยากขึ้น ตลาดปิด จึงต้องมีการระบายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นไปได้สวย เพราะสามารถทำยอดขายออนไลน์ได้วันละไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม
รายได้ จากพื้นที่ปลูกฝรั่ง จำนวน 30 ไร่ วางแผนตัดฝรั่งขายทุกวันจันทร์-ศุกร์ 1 เดือน ทำรายได้กว่า 300_000 บาท ขายเองทั้งหมด โดยไม่ผ่านพ่อค้าแม่ค้าคนกลาง

ฝรั่งถึงจะล้นตลาด แต่จะล้นแค่ระยะเวลาสั้นๆ คือบางคนเห็นราคาถูก ตัดทิ้งเลยนะ แต่จริงๆ พี่จะบอกว่าพอหมดช่วงล้นปุ๊บ มันจะกลายเป็นช่วงขาดตลาดทันที จากราคา 6 บาท ขึ้นไป 30 บาท เพราะฉะนั้นถ้าเราอดทนรอให้ผ่านพ้นช่วงผลผลิตล้นตลาดไปได้ เราก็กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งก็จะเป็นแบบนี้ทุกปี และอีกเรื่องสำคัญคืออยากเน้นให้สำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกไม่มาก ให้ทำตลาดเอง ปลูกเอง ขายเองตามตลาดนัด ตามหมู่บ้านใกล้เคียง เพราะจากประสบการณ์ที่พี่เคยเจอมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ฝรั่งราคาถูกมาก ทั้งพ่อค้าตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เขาตีให้ราคากิโลกรัม 6 บาท ตอนนั้นพี่มี 30 ไร่ แล้วพี่คิดว่าพี่อยู่ไม่ไหวแน่กับราคา 6 บาท และประกอบกับที่ช่วงนั้นฝรั่งที่สวนกำลังตัดวันละเป็น 100 ลัง พี่ก็ตัดสินใจเลิกส่งพ่อค้าในตลาดใหญ่ไปก่อน แล้วเริ่มต้นโพสต์เฟซบุ๊กขายเอง พยายามเข้าไปโพสต์ขายในหลายๆ กลุ่ม เพื่อให้แม่ค้ามาซื้อ ส่วนที่เหลือพี่ออกไปขายเองตามตลาดนัด เข้าไปขอพื้นที่ขายตามกรม กอง ต่างๆ จากขายให้ตลาดใหญ่กิโลกรัมละ 6 บาท แต่พอมาขายเองขายได้กิโลละ 35 บาท 3 โล 100 บาท พี่ถึงได้อยู่ผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ พี่วราภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
รับจ้างผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ยาฯ อินทรีย์ ชีวภาพ อะมิโนสกัด ไตรโคเดอร์มา บิวเวอร์เรีย เมทาไรเซียม OEM ODM เป็นแบรนด์ของคุณ
FarmKaset.ORG (ฟาร์มเกษตร) รับผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี สารปรับสภาพดิน อะมิโนสกัด ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ ปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยน้ำ ไตรโคเดอร์มา สำหรับกำจัดโรคพืชจากเชื้อรา บิวเวอร์เรีย เมทาไรเซียม สำหรับป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช เชื้อบีที สำหรับกำจัดหนอน ตามความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยโรงงานที่มีศักยะภาพ และมีกำลังการผลิตลำดับต้นๆของประเทศ

บริการแบบ one-stop-services ติดต่อที่เดียว ได้แบรนด์พร้อมขึ้นทะเบียน พร้อมขายได้เลย เลือกได้ไม่ว่าจะเป็นการ..

OEM เป็นแบรนด์สินค้าของคุณ โดยการเลือกสูตรมาตฐานจากโรงงาน หรือแม้กระทั้งเลือกตราสินค้าจากแคทตาล็อคที่โรงงานได้จดทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว หรือจะใช้แบรนด์ของคุณก็ได้เช่นกัน

ODM แบรนด์ของคุณ กำนดสูตรให้โรคงงานผลิต หรือปรับแต่งจากสูตรมาตฐานให้เป็นไปตามต้องการ พร้อมขึ้นทะเบียน จนพร้อมขายได้อย่างถูกต้อง

สนใจติดต่อคุณปริม
โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset
อันตราย!! สารฟอร์มาลิน ในอาหารทะเล
อันตราย!! สารฟอร์มาลิน ในอาหารทะเล
ในปัจจุบันมีการตรวจพบ ฟอร์มาลีน ในอาหารทะเลมากมาย และที่น่ากลัวคือในปัจจุบันก็ยังสุ่มตรวจเจออยู่เรื่อย ๆ ผู้ประกอบการมักใช้สารนี้เพื่อรักษาความสดของอาหารเอาไว้ให้ได้นานยิ่งขึ้น เราในฐานะผู้บริโภคก็ควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้เอาไว้บ้างนะคะ เพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคอาหารทะเลที่มีส่วนผสมของสารฟอร์มาลีนทั้งกับตัวเอง ครอบครัว และคนที่คุณรัก

ฟอร์มาลีน คืออะไร?
ฟอร์มาลีนเป็นสารมีพิษใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ พลาสติก สิ่งทอ และใช้เป็นยาฆ่าเชื้อโรคและเชื้อรา ในปัจจุบันมีการนำมาใช้ในทางที่ผิดเพื่อให้อาหารสดคงความสดอยู่ได้นานไม่เน่าเสียง่าย ส่วนใหญ่จะรู้จักฟอร์มาลินในเชิงการแพทย์ที่เราทราบกันดีว่าเอาไว้ใช้ในการดองศพไม่ให้เน่าเปื่อย ใช้เป็นยาดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคเพราะทำให้โปรตีนแข็งตัว ทางด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอจะใช้เป็นน้ำยาอาบผ้าไม่ให้ย่น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราในการเก็บรักษาธัญพืชหลังการเก็บเกี่ยว และใช้เพื่อป้องกันแมลง แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร

ส่วนประกอบหลักคือ ฟอร์มาลดีไฮด์ 37% ลักษณะเป็นน้ำใส ไม่มีสี กลิ่นฉุน และมีฤทธิ์ระคายเคือง โดยทั่วไปมีไว้เพื่อการฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิ่งของบางอย่างขึ้นรูปและคงรูปอยู่ ใช้ในอุตสาหกรรม ใช้ในการเกษตร ใช้ในทางการแพทย์ ใช้ในเครื่องสำอาง ซึ่งปัจจุบันมีการนำมาใช้ผิดประเภท คือ ใส่ในอาหารโดยเฉพาะพวกอาหารทะเลที่เน่าเสียไว ซึ่งฟอร์มาลีนก่อให้เกิดอันตรายมากมาย

ฟอร์มาลีนเจือปนในอาหารได้อย่างไร
มีรายงานจากประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น และอิตาลี ว่าในผักผลไม้ บางชนิดและเนื้อสัตว์บางประเภทโดยเฉพาะสัตว์ทะเลและเห็ดหอมมีปริมาณของฟอร์มาลดีไฮด์ในธรรมชาติสูง แต่อยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ฟอร์มาลีนที่มีในธรรมชาติหรือที่มาจากปุ๋ยและสารฆ่าแมลงส่วนใหญ่จะมีปริมาณน้อยมาก คือ ไม่เกิน 1 พีพีเอ็ม (ส่วนในล้านส่วน) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ในขณะที่ฟอร์มาลีนที่จงใจฉีดหรือแช่ในผักหรือเนื้อสัตว์นั้น หากใช้ปริมาณมากเกินไปและมีตกค้างย่อมเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคแน่นอน

ปัจจุบัน ประเทศไทย ตรวจพบบ่อยครั้งว่า มีการใช้ฟอร์มาลีนแช่ผักปลา และเนื้อสัตว์บางอย่างก่อนนำมาขายเพื่อให้มีความสดและไม่เน่าเสียเร็ว เพราะด้วยความไม่รู้ถึงอันตรายของสารชนิดนี้นอกจากนี้ยังนำฟอร์มาลีนมาใช้กับผักหลายชนิด แทนการใช้สารฆ่าแมลง โดยเฉพาะผักคะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม ถั่วฝักยาว แตงกวา หน่อไม้ ยอดมะพร้าว และอื่นๆ โดยอ้างว่าใช้ฆ่าแมลงบนผักได้ดีและยังทำให้ผักสดอยู่ได้นานอีกทั้งราคายังถูกกว่าสารฆ่าแมลงชนิดอื่นด้วย นอกจากการปนเปื้อนฟอร์มาลีนจะมาจากการฉีดพ่นผักเพื่อฆ่าแมลงแล้ว บางครั้งฟอร์มาลีนอาจมาจากปุ๋ยก็ได้

ฟอร์มาลีนในอาหารส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย
เมื่อเราทานอาหารที่มีส่วนผสมของฟอร์มาลีนเข้าไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณ ซึ่งจริงๆ แค่เราได้กลิ่นก็จะมีอาการฉุน แสบคอ เกิดอาการผิดปกติต่อระบบทางเดินหายใจได้แล้ว บางคนทานเข้าไปจนเกิดอาเจียน เสียเลือดมากจนถึงขั้นเสียชีวิตก็มี เพราะทางเดินอาหารเกิดการไหม้จากสารฟอร์มาลีนที่มีความเป็นกรด หรือเมื่อได้รับในปริมาณที่เข้มข้นก็จะทำให้เลือดเป็นกรด เกิดภาวะช็อก ความดันตก และตามมาด้วยการเสียชีวิต แต่โดยส่วนใหญ่แล้วหากจะเกิดอาการรุนแรงอย่างที่ว่านี้ได้ มักจะมาจากเหตุจงใจหรือการทำร้ายตัวเองมากกว่า

วิธีสังเกตในการเลือกซื้ออาหารสด หรือตรวจสอบว่ามีสารฟอร์มาลีนหรือไม่
อ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ให้เราดูว่าร้านอาหารนั้นๆ มีกลิ่นฉุนของสารเคมีแปลกๆ หรือเปล่า ตัวอย่างเช่น หากเนื้อกุ้งมีทั้งส่วนที่แข็งสด และมีส่วนที่เปื่อยยุ่ยในตัวเดียวกัน แสดงว่าต้องมีการแช่ฟอร์มาลีนมาอย่างแน่นอนให้หลีกเลี่ยงในการซื้อมาบริโภค เพราะหากเป็นอาหารสดต้องสดเสมอกัน ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเปื่อยหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแข็งสด

ส่วนใหญ่ ฟอร์มาลีน จะนิยมใส่ในอาหารทะเลสดทั่วไป โดยเฉพาะปลาหมึก และแมงกะพรุน รวมถึงอาหารทะเลประเภทอื่น ๆ เช่น ปลาหมึกกรอบ สไบนาง และเล็บมือนาง เป็นต้น เพราะอาหารเหล่านี้มีการเน่าเสียง่าย ผักก็มีอยู่บ้างแต่นานๆ เราจะเจอสักทีหนึ่ง และอีกวิธีคือใช้ชุดตรวจสารฟอร์มาลีนในอาหาร เมื่อทำครบตามขั้นตอนผลที่ได้ คือ น้ำจะมีสีชมพูแดง แสดงว่าอาหารนั้นมีสารฟอร์มาลีน ก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงอาหารสดที่มีสารอันตรายเหล่านีได้อีกทางหนึ่ง เพราะฉะนั้น SGE ขอแนะนำให้ทุกคนตรวจดูก่อนซื้ออาหารทะเลทุกครั้งนะคะ

ฟอร์มาลีน มีประโยชน์อะไรบ้าง
จากการศึกษาข้อมูลเพจมหาลัยมหิดลคณะแพทยศาสตร์ได้ให้ข้อมูลว่า สาร ฟอร์มาลีน จะมีประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมและทางการแพทย์เท่านั้น ห้ามนำมาใส่อาหารเพื่อรักษาสภาพอาหาร ฟอร์มาลีนในทางการแพทย์นั้นใช้ในการดองศพไม่ให้เน่าเปื่อย ใช้เป็นยาดับกลิ่นฆ่าเชื้อโรคเพราะทำให้โปรตีนแข็งตัว ทางด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอจะใช้เป็นน้ำยาอาบผ้าไม่ให้ย่น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราในการเก็บรักษาธัญพืชหลังการ เก็บเกี่ยว และใช้เพื่อป้องกันแมลง แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร ฟอร์มาลดีไฮด์เป็นสารในกลุ่มอัลดีไฮด์โดยปกติอยู่ในรูปก๊าซเนื่องจากเป็นสารรีดิวซ์ที่รุนแรงจึงเตรียมให้อยู่ในรูป ของสารละลายฟอร์มาลีน ปัจจุบันมีการนำสารนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งด้านการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม ด้าน ความงาม ด้านการเกษตร และด้านอื่น ๆ ทำให้มีการเจือปนอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา

บทลงโทษสำหรับผู้ประกอบการที่ใช้สารฟอร์มาลีนในอาหาร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขขอแจ้งว่า ฟอร์มาลีนสามารถเกิดในสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติอยู่แล้วในปริมาณหนึ่ง ซึ่งเทคนิคการตรวจวิเคราะห์ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุความแตกต่างระหว่างฟอร์มาลินที่เกิดตามธรรมชาติ และที่ตั้งใจเติมลงไปในอาหารเพื่อหวังผลในด้านการเก็บรักษาได้ ดังนั้นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 151 (พ.ศ.2536) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 กำหนดให้สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์หรือฟอร์มาลิน เป็นวัตถุห้ามใช้ในอาหาร ผู้ใช้สารนี้กับอาหาร หรือทำให้อาหารนั้นเกิดพิษภัยต่อผู้บริโภค จัดเป็นการผลิต จำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ และถ้าตรวจพบการกระทำดังกล่าว จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20_000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเห็นได้ว่าการใช้สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์หรือฟอร์มาลินในอาหารไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ยังมีโทษตามกฎหมายด้วย

เป็นอย่างไรบ้างคะ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐฯ อาจจะยังครอบคลุมได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นโอกาสที่เราจะได้รับสารพิษในอาหารทะเลก็คงยังดำเนินต่อไป เพราะฉะนั้นการรู้จักระมัดระวังเลือกบริโภค เลือกซื้อเพื่อสุขภาพของตนเองในระยะยาวกันนะคะ


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
การทำธุรกิจขายปุ๋ย จะขายปุ๋ยได้ต้องทำอะไรบ้าง กฏการขายปุ๋ย
การทำธุรกิจขายปุ๋ย จะขายปุ๋ยได้ต้องทำอะไรบ้าง กฏการขายปุ๋ย
อยากจะเปิดร้านขายปุ๋ย ยาและเมล็ดพันธ์ ผู้ประกอบการร้านค้าทุกราย ต้องมีใบอนุญาตของกรมวิชาการเกษตรในการขายสารเคมี ปุ๋ยเคมี และพันธุ์พืช จะต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้มีบทความการดำเนินการสำหรับธุรกิจขายปุ๋ยมาฝากค่ะ

การเปิดร้านขายปุ๋ย ยา และเมล็ดพันธุ์พืช ต้องดำเนินการดังนี้
1. ไปจดทะเบียนการค้าร้านค้าของคุณที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ
2. นำสำเนาหลักฐานการจดทะเบียนร้านค้าที่ต้องการจำหน่ายปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์พืช พร้อมด้วยสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านที่เป็นร้านค้าของคุณไปที่หน่วยงานของกรมวิชาการเกษตร ที่ดูแลพื้นที่ของคุณเพื่อขอใบอนุญาต
3. การจำหน่ายปุ๋ย สามารถดำเนินการอนุญาติได้เลย โดยเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท
4. การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืช สามารถดำเนินการได้เลย โดยเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท
5. การจำหน่ายยาป้องกันกำจัดศัตรูพืชผู้ขาย ต้องได้รับการอบรมจากกรมวิชาการเกษตรและเมื่อผ่านการอบรมแล้วจึงจะนำใบ ประกาศนียบัตรมาขอใบอนุญาตขายวัตถุอันตรายทางการเกษตร โดยเสียค่าธรรมเนียม 500 บาท
6. อายุใบอนุญาตมีเวลา 1 ปี ถ้าจะขายต่อต้องมาต่อใบอนุญาตตามกำหนด
สอบถามเพิ่มดเติมได้ที่กรมวิชาการเกษตร โทร 02 5795016 - 7 และที่ 02 9406670

จะเห็นได้ว่า ธุรกิจการเกษตร ซึ่งเป็นธุรกิจที่อยุ่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ภาครัฐ จึงส่งเสริม ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร เพราะเป็นสินค้าที่ ส่งออกสำคัญของประเทศ และ สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก รัฐบาล จึงได้จัดตั้ง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) SMEs เพื่อให้บริการและประโยชน์ต่าง ๆ สำหรับธุรกิจขนาดย่อม ทางบริษัท เอ็ม.ดี ซอฟต์ มีบริการติดตั้งระบบ OpenERP_ บริการพัฒนา Module OpenERP รวมไปถึงการจัดอบรมการใช้งาน Odoo9 เบื้องต้น สำหรับการนำไปใช้งาน ERP ในองค์กร ท่านสามารถที่จะลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมอบรมได้ที่ ลงทะเบียนอบรม Odoo9 ค่ะ หากสนใจสามารถที่จะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการได้ที่ สอบถามข้อมูลบริการ ได้ค่ะ


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
เลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ ต้นทุนต่ำ ทำกำไรตัวละ 3 บาทต่อวัน
เลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ ต้นทุนต่ำ ทำกำไรตัวละ 3 บาทต่อวัน
ไข่ไก่ ถือเป็นสินค้าเกษตรที่มีความต้องการสูง แต่ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ในแต่ละวันที่ป้อนเข้าสู่ตลาดก็สูงเช่นกัน เมื่อเทียบกับอัตราการบริโภคเฉลี่ยของคนไทยที่น้อยกว่าปริมาณผลผลิตต่อวัน เรียกว่าโอเวอร์ซัพพลาย เพราะฉะนั้นเมื่ออุปสงค์-อุปทานไม่สมดุลกันเช่นนี้ จึงเป็นที่มาของปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ ส่งผลให้เกษตรกรต้องแบกรับภาวะขาดทุนอยู่บ่อยครั้ง เป็นสาเหตุทำให้เกษตรกรหลายรายปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยง จากเคยเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดหรือเลี้ยงในกรงตับ เปลี่ยนมาเลี้ยงในระบบเปิดแทน เน้นปล่อยให้หาอาหารกินเองตามธรรมชาติ หรือบางฟาร์มที่พัฒนาไปกว่านั้นคือการเลี้ยงแบบระบบอินทรีย์ เพื่อลดคู่แข่งทางการตลาด เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรักสุขภาพ แถมยังขายไข่ได้ราคาสูงกว่าไข่ที่เลี้ยงในระบบปิดทั่วไปอีกด้วย

คุณศุภกร ชินบุตร หรือ พี่จี๊ป เจ้าของบ้านสวนสานสุข-ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ฮาร์เวสท์ไลฟ์
คุณศุภกร ชินบุตร หรือ พี่จี๊ป เจ้าของบ้านสวนสานสุข-ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ฮาร์เวสท์ไลฟ์ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 126/10 หมู่ที่ 5 ตำบลอ่างหิน อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี อดีตพนักงานประจำของฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผันตัวทำเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ สร้างระบบหมุนเวียนภายในสวน ลดต้นทุน สร้างรายได้เข้ากระเป๋าทุกวัน

พี่จี๊ป เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ให้ฟังว่า ก่อนที่จะลาออกจากงานประจำตนเองได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะทำเกษตรอินทรีย์ แต่ยังไม่เจาะจงว่าจะต้องเลี้ยงไก่ เน้นพุ่งเป้าไปที่การปลูกพืชผสมผสาน ได้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ก็ต้องประสบกับที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะแล้งจัด ไม่มีน้ำสำหรับการเพาะปลูก ซึ่งในตอนนั้นที่สวนได้เลี้ยงไก่ไข่ไว้ ประมาณ 20 ตัว ไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือน แต่บริโภคเองยังไงก็บริโภคไม่หมด พี่ที่ทำเกษตรอินทรีย์ด้วยกันจึงแนะนำให้นำเอาไข่ไก่ส่วนที่เหลือไปขาย แล้วได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาวิธีการเลี้ยงไก่เพิ่มเติม และเริ่มเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์เป็นอาชีพสร้างรายได้หลักได้เป็นระยะเวลากว่า 6 ปี

สีของเปลือกไข่เป็นสีน้ำตาล เป็นที่ต้องการของตลาด
เจ้าของบอกว่า ปัจจุบันที่ฟาร์มของตนเองเน้นเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์เป็นอาชีพหลักสร้างรายได้ ส่วนการปลูกพืชผสมผสานถือเป็นการสร้างรายได้เสริมเป็นรายปี โดยตอนนี้ที่ฟาร์มเลี้ยงไก่อยู่ประมาณ 900 ตัว จากจุดเริ่มต้นมาจาก 20 ตัว ค่อยๆ ศึกษาทุกเรื่องที่เกี่ยวกับไก่ ทั้งในเรื่องของโรค และการจัดการต่างๆ แล้วจึงค่อยเพิ่มจำนวนการเลี้ยงขึ้น จาก 20 ตัว เพิ่มเป็น 50 ตัว 100 ตัว 400 ตัว จนปัจจุบันเลี้ยงอยู่ 900 ตัว

เลือกเลี้ยงไก่ไข่ สายพันธุ์ไฮบริด มีจุดเด่นคือ ให้ไข่ดก ฟองใหญ่ สีของเปลือกไข่เป็นสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีของไข่ไก่ที่ตลาดต้องการ ตอบโจทย์กับตลาดในเมืองไทย

แม่ไก่แข็งแรง สมบูรณ์ ทุกตัว

ได้เวลากินอาหาร
ซึ่งการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เนื่องจากว่าไก่สายพันธุ์นี้ถูกออกแบบมาให้เลี้ยงในระบบโรงเรือนปิดหรือเลี้ยงในกรงตับ แต่พอนำมาเลี้ยงในระบบโรงเรือนเปิด เน้นเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติเป็นหลัก จำเป็นต้องใช้การดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ มีการแบ่งพื้นที่เลี้ยงในสัดส่วนที่เหมาะสม และได้มาตรฐานสำหรับการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ ในพื้นที่ 1 ไร่ เลี้ยงไก่ได้ประมาณ 400 ตัว ประกอบกับในพื้นที่มีการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้นอื่นๆ ไว้เพื่อให้ร่มเงากับไก่ และเจ้าของสวนสามารถเก็บผลผลิตจากไม้ผล ไปขายในการสร้างรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง

วิธีการเลี้ยง

ปล่อยให้คุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเองตามธรรมชาติ

ถึงเวลาให้อาหารเสริมวิตามินจากธรรมชาติ ทำให้ได้ไข่ไก่ที่มีคุณภาพดี ไม่มีกลิ่นคาว
ที่ฟาร์มเริ่มเลี้ยงไก่ไข่จากลูกเจี๊ยบ ไม่ขังกรง มีพื้นที่ปล่อยให้ไก่สามารถแสดงพฤติกรรมทางธรรมชาติได้ คือการคุ้ยเขี่ยหาอาหารเองตามธรรมชาติ และอาหารที่ใช้เลี้ยงมีแหล่งที่มาเป็นอินทรีย์ทั้งหมด ปราศจากยาปฏิชีวนะ ไม่มีการใช้สารเคมีหรือฮอร์โมนเร่ง แต่จะใช้วิธีให้ผลไม้สุกหรือสมุนไพรตามธรรมชาติเป็นยาแทน ทำให้ได้ไข่ไก่ที่มีคุณภาพดี ไม่มีกลิ่นคาว
ต้องมีโรงเรือนไว้สำหรับให้แม่ไก่หลบแดด หลบฝน ส่วนพื้นที่ปล่อยเป็นพื้นที่ไว้สำหรับให้ไก่ได้ออกกำลังกาย ได้คุ้ยเขี่ยหาอาหาร ได้นอนคลุกฝุ่น จะทำให้ไก่มีสุขภาพที่ดี และหมั่นสังเกตพฤติกรรมของไก่เป็นประจำ

การเอาใจใส่ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด จะเป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้ำล้วนแล้วต้องการการเอาใจใส่เหมือนกันเพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคการเกษตรแตกต่างจากภาคอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งคือ ภาคอุตสาหกรรมเมื่อเราใส่อินพุตไปเท่าไหร่ เอาต์พุตจะได้ออกมาเท่ากับที่เราคำนวณไว้ แต่ภาคเกษตรกรรมบางทีเราใส่อินพุตเข้าไป แต่เอาต์พุตที่ได้อาจจะติดลบ หรืออาจจะบวกมากกว่าปกติ มันขึ้นอยู่กับทั้งปัจจัยสภาพแวดล้อม กับการดูแลเอาใจใส่ เพราะว่าสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิต พอเราไม่เอาใจใส่บางทีเขาก็มีการเจ็บป่วย มีการล้มตาย หรือบางทีทำให้ทั้งฟาร์มเกิดโรคระบาด มันก็ส่งผลเสียในระยะยาว หรือส่งผลเสียทั้งระบบได้ เพราะฉะนั้นเรื่องการเอาใส่ใจ หรือการสังเกตพฤติกรรมของเขาเป็นเรื่องสำคัญ

อาหาร ให้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หลังจากให้อาหารเช้าเสร็จจะมีการล้างทำความสะอาดถังให้น้ำ และเปลี่ยนน้ำให้ไก่ รวมถึงคอยสังเกตสภาพอากาศในแต่ละวัน หากวันไหนอากาศร้อนจะเปิดสปริงเกลอร์รดน้ำบนหลังคาเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ หรือช่วงไหนอากาศเย็นจะมีการเปิดไฟในโรงเรือน เพื่อเพิ่มความอบอุ่น หากเป็นช่วงที่ไก่อยู่ในช่วงออกไข่ ที่ฟาร์มจะเริ่มเก็บไข่ตั้งแต่ในช่วงสายถึงเที่ยง เพราะจะเป็นช่วงที่ไข่ออกเยอะ หลังจากเก็บไข่เสร็จจะนำมาเช็ดทำความสะอาด คัดไซซ์ และเตรียมส่งให้ลูกค้า

สูตรอาหารลดต้นทุน ไก่แข็งแรง เน้นใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นหลัก ประกอบไปด้วย 1. ปลายข้าวหรือเปลือกข้าว 50 เปอร์เซ็นต์ 2. เปลือกหอยป่น 5 เปอร์เซ็นต์ 3. ปลาป่น 5 เปอร์เซ็นต์ 4. รำข้าว 10 เปอร์เซ็นต์ 5. สมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด ขมิ้นชัน สับผสมรวมกัน ประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ร่วมกับการให้ผลไม้สุกและหญ้าสดลงไปด้วย

แม่ไก่แข็งแรง สมบูรณ์ ทุกตัว
ระยะเวลาในการเลี้ยง ประมาณ 5-6 เดือน หรือประมาณ 20 สัปดาห์ เริ่มเก็บไข่ได้ในปริมาณเฉลี่ย 60-70 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 500 ฟองต่อวัน หากเทียบกับปริมาณผลผลิตของไก่ที่เลี้ยงเชิงอุตสาหกรรม จำนวนของที่ฟาร์มจะเก็บได้น้อยกว่า เนื่องจากการเลี้ยงในอุตสาหกรรมจะมีการเลี้ยงแบบขังกรง และมีการให้อาหารเสริมเพื่อเร่งให้ไข่ดก มีข้อเสียคือไข่จะมีอายุประมาณ 1-1 ปีครึ่ง เมื่อเทียบกับไก่ที่เลี้ยงแบบอินทรีย์จะให้ไข่ได้นานถึง 2 ปี ถึงครบกำหนดปลดระวาง

ระบบจัดการ Zero Waste ที่ฟาร์มจะมีจุดเด่นในเรื่องการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนภายในสวน หรือ Zero Waste ทำให้ในแต่ละวันแทบจะไม่มีขยะหรือของเสียออกจากฟาร์มเลย ด้วยวิธีการนำของเสียจากการผลิตสิ่งหนึ่ง ไปเป็นปัจจัยการผลิตอีกสิ่งหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ที่ฟาร์มจะมีการทำนาปลูกข้าวไว้กิน และใช้เป็นวัตถุดิบในการเลี้ยงไก่ จำนวน 7 ไร่ ที่มีกระบวนการหลังจากการทำนาเสร็จ จะมีฟางข้าวและแกลบที่เป็นเปลือกข้าวเหลือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้เลี้ยงไก่ได้ทั้งหมด คือนำปลายข้าวหรือรำข้าวมาเป็นอาหารให้ไก่ ส่วนฟางข้าวนำมาเป็นวัสดุรองพื้นหรือทำรังไว้ให้สำหรับแม่ไก่ฟักไข่ได้ทั้งหมด

และส่วนของเสียจากไก่คือมูลไก่ที่ถ่ายผสมออกมากับแกลบ ก็จะนำกลับไปใช้เป็นปุ๋ยในนาข้าว และตอซังจะใช้วิธีการหมักกับมูลไก่แล้วไถกลบ จะไม่มีการเผาเกิดขึ้น และไม่มีการสร้างมลพิษทางอากาศ

ข้อดีที่เห็นได้ชัด คือ

ช่วยลดต้นทุนได้อย่างแน่นอนเพราะว่าปัจจัยการผลิตต่างๆ ที่ต้องซื้อ เช่น ปุ๋ย หรืออาหารสัตว์ นับเป็นต้นทุนทั้งหมด แต่ถ้ามีการจัดสรรพื้นที่ให้พอเหมาะทั้ง 2 ทาง ทั้งการปศุสัตว์และการปลูกพืช แล้วทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในฟาร์มเราแทบจะไม่ต้องซื้อปัจจัยการผลิตจากภายนอกเลย ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไก่มีค่อนข้างน้อยมากๆ
ทำให้เรารู้ถึงแหล่งที่มาของปัจจัยการผลิต ว่าปัจจัยการผลิตจากฟาร์มไม่ปนเปื้อนสารเคมีหรือไม่ปนเปื้อนสารตกค้างใดๆ ปลอดภัยทั้งกับผู้บริโภค 100 เปอร์เซ็นต์
ต้นทุนการดูแล เฉลี่ยประมาณ 1_800 บาทต่อวัน ราคาขายของไข่อินทรีย์ของที่ฟาร์มจะขายได้ราคาเฉลี่ยฟองละประมาณ 6 บาท ได้ราคาสูงกว่าไข่ที่เลี้ยงในระบบฟาร์มปิด คิดเป็นรายได้ต่อวันประมาณ 3_000 บาท หักต้นทุนออกประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ ตกค่าดูแลตัวละ 3-3.50 บาท ที่เหลือคือกำไร

ความแตกต่างระหว่างไข่อินทรีย์กับไข่ที่เลี้ยงระบบปิด

สีของไข่แดงจะแตกต่างจากไข่ทั่วไปตามท้องตลาด เพราะอาหารที่ใช้เลี้ยงเป็นอาหารจากธรรมชาติ ไม่มีสารเร่งสีไข่แดง จึงทำให้สีของไข่แดงจะออกเหลืองถึงเหลืองส้ม จะไม่ถึงกับส้มแดง
สีของเปลือกมีสีหลากหลาย มีทั้งสีเข้มและสีอ่อนผสมกัน มีผลมาจากการเลี้ยงแบบปล่อย ไก่แต่ละตัวคุ้ยอาหารตามธรรมชาติได้มากน้อยต่างกัน ส่งผลทำให้สีของเปลือกไข่เปลี่ยนไปตามแต่ละวัน ซึ่งข้อนี้จะต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าให้เข้าใจด้วย

ไข่ 500 ฟอง ขายหมดทุกวัน
เน้นส่งโรงแรม ร้านอาหาร

พี่จี๊ป อธิบายให้ฟังว่า สำหรับการหาตลาดไม่เฉพาะแค่ไข่ไก่อินทรีย์เท่านั้น แต่รวมไปถึงในส่วนของสินค้าเกษตรอินทรีย์หรือสินค้าเกษตรทางเลือกชนิดอื่นๆ จำเป็นต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายลูกค้าให้ตรงกลุ่ม แล้วค่อยเจาะไปกลุ่มเป้าหมายนั้น โดยตลาดหลักของที่ฟาร์มตอนนี้เน้นส่งสินค้าให้กับโรงแรมและร้านอาหารเป็นหลัก รวมถึงการมีหน้าร้านขายประจำอยู่ที่ตลาดสุขใจสวนสามพราน ขายทุกวันเสาร์-อาทิตย์

ถ้าหากท่านใดสนใจการเลี้ยงไก่ไข่ถือเป็นอาชีพที่น่าสนใจ อย่างผมไม่ได้เลี้ยงแค่ไก่อย่างเดียว แต่ยังมีการปลูกพืชในรูปแบบของเกษตรทางเลือกทุกด้าน ไม่ว่าจะปลูกผักอินทรีย์ ผลไม้อินทรีย์ หรือการแปรรูปจากผลไม้หรือผักอินทรีย์ เพราะผมมองว่าในอนาคตคนจะสนใจในสินค้าทางเลือกมากขึ้น ในเรื่องของเทรนด์รักสุขภาพ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นในการทำเกษตรที่เป็นทางเลือกพวกนี้ มันตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชนในเรื่องของสังคมด้วย เพราะคนสมัยใหม่ไม่ได้มองแค่ตัวสินค้าอย่างเดียว แต่เขามองลึกเข้าไปถึงว่าสินค้าตัวนี้ช่วยอะไรอย่างอื่นเพิ่มได้อีกไหม นอกจากแค่ซื้อกิน แต่สามารถช่วยพัฒนาชุมชน ช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อมด้วยไหม พี่จี๊ป กล่าวทิ้งท้าย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
อะโวคาโด รากเน่า แห้ง ผลเล็กลง กำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
อะโวคาโด รากเน่า แห้ง ผลเล็กลง กำจัดโรคเชื้อราในอะโวคาโด ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรครากเน่า
เป็นโรคที่สำคัญที่สุดของอะโวคาโด้ โดยเฉพาะช่วงอายุประมาณ 10 ปีที่อะโวคาโด้กำลังให้ผลผลิตอย่างเต็มที่ โรคนี้เกิดจากเชื้อราในดิน ถ้าการระบายน้ำในดินไม่ดี หรือเกิดน้ำท่วมขัง เชื้อโรคนี้ก็จะเริ่มระบาด หรือถ้ารากมีบาดแผลเชื้อโรคนี้ก็จะเข้าทำลายทางบาดแผล อาการที่สังเกตได้ คือ ใบจะเล็กลง เหี่ยว และร่วง_ กิ่งแห้งจากยอดมาหาราก_ ต้นมีสีดำ เน่า แห้ง และ ผล จะมีขนาดเล็กลง

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้าhttp://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
มะพร้าว ยอดแห้ง ใบไหม้ ใบเหลือง กำจัดโรคเชื้อราในมะพร้าว ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
มะพร้าว ยอดแห้ง ใบไหม้ ใบเหลือง กำจัดโรคเชื้อราในมะพร้าว ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคยอดเน่า(Heart leaf rot) เกิดจากเชื้อรา pythium sp. และมักเกิดกับมะพร้าว พันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น พันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเตี๊ย โรคนี้มักพบในระยะต้นกล้า ในสภาพที่มีฝนตกชุก และอากาสมีความชื้นสูง

โรคใบจุด (Helminthossporium leaf rot) เกิดจาเชื้อราHeiminthosporium sp. ทำความเสียหายให้แก่มะพร้าวในระยะต้นกล้ามากและคุกคามอย่างรวดเร็ว

โรคผลร่วง(Immature nut full) เกิดเชื้อรา Phytopthora palmivora และมะพร้าวจะล่วงก่อนกำหนด อายุของมะพร้าวที่ล่วงตั้งแต่ 3 ถึง 9 เดือน อายุของผลที่ล่วงมากคือ 8 เดือนผลมะพร้าวที่เก็บเกี่ยวได้อายุ 12 เดือนดังนั้นผลมะพร้าวที่ร่วง จึงอ่อนกว่าที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เป็นมากกับมะพร้าวพันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเตี๊ย

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย การควบคุมประจุไฟฟ้า สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
บีทรูท ต้นเน่า ใบไหม้ กำจัดโรคเชื้อราในบีทรูท ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
บีทรูท ต้นเน่า ใบไหม้ กำจัดโรคเชื้อราในบีทรูท ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK สวน ปุ๋ย ศัตรูพืช
ไอเอส และ FK-T สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

โรคทั่วไปที่มักพบเมื่อปลูกบีทรูทคือ cercosporosis มันเป็นโรคจากเชื้อราซึ่งมักพบในเมล็ดหรือถูกส่งโดยสปอร์จากพืชที่ติดเชื้อไปยังพืชที่มีสุขภาพดี เมื่อสัมผัสกับต้นกล้าเชื้อราจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและติดใบ เมื่อเชื้อโรคเข้ามาจุดสีเทาเล็ก ๆ จะปรากฏบนใบของพุ่มไม้ เมื่อเวลาผ่านไปจุดทั้งหมดบนใบจะลดลงเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ ต้นกล้าที่ติดเชื้ออ่อนแอลงและการเจริญเติบโตของรากบกพร่อง

ไอเอส เป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติทั้งหมด โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอันทันสมัย 'การควบคุมประจุไฟฟ้า' สามารถฉีดพ่นได้ก่อนการเก็บเกี่ยว โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม ไอเอส และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
พืชเศรษฐกิจ ทานตะวัน ที่มากกว่าความสวยงาม !!
พืชเศรษฐกิจ ทานตะวัน ที่มากกว่าความสวยงาม !!
จากสภาพความเสื่อมโทรมและการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ที่ได้สร้างความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพด ทั้งด้านราคา ปริมาณ และคุณภาพที่ลดลงเกือบทุกๆ ปี ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่หันมาปลูกพืชเสริมอย่างทานตะวันหลังเก็บเกี่ยวพืชหลัก จนทานตะวันกลายเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดลพบุรีและพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี

นอกจากทานตะวันจะสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรแล้ว ความสวยงามของทุ่งดอกทานตะวันที่ชูช่อบานสะพรั่งสู้กับพระอาทิตย์ในหลายๆ พื้นที่ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดลพบุรีจนทุกวันนี้

ทุ่งดอกทานตะวัน จังหวัดลพบุรี เป็นแห่งแรกที่ได้รับการโปรโมตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งมีแหล่งปลูกจะกระจายอยู่ทั่วไปในเขตอำเภอเมือง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล ในทุกปีดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก

ทานตะวันเป็นพืชทนแล้งที่เกษตรกรนิยมปลูกหลังจากข้าวโพด เมล็ดทานตะวันจะมีสารอาหารที่มีคุณค่า นิยมใช้สกัดทำน้ำมันปรุงอาหารหรืออบแห้ง เพื่อรับประทานหรือใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง และนอกจากนี้ ยังสามารถนำมาเลี้ยงผึ้งและเก็บเอาน้ำหวานจากรังผึ้งที่สร้างจากเกสรดอกทานตะวันเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง

ต้นทานตะวันเริ่มออกดอก
คุณดาหวัน ห้องกระจก อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 9 ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่ปลูกทานตะวันเสริมจากพืชหลัก ในทุกปีช่วงเดือนเมษายน ถึงสิงหาคม หลังจากปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คุณดาหวันจะปรับพื้นที่และเตรียมดินเพื่อปลูกพืชรุ่นที่สองอย่างทานตะวันบนพื้นที่ 280 ไร่

การมองหาพืชรุ่นที่สองมาปลูกต่อจากพืชหลักในช่วงนั้นหาได้ยาก เพราะด้วยข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมและสภาพพื้นที่ แหล่งน้ำ อีกทั้งกำลังแรงงานที่ใช้ในการดูแลก็มีน้อย ทำให้พืชที่จะนำมาปลูกได้ในตอนนั้นต้องเป็นพืชที่ไม่ต้องดูแลมาก

คุณดาหวัน เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นเกษตรกรยึดอาชีพเกษตรกรรมมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ พืชที่ปลูกคือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พอหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดแล้วก็ไม่ได้ปลูกพืชอะไรต่อ ทำให้พื้นที่ก็ว่างเปล่าอยู่หลายเดือนกว่าฤดูกาลปลูกข้าวโพดจะมาถึง ทำให้ต้องหาพืชรุ่นสองมาปลูกต่อจากข้าวโพด

ครั้นจะปลูกอ้อยกับมันก็ไม่มีความรู้ในการดูแล มีเพียงแต่ทานตะวันที่เห็นเพื่อนเกษตรกรด้วยกันนำเข้ามาปลูกในพื้นที่และได้เข้ามาแนะนำให้ปลูกในทุกๆ ปีของเดือนตุลาคมหลังจากที่เก็บเกี่ยวข้าวโพดแล้ว

เริ่มรายแรก ปลูกเป็นเครือข่าย

หลังจากที่ได้รับคำแนะนำและเรียนรู้การปลูกและการดูแลทานตะวันจากเพื่อนแล้ว หลังเก็บเกี่ยวข้าวโพดเสร็จคุณดาหวันก็ตัดสินใจนำทานตะวันมาปลูกในพื้นที่เป็นรายแรกๆ ของชุมชน หลังจากที่ได้เห็นและเรียนรู้จากการได้เห็นและสัมผัสมา

การเตรียมพื้นที่ปลูก อันดับแรกเราจะใช้รถไถผาล 2 ไถก่อนครั้งแรก พอไถเสร็จเรียบร้อยก็จะหว่านเมล็ดพันธุ์ และสำหรับการหว่านเมล็ดพันธุ์นั้นเราจะต้องหว่านเผื่อไว้เพื่อป้องกันเมล็ดพันธุ์ไปตกติดอยู่ในลำต้นข้าวโพดที่ไถไปกับดิน ซึ่งจะทำให้เมล็ดไม่สามารถงอกได้ ทำให้เราต้องหว่านเผื่อไว้ ซึ่งวิธีนี้เราจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์ในการหว่านโดยประมาณ 1.3-1.5 กิโลกรัม ต่อไร่

แต่ถ้าหากมีเวลาในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูก จะใช้วิธีการหยอดลงหลุมโดยวิธีนี้จะต้องเตรียมพื้นที่ปลูกให้เป็นแถวก่อน หลังจากนั้น ก็จะใช้รถไถเล็กหยอดเมล็ดพันธุ์ลงไป 1-2 เมล็ด ต่อหลุม ซึ่งการปลูกวิธีนี้จะทำให้ต้นทานตะวันขึ้นตรงกันเป็นแถว ดูเรียบร้อย และที่สำคัญวิธีการหยอดลงหลุมจะใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 8 ขีด ต่อไร่ ซึ่งน้อยกว่าการหว่าน

พันธุ์ทานตะวันที่ปลูกเป็นพันธุ์อาร์ตูเอล เป็นพันธุ์ที่มีน้ำหนักดี แต่ให้น้ำมันน้อย แต่ที่ผ่านมาจะปลูกพันธุ์จัมโบ้ ซึ่งจะให้ปริมาณน้ำมันเยอะกว่าสายพันธุ์อื่นที่ปลูกมา แต่สำหรับปีนี้ได้รับแจกเมล็ดพันธุ์จากหน่วยงานของรัฐจึงนำมาปลูก ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ทางหนึ่ง เพราะแต่ละปีการปลูกทานตะวันแต่ละรอบนั้นจะต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 400 บาทใหม่ทุกครั้ง เพราะเราไม่สามารถเก็บเมล็ดจากต้นมาทำเป็นพันธุ์ปลูกต่อได้ คุณดาหวัน กล่าว

ดูแลให้ปุ๋ย ผลผลิตงดงาม

คุณดาหวัน เล่าต่อว่า หลังจากที่ปลูกจนต้นทานตะวันเจริญเติบโตขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วก็จะให้ปุ๋ยทางใบเสริม แต่หากช่วงที่ไม่มีเวลาก็ปล่อยให้ธรรมชาติดูแลเอง

ส่วนเรื่องการดูแลทานตะวันนั้น คุณดาหวัน บอกว่า มีการดูแลที่เหมือนกันทุกๆ สายพันธุ์ หากได้รับน้ำในปริมาณที่พอดี ก็จะทำให้ดอกและต้นสวยสมบูรณ์ดี แต่หากได้น้ำมากจนเกินไป ก็จะทำให้ต้นแคระแกร็น ซึ่งตั้งแต่ที่ปลูกมาก็ไม่พบปัญหาอะไรที่รุนแรง โรคและแมลงก็มีน้อย

ทานตะวันจะใช้ระยะเวลาประมาณ 60-65 วัน โดยเฉลี่ยในการสร้างลำต้น ดอก จนสมบูรณ์ถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยใช้แรงงานคนหรือเครื่องจักรกล ซึ่งที่นิยมใช้จะเป็นเครื่องจักรกลมากกว่าแรงงานคน เพราะว่าเครื่องจักรกลในขณะที่เก็บเกี่ยวอยู่นั้น เครื่องก็จะทำการสีไปพร้อมๆ กัน เราไม่ต้องนำดอกทานตะวันไปผ่านกระบวนการสีอีกครั้ง แต่สำหรับแรงงานคนเราต้องนำดอกทานตะวันที่เก็บไปผ่านกระบวนการสีอีกครั้งหนึ่งถึงจะนำไปสกัดเป็นน้ำมัน ซึ่งต้องเสียเงินทั้งจ้างแรงงานและจ้างสี ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง

ปริมาณผลผลิตที่ได้ของดอกทานตะวันอยู่ที่ 250 กิโลกรัม ต่อไร่ จำหน่ายออกไปกิโลกรัมละ 16-17 บาท ซึ่งหากพูดถึงกำไรก็จะได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากน้ำดี ไม่มีโรคแมลงที่ยากที่จะแก้ไข ไม่พบกับปัญหาภัยธรรมชาติ แต่หากปีไหนที่มีปัญหาก็จะได้กำไรลงน้อยลง ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

วันนี้ทานตะวันมีน้อยลงทุกปี เนื่องจากเกษตรกรเริ่มหันไปสนใจกับมันสำปะหลัง อ้อย และปลูกข้าวโพดรุ่นสองซึ่งมีผลตอบแทนที่ดีกว่าทานตะวัน คุณดาหวัน กล่าวทิ้งท้าย


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
อ่าน:3504
2168 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 216 หน้า, หน้าที่ 217 มี 8 รายการ
|-Page 152 of 217-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันและยับยั้งเชื้อรา ขนาด 3 ลิตร ปลอดภัย ใช้ดี
Update: 2562/08/30 11:47:08 - Views: 4246
การดูแลรักษามะม่วง และเก็บเกี่ยว
Update: 2564/05/28 08:42:32 - Views: 4519
มันสำปะหลังอินทรีย์ จ.อุบลราชธานี พืชยกระดับรายได้เกษตรกร มีตลาดรองรับ
Update: 2564/05/03 15:16:55 - Views: 3555
โรคทุเรียนใบติด ใบไหม้ ใบจุด โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส1 หยุดโรค + FK-1 ฟื้นฟู บำรุง สร้างภูมิคุ้มกันโรค 1ชุด ใช้ได้ 5ไร่
Update: 2564/08/23 06:43:42 - Views: 3533
วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA คืออะไร
Update: 2564/08/21 21:30:12 - Views: 3755
เทคนิค การเก็บเมล็ดพันธุ์ พื้นบ้าน โดยเกษตรกร
Update: 2562/08/18 23:51:03 - Views: 4433
การต่อสู้กับโรคราสนิมในต้นกาแฟ
Update: 2566/05/17 10:59:50 - Views: 3552
นกน้อยกระโจนทยาน
Update: 2563/05/25 16:12:52 - Views: 3505
ทุเรียน โตไว ใบเขียว เร่งราก เร่งดอก ขยายขนาด ผลใหญ่ ผลดก เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ย สตาร์เฟอร์
Update: 2567/03/21 14:48:22 - Views: 3841
ยากำจัดโรคใบจุดตากบ ใน กาแฟ โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/14 14:39:11 - Views: 3572
สถานการณ์ทุเรียนไทยปี 2568: โอกาสทางการค้าและปัญหาภายในประเทศที่ต้องจับตา
Update: 2568/03/22 08:16:58 - Views: 321
โรครากเน่าโคนเน่าในต้นส้มเขียวหวาน: สาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันและรักษา
Update: 2566/11/08 09:46:10 - Views: 3468
ข้าวแดง ข้าวลาย ข้าวหาง ข้าวดีด ข้าวเด้ง
Update: 2564/08/26 22:39:23 - Views: 3914
ข้อกำหนด การนำพืชจากต่างประเทศ เข้าประเทศญี่ปุ่น
Update: 2564/08/13 11:46:50 - Views: 3601
10 ขั้นตอนง่าย สู่การเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง
Update: 2565/11/15 12:15:46 - Views: 3505
การป้องกันกำจัดโรคราสีชมพูในทุเรียนด้วยสารอินทรีย์ ไอเอส
Update: 2566/01/06 14:04:31 - Views: 3659
ยากำจัดโรคเหี่ยว ใน แตงโม โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
Update: 2566/06/07 13:58:07 - Views: 3510
โรคใบร่วงยางพารา
Update: 2565/02/25 01:40:49 - Views: 3509
การป้องกัน กำจัด โรคแอนแทรคโนสในทุเรียน
Update: 2563/11/27 08:49:56 - Views: 6286
เพลี้ยอ่อนฝรั่ง เพลี้ยแป้งในฝรั่ง เพลี้ยดำในฝรั่ง นอกจากจะเข้าทำลายต้นฝรั่งโดยตรงแล้ว ยังเป็นพาหะของโรคพืชด้วย
Update: 2566/11/04 10:22:47 - Views: 3674
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022