[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | ^ เลือกหน้า | ค้นคำว่า - ปุ๋ย
2168 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 216 หน้า, หน้าที่ 217 มี 8 รายการ

สารจับใบ ไดโนเร็กซ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ปลอดภัยไม่มีสารเคมี 100%
สารจับใบ ไดโนเร็กซ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ปลอดภัยไม่มีสารเคมี 100%
สารจับใบ ไดโนเร็กซ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ปลอดภัยไม่มีสารเคมี 100%
สารจับใบ ไดโนเร็กซ์ สามารถใช้ได้กับทุกพืช ใช้ฉีดพ่นทางใบ
กับอุปกรณ์ฉีดพ่นทั่วไป และใช้โดรนบินฉีดพ่นได้เช่นกัน

สารจับใบ : เพิ่มประสิทธิภาพการแผ่กระจายและดูดซึมธาตุอาหาร
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแผ่กระจาย และการ จับติดใบพืช
กับผิวแมลงได้ดียิ่งขึ้น ไม่ทำลายผิวใบพืช และช่วยให้ใบพืช มัน เงา
ไม่มีตกค้าง ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ประโยชน์ของสารจับใบ
*ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยยา
*ปุ๋ยหรือยาซึมเข้าทุกส่วนของพืช
*ออกฤทธิ์ได้นาน เห็นผลเร็ว
*สารกระจากได้ทั่วถึง
*แพร่กระจายน้ำได้ดี
*ซึมเข้าสู่ใบพืชได้เร็ว
*ใช้ได้กับพืชทุกชนิด
*เป็นสารลดการตึงของน้ำ
*เพิ่มประสิทธิภาพสารเคมีทางการเกษตร และสารชีวภัณฑ์
*เร่งการแทรกซึมลงสู่ดิน
*ช่วยไห้สารละลายตัวได้สม่ำเสมอ
*ช่วยไห้ใบพืชจับสารอาหารได้ดีขึ้น
*ลดการอุดตันของอุปกรณ์การเกษตร แบบฉีดพ่น

สารจับใบ : ใช้อย่างไร?
ผสมสารจับใบ ก่อนผสมกับสานอื่นๆ ในอัตราส่วนดังนี้
1. ชีวภัณฑ์กำจัดโรคพืช อัตรา 2-5 มล. : น้ำ 20 ลิตร
2. ชีวภัณฑ์กำจัดแมลง อัตรา 3-5 มล. : น้ำ 20 ลิตร
3. ชีวภัณฑ์กำจัดวัชพืช อัตรา 5-10 มล. : น้ำ 20 ลิตร
4. ปุ๋ยทางใบ ฮอร์โมน อาหารเสริมพืช อัตรา 4-5 มล. : น้ำ 20 ลิตร



สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด แรปเตอร์ ตราไดโนเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำ บำรุงพืช ปลอดภัยไม่มีเคมีตกค้าง 100% บำรุงพืชทุกชนิด
อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด แรปเตอร์ ตราไดโนเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำ บำรุงพืช ปลอดภัยไม่มีเคมีตกค้าง 100% บำรุงพืชทุกชนิด
อะมิโนโปรตีน แรปเตอร์อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด ช่วยในการสร้างฮอร์โมนพืช ทำให้เกิด การสร้างและขยายขนาดของเซลล์ เนื้อเยื่อ ขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆ ของพืชเจริญ เติบโตได้อย่างเต็มที่ ผ่านระยะการ ออกดอก และผลได้อย่างสมบูรณ์

อะมิโนโปรตีน แรปเตอร์ : ใช้อย่างไร?
1. ผสมน้ำฉีดพ่น พืชผัก
- 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
- 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
- 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
2. นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. : น้ำ 20 ลิตร
3. ผสมน้ำระบบน้ำหยด 500 มล. : 1 ไร่
4. ควรฉีดพ่น 2 ครั้ง / เดือน
* ไม่ควรฉีดพ่นช่วงระยะพืชออกดอก *


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
กำจัดเชื้อราโรคพืช ใบไหม้ ราเน่า ผลเน่า ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง 100%
กำจัดเชื้อราโรคพืช ใบไหม้ ราเน่า ผลเน่า ไตรโคเดอร์มา ไตรโคเร็กซ์ ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง 100%
ไตรโคเร็กซ์ : เชื้อไตรโคเดอร์มา

ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นใบเหลือง รากเน่า โคนเน่า ไฟท้อปเธอร่าในทุเรียนโรคแคงเกอร์ในส้ม - มะนาว โรคทลายปาล์มเน่าโรคแอนแทรกโนสใน มะละกอ แตงโม แตงกวาโรคใบจุด ใบแห้ง โรคกาบใบเน่า โรคกาบใบแห้งโรคไหม้ในข้าว โรคกุ้งแห้งในพริก โรคผลเน่าไตรโคเร็กซ์

ใช้อย่างไร1. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณกิ่ง ก้าน ใบ หรือราดบริเวณโคนต้น2. ผสมเชื้อ 20 กรัม ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 20 กก.ในการปลูกหรือรองก้นหลุมก่อนปลูก* ไม่ควรผสมใช้ร่วมกับเชื้อบิวเวอร์เรียและเมธาไรเซียม ควรฉีดสลับกันทุก 7-10 วัน *

ผลิตภัณฑ์ของเราดีกว่าอย่างไร
1.มีห้องปฏิบัติการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
- คัดสายพันธุ์เฉพาะ ผ่านการทดสอบ/วิจัย
- สายพันธุ์เชื้อผ่านการตรวจจาก วว.และ สวทช
2.เชื้อจุลินทรีย์เลี้ยงในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- มีตู้บ่มเชื้อควบคุมอุณหภูมิ
- ได้เชื้อจุลินทรีย์สมบูรณ์ แข็งแรง
3.มีห้องสำหรับการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
- เพื่อลดการปนเปื้อนระหว่างการเพาะเชื้อ
- ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แสง
4.ควบคุมคุณภาพเชื้อจุลินทรีย์ตลอดการผลิต

ป้องกันกำจัดโรคพืช
-โรคใบเหลือง ใบเหี่ยว
-โรคใบจุด ราน้ำค้าง
-โรคราแป้ง
-โรคราสีชมพู กาบใบแห้ง
-โรคผลเน่า ในพริกทุเรียน
-โรคใบไหม้
-โรคเหี่ยวเขียว เหี่ยวเหลือง
-โรครากเน่าโคนเน่า
-โรคเมล็ดเน่า

กลไกการป้องกันโรคพืช
1.เจริญเติบโต แข่งขัน แย่งอาหาร น้ำ และที่อยู่กับเชื้อราสาเหตุโรคพืช จึงทำให้เชื้อโรคลดปริมาณ ลงอย่างรวดเร็ว
2.การสร้างสารปฏิชีวนะ มาทำลายผนังเซลล์เชื้อราโรคพืช ทำให้เส้นใยเชื้อราโรคพืชเกิดการไหม้ และตาย 
3.เป็นปรสิต สร้างเส้นใยพันรัดน้ำเลี้ยงจากเชื้อโรคพืช ทำให้เส้นใยสลายลดการขยาย เผ่าพันธุ์ลง


สั่งซื้อ
โทร 0909-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด แรปเตอร์ ตราไดโนเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำ บำรุงพืช ปลอดภัยไม่มีเคมีตกค้าง 100% บำรุงพืชทุกชนิด
อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด แรปเตอร์ ตราไดโนเร็กซ์ ปุ๋ยน้ำ บำรุงพืช ปลอดภัยไม่มีเคมีตกค้าง 100% บำรุงพืชทุกชนิด
อะมิโนโปรตีน แรปเตอร์อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด
ช่วยในการสร้างฮอร์โมนพืช ทำให้เกิด การสร้างและขยายขนาดของเซลล์
เนื้อเยื่อ ขยายขนาดของเซลล์เนื้อเยื่อ และพัฒนาส่วนต่างๆ ของพืชเจริญ
เติบโตได้อย่างเต็มที่ ผ่านระยะการ ออกดอก และผลได้อย่างสมบูรณ์

ใช้ได้กับพืชทุกชนิด
เพิ่มคุณภาพ ปริมาณผลผลิต
แก้ปัญหาต้นโทร
อนุภาคขนาดเล็ก ดูดซึมง่าย
ช่วยสังเคาระห์แสง และสร้างอาหาร

อะมิโนโปรตีน แรปเตอร์ : ใช้อย่างไร?

1. ผสมน้ำฉีดพ่น พืชผัก
- 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
- 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
- 10-20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร
2. นาข้าว พืชไร่ ไม้ผล 20-40 มล. : น้ำ 20 ลิตร
3. ผสมน้ำระบบน้ำหยด 500 มล. : 1 ไร่
4. ควรฉีดพ่น 2 ครั้ง / เดือน
* ไม่ควรฉีดพ่นช่วงระยะพืชออกดอก *
ปลูกมังคุดให้ถูกวิธี ใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด ฉีดพ่น FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิต ได้คุณภาพ
ปลูกมังคุดให้ถูกวิธี ใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด ฉีดพ่น FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิต ได้คุณภาพ
ปลูกมังคุดให้ถูกวิธี ใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด ฉีดพ่น FK-1 และ FK-3 เพิ่มผลผลิต ได้คุณภาพ
ข้อมูลทางด้านล่างนี้ เป็นการปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตทีดี FK-1 และ FK-3 เป็นปุ๋ยทางใบประสิทธิภาพสูง ใช้เพิ่มผลผลิต และคุณภาพของผลมังคุดได้ดี

ฉีดพ่น FK-1 ในช่วงที่ต้องการเร่งการเจริญเติบโตของมังคุด ปุ๋ยน้ำ FK-1 จะส่งเสริมการเจริญเติบโต ขยายทรงพุ่ม สร้างความเขียวของใบ ทำให้ระบบรากแข็งแรงดูดกินอาหารได้ดีขึ้น มีสารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ประกอบอยู่ใน FK-1 ส่งเสริมกระบวนการสร้างอาหารให้กับต้นมังคุด มังคุดจึงโตใบ เขียวสมบูรณ์ แข็งแรง ต้านทานต่อโรคพืชได้ดีขึ้น

ฉีดพ่น FK-3 เมื่อมังคุดเริ่มติดผล ทำให้มังคุดผลโต น้ำหนักดี มีคุณภาพดี FK-3 ประกอบด้วยธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการส่งเสริมผลผลิตมังคุดอย่างครบถ้วน เน้นให้ ธาตุ โพแตสเซียม (K) สูงมาเป็นพิเศษถึง 40% จึงเน้นไปที่การส่งเสริมกระบวนการสะสมอาหารไปที่ผลมังคุดโดยตรง ทำให้มังคุดผลโต คุณภาพดี มีน้ำหนัก จึงได้ผลผลิตที่สูงขึ้น

การปลูกมังคุดให้ได้ผลผลิตดี

การวางผังปลูก มี 2 ระบบ คือ ระบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสามเหลี่ยมด้านเท่า ระยะระหว่างแถวและต้น 8×8 เมตร หรือ 10×10 และระบบแถวกว้างต้นชิด ระยะปลูกระหว่างแถว 8×3 เมตร หรือ 10×5 เมตร

วิธีการปลูก มี 2 แบบ คือ การปลูกแบบเตรียมหลุมปลูก เหมาะกับพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และการปลูกแบบนั่นแท่นหรือยกโคก เหมาะกับพื้นที่ฝนตกชุก ช่วยให้ดินระบายน้ำได้ดีขึ้น

การลดต้นทุน
ใช้ระยะปลูกและวิธีปลูกที่เหมาะสม สะดวกต่อการจัดการแปลงและการดูแลรักษา ทำให้ผลผลิตสูงและมีคุณภาพ

5. การใส่ปุ๋ยให้กับมังคุด
เก็บตัวอย่างดินและตัวอย่างพืชส่งวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารและใส่ปุ๋ยให้สอดคล้องกับค่าวิเคราะห์ดินและใบ หรือ

การใส่ปุ๋ยหลังการเก็บเกี่ยว: ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ อัตรา 20-30 กิโลกรัม/ต้น ร่วมกับใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา (กิโลกรัม/ต้น) 1/3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม

การใส่ปุ๋ยในช่วงพัฒนาของผล: ใส่ปุ๋ยสัดส่วน 3:1:4 เช่นปุ๋ยสูตร 15-5-20 อัตรา(กิโลกรัม/ต้น) 1 ใน 3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม หรือตามค่าวิเคราะห์ดินหลังการติดผลทันที ร่วมกับพ่นปุ๋ยทางใบสัดส่วน 4:1:6 อัตรา 100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

การลดต้นทุน
ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและความต้องการของพืช และใส่ 3 ครั้ง หลังเก็บเกี่ยว ก่อนออกดอก และเมื่อติดผลผสมปุ๋ยใช้เองลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 30-50ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพให้ปุ๋ยในระบบน้ำ ลดต้นทุนการใช้แรงงาน 15-20%

การให้น้ำ
ให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของมังคุดในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต
ระยะติดผล อายุผลประมาณ 5 สัปดาห์ ให้น้ำทุก 3 วัน อัตรา 80% ของการให้น้ำปกติ
ระยะอายุผล 5 สัปดาห์ถึงก่อน 10 สัปดาห์ ให้น้ำอัตรา 90% ของการให้น้ำปกติ
ระยะอายุผลประมาณ 10-12 สัปดาห์ถึงเก็บเกี่ยว ให้น้ำอัตรา 80% ของการให้น้ำปกติ

7. การดูแลรักษา
การพรางแสง เพื่อให้ร่มเงาในช่วงแรกของการเจริญเติบโต อาจใช้วัสดุธรรมชาติช่วยพรางแสง หรืออาจปลูกต้นไม้โตเร็วระหว่างแถวมังคุด เช่น กล้วย ทองหลาง

การตัดแต่งและควบคุมทรงพุ่ม
มังคุดต้นเล็ก ตัดแต่งเฉพาะกิ่งด้านล่างให้สูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร และกิ่งที่ซ้อนทับกันจนแน่นทึบออก

มังคุดที่ให้ผลผลิตแล้ว ตัดแต่งกิ่งที่อยู่ด้านข้างของทรงพุ่มที่ประสานกันออก ให้มีช่องว่างระหว่างชายพุ่มโดยรอบกับต้นข้างเคียงประมาณ 50-70 เซนติเมตร ตัดยอดที่สูงเกินต้องการออก ตัดกิ่งประธานหรือกิ่งรองออกด้านละ 1-5 กิ่ง ให้เลี้ยงกิ่งแขนงที่อยู่ในทรงพุ่มไว้เพื่อได้ผลผลิตเพิ่ม

อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการ จาก กรมวิชาการเกษตร
อ่าน:3486
ขั้นตอนการให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ย FK คุณภาพสูง ในเวลาที่เหมาะสม
ขั้นตอนการให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ย FK คุณภาพสูง ในเวลาที่เหมาะสม
ขั้นตอนการให้ปุ๋ยมันสำปะหลัง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการฉีดพ่นปุ๋ย FK คุณภาพสูง ในเวลาที่เหมาะสม
มันสำปะหลังต้องการธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการสร้างหัว สร้างแป้ง ใช้ปุ๋ย FK-1 ให้ถูกสูตร ในอัตราส่วนผสมที่ถูกต้อง ในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้ต้นมันสำปะหลังเติบโตสมบูรณ์ โดยแนะน้ำให้ใช้ปุ๋ย FK-1 และ ปุ๋ย FK-3C ฉีดพ่นดังนี้

ระยะแรกปลูกจนถึงมันสำปะหลังอายุไม่เกิน 3 เดือน หากมีการใช้ปุ๋ยเคมีแบบเม็ดเพื่อเร่งการเจริญเติบโตแล้วในระยะนี้ ฉีดพ่น ปุ๋ยทางใบ FK-1 หนึ่งครั้ง ในช่วงมันสำปะหลังอายุ 2-3 เดือน กรณีไม่ได้ใช้ปุ๋ยเม็ดเลย ให้ฉีดพ่น FK-1 เดือนละหนึ่งครั้งต่อเดือน ในเดือนที่ 1 เดือนที่ 2 และเดือนที่ 3

ระยะมันสำปะหลังลงหัวสะสมอาหาร มีอายุ 4 เดือนขึ้นไป หากมีการใช้ปุ๋ยเม็ดสูตรเร่งหัว (สูตรที่มีโพแตสเซียมสูง เช่น 13-13-21 หรือ 0-0-60) ให้ฉีดพ่น ปุ๋ยทางใบ FK-3C ที่เป็นสูตรสำหรับเร่งหัว เพิ่มเปอร์เซ็นต์แป้งในมันสำปะหลัง 1 ครั้ง ในช่วงเดือนที่ 4-6 ช่วงเดือนใดก็ได้ สำหรับกรณีที่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเม็ดเพื่อบำรุงหัวมันสำปะหลังเลย ให้ฉีดพ่น FK-3C ปุ๋ยเร่งหัวมันสำปะหลัง เพิ่มเปอร์เซ็นแป้ง ในเดือนที่ 4 หนึ่งครั้ง เดือนที่ 5 หนึ่งครั้ง และเดือนที่ 6 อีกหนึ่งครั้ง เพื่อช่วนส่งเสริมกระบวนการสะสมแป้งและน้ำตาล มันสำปะหลังจะมีหัวใหญ่ น้ำหนักดี มีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง
อ่าน:3558
ขายปุ๋ย FK-1 -ปุ๋ยนาข้าว คุณภาพสูง ข้าวแตกกอ โตไว ให้ผลผลิตดี
ขายปุ๋ย FK-1 -ปุ๋ยนาข้าว คุณภาพสูง ข้าวแตกกอ โตไว ให้ผลผลิตดี
ขายปุ๋ย FK-1 -ปุ๋ยนาข้าว คุณภาพสูง ข้าวแตกกอ โตไว ให้ผลผลิตดี
ปุ๋ยน้ำฉีดพ่นนาข้าว FK-1 ประกอบด้วย ธาตุอาหารหลักที่จำเป็นที่สุดสำหรับการเจริญเติบโต และการเพิ่มผลผลิตข้าว ทำให้ข้าวแตกกอใหญ่ ใบเขียว ส่งเสริมผลผลิต ข้าวรวงยาว เมล็ดเต็ม ผลผลิตเพิ่มขึ้นทันทีในรอบการปลูกที่ฉีดพ่น FK-1
อ่าน:3534
ปุ๋ยน้ำ สำหรับ มันสำปะหลัง FK-1 ประสิทธิภาพสูง มันสำปะหลังโตไว ใบเขียว แข็งแรง ต้านทานต่อโรค
ปุ๋ยน้ำ สำหรับ มันสำปะหลัง FK-1 ประสิทธิภาพสูง มันสำปะหลังโตไว ใบเขียว แข็งแรง ต้านทานต่อโรค
ปุ๋ยน้ำ สำหรับ มันสำปะหลัง FK-1 ประสิทธิภาพสูง มันสำปะหลังโตไว ใบเขียว แข็งแรง ต้านทานต่อโรค
ปุ๋ยน้ำ FK-1 ให้ธาตุอาหารพืชครบถ้วน เต็มที่ตามที่มันสำปะหลังต้องการใช้ ในระยะส่งเสริมการเจริญเติบโต แตกยอดเขียว ทรงพุ่มหนา โตไว มีความสมบูรณ์แข็งแรง ประกอบด้วย ไนโตรเจน ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต ฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างระบบรากให้แข็งแรง หาอาหารได้ดีขึ้น และโพแตสเซียม ที่ส่งเสริมผลผลิต ราคา 890 บาท ใช้ได้ในพื้นที่ 5 ไร่
อ่าน:3490
หอยเชอรี่ สร้างรายได้หลัก 10,000 ต่อเดือน
หอยเชอรี่ สร้างรายได้หลัก 10,000 ต่อเดือน
คนส่วนใหญ่หันมาทำอาชีพเกษตรกรมากขึ้น มีพืชและสัตว์หลายชนิดที่น่าสนใจผนวกกับการใช้เทคโนโลยีหาความรู้ในการเลี้ยงทำให้เกษตรกรมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น โดยหอยเชอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจมาก และมีคนที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงให้ได้ดูเป็นตัวอย่าง อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจและไม่รู้จักว่าหอยเชอรี่คืออะไร มีกี่แบบ แล้วหอยเชอรี่สีทองที่ได้ยินว่านิยมเลี้ยงกันคืออะไร

ลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันเพื่อกรุยเส้นทางสู่การสร้างเป็นอาชีพได้ในอนาคต ลักษณะทั่วไปของ หอยเชอรี่ หอยเชอรี่สามารถแบ่งหอยเชอรี่ได้ 2 พวก คือ พวกที่มีเปลือกสีเหลืองปนน้ำตาล เนื้อและหนวดสีเหลือง และพวกมีเปลือกสีเขียวเข้มปนดำ และมีสีดำจาง ๆ พาดตามความยาว เนื้อและหนวดสีน้ำตาลอ่อน หอยเชอรี่เจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ลูกหอยอายุเพียง 2 – 3 เดือน จะจับคู่ผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลา หลังจากผสมพันธุ์ได้ 1 – 2 วัน ตัวเมียจะวางไข่ในเวลากลางคืน โดยคลานไปวางไข่ตามที่แห้งเหนือน้ำ เช่น ตามกิ่งไม้ ต้นหญ้าริมน้ำ โคนต้นไม้ริมน้ำ ข้าง ๆ คันนา และตามต้นข้าวในนา ไข่มีสีชมพูเกาะติดกันเป็นกลุ่มยาว 2 – 3 นิ้ว แต่ละกลุ่มประกอบด้วยไข่เป็นฟองเล็ก ๆ เรียงตัวเป็นระเบียบสวยงาม ประมาณ 388 – 3_000 ฟอง ไข่จะฟักออกเป็นตัวหอยภายใน 7 – 12 วัน หลังวางไข่

หอยเชอรี่สีทอง คือ??
สำหรับหอยเชอรี่สีทองที่เราเรียกกันที่จริงคือหอยเชอรี่พันธุ์สนิม หรือ หอยหวานญี่ปุ่นด้วยซึ่งเลี้ยงง่ายเหมือนการเลี้ยงหอยเชอรี่ หอยขมทั่วไป จุดแตกต่างคือมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่ในเมืองไทยแถมเนื้อยังมีความหวานไม่คาว ต่างจากหอยชนิดอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหอยเชอรี่สีดำ หอยโข่ง หรือ หอยขม ทำให้เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงปูนา และเลี้ยงหอยเชอรี่ หันมาเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง และหอยเชอรี่สีทองสนิม กันเป็นจำนวนมาก ถ้าถามหาจุดเริ่มต้นของการเข้ามาของหอยเชอรี่สีทอง และหอยเชอรี่สีทองพันธุ์สนิม ในประเทศไทย ยังไม่มีการระบุแน่นอน แต่เชื่อว่าบางส่วนเป็นพันธ์ที่ได้มาจากทางมาเลเซีย

วิธีการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองแบบเบื้องต้น คนที่สนใจและอยากเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง ขั้นแรกต้องสำรวจตลาดให้แน่ใจว่าจะเอาหอยเชอรี่ของเราไปขายที่ไหนได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะขายได้ตามร้านอาหารอีสาน ร้านส้มตำ หรือตามขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด หรือสามารถขายในร้านอาหารบางแห่งได้ ขั้นตอนเบื้องต้นเริ่มจาก

1.เตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงหอยเชอรี่ เช่น กระชังในบ่อดินธรรมชาติ หรือ บ่อซีเมนต์ ก็ได้ ซึ่งหอยเซอรี่นั้นถือว่าเป็นหอยที่เลี้ยงง่ายและโตไว แถมยังกินเก่ง โดยในขึ้นตอนการเตรียมบ่อนั้นให้เราใส่พืชน้ำ เช่น แหน ผักตบ ผักบุ้ง ทางมะพร้าว เศษไม้ สำหรับไว้ให้หอยเชอรี่เกาะ หรือ ผักพื้นถิ่นที่หาได้ตามธรรมชาติ เพื่อปรัหยัดค่าใช้จ่าย

2.การเตรียมสายพันธุ์ โดยเราสามารถที่จะเลี้ยงจาก พ่อแม่พันธุ์หอยเซอรี่สีทอง หรือ จะเลี้ยงจากไข่ก็ได้ โดยให้สังเกตไข่ของหอยเชอรี่ที่พร้อมเลี้ยงต้องมีสีชมพูแก่ค่อนไปสีเทา และเมื่อนำมาปล่อยในพื้นที่เลี้ยงที่เตรียมไว้ ใช้เวลาในการเลี้ยง ประมาณ 4 เดือน ก็สามารถจับขาย ขนาดประมาณ 50 – 60 ตัว/กิโลกรัมราคากิโลกรัมละ 50 – 80 บาท ขายตามร้านส้มตำ และร้านอาหารอีสานทั่วไป

3.ช่วงแรกของการเลี้ยง หลังจากเอาไข่หอยมาลง ใช้เวลาประมาณ 7 – 15 วัน จะเริ่มฟักเป็นตัว พอฟักเป็นตัวหมดแล้วให้เอามาอนุบาลลงในน้ำ อนุบาลไว้ประมาณ 2 เดือน หรือจะปล่อยไว้ในบ่อประมาณ 3 เดือนก็เอามากินได้เช่นกัน ภาษาชาวบ้านจะบอกว่า หอยหนุ่มสาวเนื้อจะไม่เหนียว แต่ถ้าอายุ 4 เดือน จะเริ่มเป็นพ่อแม่พันธุ์ หอยจะเริ่มขึ้นวางไข่ได้แล้ว เราก็จะคัดออกมาไว้อีกบ่อ เพื่อง่ายต่อการดูแล ส่วนอาหารของหอยหลัก ๆ คือแหนแดงซึ่งต้องเตรียมไว้ในบ่อ

4.อาหารของหอยเชอรี่สีทอง การเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง หรือ พันธุ์สนิม ถ้าไม่ได้ทำเป็นฟาร์ม เกษตรกรปล่อยให้ผสมพันธุ์เองตามธรรมชาติ ซึ่งจะผสมพันธุ์และให้ไข่ได้ทั้ง 3 ฤดู ถ้าเลี้ยงทั่วไป ก็จะไม่แยกไข่หรือ ลูกออกไปอนุบาล แต่เราเลี้ยงขาย พ่อ แม่พันธุ์ ก็จะแยกลูกตอนหนึ่งเดือนออกไปอนุบาล เพื่อให้ได้ลูกที่สมบูรณ์มากที่สุด โดยอาหารขออหอยเชอรี่สีทองจะกินพืชน้ำทุกชนิดโดยเฉพาะแหนแดงหรือ ถ้าเลี้ยงเป็นฟาร์ม สามารถให้อาหารปลาดุกแทนได้

เคล็ดไม่ลับในการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง ปัญหาหนึ่งที่เจอในการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองในบ่อซีเมนต์น้ำจะเสียบ่อย เทคนิคที่นำมาใช้คือใช้แหนแดงในการบำบัดน้ำ เพราะจะช่วยเพิ่มไนโตรเจน และออกซิเจนในน้ำ รวมทั้งเป็นอาหารของหอยด้วยหรือภูมิปัญญาของคนในสมัยก่อนจะตัดท่อนอ้อยลงแช่น้ำ เพราะว่าอ้อยมีความหวาน และจุลินทรีย์มันจะกินความหวานเป็นอาหาร ซึ่งจะทำให้น้ำไม่เสีย รายได้จากการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองสูงกว่าเดือนละ 10_000 บาท

ราคาของหอยเชอรี่สีทองในปัจจุบันขายกันที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 400 บาท ระยะเวลาการเลี้ยง จนสามารถขายได้ ประมาณ 4-5 เดือนเป็นอย่างต่ำ ส่วนใครที่ต้องการให้ตัวใหญ่ขึ้นมาอีก ก็เลี้ยงกัน 7-8 เดือน ช่องทางการตลาดสามารถขายได้ทั้งในชุมชนตลาดใกล้บ้าน หรือบางคนใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ โดยขายตั้งแต่ ไข่หอย หอยวัยรุ่น หอยพ่อแม่พันธุ์ ถ้าดูจากคนเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จอย่างดี สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10_000 – 20_000 บาท หรือบางเดือนอาจมีรายได้สูงกว่า 40_000 -50_000 ได้เลยทีเดียว

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการเลี้ยง เทคนิคในการเลี้ยง การตลาดของผู้เลี้ยงเป็นสำคัญด้วย จากการศึกษาพบว่าเนื้อหอยเชอรี่มีโปรตีนสูงถึง 34 – 53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 1.66 เปอร์เซ็นต์ ใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น ส้มตำ หรือทำน้ำปลาจากเนื้อหอยเชอรี่ ใช้ทำเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ สุกร เป็นต้น เปลือกก็สามารถปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินได้ ตัวหอยทั้งเปลือกถ้านำไปฝังบริเวณทรงพุ่มไม้ผล เมื่อเน่าเปื่อยก็จะเป็นปุ๋ยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว และได้ผลผลิตดี รวมถึงข้อมูลจากสถาบันหัวใจและปอดแห่งชาติของแคนาดา ระบุว่า หอยเชอรี่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารจำนวนมาก

อย่างไรก็ดีการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองแม้จะมีโอกาสและช่องทางที่เปิดกว้างแต่คนที่สนใจควรศึกษาหาความรู้จากคนเลี้ยงที่เขาประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราควรรู้คือวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง ปัญหาที่ต้องเจอเช่นเรื่องโรคในหอยเชอรี่ หรือการได้พูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์จะทำให้เราเรียนรู้เรื่องช่องทางการตลาดได้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..ลี้ยง-หอยเชอรี่-ในบ่อปูน-สร้างรายได้หลัก-10000-ต่อเดือน/
ทุเรียน ราชาแห่งไม้ผล เน้นตลาดส่งออก
ทุเรียน ราชาแห่งไม้ผล เน้นตลาดส่งออก
ทุเรียน จัดเป็นราชาไม้ผล ที่ใครๆ ต่างยกให้เป็นที่หนึ่ง มีความต้องการในการบริโภคสูง อีกทั้งมีตลาดรองรับทั้งภายในประเทศและตลาดส่งออกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันพื้นที่ปลูกทุเรียนทั่วประเทศ มีประมาณ 1_199_895.64 ไร่ (ข้อมูลระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตร วันที่ 22 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2565)

โดยทุเรียนมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2564 ประเทศไทยมีการส่งออกทุเรียนสูงถึง 925,855 ตัน (ข้อมูล:กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการเกษตร ข่าว : มิถุนายน 65) โดยประเทศจีนเป็นตลาดหลัก ตามด้วย ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย และอีกหลาย ๆ ประเทศ

ทุเรียนเกรดส่งออก คุณภาพดี

ทุเรียนเกรดส่งออกจะแบ่งเป็น เกรดเอ บี และซี สำหรับทุเรียนที่ตกเกรดจะไม่สามารถส่งออกได้ จึงจำหน่ายภายในประเทศเท่านั้น ดังนั้นพี่น้องชาวสวนทั้งมือเก่าและมือใหม่ควรให้ความสำคัญเรื่องการจัดการและพัฒนาการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี เกรดเอ มีจำนวน 4-5 พูเต็ม ตรงตามสเปคทุเรียนส่งออก เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวสวนทุเรียน

สวนทุเรียนคุณภาพ ที่มีการจัดการอย่างมืออาชีพ

เทคนิคการปลูกทุเรียนให้ได้คุณภาพดี อย่างมืออาชีพ

1. สภาพดินที่เหมาะกับการปลูกทุเรียน

ทุเรียนเป็นพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง ดินที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกควรเป็นดินร่วนที่สามารถระบายน้ำได้ดี มีค่าความเป็นกรดด่าง(pH) ประมาณ 5.5 - 6.5 สำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตควรอยู่ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส โดยมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศประมาณ 75 - 85 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ควรมีแหล่งน้ำที่เพียงพอในการเพาะปลูกตลอดปี การวางแปลงปลูกทุเรียน ระยะ 8x10 เมตร

2. การจัดเตรียมพื้นที่ และการดูแลต้นทุเรียนปลูกใหม่

การเตรียมพื้นที่ปลูกทุเรียนควรเริ่มจากการปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ หรือมีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี เนื่องจากต้นทุเรียนไม่ชอบน้ำขัง ส่วนระยะห่างระหว่างแถวที่เหมาะสมคือ 8X10 เมตร และระหว่างต้น (บนหลังเต่า) คือ 8X8 เมตร โดยการจัดระยะห่างแบบนี้ จะสามารถนำรถและเครื่องจักร รวมถึงเทคโนโลยีในการเพาะปลูกทางการเกษตรมาใช้ เพื่อทุ่นแรงและให้ง่ายต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น

สำหรับทุเรียนปลูกใหม่ เมื่อเตรียมแปลงเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ปลูกแบบยกโคก เพื่อช่วยให้ต้นทุเรียนที่พึ่งลงปลูกใหม่โตเร็ว การปลูกแบบยกโคกคือ การพูนดินขึ้นให้สูงกว่าระนาบ จะช่วยให้รากของต้นทุเรียนอยู่ที่ดินชั้นบนๆ เมื่อใส่ปุ๋ยลงไปจะช่วยให้รากดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญจะช่วยให้น้ำระบายได้ดี ไม่ท่วมขังบริเวณโคนต้น ที่เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

นอกจากนี้ควรเตรียมวางแผนเรื่องระบบน้ำ ไปพร้อมกับการเตรียมพื้นที่ลงปลูก เพื่อง่ายต่อการจัดการ ส่วนในขั้นตอนการเลือกต้นกล้าทุเรียน ควรเลือกต้นที่มีระบบรากดี ไม่ขดงอหรืออยู่ในถุงเพาะชำเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ต้นทุเรียนโตช้า และควรสร้างร่มเงาหรือพรางแสงให้ต้นทุเรียนปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงทุเรียนระยะต้นเล็กไม่ให้รับแสงมากจนเกินไป

สำหรับการบำรุงทุเรียนปลูกใหม่ ช่วงอายุระหว่าง 1-3 ปี แนะนำใส่ปุ๋ย สูตร 16-16-16 อัตรา 500 กรัม ต่อ 1 ต้น ใส่เดือนละครั้ง โดยสามารถใส่ปุ๋ยในอัตราที่เพิ่มขึ้น ตามการเจริญเติบโตของลำต้น และทรงพุ่ม เพื่อบำรุงให้ต้นทุเรียนสมบูรณ์

การบำรุงทุเรียนตามระยะการเจริญเติบโต

ขั้นตอนการบำรุงต้นทุเรียนทางดิน ให้ ทุเรียน ได้คุณภาพดี เกรดเอ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิต

ระยะฟื้นต้นหลังเก็บผลผลิต และทำชุดใบให้ต้นทุเรียนสมบูรณ์

หลังจากเก็บผลผลิตทุเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องทำการฟื้นต้นให้สมบูรณ์ เนื่องจากต้นทุเรียนจะถูกดึงธาตุอาหารต่างๆ ไปใช้ในการเลี้ยงผล จึงจำเป็นต้องบำรุงต้นให้กลับมาสมบูรณ์ ก่อนเข้าสู่ระยะทำใบชุดแรก โดยจะทำใบทั้งหมด 3 ชุด โดยแต่ละชุด ใช้เวลาประมาณ 45 วัน เพื่อให้ต้นทุเรียนให้สมบูรณ์ที่สุด แนะนำใส่ปุ๋ย สูตร 16-16-16 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 20-30 วัน เม็ดปุ๋ยละลายง่าย ช่วยฟื้นต้นได้ไว และทำให้ใบกว้าง ใบเขียวเข้มและเขียวนาน

ระยะสะสมอาหารในต้นทุเรียน

การบำรุงระยะที่ 2 เป็นระยะที่ต้นทุเรียนสะสมอาหาร โดยต้นจะสะสมอาหารไว้ เมื่อสภาพอากาศมีอุณภูมิที่เหมาะสม ความชื้นที่พอดี ต้นก็จะแตกตาดอก ถือเป็นช่วงสำคัญของการทำสวนทุเรียน จึงควรเน้นบำรุงธาตุฟอสฟอรัส(P) และธาตุโพแทสเซียม(K) พร้อมกันในระยะนี้ โดยแนะนำใส่ปุ๋ยสูตร 9-25-25 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ความถี่ทุกๆ 15-20 วัน เพื่อช่วยสะสมอาหาร เพิ่มความสมบรูณ์ของต้น ในการสร้างตาดอก และออกดอกที่สมบูรณ์ต่อไป

ระยะติดดอกของต้นทุเรียน

หลังจากที่ต้นแตกตาดอก ก็จะเข้าสู่ช่วงการติดดอกทุเรียน จะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาหลายระยะในช่วงดอก เป็นช่วงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ อาจเกิดปัญหาดอกร่วง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ติดดอกไม่สมบูรณ์ พรืออากาศแปรปรวน แนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 9-25-25 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15-20 วัน เพื่อสะสมอาหาร ให้ต้นทุเรียน มีความสมบูรณ์ เพิ่มความแข็งแรง ให้ดอกทุเรียนมีการพัฒนาและเจริญเติบโตได้ดี

ระยะทุเรียนติดผลเล็ก (อายุ 30 วัน)

หลังจากที่ดอกทุเรียนมีการผสมเกสรเรียบร้อย ดอกทุเรียนจะเหลือแต่เกสรตัวเมียที่ติดอยู่ที่ต้น ปลายเกสรจะเริ่มแห้งเหมือนไหม้ หรือที่เรียกว่าดอกทุเรียนระยะหางแย้ จะเข้าสู่การติดผลเล็ก และจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ จนถึงระยะผลไข่ไก่ แนะนำเริ่มบำรุงเมื่อทุเรียนอายุ 30 วัน โดยใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-24 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15 วัน เพื่อช่วยบำรุงผลทุเรียนให้สมบูรณ์

ระยะทุเรียนขยายผล (อายุ 45-90 วัน)

ผลทุเรียนจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาใหญ่ขึ้นตามลำดับ จนเข้าสู่ระยะกระป๋องนม ต้องเร่งการบำรุงโดยเน้นการขยายผล สร้างเนื้อ เบ่งพู ให้ทุเรียนมีคุณภาพ แนะนำใส่ปุ๋ยย สูตร 15-9-20 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15 วัน เพื่อพัฒนาให้เป็นทุเรียนเกรดเอ ได้ไซด์ ทรงสวย พูเต็มต่อไป

ระยะทุเรียนก่อนเก็บเกี่ยว (อายุ 90-120 วัน)

การบำรุงช่วงสุดท้ายก่อนทำการเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นช่วงที่เน้นการบำรุงเพื่อเพิ่มคุณภาพให้ทุเรียน แนะนำใส่ปุ๋ยตรากระต่าย สูตร 13-13-24 อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ต้น ใส่ทุกๆ 15 วัน เพื่อช่วยเรื่องรสชาติที่อร่อย การเข้าสีสวย พูเต็ม ได้น้ำหนักดี ตามที่ตลาดต้องการ

การปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิตเกรดเอ เน้นตลาดส่งออกเพื่อเพิ่มมูลค่านั้น ต้องมีการดูแลและเอาใจใส่ทุกขั้นตอนที่สำคัญ ตั้งแต่การเตรียมแปลง การดูแลต้นทุเรียนปลูกใหม่ ตลอดจนการบำรุงธาตุอาหารทางดินให้เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อให้ต้นได้นำไปเลี้ยงลูกทุเรียนได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ทุเรียนเกรดเอ คุณภาพดี ตามที่ตลาดส่งออกต้องการ


ข้อมูลจาก http://ไปที่..link..
2168 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 216 หน้า, หน้าที่ 217 มี 8 รายการ
|-Page 151 of 217-|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 |


โทร 090-592-8614
ไลน์ไอดี @FarmKaset

กลุ่มสินค้าขายดีมาก

ฮิวมิค FK
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
ไทอะมีทอกแซม
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ
แพนน่อน
สั่งซื้อได้ที่ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
สั่งกับ TikTok | แอดไลน์สั่งซื้อ


กลุ่มทางใบปุ๋ยประสิทธิภาพสูง
*โปรดอ่าน ใช้ FK-1 ในช่วงแรก เพื่อเร่งโต เร่งราก เร่งดอก จับคู่กับ FK-3 ในช่วงเร่งผลผลิต พืชออกผลทุกชนิด ใช้ FK-1 กับ FK-3, นาข้าว ใช้ FK-1 กับ FK-3R (Rice), ไร่อ้อย ใช้ FK-1 กับ FK-3S (Sugarcane), มันสำปะหลัง ใช้ FK-1 กับ FK-3C (Cassava)

FK-1
สั่ง FK-1 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3
สั่ง FK-3 กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3S
สั่ง FK-3S กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3R
สั่ง FK-3R กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK-3C
สั่ง FK-3C กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มอินทรีย์ ปุ๋ย ยาปราบฯ
ที่ขายดีที่สุดบน ลาซาด้า

FKT250-IS250-499B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 1ลิตร
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 3ลิตร
สั่งไอเอส3ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
มาคา
สั่งมาคากับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอกี้-บีที
สั่งไอกี้-บีทีกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L
สั่ง FK-T 1ลิตร กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FK ธรรมชาตินิยม
สั่งFK-T 250ซีซี กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
ไอเอส ขนาด 250ซีซี
สั่งไอเอสกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-IS1L-970B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-MAKA-980B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
FKT1L-AiKi-990B
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มเคมียาปราบฯประสิทธิภาพสูง

invet
สั่ง อินเวท กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
metalaxyl
สั่ง เมทาแลคซิล กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
carron
สั่ง คาร์รอน กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้


กลุ่มปุ๋ยทางใบผสมสูตรเองได้
เว็บระบบคำนวณการผสมปุ๋ย


starfer 30-20-5
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 10-40-10
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
starfer 15-5-30
สั่งกับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้
maxza
สั่ง แม็กซ่า กับ | ลาซาด้า | ช้อปปี้



บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
Central Laboratory (Thailand) Co.,Ltd.

ให้บริการตรวจวิเคราะห์
ตรวจฉลากโภชนาการ
ตรวจสารสำคัญกัญชา/กัญชง
ตรวจน้ำใช้ในกระบวนการผลิต
ฟอร์มขอใบเสนอราคา
สำหรับตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (ตรวจวิเคราะห์ได้ทุกอย่าง) โปรดกรอก ฟอร์มขอใบเสนอราคา
ตรวจขึ้นทะเบียนปุ๋ยเคมี
ตรวจสารพิษตกค้างเพื่อการส่งออก
ตรวจผักสดปลอดเชื้อจุลินทรีย์ E. coli, Salmonella spp.
ส่งตัวอย่างมะละกอ เพื่อการทดสอบการดัดแปลงพันธุกรรม
ส่งตัวอย่างเพื่อทดสอบ ปริมาณอะฟลาทอกซินในเมล็ดแมงลัก ลูกเดือย และพริกแห้ง เพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักร
Hardline Test Application
ปุ๋ยคุณภาพสูง
พืชทุกชนิด | ปุ๋ยทุเรียน | ปุ๋ยมันสำปะหลัง | ปุ๋ยสำหรับไร่อ้อย | ปุ๋ยนาข้าว | ปุ๋ยยางพารา | ปุ๋ยมะพร้าว | ปุ๋ยข้าวโพด | ปุ๋ยปาล์ม | ปุ๋ยสับปะรด | ปุ๋ยถั่วเหลือง | ปุ๋ยพริกไทย | ปุ๋ยกาแฟ | ปุ๋ยมะนาว | ปุ๋ยส้ม | ปุ๋ยลำไย | ปุ๋ยลิ้นจี่ | ปุ๋ยหน่อไม้ฝรั่ง | ปุ๋ยกระเจี๊ยบเขียว | ปุ๋ยมังคุด | ปุ๋ยมันฝรั่ง | ปุ๋ยหอมหัวใหญ่ | ปุ๋ยกระเทียม | ปุ๋ยหอมแดง | ปุ๋ยมะเขือเทศ | ปุ๋ยกล้วยไม้ | ปุ๋ยอินทผลัม | ปุ๋ยน้อยหน่า | ปุ๋ยชมพู่ | ปุ๋ยเงาะ | ปุ๋ยมะม่วง | ปุ๋ยมะขาม | ปุ๋ยพริก
ยาอินทรีย์แก้โรคพืช
โรคใบไหม้ | ทุเรียนใบติด | มันสำปะหลังใบไหม้ | โรคอ้อยใบไหม้ | ข้าวใบไหม้ | ยางพาราใบไหม้ | โรคมะพร้าวใบไหม้ | โรคราน้ำค้างข้าวโพด | ปาล์มใบไหม้ | โรคสับปะรด | โรคราน้ำค้างถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟใบไหม้ | ราสนิมมะนาว | ส้มใบไหม้ | ลำไยใบไหม้ | ลิ้นจี่ใบไหม้ | หน่อไม้ฝรั่งลำต้นไหม้ | กระเจี๊ยบเขียวฝักลาย | โรคใบจุดมังคุด | มันฝรั่งใบใหม้ | โรคหอมเลื้อย | โรคใบจุดกระเทียม | โรคหอมแดง | ราแป้งมะเขือเทศ | โรคจุดสนิมกล้วยไม้ | อินทผลัมใบไหม้ | น้อยหน่าดอกร่วง | ชมพู่ใบไหม้ | เงาะใบไหม้ | มะม่วงใบไหม้ | ราแป้งมะขาม | โรคพริก
ยาเคมี กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยทุเรียน | เพลี้ยมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยข้าว | เพลี้ยยางพารา | เพลี้ยมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยสับปะรด | เพลี้ยถั่วเหลือง | เพลี้ยพริกไทย | เพลี้ยกาแฟ | เพลี้ยมะนาว | เพลี้ยส้ม | เพลี้ยลำไย | เพลี้ยลิ้นจี่ | เพลี้ยหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยมังคุด | เพลี้ยมันฝรั่ง | เพลี้ยหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยกระเทียม | เพลี้ยหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยกล้วยไม้ | เพลี้ยอินทผาลัม | เพลี้ยน้อยหน่า | เพลี้ยชมพู่ | เพลี้ยเงาะ | เพลี้ยมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยพริก
ยาเคมี กำจัดโรคพืช
โรคใบไหม้ | โรคทุเรียน | โรคมันสำปะหลัง | โรคอ้อย | โรคข้าว | โรคยางพารา | โรคมะพร้าว | โรคข้าวโพด | โรคปาล์ม | โรคสับปะรด | โรคถั่วเหลือง | พริกไทยใบไหม้ | โรคกาแฟ | โรคมะนาว | โรคส้ม | โรคลำไย | โรคลิ้นจี่ | โรคหน่อไม้ฝรั่ง | โรคกระเจี๊ยบเขียว | โรคมังคุด | โรคมันฝรั่ง | โรคหอม | โรคกระเทียม | โรคหอมแดง | โรคมะเขือเทศ | โรคกล้วยไม้ | โรคอินทผาลัม | โรคน้อยหน่า | โรคชมพู่ | โรคเงาะ | โรคมะม่วง | โรคมะขาม | โรคพริก
ยาอินทรีย์ กำจัดเพลี้ยต่างๆ
กำจัดเพลี้ยต่างๆทุกชนิด | เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน | เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง | เพลี้ยอ้อย | เพลี้ยศัตรูข้าว | เพลี้ยแป้งยางพารา | เพลี้ยศัตรูมะพร้าว | เพลี้ยข้าวโพด | เพลี้ยอ่อนปาล์มน้ำมัน | เพลี้ยแป้งสับปะรด | เพลี้ยอ่อนถั่วเหลือง | เพลี้ยแป้งพริกไทย | เพลี้ยแป้งกาแฟ | เพลี้ยไฟมะนาว | เพลี้ยไฟส้ม | เพลี้ยแป้งลำไย | เพลี้ยแป้งลิ้นจี่ | เพลี้ยไฟหน่อไม้ฝรั่ง | เพลี้ยจักจั่นฝ้ายกระเจี๊ยบเขียว | เพลี้ยไฟมังคุด | เพลี้ยจักจั่นมันฝรั่ง | เพลี้ยไฟหอมหัวใหญ่ | เพลี้ยไฟกระเทียม | เพลี้ยไฟหอมแดง | เพลี้ยมะเขือเทศ | เพลี้ยไฟกล้วยไม้ | เพลี้ยแป้งอินทผาลัม | เพลี้ยแป้งน้อยหน่า | เพลี้ยไฟชมพู่ | เพลี้ยแป้งเงาะ | เพลี้ยจักจั่นมะม่วง | เพลี้ยมะขาม | เพลี้ยไฟพริก
สารชีวินทรีย์ กำจัดหนอนต่างๆ
กำจัดหนอนศัตรูพืช | กำจัดหนอนทุเรียน | กำจัดหนอนมันสำปะหลัง | กำจัดหนอนกออ้อย | กำจัดหนอนในนาข้าว | กำจัดหนอนในสวนยางพารา | กำจัดหนอนมะพร้าว | กำจัดหนอนข้าวโพด | กำจัดหนอนปาล์มน้ำมัน | กำจัดหนอนสับปะรด | กำจัดหนอนถั่วเหลือง | กำจัดหนอนพริกไทย | กำจัดหนอนกาแฟ | กำจัดหนอนมะนาว | กำจัดหนอนส้ม | กำจัดหนอนลำไย | กำจัดหนอนลิ้นจี่ | กำจัดหนอนหน่อไม้ฝรั่ง | กำจัดหนอนกระเจี๊ยบเขียว | กำจัดหนอนมังคุด | กำจัดหนอนมันฝรั่ง | กำจัดหนอนหอมหัวใหญ่ | กำจัดหนอนกระเทียม | กำจัดหนอนหอมแดง | กำจัดหนอนมะเขือเทศ | กำจัดหนอนกล้วยไม้ | กำจัดหนอนอินทผาลัม | กำจัดหนอนน้อยหน่า | กำจัดหนอนชมพู่ | กำจัดหนอนเงาะ | กำจัดหนอนมะม่วง | กำจัดหนอนมะขาม | กำจัดหนอนพริก
iLab.work ผู้ใช้บริการตรวจวิเคราะห์ค่าธาตุอาหารใน ดิน น้ำ ปุ๋ย พืช กากอุตสาหกรรม มาตฐาน ISO/IEC 17025


ตรวจง่ายนับ 1 2 3 มาตฐาน ISO/IEC 17025
1.เลือกและคำนวณค่าตรวจที่หน้าเว็บ คลิก
2.ส่งดินเข้าห้อง LAB (ไปรษณีย์,เคอรี่,แฟรช)
3.อ่านผลออนไลน์ (เราจัดส่งต้นฉบับผลวิเคราะห์ ไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้เช่นกัน)
→เริ่มกันเลย เลือกค่าที่ต้องการวิเคราะห์
[มีชุดโปรฯแนะนำลดพิเศษ หรือเลือกเองได้]
พืชขาดธาตุแมกนีเซียม ใบเหลืองจากปลายมาหาโคน ขาดมากใบร่วงเยอะ เติมด้วย FK-1
Update: 2562/08/24 15:31:50 - Views: 3823
โรคราแป้งมะเขือ ราแป้งพริก ราแป้งมะเขือม่วง แก้ด้วย ไอเอส
Update: 2562/08/19 21:46:55 - Views: 4473
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร: ปุ๋ยที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุของถั่วเหลือง
Update: 2567/02/12 14:44:54 - Views: 3520
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 3 สูตร: เพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของต้นฟักเขียว
Update: 2567/02/12 14:44:27 - Views: 3553
โรคกุหลาบ กุหลาบใบไหม้ บนใบเป็นแผลสีน้ำตาล คือ โรคแอนแทรคโนสกุหลาบ ลุกลามไปส่วนอื่นๆได้
Update: 2564/02/22 11:57:37 - Views: 4035
ทุเรียน ระวังโรคใบติดทุเรียน
Update: 2564/05/28 10:16:48 - Views: 3671
ปุ๋ยฉีดพ่น มะยงชิด ปุ๋ยทางใบ มะปรางหวาน
Update: 2564/05/05 10:29:46 - Views: 3819
โรคราแป้งองุ่น
Update: 2564/08/22 21:08:23 - Views: 3823
อย.แนะวิธีการจดแจ้งเครื่องสำอาง ที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง
Update: 2565/09/10 13:46:27 - Views: 3537
มะปราง ผลดก ขยายขนาด เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มคุณภาพ ผลผลิต ด้วย ปุ๋ยโพแทสเซี่ยมคลอไรด์ สตาร์เฟอร์ 0-0-60
Update: 2567/04/18 11:52:01 - Views: 3594
ปุ๋ยสตาร์เฟอร์ 0-0-60 เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการปลูกมันเทศ ช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี คุณภาพสูง
Update: 2567/03/11 10:25:46 - Views: 3782
การปลูกฟักทอง ให้ได้ผลผลิตดี ด้วยการให้ ปุ๋ยยาฯ ที่เหมาะสม
Update: 2567/11/13 09:08:23 - Views: 217
ปุ๋ย FK-1 ฉีดพ่น พุทรา ผลใหญ่ เพิ่มน้ำหนัก ผลผลิตดี ต้นทุนต่อไร่ถูกกว่าปุ๋ยเม็ด 4 เท่า เพิ่มผลผลิตสูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์
Update: 2566/03/07 10:07:30 - Views: 3486
กำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าหนอนผีเสื้อกินใบ ใน ผักบุ้ง และ พืชทุกชนิด บาซีเร็กซ์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/03/01 15:02:11 - Views: 3531
การดูแล สวนโกโก้ ให้ต้นโตไว สมบูรณ์ มีผลผลิตที่ดี
Update: 2567/11/08 09:21:50 - Views: 154
ปุ๋ยสำหรับบวบ ปุ๋ยน้ำสำหรับบวบ ปุ๋ยบวบ ปุ๋ยบำรุงบวบ ฉีดพ่น FK-1
Update: 2564/09/30 23:16:27 - Views: 3506
มันหวานญี่ปุ่น ใบจุด หัวเน่า กำจัดโรคมันหวานญี่ปุ่น จากเชื้อราต่างๆ ปลอดสารพิษ ไอเอส และ FK-T(ใช้ได้ทุกพืช)โดย FK
Update: 2565/11/10 09:57:45 - Views: 3526
เร่งการออกดอกและเร่งรากด้วยปุ๋ยสตาร์เฟอร์ สูตร 10-40-10+3 MgO
Update: 2567/02/12 14:04:46 - Views: 3777
โรคราน้ำค้างในฟักแม้ว
Update: 2564/08/10 05:04:09 - Views: 3751
การขยายพันธุ์มันสำปะหลัง แบบเร่งรัด ได้ต้นพันธุ์เพิ่มและปลอดโรคใบด่าง
Update: 2565/02/25 02:30:44 - Views: 3578
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022