ยางพารา มีความอ่อนไหวต่อโรคต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก โรคที่พบได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่งที่ส่งผลต่อยางคือโรคตายจากยอด หรือ โรคดายแบ็ค มีลักษณะยอดใบแห้ง ใบตายจากยอดลงมา ซึ่งเกิดจากเชื้อราที่ก่อโรค.

ไอเอส ทำงานโดยเทคนิคการควบคุมไอออน ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืช ทำงานโดยการควบคุมระดับ pH ของสภาพแวดล้อมของพืช ทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อราที่ก่อโรค อัตราผสมที่แนะนำสำหรับ ไอเอส คือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร สามารถนำน้ำยานี้ไปฉีดพ่นต้นยางเพื่อป้องกันการเกิดโรคยางตายยอดได้.

ในการใช้ ไอเอส ให้ผสม 50 ซีซี ในน้ำ 20 ลิตร แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นฉีดน้ำยาลงบนต้นยางจนทั่วใบ แนะนำให้ใช้สารละลายในตอนเช้าหรือตอนบ่ายเมื่ออากาศเย็นและแห้ง.

นอกจาก ไอเอส แล้ว ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 ยังสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุดให้กับต้นยางได้อีกด้วย FK1 มีธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นยาง นอกจากนี้ยังมีสารลดแรงตึงผิวซึ่งช่วยให้สารอาหารซึมผ่านเนื้อเยื่อของพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

เมื่อแกะกล่อง FK1 ออกมาจะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน อัตราการผสมที่แนะนำสำหรับ FK1 คือ 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วคนให้ละลายในน้ำ จากนั้นฉีดน้ำยาลงบนต้นยางให้คลุมใบยางให้หมด หมายเหตุ สามารถผสม ไอเอส ลงไปด้วย 50 ซีซี เพื่อฉีดพ่นไปพร้อมกัน เพื่อป้องกันกำจัดโรคพืช และบำรุงเพื่อเพิ่มผลผลิตไปในตัว.

การใช้ ไอเอส และ FK1 ทำให้ชาวสวนยางสามารถป้องกันและกำจัดโรคยางตายยอดได้ในขณะที่ส่งเสริมผลผลิตสูงสุดให้กับต้นยาง สิ่งสำคัญคือต้องใช้สารละลายเหล่านี้เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าต้นยางมีสุขภาพแข็งแรงและมีชีวิตชีวา ด้วยการดูแลและการจัดการที่เหมาะสม ชาวสวนยางสามารถได้รับผลผลิตและผลกำไรสูงจากยางพารา

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

การปลูกถั่วฝักยาวให้ได้ผลผลิตสูงสุด: เคล็ดลับและเทคนิค

ถั่วฝักยาวหรือที่เรียกว่าถั่วหน่อไม้ฝรั่งหรือถั่วฝักยาวจีนเป็นผักที่นิยมในหลายส่วนของโลก พวกมันเป็นแหล่งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่ดีและเติบโตได้ง่ายในสภาพอากาศส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดจากต้นถั่วฝักยาวของคุณ คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำและเทคนิคบางประการ

เลือกความหลากหลายที่เหมาะสม
ถั่วฝักยาวมีหลายสายพันธุ์ และบางพันธุ์ก็เหมาะกับสภาพอากาศและดินบางชนิดมากกว่าพันธุ์อื่นๆ อย่าลืมเลือกพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพท้องถิ่นของคุณ

เตรียมดิน
ถั่วฝักยาวชอบดินที่ระบายน้ำได้ดีและอุดมสมบูรณ์ เตรียมดินโดยใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกก่อนปลูก คุณยังสามารถใส่ปุ๋ยที่ละลายช้าลงในดินได้อีกด้วย

ปลูกในเวลาที่เหมาะสม
ถั่วฝักยาวเป็นพืชฤดูร้อนและควรปลูกหลังจากน้ำค้างแข็งครั้งสุดท้ายในพื้นที่ของคุณ ในภูมิภาคส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูร้อน ปลูกเมล็ดลึกประมาณ 1 นิ้วและห่างกัน 3 นิ้ว

ให้การสนับสนุน
ต้นถั่วฝักยาวเป็นไม้เลื้อยและต้องการความช่วยเหลือเมื่อมันเติบโต คุณสามารถใช้หลัก ระแนงบังตา หรือโครงสร้างรองรับอื่นๆ เพื่อให้ต้นไม้ตั้งตรงได้

น้ำอย่างสม่ำเสมอ
ถั่วฝักยาวต้องการการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง รดน้ำให้ลึกและสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไปเพราะอาจทำให้รากเน่าได้

ใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ
เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดจากต้นถั่วฝักยาวของคุณ คุณสามารถใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบเช่น FK-1 ปุ๋ยนี้ประกอบด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ซึ่งช่วยให้ปุ๋ยซึมผ่านใบและดูดซึมได้เร็วขึ้น

หากต้องการใช้ FK-1 ให้ผสมปุ๋ย 1 ถุง (50 กรัม) กับน้ำ 20 ลิตร คนให้ละลายแล้วนำไปฉีดพ่นที่ใบของต้นถั่วฝักยาว ทำซ้ำขั้นตอนนี้ทุกๆ 10-14 วันในช่วงฤดูปลูก

เก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม
ถั่วฝักยาวพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีความยาวประมาณ 18-24 นิ้ว และเส้นผ่านศูนย์กลาง ¼-½ นิ้ว เก็บเกี่ยวถั่วเป็นประจำเพื่อกระตุ้นให้พืชผลิตมากขึ้น
โดยสรุปแล้วการปฏิบัติตามคำแนะนำและเทคนิคเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถปลูกถั่วฝักยาวให้ได้ผลผลิตสูงสุด เลือกพันธุ์ที่เหมาะสม เตรียมดิน ปลูกในเวลาที่เหมาะสม ให้การสนับสนุน รดน้ำสม่ำเสมอ ใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ และเก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม ด้วยความใส่ใจเพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับการเก็บเกี่ยวถั่วฝักยาวแสนอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการได้มากมาย

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

Maca alkaloids คือ alkaloids ที่สกัดจากธรรมชาติชนิดหนึ่งซึ่งได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีโดยใช้หลักการทางเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อสร้างสารละลาย alkaloid เข้มข้นที่มีประสิทธิภาพสูง สารละลายนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชและเพลี้ยในถั่วฝักยาว นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีในระยะยาว ทำให้ไม่เป็นพิษและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภค

อัลคาลอยด์ Maca สกัดจากต้น Maca ซึ่งเป็นรากผักที่มีถิ่นกำเนิดในเปรู พืชชนิดนี้ใช้เป็นยาแผนโบราณมานานหลายศตวรรษ และพบว่าอัลคาลอยด์มีประโยชน์มากมาย อัลคาลอยด์ Maca เป็นที่รู้จักกันว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชและเพลี้ยในถั่วฝักยาว ศัตรูพืชเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อพืชผล ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพผลผลิตลดลง ด้วยการใช้อัลคาลอยด์ของ Maca เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลของพวกเขาและรับประกันผลผลิตและคุณภาพของผลผลิตที่สูงขึ้น

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของอัลคาลอยด์ Maca คือความสามารถในการยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีในระยะยาว เมื่อเวลาผ่านไป แมลงสามารถต้านทานต่อสารเคมีที่ใช้ในการควบคุมได้ ทำให้การกำจัดพวกมันทำได้ยากขึ้น อัลคาลอยด์ของ Maca ทำงานโดยใช้วิธีการออกฤทธิ์ที่ไม่เฉพาะเจาะจง ทำให้แมลงปรับตัวต้านทานได้ยาก สิ่งนี้ช่วยป้องกันการดื้อยาและทำให้มั่นใจได้ว่าอัลคาลอยด์ของ Maca ยังคงมีประสิทธิภาพเป็นระยะเวลานาน

ข้อดีอีกอย่างของแมคคาอัลคาลอยด์คือไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ ซึ่งแตกต่างจากสารเคมีที่สามารถคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นระยะเวลานานและก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่น มาคาอัลคาลอยด์ไม่เป็นพิษและปลอดภัยสำหรับการใช้งานในสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภค

สรุปได้ว่า maca alkaloids เป็นสารละลายอัลคาลอยด์ที่สกัดจากธรรมชาติซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชและเพลี้ยในถั่วฝักยาว ทั้งยังยับยั้งการดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีเป็นเวลานานและไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในดินหรือน้ำ เป็นผลให้พวกเขานำเสนอโซลูชั่นที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภค ด้วยการใช้อัลคาลอยด์ของ Maca เกษตรกรสามารถปกป้องพืชผลของพวกเขา เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ และรับประกันว่าผลผลิตของพวกเขาปลอดภัยสำหรับการบริโภค

FK-T (FK ธรรมชาตินิยม) ปลอดภัย อาหารเสริมพืชชั้นเลิศ ลดต้นทุนปุ๋ย ได้ผลผลิตเพิ่ม พืชฟื้นตัวได้เร็ว
ขนาด 1 ลิตร
อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นทางใบ

แนะนำให้ผสม มาคา และ FK-T ฉีดพ่นไปพร้อมกัน
อัตราผสม สำหรับการฉีดพ่นพร้อมกัน
มาคา 50 ซีซี และ FK-T 50ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ ทุก 3-5วัน ต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง หมั่นสังเกตุอาการ

การผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันส่งผลให้..

เมื่อพืช ถูกโรคหรือแมลงศัตรูพืชต่างๆเข้าทำลาย พืชจะมีความอ่อนแอ ต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูได้ต่ำกว่าปกติ
การที่เราใช้เฉพาะตัวยา ตัวยาจะช่วยหยุดโรค หรือกำจัดแมลง แต่พืชของเรานั้นจะยังทรงตัว ฟื้นตัวจากโรค หรือฟื้นตัวจากความเสียหายของการเข้าทำลายของแมลงได้ช้า

เปรียบได้คล้ายกับคนป่วย หากได้รับแต่เฉพาะยา ไม่ทานอาหาร ไม่บำรุง ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงดังเดิมได้ช้า
พืชก็เช่นกัน หากเราให้ยา และให้อาหารเสริมพืชทางใบหรือ FK-T ไปพร้อมกัน พืชจะได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นไปพร้อมกับยารักษาโรคหรือยาปราบศัตรูพืช จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็ว และกลับมาให้ผลผลิตดีดังเดิม

สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน

ยางพารา มีความไวต่อโรคต่างๆ รวมถึงโรคใบจุด หรือโรคใบจุดนูน ที่เกิดจากเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides โรคนี้อาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก คุณภาพลดลง และอาจทำให้พืชตายได้ ดังนั้นการป้องกันและกำจัดโรคจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาผลผลิตและความยั่งยืนในการปลูกยาง.

ไอเอส เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคเชื้อราในพืช ทำงานโดยควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อราผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนไอออน ซึ่งทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรค เพื่อป้องกันและกำจัดโรคใบจุด Colletotrichum การใช้ ไอเอส ให้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วใบยาง ควรทำซ้ำทุก 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค.

ผสมปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 ฉีดพ่นไปพร้อมกับ ไอเอส เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตยางพาราพร้อมป้องกันโรคเชื้อรา ปุ๋ย FK1 ประกอบด้วยธาตุอาหารที่จำเป็น ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช สารลดแรงตึงผิวในปุ๋ย FK1 ช่วยปรับปรุงการดูดซึมสารอาหารและลดแรงตึงผิวของสารละลาย ทำให้กระจายบนใบได้ง่ายขึ้น.

ปุ๋ย FK1 1 กล่อง น้ำหนัก 2 กก. เมื่อแกะกล่องออกมา จะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน นำถุงแรก 50 กรัม และถุงที่สอง 50 กรัม คนให้ละลายในน้ำ 20 ลิตร ควรฉีดพ่นให้ทั่วใบยางทุก 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตของพืช หมายเหตุ สามารถผสม ไอเอส 50 ซีซี คนให้ละลายไปพร้อมกันและฉีดพ่นไปด้วยกัน.

การผสม ไอเอส และ FK-1 ฉีดพ่นไปพร้อมกัน สามารถแก้ปัญหาที่ครอบคลุมสำหรับการป้องกันและกำจัดโรคใบจุด Colletotrichum ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมผลผลิตสูงสุดในการปลูกยาง การบำบัดด้วย ไอเอส สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรา ในขณะที่ปุ๋ย FK1 สามารถให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของพืช.

โดยสรุปแล้ว การป้องกันและกำจัดโรคใบจุดคอลเลโตตริกรัมในยางพารามีความสำคัญต่อการรักษาผลผลิตและความยั่งยืน ไอเอส และ FK1 เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพที่สามารถให้แนวทางที่ครอบคลุมในการป้องกันโรคและส่งเสริมผลผลิตสูงสุด การใช้วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเหมาะสมสามารถช่วยรักษาคุณภาพของต้นยาง ส่งเสริมการผลิตน้ำยาง สามารถป้องกันกำจัดโรค และเพิ่มผลผลิตได้เป็นอย่างดี

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

การป้องกันและกำจัด โรคราแป้งในยางพารา.

ต้นยาง มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคที่สามารถลดผลผลิต หนึ่งในโรคที่พบบ่อยที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อต้นยางคือโรคราแป้ง ซึ่งโรคเชื้อราที่สามารถทำให้เกิดการผลัดใบ ผลผลิตน้ำยางลดลง และถึงขั้นต้นตายได้.

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สารประกอบอินทรีย์ ที่ใช้เทคนิคการควบคุมไอออนได้รับการพัฒนาเพื่อป้องกันและกำจัดโรคเชื้อราในพืช หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ ไอเอส ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถควบคุมโรคราแป้งในต้นยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์.

อัตราผสมที่แนะนำสำหรับ ไอเอส คือ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร วิธีใช้ ไอเอส ให้ละลายผลิตภัณฑ์ 50 ซีซี ในน้ำ แล้วฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่มของต้นยาง ควรทำทุกๆ 15-20 วันเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถควบคุมโรคราแป้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อผลผลิตของต้นยางอย่างมากคือการจัดการธาตุอาหาร ต้นยางต้องการสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่สมดุล เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และอื่นๆ เพื่อเพิ่มผลผลิต สิ่งสำคัญคือต้องจัดหาสารอาหารเหล่านี้ในลักษณะที่สมดุลและยั่งยืน.

วิธีหนึ่งที่จะบรรลุเป้าหมายนี้คือการใช้ปุ๋ยทางใบเช่น FK1 ปุ๋ยนี้มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสีอย่างสมดุล รวมทั้งสารลดแรงตึงผิวที่ช่วยปรับปรุงการดูดซึมสารอาหารของพืช อัตราการผสมที่แนะนำสำหรับ FK1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน ให้ตัก 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สอง ผสมลงในน้ำ 20 ลิตร.

ด้วยการใช้แนวทางแบบองค์รวมที่ผสมผสานการใช้สารประกอบอินทรีย์ ไอเอส และปุ๋ยทางใบที่สมดุล เช่น FK1 เกษตรกรสามารถป้องกันและควบคุมโรคราแป้งในต้นยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มผลผลิตสูงสุด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับเกษตรกร.

สรุปได้ว่า การป้องกันและกำจัดโรคราแป้งในยางพาราต้องใช้วิธีที่ครอบคลุมทั้งการควบคุมโรคจากเชื้อราและการจัดการธาตุอาหาร ผลิตภัณฑ์อย่าง ไอเอส และ FK1 นำเสนอทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับความท้าทายเหล่านี้ ช่วยให้เกษตรกรสามารถรักษาต้นยางให้แข็งแรงและให้ผลผลิตได้ ในขณะเดียวกันก็ปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ด้วย

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

ส้มโอเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนเนื่องจากรสชาติที่หวานและมีรสเปรี้ยวรวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม ส้มโอไม่มีภูมิคุ้มกันต่อศัตรูพืชและโรค ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหนอน หนอนสามารถทำลายต้นส้มโอได้อย่างมาก และหากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบ อาจทำให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก

โชคดีที่มีวิธีป้องกันและกำจัดหนอนในส้มโอได้วิธีหนึ่งคือการใช้ Bacillus thuringiensis ยี่ห้อ Baserex หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าบาซิลิสก์

Bacillus thuringiensis (Bt) เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินซึ่งผลิตโปรตีนที่เป็นพิษต่อแมลงบางชนิด รวมทั้งหนอนด้วย โปรตีนนี้เรียกว่าคริสตัลท็อกซิน ซึ่งผลิตขึ้นในช่วงระยะสร้างสปอร์ของวงจรชีวิตของแบคทีเรีย เมื่อหนอนกินคริสตัล Bt มันจะจับกับตัวรับเฉพาะในลำไส้ นำไปสู่การทำลายผนังลำไส้และทำให้หนอนตายในที่สุด

แบรนด์ Baserex ของ Bt ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อกำหนดเป้าหมายหนอนที่มักเข้าทำลายส้มโอ เช่น หนอนเจาะผลส้มและหนอนเจาะผลส้มโอ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสูตรผงผสมกับน้ำแล้วทาที่ใบของต้นส้มโอ

ในการใช้ Baserex ควรเริ่มต้นด้วยการระบุการมีอยู่ของเวิร์มในต้นส้มโอ สิ่งนี้สามารถทำได้โดยการตรวจสอบผลไม้เพื่อหาร่องรอยของการขุดอุโมงค์หรือโดยการสังเกตแมลงเม่าที่บินรอบต้นไม้ เมื่อยืนยันการมีอยู่ของเวิร์มแล้ว ควรผสมผง Baserex กับน้ำตามคำแนะนำของผู้ผลิต

จากนั้นควรฉีดพ่นส่วนผสมนี้บนใบของต้นส้มโอ ให้แน่ใจว่าได้ครอบคลุมทุกส่วนของต้น รวมทั้งใต้ใบด้วย สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า Baserex ควรใช้ในช่วงระยะตัวอ่อนของวงจรชีวิตของหนอนเท่านั้น เนื่องจากจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในระยะนี้

Baserex ปลอดภัยสำหรับใช้ในต้นส้มโอ และไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์ เช่น ผึ้งและผีเสื้อ นอกจากนี้ยังปลอดภัยสำหรับการบริโภคของมนุษย์ เนื่องจากโปรตีนบีทีถูกย่อยสลายในระบบย่อยอาหารของมนุษย์และไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ

สรุปได้ว่า Bacillus thuringiensis ตรา Baserex เป็นวิธีการป้องกันและกำจัดหนอนในต้นส้มโอที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การใช้ Baserex เกษตรกรสามารถปกป้องต้นส้มโอของตนจากการเข้าทำลายของหนอน ทำให้ต้นมีสุขภาพแข็งแรงและให้ผลผลิตส้มโอที่อร่อยขึ้น

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า ttps://http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

สวนยางมักได้รับผลกระทบจากโรคต่างๆ ได้แก่ โรคเส้นดำที่เกิดจากเชื้อรา Phyllosticta spp. โรคนี้อาจทำให้ผลผลิตยางเสียหายอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อทั้งคุณภาพและปริมาณผลผลิตยาง.

โชคดีที่มีวิธีป้องกันและกำจัดโรคเส้นดำในยาง อย่างได้ผล เช่น การใช้สารประกอบ ไอเอส ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคเชื้อราในพืชด้วยเทคนิคการควบคุมไอออน เมื่อฉีดพ่นบนใบยาง ไอเอส สามารถซึมผ่านผนังเซลล์ของพืชและขัดขวางการเจริญเติบโตของเชื้อรา ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค.

การใช้ ไอเอส กับสวนยาง แนะนำให้ใช้อัตราผสม 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ละลายไอเอส 50 ซีซี ในน้ำ แล้วฉีดพ่นทางใบยาง ควรทำซ้ำวิธีนี้เป็นระยะเพื่อรักษาประสิทธิภาพของการรักษา.

นอกจากการป้องกันโรคแล้ว การเพิ่มผลผลิตยางให้ได้สูงสุดก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสวนยางเช่นกัน วิธีหนึ่งที่ทำได้คือการใช้ปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 ซึ่งมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และสารลดแรงตึงผิว ธาตุอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของต้นยางและสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตได้.

หากต้องการใช้ FK1 เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบสองถุง ต้องผสมใช้พร้อมกัน แนะนำให้ใช้อัตราการผสม 50 กรัมของถุงแรกและ 50 กรัมของถุงที่สองต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วฉีดพ่นที่ใบยาง ควรทำเป็นระยะๆ ตลอดฤดูปลูกเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเจริญเติบโตและผลผลิตที่เหมาะสม หมายเหตุ สามารถผสม ไอเอส ลงไปด้วยและคนให้เข้ากัน เพื่อฉีดพ่นป้องกันและบำรุงในคราวเดียวกัน.

สรุปได้ว่า การป้องกันและกำจัดโรคใบดำในยางโดยใช้ ไอเอส และการเพิ่มผลผลิตสูงสุดด้วยปุ๋ยฉีดพ่นทางใบ FK1 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสวนยางให้แข็งแรงและให้ผลผลิต การปฏิบัติตามอัตราการผสมที่แนะนำและวิธีการใช้งาน เกษตรกรผู้ปลูกยางสามารถรับประกันผลผลิตและผลกำไรที่เหมาะสม ในขณะที่รักษาสุขภาพและคุณภาพของพืชผลยางของพวกเขา

http://ไปที่..link..

เลือกซื้อ ไอเอส และ FK-1 เลื่อนลงล่างอีกนิดนะคะ

บาซิลิสก์ ตรา Baserex เป็นบาซิลลัสที่พบว่ามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและกำจัดหนอนฝีดาษในส้มโอ การค้นพบที่ก้าวล้ำนี้มีศักยภาพในการปฏิวัติอุตสาหกรรมเกรปฟรุตและมอบวิธีแก้ปัญหาที่คุ้มค่าสำหรับปัญหาสำคัญที่เกษตรกรทั่วโลกต้องเผชิญ

หนอนฝีดาษหรือที่เรียกว่าด้วงงวงส้มเป็นศัตรูพืชสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อพืชตระกูลส้ม รวมทั้งส้มโอ ตัวอ่อนของหนอนชนิดนี้กินรากของต้นส้มโอ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากและทำให้ผลผลิตของพืชลดลง วิธีการแบบดั้งเดิมในการควบคุมศัตรูพืชนี้เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งมักจะมีราคาแพงและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม การค้นพบบาซิลิสก์ แบรนด์ Baserex ได้เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับชาวสวนส้มโอ พบว่าบาซิลลัสนี้มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมหนอนฝีดาษโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม การใช้บาซิลิสก์ แบรนด์ Baserex เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและคุ้มค่าสำหรับเกษตรกร

บาซิลิสก์หรือยี่ห้อ Baserex เป็นบาซิลลัสที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งสร้างสปอร์ที่สามารถอยู่เฉยๆ ได้เป็นระยะเวลานาน เมื่อสปอร์สัมผัสกับหนอนไข้ทรพิษพวกมันจะงอกและปล่อยสารพิษที่ทำให้หนอนตายได้ สารพิษที่บาซิลิสก์ผลิตขึ้น ตรา Baserex มีความจำเพาะต่อหนอนฝีดาษ และไม่เป็นอันตรายต่อแมลงหรือสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ในดิน

การใช้ Basilisk แบรนด์ Baserex นั้นง่ายและตรงไปตรงมา สามารถใช้เป็นดินกลบหรือผ่านระบบชลประทาน สปอร์ของบาซิลลัสสามารถผสมกับสารพาหะและทาเป็นสูตรเม็ดได้ การใช้บาซิลิสก์ ตรา Baserex ทำได้ดีที่สุดก่อนปลูก แต่ก็สามารถใช้ได้ในช่วงฤดูปลูกเช่นกัน

ประโยชน์ของการใช้ Basilisk ตรา Baserex มีมากมาย เป็นวิธีแก้ปัญหาที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับปัญหาสำคัญที่ชาวสวนส้มโอต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังประหยัดค่าใช้จ่ายเนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีราคาแพง นอกจากนี้ การใช้บาซิลิสก์ ตรา Baserex ยังสามารถเพิ่มผลผลิตของส้มโอโดยป้องกันความเสียหายจากหนอนฝีดาษ

สรุปได้ว่า Basilisk แบรนด์ Baserex เป็นการค้นพบที่ก้าวล้ำในโลกของการปลูกส้มโอ บาซิลลัสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้มีศักยภาพในการปฏิวัติวิธีที่เกษตรกรควบคุมหนอนฝีดาษ ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อพืชผลส้มโอทั่วโลก คุณสมบัติทางธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจแทนการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและคุ้มค่าสำหรับเกษตรกร การใช้ Basilisk ซึ่งเป็นแบรนด์ Baserex เป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นซึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ดีสำหรับอนาคตของการทำฟาร์มส้มโอ

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

บาซิลลัส ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Baserex เป็นบาซิลลัสที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ป้องกันและกำจัดหนอนเจาะผลในผลส้มโอ หนอนเจาะผลเป็นปัญหาทั่วไปสำหรับผู้ปลูกส้มโอ และอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อพืชผลหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ตรวจสอบ บาซิลิสก์เป็นสารละลายอินทรีย์ที่สามารถช่วยป้องกันศัตรูพืชเหล่านี้ไม่ให้สร้างความเสียหายแก่พืชผลส้มโอ

บาซิลิสก์เป็นบาซิลลัสชนิดหนึ่งที่เจาะจงไปที่หนอนเจาะผล Bacillus thuringiensis เป็นสารออกฤทธิ์ใน Basilisk ซึ่งเป็นแบคทีเรียในดินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งผลิตสารพิษที่ทำลายตัวอ่อนของแมลงหลายชนิด รวมถึงหนอนเจาะผล เมื่อใช้กับต้นเกรปฟรุต บาซิลิสก์จะแพร่เชื้อไปยังตัวอ่อนของหนอนเจาะผล และทำให้พวกมันหยุดกินอาหารและตายภายในสองสามวัน

ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์คือเป็นสารละลายอินทรีย์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหรือแมลงที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ปลอดภัยที่จะใช้กับต้นส้มโอและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์หรือสัตว์ นอกจากนี้ บาซิลิสก์ยังสมัครได้ง่ายและไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษหรือการฝึกอบรมใดๆ

ในการใช้บาซิลิสก์ ขอแนะนำให้ใช้เมื่อสัญญาณแรกของการรบกวนของหนอนเจาะผล เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถป้องกันศัตรูพืชไม่ให้สร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อพืชผลส้มโอ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นี้โดยใช้เครื่องพ่นสารเคมีได้ และสิ่งสำคัญคือต้องฉีดให้ทั่วทั้งต้น รวมถึงลำต้น กิ่งก้าน และผล

สรุปได้ว่าบาซิลิสก์เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดหนอนเจาะผลในผลส้มโอ เป็นสารละลายอินทรีย์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือแมลงที่มีประโยชน์ ใช้งานง่าย การใช้บาซิลิสก์สามารถช่วยให้แน่ใจว่าผู้ปลูกส้มโอสามารถปกป้องพืชผลของตนจากการทำลายของหนอนเจาะผลและเพิ่มผลผลิตได้

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..

บาซิลิสก์: บาซิลลัสสำหรับป้องกันและกำจัดหนอนชอนใบในส้มโอ

ส้มโอเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกกันมากในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน อย่างไรก็ตาม ต้นส้มโอมักถูกแมลงศัตรูพืชโจมตี เช่น หนอนชอนใบ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อผลผลิต ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความสนใจเพิ่มขึ้นในการใช้วิธีควบคุมทางชีวภาพเพื่อจัดการการระบาดของศัตรูพืช วิธีหนึ่งคือการใช้สายพันธุ์ Bacillus thuringiensis (Bt) โดยเฉพาะสายพันธุ์ Baserex ที่รู้จักกันในชื่อ Basilisk ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดหนอนชอนใบในส้มโอ

Bacillus thuringiensis เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในดินซึ่งผลิตสารพิษจากโปรตีนซึ่งเป็นอันตรายต่อแมลงศัตรูพืชบางชนิด สารพิษบีทีมีความจำเพาะต่อแมลงบางกลุ่ม และไม่เป็นอันตรายต่อแมลง นก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีประโยชน์อื่น ๆ ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับการควบคุมศัตรูพืช สารพิษ Bt มักใช้เป็นสเปรย์หรือสูตรฝุ่นที่ใช้กับใบของพืชผล

บาซิลิสก์ยี่ห้อ Baserex เป็นสายพันธุ์เฉพาะของ Bacillus thuringiensis ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ควบคุมหนอนชอนใบในส้มโอ ผลิตภัณฑ์นี้มีจำหน่ายในรูปแบบของเหลวและสามารถใช้ได้โดยใช้เครื่องพ่นธรรมดา พบว่าบาซิลิสก์มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการแพร่ระบาดของหนอนชอนใบ โดยสามารถลดจำนวนแมลงศัตรูพืชได้มากถึง 90% หลังการใช้

ข้อดีหลักประการหนึ่งของการใช้บาซิลิสก์ในการควบคุมสัตว์รบกวนคือเป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยสำหรับยาฆ่าแมลงสังเคราะห์ สารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์สามารถส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและยังสามารถนำไปสู่การพัฒนาของความต้านทานสารกำจัดศัตรูพืชในศัตรูพืช ในทางตรงกันข้าม การใช้บาซิลิสก์เป็นวิธีการควบคุมทางชีวภาพนั้นไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและไม่น่าจะนำไปสู่การเกิดความต้านทานต่อประชากรหนอนชอนใบ

ข้อดีอีกประการของการใช้บาซิลิสก์คือมีความเสี่ยงต่ำต่อความเป็นพิษต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมาย สารพิษบีทีที่บาซิลิสก์ผลิตขึ้นมีความจำเพาะต่อแมลงบางกลุ่ม และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ นก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในพื้นที่ที่มีผู้คนและสัตว์อยู่

โดยสรุป การใช้บาซิลิสก์สายพันธุ์ Bacillus thuringiensis เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการป้องกันและกำจัดหนอนชอนใบในส้มโอ เป็นทางเลือกตามธรรมชาติสำหรับสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์ และมีความเสี่ยงต่ำต่อความเป็นพิษต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เป้าหมายอื่นๆ ด้วยความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการเกษตรแบบยั่งยืน การใช้วิธีการควบคุมทางชีวภาพ เช่น บาซิลิสก์ มีแนวโน้มที่จะเป็นที่นิยมมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

ช่วยป้องกันและกำจัดแมลงในระยะ หนอน ในสวนไร่และแปลงผัก เช่น

หนอนใยผัก หนอนคืบกะหล่ำ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม
หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนร่าน หนอนแปะใบส้ม หนอนไหมป่า
หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนแก้วส้ม หนอนกินสนสามใบ
หนอนหัวดำมะพร้าว หนอนผีเสื้อ หนอนกินใบผัก หนอนบุ้ง หนอนคืบละหุ่ง

วิธีการใช้งาน

- ผสมน้ำ 75 กรัมหรือ 6 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร

- ฉีดพ่น ใบ กิ่ง ก้าน และ ลำต้น

- ฉีดพ่นเฉพาะในช่วงเย็นตอนที่มีแดดร่ม ลมสงบ

- ฉีดทุก 3-5 วัน

- สามารถใช้รวมกับเชื้อเมธาไรเซียม และ บิวเวอร์เรีย

- ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเคมี

ปลอดภัยต่อพืช สัตว์ และมนุษย์ จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค และผู้ใช้

ไม่มีพิษตกค้างเมื่อพ่น สามารถนำพืชมาบริโภคได้ทันที
มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ จึงสามารถใช้แทนสารเคมีกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้

❌ไม่ควรผสมเชื้อ บี ที กับสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช โดยเฉพาะสารที่ออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น สารปฏิชีวนะและสารประกอบทองแดง คอปเปอร์ คลอไรด์ เป็นต้น❌

!! ควรฉีดพ่นช่วงเช้าหรือเย็นที่มีแสงแดดอ่อน 06.00-09.00 น. หรือ 16.00-18.00 น.!!
** เพิ่มประสิทธิภาพจุลินทรีย์ ควรเเช่เชื้ออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เชื้อกระจายตัว**
** ควรผสมสารจับใบทุกครั้ง **
**หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นขนาดมีแสงแดดจัด หรือลมพัดแรง **บาซีเร็กซ์ : เชื้อบาซิลลิซ

สั่งซื้อ
โทร 097-918-3530
facebook โรงงานปุ๋ยไดโนเร็กซ์
ไลน์ janemini1112
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link..