data-ad-format="autorelaxed">
ความเป็นมาของกาแฟในประเทศไทย กาแฟเป็นพืชที่มีที่มาจากทางเขตร้อนชื้นในแอฟริกา จากนั้นกาแฟได้แพร่หลายไปยัง ประเทศเขตร้อนชื้นต่างๆทั่วโลกและในศตวรรษที่ 17และ18 เป็นปีที่กาแฟได้เข้ามาแพร่หลาย ในประเทศเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียตะวันตกเป็นครั้งแรก อุตสาหกรรมกาแฟใน ประเทศไทยนั้นจะว่าไปแล้วยังถือว่าใหม่อยู่มาก ตามสถิติของทางราชการ เนื้อที่แปลงเพาะปลูก กาแฟทั้งหมดภายในปี 1960 มีเพียงแค่ 19, 000 ไร่(หรือประมาณ 7,600 เอเคอร์) และ ผลิตกาแฟได้เพียง 750 ตัน แต่ภายในปีเดียวกันนั้นเองประเทศไทยต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์พืชผล กาแฟเกือบจะ 6,000 ตัน เพื่อเป็นการปรับดุลย์การค้ารัฐบาลไทยได้ตั้งโครงการรณรงค์ และสนับสนุนกาแฟโรบัสตาที่ปลูกได้ทางภาคใต้ซึ่งได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี
โครงการนี้มีการผูกพันเกี่ยวเนื่องต่อไปในอนาคตเมื่อการปลูกพืชทดแทน การปลูกฝิ่น กลายเป็นโครงการของรัฐบาลอย่างเป็นทางการในปี 1970 เมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระ บรมราชินีนาถและพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ อีกทั้งยังมีองค์การสหประชาชาติ และองค์การทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลอื่นๆอีกมากมายที่ให้การสนับสนุนชาวไร่ ชาวเขาที่อาศัยอยู่ในเขตสามเหลี่ยมทองคำและตามแนวเขตแดนพม่าและลาว จึงเริ่มหันมาสนใจปลูกกาแฟพันธุ์อราบิกากัน
ประเทศไทยเป็นชาติ ที่มีกาแฟเป็นสินค้าออกอย่างเป็นทางการในปี 1976 เราส่งกาแฟโรบัสต้ากว่า 850 ตัน ออกขายในตลาดโลก ในช่วงปี 1980 ราคาในตลาดโลกมีความแข็งแกร่ง จึงช่วยให้การส่งออกมีการเติบโต ไปในทิศทางที่ดี ในปีต่อมาและถึงจุดสูงสุดในช่วง ปี 1991-1992 ที่อัตรา 60, 000 ตัน ความล้มเหลวของ "สัญญากาแฟสากล"ในเดือนกรกฎาคมปี 1989 และภาวะราคากาแฟโลกที่ตกต่ำจากผลผลิตที่ล้นตลาดมีผลกระทบ ที่รุนแรงต่อชาวไร่กาแฟอย่างรุนแรง
รัฐบาลไทยต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกระทันหัน เมื่อเผชิญหน้ากับ สถานการณ์การคุกคามของการมีอัตราการเสนอขายที่มากกว่าความต้องการซื้อ จนเกินไปและเริ่มลดกำลังผลิตภายใต้แผนห้าปี(1992-1997) ให้ชาวไร่กาแฟ เปลี่ยนไปปลูกพืชผลอย่างอื่น เนื่องจากพยายามที่จะลดเนื้อที่ในการเพาะปลูกกาแฟ จากที่เกือบจะถึง 500,000 ไร่(หรือประมาณ 200, 000 เอเคอร์)
อ้างอิง:http://student.nu.ac.th