<กลับหน้าค้นข้อมูล
แจ้งลิงค์ในเนื้อหาเสีย
มันสำปะหลังราคาตกต่ำ 1.80 บาท ต่อ กก. ต้นปี 68นี้ กลางปีจะดีขึ้นไหม?
สถานการณ์มันสำปะหลังในปี 2568: ราคาตกต่ำ ผลกระทบ และแนวโน้มอนาคต
ในช่วงต้นปี 2568 เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อราคามันสำปะหลังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยราคาหัวมันสดอยู่ที่ประมาณ 1.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องหาทางปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สาเหตุที่ทำให้ราคามันสำปะหลังตกต่ำ
ผลผลิตล้นตลาด
ในปี 2568 ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง ส่งผลให้เกิดอุปทานล้นตลาด ทำให้ราคาปรับตัวลดลง
ความต้องการจากต่างประเทศลดลง
แม้ว่าจีนจะยังเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย แต่นโยบายการนำเข้าของจีนที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการสั่งซื้อลดลง
การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและกัมพูชาเริ่มขยายการปลูกมันสำปะหลังมากขึ้น และเสนอราคาที่แข่งขันได้มากกว่า ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของไทยลดลง
มาตรการแก้ไขจากภาครัฐและแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร
ท่ามกลางวิกฤติราคามันสำปะหลังที่ลดลง รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการหลายประการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและกระตุ้นตลาด
การเจรจาขยายตลาดส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งเจรจากับจีนเพื่อเพิ่มปริมาณการนำเข้ามันสำปะหลังของไทย ล่าสุดมีข้อตกลงนำเข้ากว่า 1.68 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5_314.95 ล้านบาท
ส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในประเทศ
รัฐบาลกำลังผลักดันให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมเอทานอลเพิ่มการใช้มันสำปะหลังในกระบวนการผลิต เพื่อลดผลผลิตส่วนเกินในตลาด
โครงการประกันรายได้เกษตรกร
มีการพิจารณาปรับปรุงโครงการประกันรายได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อช่วยลดความเดือดร้อนของเกษตรกร
แนวโน้มอนาคตของราคามันสำปะหลัง
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าราคามันสำปะหลังอาจเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงกลางปี 2568 หากมาตรการของรัฐบาลสามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้สำเร็จ รวมถึงการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากจีน เช่น อินเดียและยุโรป
นอกจากนี้ เกษตรกรอาจต้องปรับตัวโดยการเพิ่มคุณภาพของผลผลิต หันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ และลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ฮิวมิค FK: ทางเลือกใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง
หนึ่งในวิธีที่เกษตรกรสามารถใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต คือ การใช้ฮิวมิค FK ซึ่งเป็นสารอินทรีย์สกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยปรับปรุงดิน เพิ่มการดูดซึมธาตุอาหาร และทำให้พืชแข็งแรงขึ้น
✅ ช่วยเพิ่มผลผลิต – ฮิวมิค FK กระตุ้นการแตกรากและการดูดซึมสารอาหาร ทำให้ต้นมันสำปะหลังเจริญเติบโตได้ดีขึ้น และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง
✅ ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี – ช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารจากดินได้ดีขึ้น ทำให้สามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพผลผลิต
✅ เพิ่มความต้านทานต่อโรคและสภาพอากาศ – พืชที่แข็งแรงจากการใช้ฮิวมิค FK จะสามารถต้านทานโรคพืชและสภาพอากาศที่แปรปรวนได้ดีขึ้น ลดโอกาสสูญเสียผลผลิต
บทสรุป
ปี 2568 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐและการปรับตัวของเกษตรกรเอง คาดว่าอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยยังคงมีอนาคตที่สดใสหากสามารถแก้ไขปัญหาการตลาดและการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากเกษตรกรต้องการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต ฮิวมิค FK เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับต้นมันสำปะหลัง และช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮิวมิค FK และวิธีการใช้งาน สามารถติดต่อผู้จัดจำหน่ายหรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการฟาร์มของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน