ฟาร์มเกษตร
ครบเครื่อง เรื่องปุ๋ยยา
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้าจากฟาร์มเกษตร
1. โทรสั่งซื้อที่ 089-459-9003
2. แอดไลน์ไอดี PrimPB แชทสั่งซื้อ
3. สั่งทางเฟสปริม เฟสบุ๊คปริมคลิกที่นี่
4. สั่งผ่านะระบบตระกร้าสินค้า FKX.asia
5. สั่งผ่านเว็บลาซาด้า LAZADA.co.th
ทุกช่องทาง ชำระเงินขณะรับสินค้าที่บ้านคุณ
หมวด: ห้องปศุสัตว์ | อ่านแล้ว 6249 คน | สั่งพิมพ์หน้านี้ | L

พลวงชมพู ปลาเศรษฐกิจใหม่-กิโลกรัม2พัน!

พลวงชมพู ปลาเศรษฐกิจใหม่-กิโลกรัม2พัน!

พลวงชมพู - ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปลาพลวงชมพูเป็นปลาที่อยู่ในตระกูลเดียวกับปลาเวียน และปลา..

data-ad-format="autorelaxed">

พลวงชมพู

"พลวงชมพู"เป็นปลาน้ำจืดประจำท้องถิ่นจังหวัดยะลา นราธิวาส มีชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นภาคใต้ว่า ปลากือเลาะห์ หรือ อีแกกือเลาะห์ เป็นปลาที่มีเนื้อรสชาติดี สามารถรับประทานได้ทั้งเกล็ด ในปัจจุบันตลาดการเลี้ยงปลาสวยงามก็กำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูง เนื่องจากเป็นปลาที่มีความโดดเด่นในสีของเกล็ดที่มีลักษณะเป็นสีชมพู บริเวณครีบหลังและครีบหางเป็นสีแดง

           

ลักษณะนิสัยและความเป็นอยู่ของปลาชนิดนี้ จะเป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในบริเวณแหล่งน้ำที่น้ำไหลผ่าน มีน้ำค่อนข้างเย็น มีปริมาณออกซิเจนสูง เช่น น้ำตก หรือบริเวณต้นแม่น้ำสายหลักในพื้นที่จังหวัดยะลาและนราธิวาส โดยเฉพาะแม่น้ำปัตตานี และป่าฮาลา –บาลา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปลาพลวงชมพูได้รับการประกาศให้เป็นปลาประจำจังหวัดยะลาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2558 

 

 ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปลาพลวงชมพูเป็นปลาที่อยู่ในตระกูลเดียวกับปลาเวียน และปลาพลวงหิน เป็นปลาที่รู้จักกันในภาคอื่นเรียกว่า “ปลาเวียน” ซึ่งปัจจุบันปลาชนิดนี้ได้ลดจำนวนลงมากจนถึงใกล้สูญพันธุ์ เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถเพาะพันธุ์และเลี้ยงได้ จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา กรมประมง จึงได้ศึกษาวิจัยปลาชนิดนี้มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2515 และได้ดำเนินการศึกษาวิจัยปลาพลวงชมพูมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ได้โดยใช้พ่อแม่พันธุ์ในบ่อดินและบ่อซีเมนต์ ทางกรมประมง เตรียมส่งเสริมและผลักดันปลาชนิดนี้ให้เป็นปลาเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาได้ต่อไป

 
นายสนธิพันธ์ ผาสุขดี ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด เปิดเผยว่า ปลาพลวงชมพูนับเป็นปลาธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่มีศักยภาพในการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เนื่องจากเป็นปลาที่นิยมรับประทานใน ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่นิยมรับประทานปลาชนิดนี้กันมาก แต่ติดที่มีกฎหมายห้ามจับปลาชนิดนี้ตามธรรมชาติมารับประทาน รวมถึงในมาเลเซียก็ยังไม่สามารถวิจัยเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ปลาชนิดนี้ได้ ประกอบกับปลาชนิดนี้เป็นปลาธรรมชาติที่ใกล้สูญพันธุ์  กรมประมงได้ตระหนักและเห็นว่าปลาชนิดนี้มีศักยภาพในทางเศรษฐกิจจึงทำการศึกษาวิจัยเพาะขยายพันธุ์
 
 

จากความสำเร็จของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา กรมประมง ที่สามารถทำการวิจัยและเพาะขยายพันธุ์ได้ โดยสามารถเพาะเลี้ยงได้ทั้งบ่อดิน และบ่อซีเมนต์ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้ปลาชนิดนี้เป็นปลาเพื่อการส่งออกและทำตลาดในประเทศและต่างประเทศได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จุดเด่นของปลาชนิดนี้คือ เป็นปลาที่สามารถรับประทานได้ทั้งเกล็ด ให้เนื้อสัมผัสดี รสชาติอร่อย สามารถใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งแกง ต้ม นึ่งซีอิ๋ว และทอด ซึ่งคาดว่าในอนาคตปลาพลวงชมพู จะเป็นปลาเกรดพรีเมี่ยมอีกชนิดที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและประเทศได้อย่างแน่นอน

           

นายนพดล จินดาพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันหลังจากที่กรมประมงสามารถเพาะขยายพันธุ์ปลาพลวงชมพูได้แล้ว ล่าสุดนี้ทางศูนย์ฯ ได้นำร่องส่งเสริมการเลี้ยงปลาพลวงชมพูด้วยการแจกพันธุ์ปลาพลวงชมพูให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดยะลาไปทดลองเลี้ยงพร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิด จำนวน 50 ราย ทั้งเลี้ยงเดี่ยว และเลี้ยงร่วมกับปลาจีน เนื่องจากปลาพลวงชมพูเป็นปลาที่ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยง 1–2 ปี  ซึ่งมีระยะเวลาเท่ากันกับปลาจีน โดยทั่วไปน้ำหนักปลาพลวงชมพูที่ตลาดต้องการ ประมาณ 1 กิโลกรัมขึ้นไป หรือถ้าขนาดใหญ่ก็จะขายได้ราคาดี

         

ดังนั้น การเลี้ยงร่วมกันนอกจากจะช่วยส่งเสริมด้านสภาพแวดล้อมแล้วและสร้างรายได้ที่ดีให้เกษตรกรมากขึ้น ในด้านราคาทางตลาดปลาจีนจะขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท แต่ปลาพวงชมพูจะขายกิโลกรัมละ 2,000 บาท และในแถบประเทศเพื่อนบ้านเราบางประเทศปลาพลวงชมพูขนาดตัวละ 2–3 กิโลกรัม. ราคาจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 6,000 – 7,000 บาท ดังนั้นการเลี้ยงปลาพลวงชมพูถึงแม้จะใช้ระยะเวลานานในการเลี้ยงแต่เมื่อสามารถจับขายได้ก็จะสร้างมูลค่าที่แตกต่างกับปลาจีนอย่างเห็นได้ชัด

 

ด้านปัญหาและอุปสรรคในการเลี้ยงปลาพลวงชมพูส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของอัตราการรอด เนื่องจากเป็นปลาที่มีไข่ปริมาณน้อยกว่าปลาน้ำจืดชนิดอื่นๆ 500-1,000 ตัว และพ่อ-แม่พันธุ์ที่มีจำนวนจำกัด ส่วนใหญ่ทางกรมประมงจะรวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติและนำมาขุนเพื่อให้พ่อ-แม่พันธุ์สมบูรณ์เพศแข็งแรงพร้อมผสมพันธุ์ เพนะเป็นปลาในกลุ่มที่โตช้า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรมประมงเพาะขยายพันธุ์จนประสบความสำเร็จ นอกจากนักวิจัยจะดูแลเอาใจใส่ในเรื่องอาหาร ความสมบูรณ์พ่อแม่พันธุ์แล้ว ขั้นตอนการเลี้ยงก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกันจะต้องเลี้ยงด้วยระบบน้ำไหล หรือมีน้ำหมุนเวียนตลอดเวลา เนื่องจากปลาจะมีพฤติกรรมชอบอยู่ตามต้นน้ำ ชอบน้ำไหล และเป็นปลาที่ต้องการออกซิเจนตั้งแต่ 5-8 ppm

         

ทั้งนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่ที่กรมประมงเข้าไปส่งเสริมความรู้ในการเลี้ยงปลาพลวงชมพูในอำเภอเบตง จ.ยะลา จะแนะนำให้เกษตรกรเลี้ยงแบบธรรมชาติด้วยการนำน้ำจากต้นน้ำโดยตรง หรือแหล่งน้ำธรรมชาติและปล่อยให้ไหลผ่านระบายออกไป การปล่อยลูกปลาจะปล่อย 1-5 ตัว/ตารางเมตร ส่วนการให้อาหารนั้นจะใช้อาหารปลาทั่วไป เช่น อาหารปลาดุก ให้วันละ 2 ครั้งเช้า- เย็น ให้ครั้งละ 2-3% ของน้ำหนักตัวทำเช่นนี้จนสามารถจับขายได้ โดยรวมขั้นตอนการเลี้ยงนั้นไม่ซับซ้อนมากนัก แต่มีปัจจัยหลักที่สำคัญเพียงเรื่องเดียวคือน้ำจะต้องหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ เพื่อที่จะควบคุมปริมาณออกซิเจนไม่สูงหรือต่ำกว่าที่กำหนด มิฉะนั้น อาจส่งผลต่อผลผลิตปลาได้

       

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการนำร่องส่งเสริมให้ความรู้กับเกษตรกรในการเพาะเลี้ยงปลาพลวงชมพูแล้วนั้นทางด้านตลาดก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะปลาพลวงชมพู เป็นปลาที่มีความต้องการของตลาด โดยตลาดหลักจะอยู่ที่ประเทศมาเลเซียซึ่งนิยมรับประทานปลาชนิดนี้มาก แต่ไม่สามารถจับได้ตามธรรมชาติเนื่องจากติดข้อกฎหมาย จึงทำให้มาเลเซียเตรียมสั่งนำเข้าปลาพลวงชมพูจากเกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริมการเลี้ยงอยู่ในขณะนี้ 

       

ทั้งนี้ เกษตรกร ผู้สนใจ สามารถโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมประมง โทรศัพท์และโทรสาร 0 2562 0569 หรือ 0 2562 0600-15 ต่อ 7710, 7711 ในวันเวลาราชการ

 

source: thaiagrinews.net/news/418488/หนุนเลี้ยง“พลวงชมพู”ปลาเศรษฐกิจใหม่-กิโลกรัม2พัน!.html


อ่านเรื่องนี้แล้ว : 6249 คน £




ความคิดเห็นจากผู้อ่าน:

สุพัตรา สุขคุ้ม
[email protected]
อยากเลี้ยงจนเป็นรายได้ค่ะ
24 ธ.ค. 2559 , 03:13 PM  e
0 ชอบ|0 ไม่ชอบ

ส่งความคิดเห็น



เลือกหมวด :

แสดงเนื้อหารวมจากทุกหมวด, สินค้าเกษตร, ไอเดียและเทคโนโลยีเกษตร, รวม VDO เด่นจาก FK, นาข้าว, เศรษฐกิจเกษตร, ภาพถ่ายเกษตร, ไร่อ้อย, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน, ไร่ข้าวโพด, ผักและการปลูกผัก, การปลูกพืช, ไม้ผล ไม้ยืนต้น, เกษตรน่ารู้, สมุนไพร, ไม้มงคล, พุทธศึกษา, FK Talk, สุขภาพ, การใช้ SUN กับพืชต่างๆ, แอพฯด้านเกษตร, ไม้ดอก ไม้ประดับ, องค์กรด้านเกษตร, ซื้อขายที่ดิน, ห้องปศุสัตว์, ประมง, เกษตรกรตัวอย่าง, ฟาร์มเกษตรพาเที่ยว, FK Freestyle, Agri live update, ออแกนิกส์, จักรกล, อุปกรณ์การเกษตร, ไร่กาแฟ,


แสดงทั้งหมดใน [ห้องปศุสัตว์]:
ไทยไฟเขียว นำเข้าเนื้อวัวเนเธอร์แลนด์ ย้ำปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ใน พ.ศ.2559 กรมปศุสัตว์ได้อนุมัติ อย่างเป็นทางการให้เนเธอร์แลนด์ส่งออกเนื้อลูกวัวและเนื้อวัวมายังประเทศไทย
อ่านแล้ว: 7387
ไก่โคราช เลี้ยงง่าย โตไว
ไก่เนื้อโคราช เป็นไก่ลูกผสมเกิดจากการผสมพันธุ์ ของพ่อพันธุ์พื้นเมือง ไก่เหลืองหางขาวของกรมปศุสัตว์ กับแม่พันธุ์ ไก่ มทส.
อ่านแล้ว: 7613
ไฟเขียวนำเข้าเนื้อวัวเนเธอร์แลนด์!!!
ย้ำปลอดภัยต่อผู้บริโภค-พรีเมี่ยม ขณะที่ไทยขยายเวลานำเข้าลูกไก่-ไข่ฟัก หลังโรควัวบ้าระบาดในยุโรปทำส่งออก-นำเข้าชะงัก
อ่านแล้ว: 7134
เลี้ยงวัวทุนน้อย แต่ครบวงจร ทำได้ไหม รวยได้ไหม?
ผมเลี้ยงวัวแม่พันธุ์เอาไว้ 4 ตัว อีก 4 ตัวเป็นวัวที่กำลังขุนอยู่ ก็ทำตามกำลังทุนและกำลังกายที่เรามี
อ่านแล้ว: 8329
โคเนื้อกำแพงแสน สร้างรายได้ ม.เกษตรฯกระจายพันธุ์ ช่วยเกษตรกรดันรายได้สุทธิพุ่ง
เกษตรกรที่เลี้ยงโคเนื้อกำแพงแสนแบบขุนขาย พบว่ามีต้นทุน 39,682.50 บาทต่อตัว หรือ 70.86 บาทต่อกิโลกรัม
อ่านแล้ว: 6877
คนเลี้ยงหมู สุดช้ำ แม้เงินเฟ้อ แต่ราคากลับถูกลง
อ้างเหตุผลความต้องการลดลงในช่วงปิดเทอมและเทศกาลกินเจ
อ่านแล้ว: 5920
ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์
การเตรียมดิน พืชอาหารสัตว์ เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโตอย่างมาก ในแปลงปลูกหญ้า จึงต้องโค่นตัดต้นไม้ออก
อ่านแล้ว: 6319
หมวด ห้องปศุสัตว์ ทั้งหมด >>