[sort by : last post | top views]..
+ โพสเรื่องใหม่ | + เลือกหน้า | All contents

ติดตามสินค้าที่คุณสั่ง
คุณ วิโรจน์ เนียมมาลัย, Saturday 20 April 2024 13:27:32, เลขจัดส่ง SMAM000รออัพเดท
คุณ กฤษณา วงษ์ประโคน, Saturday 20 April 2024 13:26:06, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ พรสุข เกิดเอี่ยม, Saturday 20 April 2024 13:24:49, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ มานพ แก้งสุยะ, Saturday 20 April 2024 13:23:29, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ กรรยาณี เสน่ห์ดี, Saturday 20 April 2024 13:20:57, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ ชื่นจิตร ต้นศรี, Saturday 20 April 2024 12:29:06, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ กรรยาณี เสน่ห์ดี, Saturday 20 April 2024 12:28:02, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ ศิริพร ปราบแทน, Saturday 20 April 2024 12:23:47, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ จินตนา เปรมศรี, Saturday 20 April 2024 12:22:54, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
คุณ จำนงค์ โปปัญจมะกุล, Saturday 20 April 2024 12:21:32, เลขจัดส่ง FLASH EXPRESS
ดูรายการจัดส่งทั้งหมด
ขั้นตอนการปลูกข้าวโพดหวาน วิธีปลูกข้าวโพด การให้น้ำข้าวโพดหวาน
1.46.167.149: 2563/12/27 09:37:25
ขั้นตอนการปลูกข้าวโพดหวาน วิธีปลูกข้าวโพด การให้น้ำข้าวโพดหวาน
วิธีการปลูกและการให้น้ำข้าวโพดหวาน

แม้ว่าการปลูกข้าวโพดหวานสามารถทำได้ตลอดปีถ้ามีแหล่งน้ำเพียงพอ อย่างไรก็ตามผลผลิตและคุณภาพข้าวโพดหวานอาจจะแตกต่างไปตามฤดูกาล นอกจากนี้พันธุ์บางพันธุ์อาจตอบสนองต่อฤดูปลูกแตกต่างกัน โดยทั่วไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ จะให้ผลผลิตต่ำกว่าในช่วงอื่น ๆ เนื่องจากอากาศเย็น ขณะที่การปลูกในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม จะได้ผลผลิตดีกว่าช่วงอื่น ๆ ไม่มีโรคราน้ำค้างระบาดและปัญหาวัชพืชซึ่งจะน้อยกว่าการปลูกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เพราะผลผลิตบางส่วนอาจเสียหายได้เนื่องจากช่วงดังกล่าวฝนตกชุก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมหรือน้ำขังในแปลงปลูกได้ง่าย โดยเฉพาะในแปลงที่มีระบบการระบายน้ำไม่ดี
การเตรียมดิน

ในการปลูกข้าวโพดหวานควรมีการเตรียมดินอย่างดี เพื่อช่วยกำจัดวัชพืชย่อยเศษซากพืชและคลุกเคล้าอินทรียวัตถุ อีกทั้งยังเป็นการทำลายโรคและแมลงบางชนิดที่เป็นศัตรูข้าวโพด โดยทั่วไปการเตรียมดินควรปฏิบัติ ดังนี้

1. ไถด้วยผาลสาม 1 ครั้ง ลึก 20-30 เซนติเมตร และตากดิน 7-10 วัน แล้วพรวนด้วยผาลเจ็ด 1 ครั้ง แล้วคราดเก็บเศษซาก ราก เหง้า หัว ไหล ของวัชพืชออกจากแปลงให้หมด

2. เก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์ ถ้าพบว่าดินมีความเป็นกรดต่ำกว่า 5.5 ให้หว่านปูนขาว อัตรา 100-200 กิโลกรัมต่อไร่แล้วพรวนกลบ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 14 วัน ก่อนปลูกข้าวโพดหวาน

3. ถ้าดินมีอินทรียวัตถุต่ำกว่า 1.5 ให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้ว อัตรา 500-1_000 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วพรวนดินกลบ

วิธีการปลูก

เมล็ดพันธุ์ที่นำมาปลูกควรมีความงอกสูงกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ หยอด 1 เมล็ดต่อหลุม โดยใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1.0-1.2 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ถ้าเมล็ดพันธุ์มีความงอกต่ำกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ควรหยอดเมล็ด 1-2 เมล็ดต่อหลุม และหยอดลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร ซึ่งใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากพันธุ์ข้าวโพดหวานที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่ต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง ดังนั้นก่อนปลูกทุกครั้งต้องคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเมตาแลกซิล อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้าง สำหรับอัตราปลูกที่เหมาะสมของข้าวโพดหวานเพื่ออุตสาหกรรมการแปรรูปควรอยู่ในช่วง 8_500-11_00 ต้นต่อไร่ ซึ่งการจัดระยะปลูกสามารถทำได้โดย

1. ใช้ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร และระยะระหว่างต้น 20-25 เซนติเมตร เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 10-14 วัน ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม จะได้จำนวนต้นประมาณ 8_533-10_667 ต้นต่อไร่

2. ใช้ระยะระหว่างแถวและระยะระหว่างต้นเท่ากัน คือ ประมาณ 40 เซนติเมตร เมื่อข้าวโพดมีอายุประมาณ 10-14 วัน ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้นต่อหลุม จะได้จำนวนต้นประมาณ 10_000 ต้นต่อไร่

การให้น้ำ

การขาดน้ำทุกระยะการเจริญเติบโตจะมีผลให้ผลผลิตและคุณภาพของข้าวโพดลดลง ก่อนการปลูกเกษตรกรต้องมีการวางแผนวิธีการให้น้ำที่เหมาะสมกับสภาพแปลงปลูก โดยทั่วไปการให้น้ำมีหลักปฏิบัติ ดังนี้

1. ให้น้ำทันทีหลังปลูกและหลังการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง หลังจากนั้นให้น้ำทุก 7-12 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วิธีการให้น้ำที่เกษตรกรปฏิบัติมีอยู่ 2 แบบ คือ ให้น้ำตามร่องคูและให้น้ำแบบพ่นฝอย (Sprinkler) ซึ่งการให้น้ำแบบพ่นฝอยควรให้น้ำแต่ละครั้งประมาณ 35-40 มิลลิลิตร ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศและชนิดของดิน เช่น ถ้าดินที่ใช้ปลูกเป็นดินทรายหรือดินร่วน ควรให้น้ำถี่กว่าดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียว เพราะดินดังกล่าวมีความสามารถในการเก็บความชื้นไว้ นอกจากนี้ในช่วงการเจริญเติบโต หากสภาพอากาศมีอุณหภูมิสูงหรือมีลมแรงก็ควรมีการให้น้ำถี่ขึ้น

2. หากพบว่าใบข้าวโพดหวานเหี่ยวหรือม้วนในช่วงเช้าหรือเย็น แสดงว่าขาดน้ำต้องรีบให้น้ำทันที

3. หลังการให้น้ำต้องระวังไม่ให้น้ำท่วมขังในแปลงนานเกิน 24 ชั่วโมง เพราะข้าวโพดหวานจะชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลงหรืออาจตายได้

4. อย่าให้ข้าวโพดขาดน้ำในช่วงการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในช่วงผสมเกสรและติดเมล็ด เพราะจะทำให้ผลผลิตและคุณภาพผลผลิตลดลงอย่างมาก ถึงแม้การขาดน้ำจะเป็นช่วงสั้น ๆ และไม่รุนแรง

5. หยุดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวานประมาณ 2-3 วัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง kubotasolutions.com/ knowledge/corn/detail/313
ขั้นตอนการปลูกข้าวโพดหวาน วิธีปลูกข้าวโพด การให้น้ำข้าวโพดหวาน
อ่าน:3534
ยาป้องกัน กำจัด หนอนพุทรา หนอนชมพู่ หนอนฝรั่ง หนอนทุกชนิด ใช้ได้ทุกพืช ไอกี้-บีที + FK-1 บำรุง ฟื้นตัว สร้างภูมิฯ 1ชุด ใช้ได้ 5ไร่
172.68.106.127: 2564/08/10 12:14:40
ยาป้องกัน กำจัด หนอนพุทรา หนอนชมพู่ หนอนฝรั่ง หนอนทุกชนิด ใช้ได้ทุกพืช ไอกี้-บีที + FK-1 บำรุง ฟื้นตัว สร้างภูมิฯ 1ชุด ใช้ได้ 5ไร่
หนอนตาย เพราะ ปรับตัวไม่ทัน เมื่อพบกับชีวภัณฑ์ แบคทีเรียสองสายพันธุ์ Kustaki และ Aizawai ออกฤทธิ์ทำลายหนอนพร้อมกัน ทำให้ตายใน 24-48 ชั่วโมง ตายช้ากว่ายาเคมี แต่ตายยกรัง เนื่องจากหนอนที่รับ บีที เข้าไป กลับไปตายรัง และพวกเดียวกันกินกินซาก จึงตายต่อกัน เนื่องจาก บีที เป็น ชีวภัณฑ์ ที่ขยายตัวตกผลึกในท้องหนอน และออกฤทธิ์เฉพาะกับหนอนเท่านั้น

หนอนแดง (Fruit boring caterpillar; Meridarchis scyrodes Meyrich)

เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็ก วางไข่บนดอก และผล ของ ชมพู่ พุทรา ฝรั่ง หนอนแดง เจาะกินดอกและผล ทำให้ดอกร่วง ติดผลน้อย หรือไม่ติดผลเลย หากเข้าทำลายในระยะผล จะทำให้ผลร่วงก่อนเก็บเกี่ยว หนอนจะกัดกินเนื้อภายในผล และขับถ่ายไว้เป็นเม็ดดำกลมๆ ทำให้ผลเน่าได้

หนอนแดง (Fruit boring caterpillar) เป็นศัตรูสำคัญของผลไม้หลายชนิด หนอนแดงชมพู่ หนอนแดงฝรั่ง หนอนแดงพุทรา

กำจัดหนอน ด้วย ไอกี้-บีที ปลอดภัยแน่นอน เพราะ บีที ไม่ออกฤทธิ์ กับ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คนและสัตว์เลี้ยง จึงปลอดภัย 100%

#ยาฆ่าหนอน #ยากำจัดหนอน #หนอนแดง #หนอนชมพู่ #หนอนฝรั่ง #หนอนพุทรา #หนอนเจาะสมอฝ้าย #ยาอินทรีย์ฆ่าหนอน #ยาอินทรีย์กำจัดหนอน #ยาฆ่าหนอนชอนใบ #หนอนชอนใบ #หนอนชอนใบส้ม #หนอนชอนใบมะนาว

✅ปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง
✅ฉีดพ่นต่อเนื่องไม่อันตราย
✅ใช้ได้กับพืชทุกชนิด

🔤ทักแชทได้เลยค่ะ

☎โทร 090-592-8614

🆗ไลน์ไอดี FarmKaset คลิกลิงค์เพื่อแอดไลน์ http://www.farmkaset..link..

🎖สั่งซื้อผ่านหน้าเว็บฟาร์มเกษตรโดยตรง http://www.farmkaset..link..

🎗ซื้อกับ Lazada

ชุดคู่ ไอกี้-บีที และ FK-1 http://www.farmkaset..link..
ไอกี้-บีที อย่างเดียว http://www.farmkaset..link..
FK-1 อย่างเดียว http://www.farmkaset..link..

🎗ซื้อกับ Shopee

ชุดคู่ ไอกี้-บีที และ FK-1 http://www.farmkaset..link..
ไอกี้-บีที อย่างเดียว http://www.farmkaset..link..

FK-1 อย่างเดียว http://www.farmkaset..link..


ข้อมูลและอัตราผสมใช้

🐛 ไอกี้-บีที อัตตราส่วน 50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร ทุก 5-7 วัน (2 ครั้ง)

🌿 FK-1 แกะกล่องมาจะมีสองถุง ถุงแรกเป็นธาตุหลัก ถุงที่สองเป็นสารสังเคราะห์คลอโรฟิลล์ ต้องใช้พร้อมกันทั้งสองถุง ถุงละ 1ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20ลิตร

🎯 สามารถผสม FK-1 ฉีดพ่นไปพร้อมกับ ไอกี้-บีที ได้เลย

🎯 ควรฉีดพ่นช่วยเช้าก่อนแดดออก หรือ ช่วงเย็น หลังแดดร่มลมตก ไม่ควรฉีดพ่นตอนแดดร้อนจัด

🐛 ข้อมูลจำเพาะ ไอกี้-บีที

ใช้แก้ปัญหา : โรคหนอนกออ้อย หนอนกอในนาข้าว หนอนห่อใบข้าว หนอนม้วนใบ หนอนทรายในสวนยางพารา หนอนชักใยปาล์มน้ำมัน หนอนปลอกใหญ่ หนอนเจาะฝักข้าวโพด หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด

ประกอบด้วยจุลินทรีย์สายพันธ์ บีที (BT) ที่มีประสิทธิภาพสูง คือ Bacillus thuringiensis var. aizawai และ Bacillus thuringi
ฆ่าหนอน กำจัดหนอน ปลอดสารพิษ

ไอกี้-บีที บีที
ชื่อสามัญ : บาซิลลัส ทูริงเยนซิส [ Bacillus truringiensis ] กลุ่มสารเคมี : Bacterium
สารสำคัญ : Bacillus thuringiensis var. kurstaki

นำหนักสุทธิ : 500 กรัม

ฆ่าหนอน กำจัดหนอนแมลงศัตรูพืชด้วยสารชีวินทรีย์ประสิทธิภาพสูง เอนไซม์สกัด บีที เพิ่มศักยภาพในการกำจัดแมลงศัตรูพืชให้กับเกษตรกร โดยการรวมประสิทธิภาพการกำจัดแมลงของเชื้อ Bacillus thuringiensis 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ Kustaki และ Aizawai เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มการปลดปล่อยสารพิษในการทำลายแมลงศัตรูพืช ด้วยการสร้างสารพิษผลึกโปรตีน delta-endotoxins ที่มีอยู่ในเชื้อ Bacillus thuringiensis เมื่อแมลงศัตรูพืชได้รับสารพิษนี้เข้าไป จะทำให้เกิดพิษในกระเพาะอาหารเป็นอัมพาต ลำตัวเหี่ยวแห้ง และตายภายในเวลา 24-48 ชั่วโมง โดยไม่เป็นอันตราต่อสิ่งแวดล้อม แมลงศัตูธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งปลอดภัยต่อผู้ใช้ และผู้บริโภค

🌿ข้อมูลจำเพาะ FK-1

ธาตุรอง และธาตุเสริม จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช และถูกดึงออกจากดินในทุกๆรอบการปลูกพืช ซึ่งปุ๋ยทั่วๆไป ไม่เคยเติมธาตุเหล่านี้ ซึ่งธาตุรองธาตุเสริมที่ขาด จะกลายเป็นข้อจำกัดการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจาก "พืชจะเจริญเติบโตได้มากที่สุด เท่ากับธาตุอาหารที่มีต่ำที่สุด" ตามกฎ Liebig s law of the minimum ปุ๋ยตรา FK ประกอบด้วย ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เกิดอาการขาดธาตุ ซึ่งบางอย่าง เป็นธาตุที่ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถให้ได้

เมื่อพืช ได้รับธาตุอาหารที่ขาดไป ธาตุอาหารพืชต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในดิน ที่พืชไม่เคยดูดกินไปใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ เนื่องจาก ธาตุบางตัว เป็นตัวนำพาธาตุอื่นๆ เช่น

- ขาดธาตุ แคลเซียม (ใส่ปุ๋ยเยอะ แต่พืชเอาไปใช้ได้น้อย ถ้าขาดแคลเซียม) ธาตุแคลเซียม [Ca] ทำหน้าที่ในการควบคุมการเคลื่อนย้ายของสารอาหารต่างๆเข้าสู่พืช และยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการทำงานของเอนไซม์พืชหลายชนิด
การขาดแคลเซียม มีผลทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต เพราะพืชไม่สามารถนำสารอาหารในดินที่มีอยู่ไปใช้งานได้

- ขาดธาตุ แมกนีเซียม (ใส่ปุ๋ยเยอะ ฉีดทางใบก็เยอะ แต่พืชก็ยังเหลือง ไม่สมบูรณ์) ธาตุแมกนีเซียม [Mg] เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคลอโรฟิลล์ และก็มีความสำคัญในกระบวนการสร้างATPโดยทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ (enzyme cofactor).
การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดอาการเหลืองระหว่างเส้นใบ (interveinal chlorosis).

- ขาดธาตุ สังกะสี (พืชชะงักการเจริญเติบโต เพราะขาดสังกะสี) ธาตุสังกะสี [Zn] เป็นส่วนสำคัญสำหรับเอนไซม์หลายชนิดและเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรม (DNA transcription).
การขาดสังกะสี โดยทั่วไปแล้วจะทำให้การเติบโตของใบชะงักงัน

การฉีดพ่น FK-1 ที่มีครบทั้ง ธาตุหลัก ธาตุรอง ธาตุเสริม จึงช่วยบำรุง ฟื้นฟู ส่งเสริมการเจริญเติบโต การแตกยอด ใบ เสริมสร้างความสมบูรณ์ แข็งแรง ตลอดจนผลผลิตที่ดีขึ้น
อ่าน:3534
กำจัดเพลี้ยด้วย แมลงช้างปีกใส กำจัดเพลี้ย เพลี้ยแป้ง ตัวอ่อนเพลี้ยหอย เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ ไรแดง แมลงหวี่ขาว แมลงช้างปีกใสจัดการเรียบ
1.46.46.129: 2563/06/11 21:32:32
กำจัดเพลี้ยด้วย แมลงช้างปีกใส กำจัดเพลี้ย เพลี้ยแป้ง ตัวอ่อนเพลี้ยหอย เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ ไรแดง แมลงหวี่ขาว แมลงช้างปีกใสจัดการเรียบ
ศัตรูธรรมชาติของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง แมลงช้างปีกใส

ชื่อทั่วไป : แมลงช้างปีกใส (Green lacewing)
วงศ์ (Family) : Chrysopidae
อันดับ (Order) : Neuroptera

เป็นแมลงห้ำที่มีบทบาทในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยตัวอ่อนของแมลงช้างปีกใส เป็นตัวห้ำที่กินศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่นเพลี้ยอ่อย เพลี้ยแป้ง ตัวอ่อนเพลี้ยหอย เพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ส้ม ไรแดง ไร 2 จุด และตัวอ่อนแมลงหวี่ขาว เป็นต้นทำให้แมลงช้างปีกใสเป็น เป็นตัวห้ำสำคัญที่ช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชในแปลงเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจในประเทศ

ตัวเต็มวัยเพศเมีย หลังจากผสมพันธุ์ 2-3 วัน ก็จะเริ่มวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ระยะไข่ใช้เวลา 3-4 วัน ระยะตัวอ่อนมี 3 วัย ตัวอ่อนวัยที่ 1_ 2 และ 3 ใช้เวลา 4-5 วัน 3-4 วัน และ 3-5 วัน ตามลําดับ รวมระยะตัวอ่อน 11-13 วัน ระยะดักแด้ 9-11 วัน ตัวเต็มวัยเพศผู้มีอายุ 14-30 วัน สําหรับเพศ เมียมีอายุ 19-58 วัน เพศเมีย 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ 180-345 ฟอง

วงจรชีวิตของแมลงช้างปีกใส

รูปร่างลักษณะ

ไข่ มีลักษณะเป็นทรงยาวรี ขนาดเล็ก ความยาวเฉลี่ย 0.98 มิลลิเมตร ความกว้างเฉลี่ย 0.24 มิลลิเมตร เป็นฟองเดี่ยวๆ อยู่บนก้านสีขาวใส วางเป็นระเบียบเป็นแถวรอบใบพืช ไข่วางใหม่ๆ มีสีเขียวอ่อน เมื่อใกล้ฟักจะเปลี่ยนเป็นสีเทาดํา เมื่อฟักแล้วจะเป็นสีขาว มีอายุประมาณ 3-4 วัน

ตัวอ่อน มีลักษณะลําตัวกลมแบน เห็นชัดเจนในระยะที่ 3 โดยรอบลําตัวมีปุ่มขน ปากมีกรามโค้งยาวยื่นไปด้านหน้าคล้ายเคียว ใช้ดูดกินเหยื่อ เมื่อฟักเป็นตัวอ่อนวัยที่ 1 จะเป็นตัวห้ำทันที มีการลอกคราบเปลี่ยนวัย ตัวอ่อนทั้งหมด 3 วัย

ตัวอ่อนวัยที่ 1 เมื่อฟักออกจากไข่ใหม่ๆ มีสีน้ำตาลอ่อน ลําตัวเรียวเล็ก ว่องไว จะไต่ลงมาทางก้านชูไข่ ความยาวลําตัวเฉลี่ย 1.56 มิลลิเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ย 0.48 มิลลิเมตร

ตัวอ่อนวัยที่ 2 รอบลําตัวเริ่มมีซากของเพลี้ยแป้งเกาะ ความยาวลําตัวเฉลี่ย 3.25 มิลลิเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ย 2.32 มิลลิเมตร

ตัวอ่อนวัยที่ 3 ขนาดลําตัวโตอย่างรวดเร็วเห็นได้ชัดกว่าระยะอื่นๆ กินอาหารเก่ง รอบลําตัวมีผงแป้งเกาะ คล้ายเพลี้ยแป้งมาก ความยาวลําตัวเฉลี่ย 7.23 มิลลิเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ย 3.40 มิลลิเมตร

ดักแด้ มีรูปร่างกลม ตัวอ่อนวัย 3 จะขดตัวสร้างเส้นใยสีขาวปกคลุมลําตัว จะเข้าดักแด้ติดกับใบพืช ความกว้างของดักแด้โดยเฉลี่ย 3.02 มิลลิเมตร ความยาวโดยเฉลี่ย 4.67 มิลลิเมตร

ตัวเต็มวัย มีปีก 2 คู่ เป็นปีกแบบบางอ่อน (membrane) เนื้อปีกใส มีเส้นปีกจํานวนมาก ลําตัวสีเขียวอ่อน เพศผู้ มีสีลําตัวจางกว่าเล็กน้อย และตัวเล็กกว่าเพศเมีย ความกว้างลําตัวเพศเมีย เฉลี่ย 2.25 มิลลิเมตร ความยาวลําตัว โดยเฉลี่ย 10.53 มิลลิเมตร ความกว้างลําตัวเพศผู้เฉลี่ย 1.55 มิลลิเมตร ความยาวลําตัวโดยเฉลี่ย 10.01 มิลลิเมตร ตัวเต็มวัยมีกลิ่นเฉพาะตัวค่อนข้างแรง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
กรมวิชาการเกษตร
kubotasolutions.com/ knowledge/cassava/detail/455
อ่าน:3529
ทำไม ชื่อสายพันธุ์ โควิด-19 จึงเป็น แอลฟ่า เบต้า เดลต้า แกมม่า
172.68.106.121: 2564/08/15 07:21:45
ทำไม ชื่อสายพันธุ์ โควิด-19 จึงเป็น แอลฟ่า เบต้า เดลต้า แกมม่า
เราก็สงสัยอยู่นานพอสมควร ในครั้งแรก ที่ได้ยินว่า โควิด-19 กลายพันธุ์ พบครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย มีชื่อว่า โควิด-19 สายพันธุ์ เดลต้า (Delta) ซึ่งมีการระบาดรุนแรง และรวดเร็วกว่าเดิม และวัคซีนที่มีปัจจุบัน หลายตัว ก็อาจจะไม่สามารถป้องกันได้

สักพักหนึ่ง ก็ได้ยินมาอีกว่า มี โควิด-19 สายพันธุ์ แอลฟ่า เบต้า แกมม่า ตามมาอีก และยังมีอีกเยอะเลย

จริงๆแล้ว เป็นอักษร กรีก นะ

จะเรียงเป็น ตัวอักษรเล็ก ตัวอักษรใหญ่ คำอ่านอังกฤษ คำอ่านไทยนะ
α Α alpha แอลฟา
β B beta บีตา
γ Γ gamma แกมมา
δ Δ delta เดลตา

จริงๆมีอีกเยอะ ที่นิยมใช้กัน เช่น λ แลมด้า Ω โอเมก้า Σ ซิกม่า ทำนองนี้

มันก็แปลกดี แต่คงมีเหตุผล ที่ตัวอักษรกรีก นิยม นำไปใช้ในหลายๆวงการเลย คณิตศาสตร์ วงการแพทย์ ซอฟแวร์ คอมพิวเตอร์

อย่างเช่นในวงการซอฟแวร์คอมพิวเตอร์

ซอฟแวร์ที่เป็น เวอร์ชั่น แอลฟ่า (alpha) นั้น เช่น ระบุว่า Version 1.1 alpha หมายถึง ซอฟแวร์ตัวนี้ ถูกปล่อยให้ใช้เป็นการทดสอบ ภายในองค์กร หรือในกลุ่มคนในวงจำกัดเท่านั้น เนื่องจาก กำลังพัฒนา หรือพัฒนาเสร็จแล้ว แต่.. ยังไม่แน่ใจว่าจะมี Bug หรือข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในระหว่างใช้งานหรือไม่

ซอฟแวร์ที่เป็น เวอร์ชั่น เบต้า (beta) นั้น เช่น ระบุว่า Version 1.2 beta หมายถึง ซอฟแวร์ตัวนี้ ถูกปล่อยให้ผู้ใช้จำนวนมาก สามารถนำไปใช้งานจริงได้แล้ว แต่ว่า.. ผู้ใช้โปรดรู้ไว้นะ ว่ายังเป็น beta version อยู่ อาจจะมี bug มีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง ถ้าเจออย่างว่ากันนะ แจ้งให้ทราบด้วยยิ่งดี

หลังจาก ปล่อยตัว beta ไปสักระยะ จนมั่นใจแล้ว ว่าไม่มี bug หรือข้อผิดพลาดเลย ก็อาจจะปล่อยตัวเต็มมาขาย เป็นเวอร์ชั่น 2.0 เช่นนี้ เป็นต้น

ที่นี้ โรค โควิด-19 ล่ะ แอลฟ่า เบต้า เดลต้า แกมม่า นี่คืออะไร ?

จริงๆแล้วเป็นการตั้งชื่อให้แตกต่าง เพื่อให้ทราบว่า เป็นโควิด-19 แต่ละสายพันธุ์ เพื่อให้ทราบที่มา และสื่อสารกันเข้าใจ เหมือนการตั้งชื่อทั่วไปเลย และ บังเอิญ เขาก็เลือกใช้ ตัว อักษร กรีก เหล่านี้ มาห้อยทายคำว่า โควิด-19 เพื่อบอกถึงสายพันธุ์ต่างๆ

แทนที่จะระบุไปเลย ว่า โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย โควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ มันอาจจะทำให้หลายๆคนมองภาพ และไปโทษเอาว่า นี่นะ โควิด-19 สายพันธุ์นี้ เป็นเพราะประเทศนี้ ประเทศนั้น มันอาจจะทำให้เกิดความแตกแยก โทษกันไป โทษกันมา เหมือนการไปว่าเขาด้วย ก็เลยเอาตัวอักษรกรีก มาระบุลงไป แทนการเรียกสายพันธุ์ต่างๆ
อ่าน:3525
ยารักษาโรคพืช กำจัดโรคราดำ ใน มะนาว โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
172.71.218.38: 2566/06/01 10:58:13
ยารักษาโรคพืช กำจัดโรคราดำ ใน มะนาว โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
IS: สารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่กำจัดราดำในมะนาว

ราดำหรือที่รู้จักกันในทางวิทยาศาสตร์ว่า Stachybotrys chartarum เป็นปัญหาทั่วไปที่เกษตรกรผู้ปลูกมะนาวทั่วโลกต้องเผชิญ เชื้อราที่ดื้อรั้นนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามของมะนาวเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยได้นำไปสู่การพัฒนา IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ที่ได้จากส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด จากการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวาง IS ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสารดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา

กุญแจสู่ความสำเร็จของ IS อยู่ที่เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การจัดการสิ่งแวดล้อมที่พื้นผิวของใบพืช ด้วยการสร้างสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของเชื้อรา IS จึงกำจัดราดำได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการเกิดซ้ำ สูตรที่ก้าวล้ำนี้ได้รับความสนใจและการยอมรับอย่างมากจากผู้ปลูกมะนาวเนื่องจากผลลัพธ์ที่น่าประทับใจและลักษณะที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้

คุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของ IS คือความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการยึดติดกับพื้นผิวใบพืช สารต้านเชื้อราแบบดั้งเดิมมักมีปัญหาในการยึดเกาะกับใบไม้ ทำให้ประสิทธิภาพลดลงและต้องใช้ซ้ำบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม IS เอาชนะความท้าทายนี้ได้โดยทำให้แน่ใจว่าส่วนผสมออกฤทธิ์ยังคงสัมผัสกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะเวลานาน การยึดเกาะที่เหนือกว่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพของสารให้สูงสุดเท่านั้น แต่ยังลดปริมาณที่จำเป็นลงด้วย ทำให้ประหยัดต้นทุนสำหรับผู้ปลูก

นอกจากประสิทธิภาพแล้ว IS ยังมีโปรไฟล์ความปลอดภัยที่โดดเด่นสำหรับผู้ใช้อีกด้วย ในฐานะที่เป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ จึงปราศจากสารเคมีที่รุนแรงและสารพิษที่เป็นอันตรายซึ่งพบได้ทั่วไปในสารสังเคราะห์ สิ่งนี้ทำให้ IS เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทำฟาร์มแบบยั่งยืนและลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนของสารเคมี เกษตรกรสามารถปกป้องผลผลิตมะนาวของตนได้โดยไม่กระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคหรือสิ่งแวดล้อม

การพัฒนา IS ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับราดำในมะนาว ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันและการกำหนดส่วนผสมจากธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้ประโยชน์จากพลังของธรรมชาติเพื่อสร้างสารต้านเชื้อราที่มีศักยภาพ ความสำเร็จของ IS ในการกำจัดราดำแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของโซลูชั่นอินทรีย์ในการเกษตร

ขณะนี้ผู้ปลูกมะนาวสามารถจัดการกับราดำได้อย่างมั่นใจ โดยรู้ว่าพวกเขามีพันธมิตรที่เชื่อถือได้และปลอดภัยในรูปแบบของ IS ความสามารถในการควบคุมและยับยั้งเชื้อราในขณะเดียวกันก็รักษาสุขภาพของพืชได้ ปูทางไปสู่การผลิตมะนาวที่ดีขึ้นและผลผลิตพืชที่สูงขึ้น นอกจากนี้ องค์ประกอบอินทรีย์ของ IS ยังสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืนและปราศจากสารเคมี

ในขณะที่ความต้องการสารละลายอินทรีย์และธรรมชาติยังคงเพิ่มขึ้น IS ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเป็นไปได้ที่อยู่ในการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการใช้ประโยชน์จากพลังแห่งธรรมชาติและใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เราสามารถเอาชนะความท้าทายด้านการเกษตรได้ในขณะที่ปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของเรา

โดยสรุป การเปิดตัว IS ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อราอินทรีย์ได้ปฏิวัติการต่อสู้กับราดำในมะนาว ประสิทธิภาพสูงในการควบคุมและยับยั้งเชื้อรา ควบคู่ไปกับการยึดเกาะที่ใบพืชอย่างเหนือชั้น ทำให้แตกต่างจากทางเลือกดั้งเดิม นอกจากนี้ ความปลอดภัยของ IS สำหรับผู้ใช้และลักษณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้เป็นโซลูชันที่โดดเด่นสำหรับผู้ปลูกมะนาวที่กำลังมองหาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ระบบ IS ช่วยให้นับวันเวลาของราดำที่ระบาดในต้นมะนาว เปิดโอกาสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตและผลส้มที่ดีต่อสุขภาพ

ไอเอส ขนาด 3 ลิตร
อัตรส่วนการใช้ 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
1 แกลลอน ผสมน้ำได้ 1200 ลิตร ใช้ได้ 15 ไร่


สั่งซื้อ
โทร 090-592-8614
ไลน์ @FarmKaset มี @ ด้วยนะคะ
สามารเลือกซื้อกับลาซาด้า http://ไปที่..link.. และช้อปปี้ http://ไปที่..link.. ได้เช่นกัน
ยารักษาโรคพืช กำจัดโรคราดำ ใน มะนาว โรคที่เกิดจากเชื้อรา ฉีดพ่นไอเอสใช้ได้กับพืชทุกชนิด (ขนาด 3 ลิตร ใช้ได้15 ไร่)
อ่าน:3524
ส่งออกข้าวโพดหวาน อนาคตรุ่ง
101.51.57.176: 2555/07/27 15:00:57

 

ผู้ประกอบการข้าวโพดหวานกระป๋องลุ้นระทึกอียูยกเลิกมาตรการตอบโต้ทุ่มตลาดกลางปีนี้ เผยหากผู้ประกอบการฝรั่งเศส ฮังการี ไม่เสนอกรรมาธิการยุโรปทบทวน จะถูกยกเลิกโดยปริยายชี้หวังได้สูงเหตุหิมะถล่มสินค้าขาดตลาด ข้าวโพดฝักอ่อนไทยพลอยได้รับอานิสงส์ราคาแตะกก. 35 บาท 

 
นายพรชัย ปิ่นวิเศษ ประธานกลุ่มข้าวโพดหวาน สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงสถานการณ์ตลาดข้าวโพดหวานกระป๋องว่ามีแนวโน้มที่สดใสมาก เพราะเวลานี้ทุกตลาดหันมานำเข้าข้าวโพดหวานกระป๋องจากประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี แม้ว่าข้าวโพดหวานกระป๋องของไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี)จากสหภาพยุโรป(อียู) แต่ยังสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะสหรัฐอเมริกาผลผลิตข้าวโพดหวานเริ่มลดลงหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมปลูกพืชพลังงาน จึงหันมานำเข้าจากไทย ส่วนญี่ปุ่นก่อนหน้านี้เป็นผู้นำเข้าจากสหรัฐฯเมื่อผลผลิตสหรัฐฯลดลงสินค้าราคาแพงญี่ปุ่นจึงหันมานำเข้าจากไทยเช่นเดียวกัน

 
นอกจากมีตลาดใหม่เข้ามารองรับตลาดสหภาพยุโรปแล้ว ขณะนี้ผู้ประกอบการมีความหวังลึกๆ ว่ากลางปีนี้จะมีข่าวดีสำหรับตลาดสหภาพยุโรป เพราะว่าเดือนมิถุนายน 2555 จะครบ 5 ปีที่อียูเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดและจะมีการทบทวนเป็นครั้งแรก ซึ่งตามขั้นตอนนั้นผู้ประกอบการในยุโรปที่เป็นผู้ยื่นเรื่องต่อทางการของยุโรปให้ไต่สวนและเรียกเก็บภาษีเอดีผู้ส่งออกของไทยต้องเป็นผู้ยื่นให้มีการทบทวนจะยกเลิกหรือเรียกเก็บภาษีเอดีในอัตราเท่าใด หากผู้ประกอบยุโรปไม่ยื่นให้ทบทวนเท่ากับว่าการเรียกเก็บภาษีเอดีจากผู้ส่งออกไทยถูกยกเลิกไปโดยปริยาย

 
"เวลานี้หลายประเทศในสหภาพยุโรปประสบภัยธรรมชาติหิมะตกอย่างรุนแรง จนไม่สามารถปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ สินค้าพืชผักต่างๆ ไม่เพียงพอบริโภค จะเห็นได้ว่าเวลานี้ยุโรปสั่งนำเข้าข้าวโพดฝักอ่อนสดจากประเทศไทยจนสินค้าไม่พอป้อน และดันราคาภายในประเทศสูงขึ้นจากเคยรับซื้อกก.ละ 20-21 บาท เวลานี้ข้าวโพดฝักอ่อนราคาสูงถึงกก.ละ 35 บาท จึงมีความหวังว่าผู้ประกอบการในประเทศฝรั่งเศส ฮังการี และอิตาลีที่ยื่นฟ้องกล่าวหาไทยทุ่มตลาดข้าวโพดหวานจะไม่ยื่นให้ทางการยุโรปทบทวน นั่นเท่ากับว่ามาตรการเรียกเก็บเอดีถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ส่วนข้าวโพดหวานกระป๋องราคายังไม่เคลื่อนไหวสูงขึ้นเท่ากับข้าวโพดฝักอ่อนเพราะเป็นสินค้าอุตสาหกรรม"

 
นายพรชัย กล่าวว่าจากการที่อุตสาหกรรมข้าวโพดหวานกระป๋องมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงได้เสนอสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) บรรจุข้าวโพดหวานเป็นพืชเศรษฐกิจ มีนโยบายส่งเสริมปลูกอย่างชัดเจน เพราะเวลานี้ปัญหาของผู้ประกอบการคือวัตถุดิบไม่เพียงพอป้อนโรงงาน ทั้งที่ตลาดมีความต้องการ ขณะเดียวกันได้เสนอกระทรวงพาณิชย์เข้ามากำกับดูแลผู้ประกอบการไม่ให้ขายสินค้าตัดราคากันเอง เพราะสาเหตุถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดอยู่ ณ เวลานี้เป็นผลสืบเนื่องจากผู้ประกอบการขายตัดราคากันเอง ซึ่งไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด เพราะข้าวโพดหวานกระป๋องตลาดมีความต้องการสูง ผู้ส่งออกของไทยสามารถกำหนดราคาขายได้โดยไม่ต้องไปกดราคาขายแข่งกันแต่อย่างใด
 
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
 
ส่งออกข้าวโพดหวาน อนาคตรุ่ง
อ่าน:3521
โรคมะม่วง มะม่วงใบไหม้ แอนแทรคโนสมะม่วง ใบจุดมะม่วง โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
172.68.106.121: 2564/09/11 23:47:43
โรคมะม่วง มะม่วงใบไหม้ แอนแทรคโนสมะม่วง ใบจุดมะม่วง โรคราต่างๆ ใช้ ไอเอส + FKธรรมชาตินิยม
โรคราแป้งมะม่วง (Powdery Mildew) สาเหตุ: เชื้อรา Oidium mangiferae Berthet

โรคแอนแทรกโนสมะม่วง (Anthracnose) สาเหตุ: เชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides

โรคราดำมะม่วง (Sooty Moulds / Black Mildew) สาเหตุ: เกิดจากเชื้อรา Cladosporium sp.

โรคมะม่วงยางไหล มะม่วงกิ่งแห้ง (Gummosis and twig blight) สาเหตุ: เชื้อรา Lasiodiplodia theobromae (Pst.) Griffon & Maubl. (Botryodiplodia theobromae Pal.)

การป้องกันกำจัด

ชุดคู่ป้องกันกำจัด บวกด้วยฟื้นฟูบำรุง

ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัด ยับยั้งโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ โรคใบไหม้ ใบจุด ยอดแห้ง ราสนิม ราน้ำค้าง แอนแทรคโนส ไฟทอปโธร่า

และ FKธรรมชาตินิยม ฟื้นฟู แก้ต้นโทรม ราพืชไม่กินปุ๋ย อาการใบซีด ใบเหลือง ต้นแคระ อาการขาดธาตุอาหารของพืช

โรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อราต่างๆ ใช้ ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกัน กำจัดโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ยกตัวอย่างโรคพืช ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา เช่น อาการ ใบไหม้ ใบจุด ใบขีดสีน้ำต้าง โรคใบติด ราสนิม ราน้ำค้าง โรคกุ้งแห้ง แอนแทรคโนส ไฟท็อปโธร่า เป็นต้น

ทั้งอาการใบไหม้ และใบเหลือง เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดได้จากโรค และการขาดธาตุอาหารพืชที่จำเป็น รวมถึงการให้น้ำ และการได้รับแสงแดด ซึ่งการพิจารณาสาเหตุนั้น ต้องสังเกตุอาการ และแก้ปัญหาทีละจุด

ไอเอส สารอินทรีย์ ป้องกันกำจัดโรคพืชต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา

FKธรรมชาตินิยม แก้ปัญหาโรคพืช ที่เกิดจากการขาดธาตุอาหารพืชต่างๆ และส่งเสริมการเจริญเติบโต ตลอดไปถึง การส่งเสริมผลผลิตพืช

ยกตัวอย่างเช่น

อาการใบไหม้ และอาการต่างๆ ที่เกิดจากโรคเชื้อรา
- โรคใบไหม้ โรคใบจุด และโรคใบขีดสีน้ำตาล จะต่างจากการขาดธาตุที่สังเกตุได้คือ โรคที่มีสาเหตุจากเชื้อรา จะลุกลามไปยังใบไหม้ และลุกลามขยายวงไปยังต้นข้างเคียง
- โรคราแป้ง ราสนิม ราน้ำค้าง มีการลุกลามติดต่อเช่นกัน

อาการใบไหม้ และอาการต่างๆ ที่เกิดจากการขาดธาตุ
- ขาด โพแทสเซียม ที่ใบแก่จะเหลืองซีด ขอบใบมีจุดสีน้ำตาลไหม้
- ขาด แมกนีเซียม ใบจะมีจุดเหลืองทั่วทั้งใบ ที่ปลายใบจะแห้ง
- ขาด สังกะสี ใบจะมีจุดเหลืองคล้ายราสนิม

อาการใบเหลือง ใบซีด ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ใบเหลือง จากการขาดธาตุ ไนโตรเจน
- ใบเหลือง เพราะได้รับแสงไม่เพียงพอ
- ใบเหลือง เพราะรดน้ำมาก หรือน้อยจนเกินไป
- ใบเหลือง เพราะค่า pH หรือความเป็นกรดด่างของดิน ไม่เหมาะสม
- ใบเหลือง เพราะขาดธาตุเหล็ก
- ใบเหลือง เพราะพืชลดจำนวนคลอโรฟิลล์ เพราะการขาดธาตุรอง หรือธาตุเสริมบางอย่าง

อาการใบไหม้และโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุจากเชื้อรา ฉีดพ่น ไอเอส สารอินทรีย์ ทุก 3-5 วัน

อาการของพืช ที่เกิดจากการขาดธาตุต่างๆ ฉีดพ่น FK ธรรมชาตินิยม

หมายเหตุ สามารถ ผสม ไอเอส และ FK ธรรมชาตินิยม ฉีดพ่นไปพร้อมกันในคราวเดียว

อัตราส่วนผสม
ไอเอส 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร
FKธรรมชาตินิยม 50ซีซี ต่อน้ำ 20ลิตร
สามารถผสมฉีดพ่นไปพร้อมกันได้
*สำหรับท่านที่พ่นด้วย ฟ็อกกี้ ขนาด 1-2ลิตร ใช้ฝา FKธรรมชาตินิยมตวงประมาณ 2ฝา


การสั่งซื้อ

โทร 090-592-8614

ไลน์ไอดี http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ฟาร์มเกษตร http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ช้อปปี้ http://www.farmkaset..link..

สั่งซื้อกับ ลาซาด้า http://www.farmkaset..link..
อ่าน:3520
เทคนิคการใส่ปุ๋ยสับปะรด
162.158.165.41: 2564/07/03 09:33:51
เทคนิคการใส่ปุ๋ยสับปะรด

เทคนิคการให้ปุ๋ย สับปะรด เมื่อต้น สับปะรด มีอายุได้ 2 – 3 เดือน หลังการปลูกซึ่งจะเป็นช่วงของการสร้างราก ก็จะเริ่มให้ปุ๋ยทางดินครั้งแรก ก็จะเป็นสูตรปุ๋ยที่มีไนโตรเจน (N) เช่น สูตร 15-5-20 หรือ 21-0-0 หรือจะใช้สูตร 16-16-16 ตามความสมบูรณ์ของสภาพดินนั้นๆ



การใส่ปุ๋ยให้ชิดโคนต้นอัตราประมาณ 20 กรัมต่อต้น **ต้องระวังอย่าให้ปุ๋ยกระเด็นตกลงไปที่ยอด สับปะรด โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ยอดไหม้และเน่าได้ จากนั้นในเดือนที่ 4- 6 ให้ใส่ปุ๋ยที่มีตัวท้ายสูง คือ โปแตสเซียม เช่น สูตร 15-5-20 อัตรา 20 กรัมต่อต้น ให้ใส่ปุ๋ยบริเวณกาบใบล่าง ของต้น สับปะรด ได้เลย ควรใส่ปุ๋ยในขณะที่กาบใบมีน้ำอยู่อย่างพอเพียงหรือหลังจากมีการให้น้ำแก่ต้น สับปะรด แล้วมีน้ำขังอยู่ที่กาบใบ จะทำให้ปุ๋ยละลายได้ดี



การใส่ปุ๋ยเกษตรกรจะนิยมใช้ช้อนหรือกระบวยตักปุ๋ยใส่ที่กาบใบล่างได้เลย เกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ยหรือฉีดพ่นสารเคมีให้ สับปะรด ในช่วงเย็นจนถึงค่ำจะดีที่สุด เพราใบ สับปะรด จะเปิดปากใบในช่วงกลางคืน แล้วจะปิดปากใบในตอนกลางวัน ปุ๋ยทางใบก็สามารถเสริมให้ต้น สับปะรด ได้เดือนละครั้ง ตามความเหมาะสม โดยจะเน้นปุ๋ยสูตรที่มีไนโตรเจน(N) และ โปแตสเซีย(K)สูง และควรเพิ่มธาตุอาหารเสริม เช่น เหล็กและสังกะสีลงไปด้วย หรือ ปุ๋ยทางใบบางสูตรก็จะมีมาให้ สูตรปุ๋ยทางใบที่นิยมใช้ก็จะมีสูตร 23-0-25 หรือ บ้างก็จะใช้ปุ๋ยผสม คือ ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 อัตรา 500


กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร โดยมักจะฉีดพ่นให้ประมาณ 3 ครั้ง คือ 1 เดือน และ 5 วัน ก่อนที่จะบังคับให้ สับปะรด ออกดอกและจะฉีดให้อีกครั้ง ราว 20 วัน ภายหลังจากที่บังคับดอก ต้องมีความระมัดระวัง ต้องอาศัยประสบการณ์ เพราะการให้ปุ๋ยมากเกินไป ก่อนการบังคับการออกดอก 1 เดือน อาจจะส่งผลให้การบังคับการออกดอกยากตามมา



จากนั้นจะมีการใส่ปุ๋ยครั้งสุดท้ายในช่วงหลังการบังคับการออกดอกประมาณ 3 เดือน ใส่ปุ๋ยบำรุงคุณภาพผลและลดปัญหาเรื่องโรคเนื้อแกน โดยจะใส่ปุ๋ยที่มีสูตรตัวท้ายสูง คือ โปแตสเซียม(K) เช่น โปแตสเซียมซัลเฟต 0-0-50 อัตรา 10 กรัมต่อต้น ใส่บริเวณกาบล่าสุดในขณะที่ใบมีน้ำเพียงพอที่จะละลายปุ๋ยได้



ประโยชน์ของ สับปะรด


ประโยชน์ของ สับปะรด


สับปะรด ผลไม้ที่ทุกคนชื่นชอบ สับปะรด มีมากกว่าประโยชน์ที่เราคิด ช่วยป้องกันโรคต่างๆและ นำสับปะรด มาแปรรูปได้อีกมากมายเรามารู้จักกับ สับปะรด กันดีกว่าครับ



รู้จักกับส่วนต่างๆของ สับปะรด



สับปะรด เป็นผลไม้ลำต้นเตี้ย เจริญเติบโตได้ดีในสภาวะอากาศร้อนแห้ง แล้ง มีดินปนทราย ขนาดของผล สับปะรด จะใหญ่กว่าลำต้น ส่วนใบจะเรียวยาว และแข็งแรงใช้ในการกักเก็บน้ำได้ดีครับเพราะมีเส้นใยที่เหนียวมาก ตรงเปลือกของ สับปะรด จะมีลักษณะแข็ง มีตา ปรากฎอยู่รอบ ๆ เปลือก เนื้อ สับปะรด มีรสหวานอมเปรี้ยวชุ่มน้ำ บางพันธุ์มีรสหวานฉ่ำ ส่วนมากนะครับจะนิยมปลูกทั้งพันธุ์ปัตตาเวีย และพันธุ์ภูเก็ต แต่ในบ้านเราส่วนมากที่ขายกันอยู่ก็จะมี สับปะรด นางแล ภูแล เพชรบุรี ศรีราชา



แล้วส่วนต่างๆของ สับปะรด เนี่ย เขาเอามาทำอะไรกันบ้าง


ผลของ สับปะรด


ผลสับปะรด จะเป็นส่วนที่มีเนื้อและน้ำ ซึ้งมีประโยชน์มากมายเลยครับ เราจะกินผลสดๆก็ได้ รวมไปถึงมาแปรรูปเป็น สับปะรดกวน _ สับปะรด ในน้ำเชื่อมบรรจุกระป๋อง ที่เราเห็นทั่วไป _ แยมสับปะรด และสับปะรดอบแห้ง หรือจะคั้นเป็นเครื่องดื่มน้ำ สับปะรด _น้ำส้มสายชูก็ได้ครับ





ใบสับปะรด รู้ไหมครับว่า ใบสับปะรดเนี่ยเป็นเศษวัสดุที่มีมูลค่ามากเลยครับ เพราะเส้นใยที่เหนียวนั้น สามารถนำมาแปรรูปเป็นผ้าใย สับปะรด ซึ่งชาวฟิลิปปินส์ จะนิยมนำมาทำเป็นผ้าพื้นเมืองด้วยครับ อีกทั้งยังนำมาประยุกต์ใช้ทำเป็นกระดาษใบ สับปะรด หรือเชือก





เปลือกสับปะรด มีประโยชน์มากเช่นเดียวกันครับ เพราะตรงส่วนตาของ สับปะรด นั้น อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า จึงนิยมนำมาแปรรูปเป็นอาหารของโค หรือจะอบแห้งเผื่อนำมาเป็นส่วนผสมหลักๆของอาหารสัตว์อื่นๆ แถมยังนำมาทำเป็นน้ำหมัก ปุ๋ยชีวภาพได้ด้วยครับ





แกนสับปะรด บางสายพันธุ์นะครับที่มีแกนกลางใหญ่ๆ จะนิยมนำมาแปรรูปเป็น แกน สับปะรด อบแห้ง และ แกนสับปะรดหยี ที่ไม่นิยมรับประทานสดๆเพราะ เนื้อของแกน สับปะรด จะมีลักษณะแข็งกระด้างครับ


ประโยชน์และสรรพคุณของ สับปะรด



1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทาน สับปะรด วันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทาน สับปะรด วันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านทานโรคให้แก่ร่าง กายแต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก



2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรด มีกากใยอาหารอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดและช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเพราะใน สับปะรด มีเอนไซม์ตามธรรมชาติที่มีชื่อว่า “บรอมีเลน” สามารถช่วยย่อยอาหารได้ทั้งใสภาวะเป็นกรดและด่าง จึงเหมาะมากที่จะพาไปช่วยย่อยในกระเพาะซึ่งเป็นกรด หากกินสัปปะรดหลังอาหารเป็นประจำ จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วยนะครับ (ใครที่กำลังอยากลดความอ้วนนี่ ผมคอนเฟริมเลยครับ ได้ผลดีจริงๆ )



3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรด มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีสที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของ เซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย



4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะ สับปะรด มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งรังไข่



5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือจะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็งได้ถึง 20% อีกทั้งยังเสริมสร้างการดูดซึมอาหาร เพราะ สับปะรด มีกรด และวิตามินหลายชนิดครับ



6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรด ช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจาก สับปะรด มีวิตามินสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้



7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ใน สับปะรด จะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณใช้ สับปะรด เป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล



สับปะรด ดีต่อสุภาพสตรีและผู้ป่วย


สับปะรด แปรรูป



สำหรับสุภาพสตรีที่มีอาการปวดประจำเดือน อาการอักเสบจากริดสีดวงทวาร หรือผู้ป่วยอาการที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดดำ โรคกระดูก ข้ออักเสบ รูมาตอยด์ เก๊าท์ หากรับประทาน สับปะรด เป็นประจำ จะช่วยบรรเทาอาการต่างๆเหล่านี้ได้ รวมไปถึงสมานแผลให้ทุเลาได้เร็วขึ้นด้วยครับ



วิธีรับประทาน สับปะรด ให้ถูกต้อง



สำหรับการรับประทานที่ถูกวิธีนะครับ ให้ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียงเป็นแถว ๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่วหรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อน ๆ ประมาณ 2-3 นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้วยังเป็นการทำลาย สารจำพวก Glycoalkaoid และเอ็มไซม์บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลังรับประทานครับ



ข้อแนะนำของ สับปะรด



ถึงแม้ว่า สับปะรด จะเป็นผลไม้ที่เยี่ยมยอดเลยก็ว่าได้สำหรับเรานะครับ แต่หากรับประทานในปริมาณมากๆ อาจเป็นผลเสียต่อร่างกายได้ ควรรับประทาน สับปะรด ควบคู่ไปกับการทานอาหาร และผักผลไม้อื่นๆด้วยนะครับ อย่าลืมบอกต่อเคล็ดลับดีๆให้เพื่อนๆต่อได้นะครับ




ที่มา : วารสารเส้นทางกสิกรรม ประจำเดือนกันยายน 2554 " สับปะรด บริโภคสดพันธุ์ใหม่ MD2"หน้า 15-16 ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จ.พิจิตร



อ้างอิง:

http://www.farmkaset..link..

http://www.farmkaset..link..



อ่าน:3520
ผู้ใหญ่ลี ตีกลองประชุม!! เป็นเพลงที่แต่งจากเรื่องจริง และมีภาพถ่ายผู้ใหญ่ลี ตัวเป็นๆให้ได้ดูกัน
162.158.166.172: 2564/03/27 22:48:08
โฉมหน้า ผู้ใหญ่ลี ตีกลองประชุม!!

มีความสงสัยมาตั้งนานปีแล้วว่า ตัวตนผู้ใหญ่ลี ในเพลงผู้ใหญ่ลีนี่มีตัวตนจริงหรือไม่

ที่สุดวันนี้ก็ได้ภาพมาเฉลยให้กระจ่างใจตน

อาจจะเป็นที่มาแห่งเพลงผู้ใหญ่ลี ที่ร้องกันทั่วบ้าน ทั่วเมือง ร้องกันรุ่นปู่ รุ่นย่า ยันรุ่นปัจจุบัน

ในภาพคือ ผู้ใหญ่ลี นาคะเดช

อดีตผู้ใหญ่บ้านแห่งบ้านหนองหมาว้อ ตำบลนาจิก อำเภออำนาจเจริญ อุบลราชธานี ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ผู้ทำให้เกิดตำนานเพลงอันโด่งดังในอดีต

"ผู้ใหญ่ลี"

เพลงนี้โด่งดังมากๆเมื่อสัก 50 ปีก่อน คือ ปี 2504 เพราะเป็นเพลงลูกทุ่งที่ร้องกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ลูกเล็กเด็กแดง ร้องกันเป็นหมด ด้วยจังหวะเพลงที่จัดว่าสนุกในสมัยนั้น และยังมีเนื้อหาที่เสียดสีสังคมไปในทางขบขันสะท้อนให้เห็นทั้งการสื่อสารระหว่างทางการกับประชาชน เพราะแม้กระทั่งตัวผู้ใหญ่ลีที่เป็นหัวหน้าชุมชน ในระดับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ยังมีปัญหาในการจับประเด็นเรื่องราวมาถ่ายทอดให้ชาวบ้านฟัง ในยุคที่ มีการประกาศใช้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแรกคือ ปี พ.ศ. 2503ในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เพื่อนำพาให้บ้านเมืองไปสู่ความสมัยใหม่ตามแบบประเทศพัฒนาฝั่งตะวันตก
ในเนื้อหาของเพลงบางวรรค

"แดดฮ้อนฮ้อนใส่แว่นตาดำ... ถอดแว่นตาดำ ฟ้าแจ้งจางปางๆ..."
(แกคงใส่ในที่ร่มแล้ว มันมืดมัวซัวไปหมด)...

กัดหยิกเจ็บนิดๆไปถึงการแต่งตัวผู้ใหญ่ลีที่นำสมัย
ผิดแผลกแตกต่างไปจากยุคนั้น เพราะแว่นตาดำหรือแว่นกันแดดคงเป็นสิ่งโก้หรูมิน้อย

เนื้อเพลงเต็มไปด้วยความสนุกของภาษาถิ่นอีสานอย่างมีอารมณ์ขัน

เพลงนี้ต้นฉบับขับร้องโดย ศักดิ์ศรี ศรีอักษร บันทึกเสียงครั้งแรกในปี 2507
ในส่วนของเนื้อเพลงก็แต่งโดยสามีของนางเอง ชื่อ พิพัฒน์ บริบูรณ์
ซึ่งเนื้อหาของเพลงได้ถูดดัดแปลงมาจาก รำโทน เรื่องราวของชายชาวอีสานชื่อผู้ใหญ่ลี มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง

แหล่งที่มาของข้อมูล
ได้มาจากการส่งต่อๆกันทางไลน์ จึงไม่ทราบต้นทางของผู้เรียบเรียง
ผู้ใหญ่ลี ตีกลองประชุม!! เป็นเพลงที่แต่งจากเรื่องจริง และมีภาพถ่ายผู้ใหญ่ลี ตัวเป็นๆให้ได้ดูกัน
อ่าน:3516
ทุเรียนกิ่งแห้ง สาเหตุเพราะ เชื้อราฟิวซาเรียม โซลาไน (Fusarium solani) ป้องกันกำจัดด้วย ไอเอส
101.51.15.219: 2563/07/09 13:18:16
ทุเรียนกิ่งแห้ง สาเหตุเพราะ เชื้อราฟิวซาเรียม โซลาไน (Fusarium solani) ป้องกันกำจัดด้วย ไอเอส
อาการกิ่งแห้งของทุเรียน และพบเชื้อราสีขาวบริเวณกิ่งเป็นหย่อมๆ ใบที่ติดปลายกิ่งทุเรียนเริ่มมีสีเหลือง และค่อยๆร่วงไป เป็นอาการของ โรคทุเรียนกิ่งแห้ง ที่เกิดจาก เชื้อราฟิวซาเรียม โซลาไน (Fusarium solani)

การป้องกันและกำจัดโรคทุเรียนกิ่งแห้ง

ฉีดพ่นด้วย ไอเอส สารอินทรีย์ป้องกัน และยับยั้งเชื้อรา ผสมในอัตราส่วน 50 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ 500 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นให้ครอบคลุมทั่วทั้งแปลงที่มีการระบาด ต่อเนื่อง 2-4 ครั้ง ตามแต่ความรุนแรง ของการระบาด หากต้องการให้ฟื้นตัวเร็ว กลับมาเจริญเติบโตดี สมบูรณ์ แข็งแรง สามารถผสม FK-1 ฉีดพ่นไปพร้อมกันกับ ไอเอส

อัตราการใช้ FK-1 แกะกล่องออกมามี 2 ถุง ผสมตัวยาจากสองถุงใช้พร้อมกัน ถุงละ 50กรัม ต่อน้ำ 20ลิตร หรือ 500กรัม ต่อน้ำ 200ลิตร
ใน FK-1 นั้นประกอบด้วย ธาตุหลัก Nitrogen(ไนโตรเจน) 20%_ Phosphorus(ฟอสฟอรัส) 20%_ Potassium(โพแตสเซียม) 20% และธาตุรอง Magnesium(แมกนีเซียม) พร้อมธาตุเสริม Zinc(สังกะสี) และ Sticking ‎agents (สารลดแรงตรึงผิว หรือสารจับใบนั่นเอง)
อ่าน:3508
3489 เรื่อง หน้าละ 10 รายการ 348 หน้า, หน้าที่ 349 มี 9 รายการ
|-Page 30 of 349-| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | 32 | 33 | 34 | 35 | 36 | 37 | 38 | 39 | 40 | 41 | 42 | 43 | 44 | 45 | 46 | 47 | 48 | 49 | 50 | 51 | 52 | 53 | 54 | 55 | 56 | 57 | 58 | 59 | 60 | 61 | 62 | 63 | 64 | 65 | 66 | 67 | 68 | 69 | 70 | 71 | 72 | 73 | 74 | 75 | 76 | 77 | 78 | 79 | 80 | 81 | 82 | 83 | 84 | 85 | 86 | 87 | 88 | 89 | 90 | 91 | 92 | 93 | 94 | 95 | 96 | 97 | 98 | 99 | 100 | 101 | 102 | 103 | 104 | 105 | 106 | 107 | 108 | 109 | 110 | 111 | 112 | 113 | 114 | 115 | 116 | 117 | 118 | 119 | 120 | 121 | 122 | 123 | 124 | 125 | 126 | 127 | 128 | 129 | 130 | 131 | 132 | 133 | 134 | 135 | 136 | 137 | 138 | 139 | 140 | 141 | 142 | 143 | 144 | 145 | 146 | 147 | 148 | 149 | 150 | 151 | 152 | 153 | 154 | 155 | 156 | 157 | 158 | 159 | 160 | 161 | 162 | 163 | 164 | 165 | 166 | 167 | 168 | 169 | 170 | 171 | 172 | 173 | 174 | 175 | 176 | 177 | 178 | 179 | 180 | 181 | 182 | 183 | 184 | 185 | 186 | 187 | 188 | 189 | 190 | 191 | 192 | 193 | 194 | 195 | 196 | 197 | 198 | 199 | 200 | 201 | 202 | 203 | 204 | 205 | 206 | 207 | 208 | 209 | 210 | 211 | 212 | 213 | 214 | 215 | 216 | 217 | 218 | 219 | 220 | 221 | 222 | 223 | 224 | 225 | 226 | 227 | 228 | 229 | 230 | 231 | 232 | 233 | 234 | 235 | 236 | 237 | 238 | 239 | 240 | 241 | 242 | 243 | 244 | 245 | 246 | 247 | 248 | 249 | 250 | 251 | 252 | 253 | 254 | 255 | 256 | 257 | 258 | 259 | 260 | 261 | 262 | 263 | 264 | 265 | 266 | 267 | 268 | 269 | 270 | 271 | 272 | 273 | 274 | 275 | 276 | 277 | 278 | 279 | 280 | 281 | 282 | 283 | 284 | 285 | 286 | 287 | 288 | 289 | 290 | 291 | 292 | 293 | 294 | 295 | 296 | 297 | 298 | 299 | 300 | 301 | 302 | 303 | 304 | 305 | 306 | 307 | 308 | 309 | 310 | 311 | 312 | 313 | 314 | 315 | 316 | 317 | 318 | 319 | 320 | 321 | 322 | 323 | 324 | 325 | 326 | 327 | 328 | 329 | 330 | 331 | 332 | 333 | 334 | 335 | 336 | 337 | 338 | 339 | 340 | 341 | 342 | 343 | 344 | 345 | 346 | 347 | 348 | 349 |
ผักอินทรีย์ นครปฐม โครงการสามพรานโมเดล
Update: 2557/08/18 14:26:32 - Views: 3033
ต่างชาติเมิน เปิดศูนย์วิจัยในไทย ชี้รัฐไม่หนุนลงทุนศึกษา-สลดอีก 168ปี ถึงตามเกาหลีทัน
Update: 2563/06/25 16:26:13 - Views: 4107
แก้โรคทุเรียนใบไหม้ ทุเรียนใบติด รักษาอาการทุเรียนใบไหม้ โรคใบติดทุเรียน ด้วยการฉีดพ่น ยับยั้งการระบาดของเชื้อรา
Update: 2563/07/02 14:34:05 - Views: 4115
โรคแมคคาเดเมีย แมคคาเดเมียใบไหม้ โรคใบจุดแมคคาเดเมีย
Update: 2564/04/04 15:18:23 - Views: 3814
จีนตอบโต้มาตรการภาษีอเมริกา สะเทือนถึงเกษตรกรขาดรายได้
Update: 2562/09/02 09:40:53 - Views: 3671
ไม้ดอกเป็นโรค ไม้กระถางเป็นโรค ลักษณะอาการโรค ของไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้กระถาง
Update: 2564/04/10 11:02:37 - Views: 4722
โรคเมล็ดด่างข้าว
Update: 2564/09/03 11:35:47 - Views: 3031
ยาแช่ท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง กู๊ดโซค เร่งมันโต FK-1 และระเบิดหัวมันด้วย FK-3C นะคะ
Update: 2564/08/27 23:32:25 - Views: 3729
อะโวคาโดเสี่ยงเจอโรคแอนแทรคโนส
Update: 2564/08/08 04:13:12 - Views: 3187
ผักบุ้ง โตไว ใบเขียว ต้นอวบ แข็งแรง ผลผลิตดี อะมิโนโปรตีนจำเป็นสำหรับพืช 18 ชนิด อะมิโนแรปเตอร์ โดย ไดโนเร็กซ์
Update: 2566/04/03 14:46:44 - Views: 2930
5 เคล็ดลับ เลือกข้าวหอมมะลิยังไงให้ได้ข้าวที่หุงแล้วหอม สวย ขึ้นหม้อ
Update: 2563/05/13 17:09:38 - Views: 4007
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับธาตุอาหารของพืช ธาตุหลัก ธาตุรอง ที่พืชจำเป็นต้องใช้ในการเจริญเติบโต
Update: 2563/06/16 22:23:14 - Views: 7194
ข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าวปน ข้าววัชพืช
Update: 2564/05/12 23:34:53 - Views: 4213
มาคา สารอินทรีย์ สำหรับป้องกันและกำจัดเพลี้ย เปลี่ยนขวดจากสีเทา เป็นสีขาว
Update: 2564/02/11 03:53:22 - Views: 3672
ยาแก้โรครา ในถั่วเขียว และถั่วต่างๆ รากำจัดเพลี้ยใน ถั่ว ถั่วเขียว ยากำจัดหนอน และ ปุ๋ยสำหรับ ถั่วต่างๆ
Update: 2563/06/28 12:38:39 - Views: 4008
ยาฆ่าเพลี้ย กำจัดเพลี้ย ด้วย มาคา ยาฆ่าเพลี้ยปลอดสารพิษ
Update: 2563/01/16 14:54:52 - Views: 3685
แก้วมังกร เปลือกเน่า ราสนิม โรคเชื้อราในแก้วมังกร กำจัดด้วย ไอเอส
Update: 2562/08/12 20:29:17 - Views: 3893
การปลูกแมคคาเดเมีย Macadamia
Update: 2564/04/04 09:47:22 - Views: 4273
การควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธี
Update: 2563/11/12 09:26:17 - Views: 3885
กำหล่ำปลี ใบจุด ราสนิมขาว เน่าคอดิน โรคเน่าดำ โรคราน้ำค้าง โรคราต่างๆ กำจัดด้วย ไอเอส และเร่งฟื้นฟูด้วย ปุ๋ย FK-T
Update: 2567/03/27 11:28:13 - Views: 45
GA4 © FarmKaset.ORG | สถาบันอนุญาโตตุลาการ : 2022