ฟ้าทะลายโจร

วิจัยสมุนไพร'ฟ้าทะลายโจร' ชูคุณภาพ จากความต้องการ "ฟ้าทะลายโจร" ที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นสมุนไพรที่ในบัญชียาหลักแห่งชาติมีข้อบ่งใช้ คือ แก้ไข้ แก้เจ็บคอ แก้ท้องเสีย ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ปลูก 60-100 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ใน จ.นครปฐม ราชบุรี อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุพรรณบุรี ฯลฯ ได้ผลผลิตสด 2-2.5 ตันต่อไร่ ทว่า ด้วยการผลิตที่ยังมีปัญหาความไม่สม่ำเสมอของผลผลิตและปริมาณสาร

นายจรัญ ดิษฐไชยวงศ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยพัฒนาการเกษตรพิจิตร กรมวิชาการเกษตร จึงได้วิจัยและพัฒนาการผลิตให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้

"จรัญ" บอกว่า จากที่ศูนย์ได้วิจัยและพัฒนาการผลิตฟ้าทะลายโจร เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ โดยศึกษาปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ทดสอบสายพันธุ์ การพรางแสง ความหนาแน่นในการปลูกที่มีผลต่อผลผลิตและปริมาณสารสำคัญ การให้น้ำ ช่วงเวลาการให้น้ำต่อการผลิตฟ้าทะลายโจรเชิงพาณิชย์ พร้อมศึกษาระยะการเจริญเติบโตและส่วนต่างๆ ที่ให้สารแอนโดรกราโฟไลด์สูง ศึกษาขนาดแปลงทดลอง เพื่อให้ได้วัตถุดิบฟ้าทะลายโจรมีคุณภาพ

"ผลการวิจัยพบว่า สายพันธุ์ที่เหมาะปลูกในพื้นที่ จ.พิจิตร คือ พันธุ์พิษณุโลก 5-4 ถ้าปลูกในฤดูหนาวจะให้ผลผลิตน้ำหนักสด 1,774 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักแห้ง 391 กิโลกรัมต่อไร่ ปริมาณแลคโตนรวม 11.79 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม หากปลูกในฤดูฝนจะให้ผลผลิตน้ำหนักสด 4,187 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักแห้ง 960 กิโลกรัมต่อไร่ ปริมาณแลคโตนรวม 10.74 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม"

โดยก่อนปลูกควรวิเคราะห์ดิน โดยต้องปรับความอุดมสมบูรณ์ของดินให้มีอินทรียวัตถุไม่น้อยกว่า 3.5% สำหรับดินเหนียวค่าพีเอช (pH) ระหว่าง 5.5-8.08 โดยความหนาแน่นของการปลูกพบว่า ปลูกแบบย้ายกล้า ใช้ระยะปลูก 30x60 ซม. เก็บผลผลิตระยะออกดอก 50% จะให้ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์สูงสุด ส่วนระยะปลูก 30x40 ซม.ให้ผลผลิตสูงสุด ปริมาณสารสำคัญผันแปรตามสภาพแวดล้อม

"หากปลูกช่วงแล้งแนะนำให้ปลูกระยะ 30x40 ซม. หรือประมาณ 13,333 ต้นต่อไร่ ให้น้ำหนักสดสูงสุด 3,070 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักแห้งสูงสุด 776.6 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วงฤดูฝนควรใช้ระยะปลูก 30x60 ซม.หรือประมาณ 8,888 ต้นต่อไร่ ให้ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์สูงสุด 6.98 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม" จรัญ แจง

พร้อมระบุว่า พืชต้องได้รับน้ำปริมาณเพียงพอและสม่ำเสมอตั้งแต่ปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ทั้งยังพบว่า การปลูกแบบพรางแสงให้ผลผลิตลดลงถึง 50% โดยมีข้อพึงระวังในการปลูก คือ ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีสารอินทรีย์และอนินทรีย์ที่มีพิษปนเปื้อน ไม่เป็นแหล่งที่มีน้ำท่วมขัง และแหล่งปลูกที่มีลมพัดแรงควรมีแนวบังลมเพื่อป้องกันต้นหักล้ม"

ส่วนผลการศึกษาส่วนต่างๆ ของฟ้าทะลายโจรที่ให้สารแอนโดรกราโฟไลด์สูง ซึ่งวิเคราะห์โดยสถาบันเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ส่วนต่างๆ ให้ปริมาณสารแตกต่างกัน โดยเก็บเกี่ยวส่วนยอด 25 ซม. ที่ระยะออกดอก 25-75% ให้ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์สูงสุด และการศึกษาขนาดพื้นที่เก็บเกี่ยวสำหรับใช้เป็นมาตรฐานในการทดลอง ไม่ควรน้อยกว่า 5.76 ตร.ม. เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉากไม่จำกัดรูปร่าง

"ศูนย์วิจัยได้ถ่ายทอดผลงานวิจัยนี้ไปสู่เกษตรกรผู้ผลิตฟ้าทะลายโจรใน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งใช้งานได้จริงในฟาร์ม อาทิ การให้น้ำไม่เกิน 80% ของค่าการระเหย ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตและปริมาณแลคโตนรวมสูงสุด การเก็บผลผลิตฟ้าทะลายโจรแบบแยกส่วน การเพาะกล้า การจัดการแปลงปลูก การอบแห้ง เป็นต้น ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตแห้งเพิ่มขึ้นจากเดิม 144 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 668 กิโลกรัมต่อไร่ หรือเพิ่มขึ้น 3.6 เท่า และปริมาณสารแลคโตนรวมตั้งแต่ 9-11 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐาน สามารถใช้เป็นแนวทางในการผลิตวัตถุดิบฟ้าทะลายโจรในเชิงพาณิชย์ได้"

หากสนใจข้อมูล "วิจัยและพัฒนาการผลิตฟ้าทะลายโจรเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ" สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร จ.พิจิตร โทร.0-5699-0035 ในวันและเวลาราชการ
อ้างอิง:www.komchadluek.net

ส่งความคิดเห็น