พืชสร้างรายได้ใหม่บนพื้นที่สูง ถั่วอะซูกิ...

ถั่วอะซูกิ...พืชสร้างรายได้ใหม่บนพื้นที่สูง บนพื้นที่ปางอุ๋งที่ตั้งอยู่ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นเนินเขา ภูเขาสลับซับซ้อน มีความลาดชันสูงล้อมรอบด้วยพื้นที่ป่าไม้ ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 900–1,800 เมตร มีพื้นที่ลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารและมีพื้นที่ราบตามบริเวณหุบเขาที่มีความหลากหลายทางชีวภาพเหมาะแก่การนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการเพาะปลูก ในอดีตเป็นแหล่งเพาะปลูกและผลิตฝิ่นแหล่งใหญ่บนพื้นที่สูง แต่ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ได้กลับกลายเป็นแหล่งปลูกพืชที่สำคัญหลายชนิด อาทิ อโวคาโด พลับ กาแฟ กะหล่ำปลี แครอท มันฝรั่ง ถั่วแดงหลวงและได้มีการส่งเสริมให้ปลูกถั่วพันธุ์อะซูกิ ซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่วที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น

นางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า “กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งเสริมให้มีการปลูกพันธุ์ถั่วอะซูกิ โดยร่วมมือกับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋งเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงานร่วมกันสามารถขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรบนพื้นที่สูงปางอุ๋ง ให้เป็นแหล่งผลิตพืชที่สำคัญ นอกเหนือจากการผลิต มันฝรั่ง กะหล่ำปลี มะเขือเทศ กาแฟอาราบิก้า อโวคาโด และองุ่นไร้เมล็ด ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขาได้เป็นอย่างดี การเพาะปลูกถั่วอะซูกิจะปลูกในสภาพไร่ที่เป็นพื้นที่ดอน ต้นทุนการผลิตถั่วอะซูกิเฉลี่ยไร่ละ 860 บาท ราคาผลผลิตเฉลี่ยกิโลกรัมละ 28 บาท ปลูกถั่วอะซูกิจะมีรายได้ไร่ละประมาณ 7,000 บาท นับว่าเป็นพืชไร่ชนิดหนึ่งบนพื้นที่สูงที่มีลู่ทางการตลาดที่ดีและสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขาได้เป็นอย่างดี”

นายสุรัตน์ สงวนทรัพย์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาการเกษตรพื้นที่เฉพาะ กล่าวว่า ถั่วอะซูกิเป็นพืชที่ต้องการอากาศเย็น อุณหภูมิช่วงระยะการเจริญเติบโตระหว่าง 23–25 องศาเซลเซียส ใช้ระยะปลูกจนถึงออกดอกประมาณ 40–50 วัน มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 80–100 วัน การเตรียมพื้นที่ปลูกจะกำจัดวัชพืช ทำการไถหรือขุดดินเป็นหลุมลึก 15– 20 เซนติเมตร และขุดหลุมเป็นแถว ๆ ระยะปลูกระหว่างหลุม 25 เซนติเมตร ระหว่างแถว 50 เซนติเมตร ตากดินไว้ประมาณ 5 วัน จึงทำการปลูกโดยหยอดเมล็ดถั่วอะซูกิ 2–3 เมล็ด (ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 8–10 กิโลกรัมต่อ 6 ไร่) และกำหนดวันปลูกช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน การให้น้ำเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำเพียงพอตลอดการปลูกจึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำ การใส่ปุ๋ยจะใส่ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกด้วยปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่ครั้งที่ 2 เมื่อต้นถั่วอะซูกิอายุได้ประมาณ 30 วันหลังปลูก การเก็บเกี่ยวเมื่อถั่วอะซูกิมีความสุกแก่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมทำการเก็บเกี่ยวโดยเคียวเกี่ยวลำต้นนำมากองรวมกัน แล้วทำการนวดโดยใช้ไม้ตีนำผลผลิตตากให้แห้งคัดเกรดเบื้องต้นด้วยตะแกรงแล้วนำใส่กระสอบ

จากนั้นเจ้าหน้าที่โครงการหลวงจะเข้าไปรับซื้อผลผลิตถั่วอะซูกิและนำมาคัดเกรดอีกครั้งด้วยเครื่องคัดเกรดแล้วบรรจุใส่กระสอบ การรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรชาวไทยภูเขา ผลผลิตเกรด A จะนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ ให้เกษตรกรปลูกในปีถัดไป ผลผลิตเกรด B ส่งจำหน่ายตลาดโครงการหลวงและส่งจำหน่ายไปยังโรงงานแปรรูปต่าง ๆ และผลผลิตเกรด C นำไปเป็นอาหารเลี้ยงสุกร

สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการเรียนรู้การปลูกถั่วอะซูกิและเยี่ยมชมแปลงปลูกของเกษตรกรชาวไทยภูเขาชนเผ่ากะเหรี่ยงสามารถติดต่อมายังศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ ในวันและเวลาราชการ.

อ้างอิง:www.dailynews.co.th

ส่งความคิดเห็น